"อินุยาฉะ เทพอสูรจิ้งจอกเงิน" ว่าด้วยความหมายศัพท์ของชื่อตัวละครหลัก (โดยละเอียด(มาก))

^ ^a หาเพื่อนถกประเด็นค่ะ

พอดีข้องใจมานานว่าอย่างฉันที่ดูอะไรยากจะติดใจคาใจอะไรบางอย่าง ติดกลับมาดูซ้ำเรื่องนี้บ่อยสุดเรื่องเดียวได้ไง ....ทำไม ทำไมตอนที่ดูและอ่านถึงฟินนักนะ มีอะไรแฝงมากกว่าที่คิดหรือเปล่า หรือโดนวางยา..

เรื่องของเรื่องก็แค่ค้นเล่นๆค่ะพาพันอยากรู้
เล่น..จนมันเจออะไรบางอย่างที่ว่าดูท่าจะไม่เล่นซะงั้น

{{ฮ่าฮ่าฮ่า นี่แน่ใจ แค่ชื่อตัวละครเรอะ!!!!}}
{{ฮ่าฮ่าฮ่า ฉันไม่ได้ตาฝาดสินะเห็นหลักธรรมกับปรัชญาเต็มไปหมดเน้}}

อาจารย์นักเขียนแกออกจะตั้งใจแบรากตัวละครฐานของเรื่องที่ชื่อตัวละครโต้งๆงี้ แล้วเราที่ตามดูตามอ่านไม่ค่อยเคยไม่ค่อยสังเกตุด้วยโอยยยตลอดยี่สิบกว่าปี หยอกเย้า  

_สารภาพว่าเคยไปลองวางไว้ที่สารานุกรมเสรีและข้าน้อยพลาด เล่นเพลินไปหน่อย... กะว่าคงมีคนมาช่วยแก้ไขอันที่ไม่ตรง.. แต่อืม เกินข้อจำกัดของสถานที่ /ขออภัยด้วยจริงๆ ทำผิดไปแล้วค่ะ/ ก็นะมีกฎที่ดูดีของที่นั่นละนะแบบนี้ก็ดีแล้ว นี่ค่อนข้างเข้าใจจริงละไหงหาอะไรกว้างๆไม่เจอเพราะงี้เอง_

' ขอบคุณที่เปิดให้เขียนเสรีค่ะ '

เอาละนะ 。◕‿◕。 จะมีใครแอบตกใจเหมือนกันเราไหมน่อ?
_____________________________________

ยังมีหลายอย่างที่คิดว่ายังไม่แม่น ผิดตรงไหนก็ขอผู้รู้จริงช่วยแก้ความเข้าใจหน่อยน่อค่ะ ประนมมือโค้งงามๆ
เปรียบเทียบมาจาก ญี่ปุ่น > ไทย < ศัพท์เฉพาะ และขยายความตามที่มีในความเชื่อเดิมเรื่องเล่าการกล่าวถึงที่มีอยู่จริง  
_____________________________________





อินุยาฉะ  犬夜叉(いぬやしゃ) Inuyasha



犬:: "Inu" สุนัข。  

夜叉::  यक्ष 、"Yakṣa" ≈ "Yasha"

รากศัพท์เป็นคำสันสกฤต ในตำนานทางพุทธศาสนาชี้อย่างเฉพาะเจาะจง คือ อสูรยักษา มีทั้งชนชั้นต่ำกลางสูงทั้งนี้กล่าวถึงระดับสูงนั้นเป็นอมนุษย์ที่กึ่งเป็นเทพซึ่งถือกำเนิดในชั้นภูมิจาตุมหาราชิกา สวรรค์ชั้นที่1 ° กระนั้นเมื่อรับ यक्ष เข้ามาในญี่ปุ่นได้มีการเรียกแผลงเป็น 夜叉

แต่เนื่องจากความเชื่อของศาสนาพุทธกับศาสนาพราหมณ์ในอินเดียไม่ได้หลอมรวมกัน ภาพ "ยาฉะ" ที่ถูกนำมาในญี่ปุ่นเป็นภาพวาดที่ดูมีความดุร้าย ภายหลัง "ยาฉะ" อสูรยักษากึ่งเทพ หรือ เทพอสูรยักษา อันเป็นที่มาของคำนี้ในญี่ปุ่น กลับถูกเหมารวมไปในประเภทของอสูรกายที่ชั้นภูมิต่ำกว่าอย่าง 鬼 โอนิ ยักษ์ท้องถิ่นของญี่ปุ่นที่มีกำเนิดแตกต่าง อย่างไรก็ตามอิทธิพลของศาสนาพุทธในญี่ปุ่นได้รวม ยาฉะ (ยักษา 夜叉: यक्ष 、Yakṣa "Yasha") และ ราเซ็ตสึ (รากษส 梵语: राक्षस 、Rākṣasa "Rasetsu") กลายเป็น เทพราเซ็ตสึผู้ปกป้องกฎของพุทธศาสนาในญี่ปุ่นและทำให้ "ยาฉะ" ถูกมองดีขึ้น

ทั้งนี้ยังมีกรณีกับ ดากินิเท็น 荼枳尼天(だきにてん)ดากินิ (ฑากิณี 荼吉尼: डाकिनी 、Dākinī "Dakini") ได้รับการนับถือในศาสนาพราหมณ์ของอินเดียเชื่อว่าเป็นเทพปีศาจสตรีที่กินเลือดเนื้อของมนุษย์ แต่ในทางพุทธจัดเป็นภูตเทพอมนุษย์ชนิดหนึ่ง ดากินิมีหลายตน เพศหญิง Dakini เพศชาย Daka ทางมหายานวชิรยานฑากิณีทั้งแปดเป็นบริวารของเหวัชระ ดากินิเท็นเทพที่โดดเด่นด้านการเต้นรำการดนตรี ที่ญี่ปุ่นได้นับร่วมรวมไปในคำว่า "ยาฉะ" ดากินิเท็นเป็นเทพที่มีอำนาจแสดงถึงภูมิปัญญาการรู้แจ้งของผู้หญิง การเหนือกว่าผู้ชาย โยคะ และการใช้ชีวิตคู่ รูปเคารพของดากินิเท็นที่มักพบโดยทั่วไปจะเป็นตัวแทนร่างของเทพเจ้าที่ถือดาบและขี่จิ้งจอกสีขาว

° ◦  เช่นนั้น คำว่า 夜叉 Yasha  ยาฉะ
จึงจะไม่ใช่เพียงยักษาแต่ได้หมายรวมถึง

อสูรกึ่งเทพ หรือ เทพอสูร (อสูร ปีศาจ ภูติ ผี ตามสายภพภูมิกำเนิด)。

อื่นร่วมไว้
(//แต่เมื่อพูดถึงยาฉะคำนี้คนมักจะนึกถึง โอนิ แม้ข้างต้นจะไม่ได้มีแค่เผ่ายักษ์ก็ตาม)


▫※เป็นเรื่องปกติซึ่งผู้คนทั่วไปนับแต่โบราณกาลจะมักไม่แยกระหว่างความแตกต่างของภพภูมิเผ่าพันธุ์ชนชั้นของสิ่งลี้ลับ จะมักเรียกขานรวมไปในคำใดคำหนึ่งที่คุ้นเคยเมื่อเอ่ยถึง และ "ยาฉะ" ไม่ต่างกันได้มีการจัดรวมจากผู้คนส่วนหนึ่งให้เข้าไว้ในหมวดหมู่ โยไค 妖怪(ようかい)[อสูรกายผีร้ายอสูรปีศาจภูตพราย](หรือเรียกว่า อายาคาชิ(あやかし)[ความลึกลับ] , โมโนโนเคะ(もののけ)[สิ่งอื่น]  , มาโมโนะ(まもの)[ปีศาจ]) ที่เป็นปรากฏการณ์ประหลาดเกินความเข้าใจของมนุษย์หรือพลังลึกลับโดยปริยาย "ยาฉะ"ที่ดีมักไม่ร่วมวงกระทำในจำพวกเดียวกับ อาคุมะ 悪魔(あくま)[ มาร ]


√ยาฉะ 夜叉 ในระดับสูงเป็น 護法善神(ごほうぜんじん)Gohōzenshin เทพผู้พิทักษ์ คือ 天部の神々 Tenbu no kamigami เทพสวรรค์[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ซึ่งส่วนใหญ่ปกป้องพระพุทธศาสนาและพุทธศาสนิกชน。/ Buddhist guardian deities 。  ขอบเขตวิสัยของยาฉะ คือ 守り神 เทวะผู้พิทักษ์  守護  ผู้ปกป้อง  ◈เป็นผู้ปกครองบริวารเหล่าอสูรภูติผีปีศาจ เป็นผู้คอยดูแลโลกและปกป้องมนุษย์ ช่วยเหลือผู้ที่ประกอบด้วยความดีมีใจใฝ่ดี[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ และเป็นเทพเจ้าผู้พิทักษ์ศาสนาพุทธผู้ที่คอยคุ้มครองพุทธศาสนิกที่มีศรัทธา(ด้วยคำสัตย์ที่ให้ไว้จากชั้นจาตุมหาราชิกาทั้งชั้น *ในส่วนนี้ย่อไว้ที่ คห.19-1วรรค3) บางครั้งภาพลักษณ์ของยาฉะเป็นภาพของนักรบอสูร นักรบปีศาจ

เสริม สำหรับ 夜叉 / यक्ष
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้






คิเคียว  桔梗(ききょう) Kikyō



桔梗(ききょう)::  ไม้ดอกสีโทนเย็นสีม่วงอมฟ้า คิเคียว。
หนึ่งในหญ้าเจ็ดอย่าง ที่คนในสมัยโบราณเลือกให้ดอกคิเคียวเป็นสัญลักษณ์ของฤดูใบไม้ร่วง ภาษาดอกไม้ หมายถึง ความตั้งใจอันแน่วแน่  แต่เดิมรากของต้นคิเคียวได้ใช้ทำเป็นยาแก้ไอ ยาฆ่าเชื้อโรค และด้วยความสวยงามทำให้เป็นที่นิยมปลูกแต่ตามแหล่งธรรมชาติตามป่าเขากลับค่อยๆ มีจำนวนน้อยลงเรื่อยๆ จนกระทรวงสิ่งแวดล้อมญี่ปุ่นต้องขึ้นทะเบียนเป็นดอกไม้ที่เสี่ยงจะสูญพันธุ์






ฮิงุราชิ คาโกเมะ 日暮かごめ(ひぐらし かごめ)Higurashi Kagome



日暮(ひぐらし):: อาทิตย์อัสดง พลบค่ำ  


かごめ::  การละเล่นคลาสสิกของเด็กๆในญี่ปุ่นที่มีมาเมื่อนานมากแล้ว คือ เพลง かごめかごめ "คาโกเมะคาโกเมะ"

ต้องมีอย่างน้อยหกคน(ข้อมูลเว็บนอกว่าหก ข้อมูลเว็บในไทยมีว่าสาม..) โดยหนึ่งในนั้นเป็นตัวแทนของโอนิ 鬼 (ยักษ์) นั่งปิดตาอยู่กลางวง เด็กที่เหลือจับมือล้อมวงกันร้องเพลงนี้และเดินวนรอบไปรอบๆ จนหยุดเดินเมื่อเพลงจบลง เด็กที่นั่งอยู่กลางวงต้องทายว่า "ใครกันที่อยู่ข้างหลัง" มีความเชื่อกันว่าหากเล่นในป่าไพรภูเขา เวลาผีตากผ้าอ้อม แล้วเด็กที่เป็น โอนิ ทายถูก เด็กคนที่ถูกทายถูก จะถูก ภูตผีปิศาจลักซ่อน

เนื้อร้องในเพลงชื่อนี้จะต่างกันไปในแต่ละท้องถิ่นแต่ยังคงเนื้อร้องท่อนของ คาโกเมะคาโกเมะ ไว้ ภายแรกเป็นการร้องเล่นกันในเด็กหญิงกลุ่มหนึ่งเป็นจุดเริ่มต้นเพื่อความสนุกสนานแล้วการละเล่นนี้ได้แพร่ระบาดไปทั่วประเทศญี่ปุ่น เป็นเพลงของการเล่นในคำที่มีความน่าสนใจ  

บางคนวิเคราะห์ว่าเพลงนี้ได้ซ่อนตรรกะเรื่องราวในสังคมของยุคสมัยเอาไว้ในมุมมองของเด็กในยุคนั้น ขณะที่บางคนบอกว่าเป็นเพียงการละเล่นของเด็ก การละเล่นนี้มีการแฝงด้วยความกำกวมซึ่งมีอารมณ์ขันชวนให้สับสนสงสัยกับเนื้อเพลงที่ไม่ค่อยได้ต่อเนื่องเกี่ยวโยงเป็นเรื่องเดียวกัน

คำว่า คาโกเมะ ได้กลายเป็นคำที่ไม่ชัดเจนและมีหลายความหมาย ตระกร้าสาน, ตระกร้าไม้ไผ่, การปิดล้อม, กรงนก, นกในกรง, นกในตะกร้า เป็นต้น。  มีหลายทฤษฎีที่เกี่ยวกับเพลงนี้





ชิปโป  七宝(しっぽう) Shippō



七宝(しっぽう):: จาก สันสกฤต : सप्तरत्न 、Saptaratna ﹙ サプタラットナ ﹚ , บาลี : सत्तरतन 、Sattaratana ﹙ サッタラタナ ﹚  หมายถึง เจ็ดสมบัติ。

(//ซึ่งเดิมที เลข 3 กับ เลข 7 เป็น "เลขมงคล" ตัวเลขที่ดึงดูดสิ่งดี )
° ◦ ชิปโปเป็นเจ็ดชนิดของสมบัติที่มีระบุไว้ในพระไตรปิฎก ในส่วนของ เมียวโฮเร็งเงเคียว (妙法蓮華経「सद्धर्मपुण्डरीकसूत्र」สัทธรรมปุณฑริกสูตร) พระสูตรที่สำคัญของพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน  

ชื่อชนิดของสมบัติทั้งเจ็ดมีความแตกต่างกันบ้างขึ้นอยู่กับพระคัมภีร์ฉบับใด เป็นที่คาดกันว่าสาเหตุที่เกิดความต่างมาจากการตีความจากภาษาต้นฉบับเดิม

ชิปโปว่าด้วย
1. ทอง金    
2. เงิน 銀    
3. ไพฑูรย์ หรือ แลพิสแลซูลี 瑠璃(るり)[ในอดีตเป็นคำกว้างๆ อย่าง 青色の玉 ]  
4. แก้วคริสตัล 玻璃(はり)  
5. ไข่มุก 硨磲(しゃこ)[เปลือกหอยที่มีความสวยงามขนาดใหญ่]  
6. ปะการัง 珊瑚(さんご)  
7. โมรา หรือ อาเกต 瑪瑙(めのう)[มีทฤษฎีที่ว่าหมายถึง มรกต]  

มีความเชื่อกันว่าสมบัติเหล่านี้จะสามารถปกป้อง ผู้ที่พกไว้ติดตัว ผู้เป็นเจ้าของ ให้พ้นจากเภทภัย







เมียวกะ  冥加(みょうが)Myōga



冥加(みょうが)::  ป้องกันความเสี่ยง,  โชคดี




โทโตไซ  刀々斎(とうとうさい)Tōtōsai



刀::  ดาบ。อาวุธที่ใช้เพื่อฆ่าสังหารทำลายหรือปกป้อง    

々::  คันจินี้การใช้งานการอ่านขึ้นกับอักษรตัวหน้า เป็น อักขระย้ำข้อความ คล้าย ยมก (ๆ) ในภาษาไทย โดยอาจไม่ออกเสียงเหมือนกับคำหน้า  

刀々::  ดาบ    

斎(さい):: บริสุทธิ์(ในทางศาสนา) ความหมายเดิมของคำนี้คือ "สะอาด, บริสุทธิ์"。
ไซ เป็นศัพท์ว่าด้วยคำสอนทางพุทธศาสนา [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

, มีการพ้องกับคำหนึ่งที่หมายถึง การกำกับดูแล
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่