จำได้ว่าตอนเด็กๆเคยดู Blade Runner ภาคแรก แล้วดูไม่จบ(หลับซะก่อน) โตมาลองดูอีกที ก็ดูด้วยความอดทนจนจบ แบบจบแล้วก็จบกันไป ไม่ได้สนุกซักกะติ๊ดเดียว อาจจะด้วยวันและเวลาที่ผ่านไปนานเกินไปจนหนังมันดูเชยละมั้ง ทำให้กับ Blade Runner 2049 ภาคต่อที่กระแสคำชื่นชมนี้ถล่มทลาย (คำบ่นก็พอกัน) ถือว่าเป็นหนังที่ "น่าจะดูในโรงซักรอบ" แม้ภาคแรกจะโคตรน่าเบื่อแค่ไหน แต่ก็เอาวะ ต้องลอง 5555+ รีวิวมันมีเยอะละ ขอแยกเป็นสิ่งที่ชอบ กับ ไม่ชอบละกันนะ
สิ่งที่ชอบ
1. บรรยากาศในหนังเรื่องนี้ ทำให้ความรู้สึกที่อึมครึม เหมือนทั้งโลกมันเป็นสลัม มันแออัด เละเทะ หม่นหมอง การดีไซน์ตึก สิ่งของเครื่องใช้ ป้ายโฆษณา พายุฝุ่น พายุฝน ฯลฯ เอาเป็นว่า แต่ละฉากนี้ ผ่านการ "ตั้งใจ" ดีไซน์มาอย่างดีจริงๆ แล้วมันรวมกันเป็นโลกของ Blade Runner ได้อย่างดีเยี่ยม เอาแค่ รถยนต์ของพระเอกนี้ ก็โคตรเท่ทุกฉากแล้วอ่ะ
2.ถ่ายภาพโคตรสวย องค์ประกอบภาพในแต่ละซีน สวยมาก คือรู้สึกได้เลยว่า ใช้ภาพช่วยเล่าเรื่องเยอะจริงๆ สมควรเข้าชิงออสก้าสาขานี้มากๆ
3. ไรอัน กอสลิ่ง ดูหนังพี่แกมาก็หลายเรื่องนะ หน้าตานิ่งเฉยของพี่แกมันก็ประมาณนี้ตลอด แต่รู้สึกว่า พี่แกโคตรจะเหมาะกับบทนี้เลย ฮ่าๆ เล่นดี๊ดีย์ บทบาทที่แกได้รับก็จัดว่าดี แอ๊คชั่นก็ได้ ดราม่าก็เยี่ยม แถมเท่อีกต่างหาก ชอบ โดรนคู่ใจพี่แกมาก ล้ำซะ
4. เนื้อเรื่องภาคนี้ ถือว่าดีเลยนะ จริงๆมันประเด็นใหญ่ แต่ทำไมรู้สึกเหมือนมันเล่าซะเรื่องดูเล็กๆไงไม่รู้ มันน่าติดตามและอยากรู้ว่าจะเป็นไงต่อไป พอถึงไคลแม็กจุดเฉลยทุกอย่าง นี้มันจี๊ดใจเหมือนกัน อึนๆเลย
5. นางเอกน่ารัก ตัวละครสวยๆเยอะดี ทำให้รู้สึกติดตามตลอดเวลา ก็เลยไม่ง่วง ฮ่าๆๆ
สิ่งที่ไม่ชอบ
1. เอาไปเลยคะแนนความห่วยจัดเต็ม คือ ดนตรีประกอบ ฮาน ซิมเมอร์ กินไรมาตอนแต่งครับเนี้ย แต่ละซีน อย่างหนวกหูเลย โตร้ง ครึ้ก ครื้น บื้นนนน เสียงไรวะนั้น นึกว่า ถ่ายทำหนังแถวๆ โรงกลึงเหล็ก แล้วโรงหนังที่ดู ก็เปิดเบส ซะสนั่นด้วยสิ ได้อารมณ์เดียวคือ "อึมครึม" ทั้งเรื่อง
2. เล่าเรื่องเนิบนาบไป 2 ชั่วโมง 40 กว่านาที ถ้าตัดบางฉากที่ไม่จำเป็นออกไปมั้ง หรือให้กระชับกว่านี้ ด้วยเรื่องราวของมัน จบที่ 2 ชั่วโมงได้สบายๆเลย
3. จาเร็ต เลโต้ พี่แกเป็นไรมากไหม? เล่นแต่บทสุดโต่ง คือโผล่น้อยแล้วก็มาพีคสุดโต่งตลอด มันรู้สึกขัดกับหนังไงไม่รู้ โผล่มาแล้วก็พูดเพ้อไปเรื่อย ออกแนวปรัชญานู้นนี่นั่น แสดงหน้าเดียว คือหน้าเข้ม ใครจะว่าไงไม่รู้นะ แต่สำหรับผม ตัวละครนี้ คือส่วนเกินของเรื่องจริงๆ
สิ่งที่น่าเสียดาย
1. แอ๊คชั่นน้อยไปนิด คือที่มีอยู่ มันทำดีนะ เป็นแอ๊คชั่นที่สมจริงและสะใจ แต่มันน้อยไป ทำให้คนดูหนังวงกว้างที่อยากเสพ "ความสนุก ความมัน" ไม่โดนใจ บวกกับมาเจอ บทพูดเพ้อๆ งงๆ อีก เล่าก็เนิบนาบ จบเลย 555+
สรุปโดยส่วนตัว จัดอยู่ในระดับที่ว่า ก็ชอบนะ แต่คงไม่ดูซ้ำไรแล้วละ เพราะพอรู้ทุกอย่างแล้ว คงทนความเนิบนาบกับบทพูดแนวๆนี้ไม่ไหวละ ระหว่างที่ดูก็ไม่ได้เบื่ออะไรนะ แต่เพลินกับการเสพภาพ และเอาใจช่วยพระเอก พร้อมกับจ้องมองนางเอก 555+
ปล. ถือว่าเป็นหนังที่ทำภาคต่อ ได้โคตรมีอารมณ์กลิ่นอายแบบภาคแรกที่เป๊ะมาก นับถือๆ (แต่สนุกกว่านะ)
[CR] Blade Runner 2049 = เหมือนหนังโดนตัดส่วนที่สนุกๆออกไปเลย
สิ่งที่ชอบ
1. บรรยากาศในหนังเรื่องนี้ ทำให้ความรู้สึกที่อึมครึม เหมือนทั้งโลกมันเป็นสลัม มันแออัด เละเทะ หม่นหมอง การดีไซน์ตึก สิ่งของเครื่องใช้ ป้ายโฆษณา พายุฝุ่น พายุฝน ฯลฯ เอาเป็นว่า แต่ละฉากนี้ ผ่านการ "ตั้งใจ" ดีไซน์มาอย่างดีจริงๆ แล้วมันรวมกันเป็นโลกของ Blade Runner ได้อย่างดีเยี่ยม เอาแค่ รถยนต์ของพระเอกนี้ ก็โคตรเท่ทุกฉากแล้วอ่ะ
2.ถ่ายภาพโคตรสวย องค์ประกอบภาพในแต่ละซีน สวยมาก คือรู้สึกได้เลยว่า ใช้ภาพช่วยเล่าเรื่องเยอะจริงๆ สมควรเข้าชิงออสก้าสาขานี้มากๆ
3. ไรอัน กอสลิ่ง ดูหนังพี่แกมาก็หลายเรื่องนะ หน้าตานิ่งเฉยของพี่แกมันก็ประมาณนี้ตลอด แต่รู้สึกว่า พี่แกโคตรจะเหมาะกับบทนี้เลย ฮ่าๆ เล่นดี๊ดีย์ บทบาทที่แกได้รับก็จัดว่าดี แอ๊คชั่นก็ได้ ดราม่าก็เยี่ยม แถมเท่อีกต่างหาก ชอบ โดรนคู่ใจพี่แกมาก ล้ำซะ
4. เนื้อเรื่องภาคนี้ ถือว่าดีเลยนะ จริงๆมันประเด็นใหญ่ แต่ทำไมรู้สึกเหมือนมันเล่าซะเรื่องดูเล็กๆไงไม่รู้ มันน่าติดตามและอยากรู้ว่าจะเป็นไงต่อไป พอถึงไคลแม็กจุดเฉลยทุกอย่าง นี้มันจี๊ดใจเหมือนกัน อึนๆเลย
5. นางเอกน่ารัก ตัวละครสวยๆเยอะดี ทำให้รู้สึกติดตามตลอดเวลา ก็เลยไม่ง่วง ฮ่าๆๆ
สิ่งที่ไม่ชอบ
1. เอาไปเลยคะแนนความห่วยจัดเต็ม คือ ดนตรีประกอบ ฮาน ซิมเมอร์ กินไรมาตอนแต่งครับเนี้ย แต่ละซีน อย่างหนวกหูเลย โตร้ง ครึ้ก ครื้น บื้นนนน เสียงไรวะนั้น นึกว่า ถ่ายทำหนังแถวๆ โรงกลึงเหล็ก แล้วโรงหนังที่ดู ก็เปิดเบส ซะสนั่นด้วยสิ ได้อารมณ์เดียวคือ "อึมครึม" ทั้งเรื่อง
2. เล่าเรื่องเนิบนาบไป 2 ชั่วโมง 40 กว่านาที ถ้าตัดบางฉากที่ไม่จำเป็นออกไปมั้ง หรือให้กระชับกว่านี้ ด้วยเรื่องราวของมัน จบที่ 2 ชั่วโมงได้สบายๆเลย
3. จาเร็ต เลโต้ พี่แกเป็นไรมากไหม? เล่นแต่บทสุดโต่ง คือโผล่น้อยแล้วก็มาพีคสุดโต่งตลอด มันรู้สึกขัดกับหนังไงไม่รู้ โผล่มาแล้วก็พูดเพ้อไปเรื่อย ออกแนวปรัชญานู้นนี่นั่น แสดงหน้าเดียว คือหน้าเข้ม ใครจะว่าไงไม่รู้นะ แต่สำหรับผม ตัวละครนี้ คือส่วนเกินของเรื่องจริงๆ
สิ่งที่น่าเสียดาย
1. แอ๊คชั่นน้อยไปนิด คือที่มีอยู่ มันทำดีนะ เป็นแอ๊คชั่นที่สมจริงและสะใจ แต่มันน้อยไป ทำให้คนดูหนังวงกว้างที่อยากเสพ "ความสนุก ความมัน" ไม่โดนใจ บวกกับมาเจอ บทพูดเพ้อๆ งงๆ อีก เล่าก็เนิบนาบ จบเลย 555+
สรุปโดยส่วนตัว จัดอยู่ในระดับที่ว่า ก็ชอบนะ แต่คงไม่ดูซ้ำไรแล้วละ เพราะพอรู้ทุกอย่างแล้ว คงทนความเนิบนาบกับบทพูดแนวๆนี้ไม่ไหวละ ระหว่างที่ดูก็ไม่ได้เบื่ออะไรนะ แต่เพลินกับการเสพภาพ และเอาใจช่วยพระเอก พร้อมกับจ้องมองนางเอก 555+
ปล. ถือว่าเป็นหนังที่ทำภาคต่อ ได้โคตรมีอารมณ์กลิ่นอายแบบภาคแรกที่เป๊ะมาก นับถือๆ (แต่สนุกกว่านะ)