สวัสดีค่ะ เพื่อนๆชาวพันทิป พอดีเราได้มีโอกาสไปเที่ยวสิงค์โปร์ เมื่อวันที่ 7-10 ตค.60 ที่ผ่านมา ทั้งเหนื่อยและสนุก แถมครั้งนี้ยังได้ประสบการณ์ความรู้ มากกว่าครั้งไหนๆ เพราะไปกันเอง ไม่มีไกด์คอยบอก จึงอยากจะมาแชร์ประสบการณ์ขาลากครั้งนี้ เผื่อจะเป็นประโยชน์กับคนที่กำลังจะเดินทางไปเที่ยว
หากผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณที่นี้ด้วยค่ะ มือใหม่หัดเขียน มาเริ่มกันเลยนะคะ เอาแบบละเอียด...
วันที่1 วันเสาร์ที่ 7/10/60
เดินทางโดยสายการบินสิงค์โปร์ แอร์ไลน์ ค่าเครื่องถูกค่ะ ไปกลับประมาณ 6พันกว่าบาท จองเดือนกค. ที่ผ่านมา อาหารและบริการดี เราออกจากบ้านตั้งแต่7โมงเช้า ถึงสนามบินสุวรรณภูมิประมาณ8โมงกว่าๆ (อยู่แถวเดอะมอลล์บางแค) หาอะไรกินก่อนเช็คอิน ที่ฟู้ดคอร์ดสนามบินชั้นล่างเครื่องออกประมาณเที่ยงกว่าๆ แต่เครื่องออกช้ากว่ากำหนดนิดหน่อยค่ะ
พอเครื่องลงปุ๊ปที่สนามบินชางฮี ประมาณบ่าย3กว่าๆ (มีฝนตกหน่อยๆ) รถตู้ที่จ้างไว้ก็มารับ (ที่สนามบินมีMRT) ไปที่โรงแรม Oxford Hotel อยู่บนถนน Queen st. ซึ่งอยู่ใกล้แหล่งช้อปปิ้งและรถไฟฟ้ามากๆ ห้องพักเรา เป็นแบบTripple นอนกัน 3คน มีเตียงใหญ่1 เตียงเล็ก1 มีประตูกั้นเปิดทะลุหากันได้ ราคาไม่แพง มีอาหารเช้าทุกวัน อยู่ใกล้กับโบสถ์ ตอน 7โมงเช้า (เวลาสิงค์โปร์) จะได้ยินเสียงหลวงพ่อเคาะระฆังรัวๆปลุกเราทุกวันค่ะ
วิวสวยดีค่ะ
พอเก็บกระเป๋าเสร็จได้พักนิดหน่อย ก็เดินไปห้างRaffles และเดินทะลุต่อไปที่ห้าง Suntec เจอน้ำพุ แห่งความมั่งคั่งให้เราวนซ้าย3รอบ แล้วให้เราอฐิษฐานด้วยค่ะ (เสียดายไม่ได้ถ่ายรูป) จากนั้นก็ไปช้อปปิ้งกระเป๋าชื่อดัง CHARLES & KEITH ร้านเยอะมากเดินไปห้างไหนก็เจอ สวยและราคาไม่แพงเริ่มต้นที่พันกว่าบาท และไปหาอะไรกินกันที่ฟู้ดคอร์ดค่ะในห้าง Raffles ราคาเริ่มต้นที่10เหรียญ ส่วนน้ำเปล่าที่ฟู้ดคอร์ดจะราคาแพงมากค่ะ ขวดเล็กประมาณ30บาทค่ะ พวกเราจึงไปซื้อน้ำกันที่ซุปเปอร์ข้างล่างกินราคาถูกกว่าเยอะเลย
วันที่ 2 วันอาทิตย์ที่ 8/10/60
ฝนตกปรอยๆ ดีที่พกร่มไปด้วย กินอาหารเช้าเสร็จ 9โมงเริ่มเดินเท้าออกจากโรงแรมวันนี้เป็นวันที่ทรหดสุด เดินเท้าทั้งวันไม่กลับโรงแรมเลยจ้า
แถมยังเดินอ้อมอีกตะหาก ใช้แผนที่กระดาษมั่ง google map บ้าง สนุกดี เดินจากโรงแรมไปClarke Quay ,Merlion,Marina bay, Garden by the bay
Clarke Quay
Merlion
Garden by the bay
มื้อเที่ยง กินบั๊ค กุ๊ด เต๋ เจ้าอร่อยกันที่นี่ค่ะ
กินไม่หมดใส่ห่อกลับมากินเป็นมื้อเย็นกันต่อทึ่โรงแรมโดยการต้มบะหมี่ใส่ประหยัดไปอีก1มื้อ 5555
วันที่3 วันจันทร์ที่9/10/60
วันนี้เป็นวันที่สบายขึ้นมานิดนึง แต่ใช้สมองเยอะ เพราะเราจะนั่งรถไฟฟ้า MRT โรงแรมเราใกล้ สถานีBar Basha เดินจากหน้าโรงแรมได้เลย แต่ด้านหลัง
ก็จะมี Stabuck เผื่อใครอยากกินกาแฟ
บัตรรถไฟฟ้าที่เราซื้อจะมี2แบบนะคะ
ใบที่1 ใบบน คือแบบเหมา1วันค่ะ มัดจำบัตร10เหรียญ เหมาไม่จำกัดเที่ยว 1วัน10 เหรียญ ต้องจ่ายทั้งหมด 20 เหรียญ (คืนบัตรแล้วได้เงินคืน10เหรียญ)
มีจำหน่ายบางสถานีเช่น City hall, China town ที่ช่อง ticket office
ใบที่2 ใบล่าง คือซื้อแบบเป็นเที่ยวค่ะเหมาะกับคนที่ใช้ไม่เยอะ ซื้อได้ที่เครื่องอัตโนมัติ
*****ดูแผนที่สถานีรถไฟฟ้าที่เราจะไปสายสีอะไร แล้วก็ปลายทางคือสถานีอะไรแค่นี้ก็ไม่หลงละค่ะ****
เราไปลงสถานีChina town กันค่ะ แวะไหว้พระเขี้ยวแก้ว กินกาแฟ กินข้าวมันไก่
อร่อยดีเนื้อหวาน นุ่มละมุนลิ้นมากค่ะ
ไปสถานี Little india กันต่อ
นั่งรถไปดูบรรยากาศตามสถานีต่างๆ อยากดูแบบบนฟ้าบ้างต้องไปลงสถานีปลายทาง Pasir Ris
ก่อนกลับโรงแรมแวะไปดูโชว์แสงสีเสียง ตอน2 ทุ่ม ที่Garden by the bay ลงที่สถานี Bay front
o
ถึงโรงแรมก็ฉลองกันหน่อย แพคกระเป๋ากลับบ้าน ก่อนกลับแวะซื้อกาเร็ตป้อปคอร์น กับหมูแผ่น ร้าน บี เชง เฮียง ที่สนามบินได้ค่ะ
สิงค์โปร์ 4วัน3คืน (backpack)
หากผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณที่นี้ด้วยค่ะ มือใหม่หัดเขียน มาเริ่มกันเลยนะคะ เอาแบบละเอียด...
วันที่1 วันเสาร์ที่ 7/10/60
เดินทางโดยสายการบินสิงค์โปร์ แอร์ไลน์ ค่าเครื่องถูกค่ะ ไปกลับประมาณ 6พันกว่าบาท จองเดือนกค. ที่ผ่านมา อาหารและบริการดี เราออกจากบ้านตั้งแต่7โมงเช้า ถึงสนามบินสุวรรณภูมิประมาณ8โมงกว่าๆ (อยู่แถวเดอะมอลล์บางแค) หาอะไรกินก่อนเช็คอิน ที่ฟู้ดคอร์ดสนามบินชั้นล่างเครื่องออกประมาณเที่ยงกว่าๆ แต่เครื่องออกช้ากว่ากำหนดนิดหน่อยค่ะ
พอเครื่องลงปุ๊ปที่สนามบินชางฮี ประมาณบ่าย3กว่าๆ (มีฝนตกหน่อยๆ) รถตู้ที่จ้างไว้ก็มารับ (ที่สนามบินมีMRT) ไปที่โรงแรม Oxford Hotel อยู่บนถนน Queen st. ซึ่งอยู่ใกล้แหล่งช้อปปิ้งและรถไฟฟ้ามากๆ ห้องพักเรา เป็นแบบTripple นอนกัน 3คน มีเตียงใหญ่1 เตียงเล็ก1 มีประตูกั้นเปิดทะลุหากันได้ ราคาไม่แพง มีอาหารเช้าทุกวัน อยู่ใกล้กับโบสถ์ ตอน 7โมงเช้า (เวลาสิงค์โปร์) จะได้ยินเสียงหลวงพ่อเคาะระฆังรัวๆปลุกเราทุกวันค่ะ
วิวสวยดีค่ะ
พอเก็บกระเป๋าเสร็จได้พักนิดหน่อย ก็เดินไปห้างRaffles และเดินทะลุต่อไปที่ห้าง Suntec เจอน้ำพุ แห่งความมั่งคั่งให้เราวนซ้าย3รอบ แล้วให้เราอฐิษฐานด้วยค่ะ (เสียดายไม่ได้ถ่ายรูป) จากนั้นก็ไปช้อปปิ้งกระเป๋าชื่อดัง CHARLES & KEITH ร้านเยอะมากเดินไปห้างไหนก็เจอ สวยและราคาไม่แพงเริ่มต้นที่พันกว่าบาท และไปหาอะไรกินกันที่ฟู้ดคอร์ดค่ะในห้าง Raffles ราคาเริ่มต้นที่10เหรียญ ส่วนน้ำเปล่าที่ฟู้ดคอร์ดจะราคาแพงมากค่ะ ขวดเล็กประมาณ30บาทค่ะ พวกเราจึงไปซื้อน้ำกันที่ซุปเปอร์ข้างล่างกินราคาถูกกว่าเยอะเลย
วันที่ 2 วันอาทิตย์ที่ 8/10/60
ฝนตกปรอยๆ ดีที่พกร่มไปด้วย กินอาหารเช้าเสร็จ 9โมงเริ่มเดินเท้าออกจากโรงแรมวันนี้เป็นวันที่ทรหดสุด เดินเท้าทั้งวันไม่กลับโรงแรมเลยจ้า
แถมยังเดินอ้อมอีกตะหาก ใช้แผนที่กระดาษมั่ง google map บ้าง สนุกดี เดินจากโรงแรมไปClarke Quay ,Merlion,Marina bay, Garden by the bay
Clarke Quay
Merlion
Garden by the bay
มื้อเที่ยง กินบั๊ค กุ๊ด เต๋ เจ้าอร่อยกันที่นี่ค่ะ
กินไม่หมดใส่ห่อกลับมากินเป็นมื้อเย็นกันต่อทึ่โรงแรมโดยการต้มบะหมี่ใส่ประหยัดไปอีก1มื้อ 5555
วันที่3 วันจันทร์ที่9/10/60
วันนี้เป็นวันที่สบายขึ้นมานิดนึง แต่ใช้สมองเยอะ เพราะเราจะนั่งรถไฟฟ้า MRT โรงแรมเราใกล้ สถานีBar Basha เดินจากหน้าโรงแรมได้เลย แต่ด้านหลัง
ก็จะมี Stabuck เผื่อใครอยากกินกาแฟ
บัตรรถไฟฟ้าที่เราซื้อจะมี2แบบนะคะ
ใบที่1 ใบบน คือแบบเหมา1วันค่ะ มัดจำบัตร10เหรียญ เหมาไม่จำกัดเที่ยว 1วัน10 เหรียญ ต้องจ่ายทั้งหมด 20 เหรียญ (คืนบัตรแล้วได้เงินคืน10เหรียญ)
มีจำหน่ายบางสถานีเช่น City hall, China town ที่ช่อง ticket office
ใบที่2 ใบล่าง คือซื้อแบบเป็นเที่ยวค่ะเหมาะกับคนที่ใช้ไม่เยอะ ซื้อได้ที่เครื่องอัตโนมัติ
*****ดูแผนที่สถานีรถไฟฟ้าที่เราจะไปสายสีอะไร แล้วก็ปลายทางคือสถานีอะไรแค่นี้ก็ไม่หลงละค่ะ****
เราไปลงสถานีChina town กันค่ะ แวะไหว้พระเขี้ยวแก้ว กินกาแฟ กินข้าวมันไก่
อร่อยดีเนื้อหวาน นุ่มละมุนลิ้นมากค่ะ
ไปสถานี Little india กันต่อ
นั่งรถไปดูบรรยากาศตามสถานีต่างๆ อยากดูแบบบนฟ้าบ้างต้องไปลงสถานีปลายทาง Pasir Ris
ก่อนกลับโรงแรมแวะไปดูโชว์แสงสีเสียง ตอน2 ทุ่ม ที่Garden by the bay ลงที่สถานี Bay front
ถึงโรงแรมก็ฉลองกันหน่อย แพคกระเป๋ากลับบ้าน ก่อนกลับแวะซื้อกาเร็ตป้อปคอร์น กับหมูแผ่น ร้าน บี เชง เฮียง ที่สนามบินได้ค่ะ