The LEGO Ninjago Movie ( Charlie Bean, Paul Fisher, Bob Logan, 2017) คะแนน C
By Form Corleone
"ความเลอะเทอะกับความสร้างสรรค์มีเส้นบางๆกั้นอยู่" หนังแอนิเมชั่นชุด 'Lego' มีจุดขายคือความละเอียดพิถีพิถันในตัวงานที่นำเสนอในความบ้าบอของตัวละครที่สามารถสร้างบรรยากาศให้เราร่วมสนุกไปได้ แต่สำหรับ 'The LEGO Ninjago' ดูเป็นงานที่มีบทภาพยนตร์ที่อ่อนแรงที่สุดถ้าเทียบกับ The LEGO Movie (2014) หรือเทียบกับ The LEGO Batman Movie (2017) งานนี้แทบจะเป็นอะไรที่น่าผิดหวังถ้ามองเทียบกับงานทั้งสองเรื่องก่อน ความบ้าบอของตัวหนังยังไม่ชวนให้เราขบขัน ยิ่งไปกว่านั้น เรากลับรู้สึกรำคาญในพฤติกรรมของตัวละครในหลายๆฉาก ความเชื่อมโยงต่างๆดูมั่วๆไม่แนบเนียนและไม่ชวนให้รู้สึกถึงการสรรค์สร้างสิ่งใหม่ๆ แม้ว่าพล็อตความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครจะมีข้อความที่น่าสนใจผสมพื้นหลังของการฝึกวิชานินจาระหว่างผองเพื่อนที่รวมตัวกันต่อต้านตัวร้ายที่เป็นพ่อของหนึ่งในนินจาและคอยช่วยปกป้องเมือง 'Ninjago' ความอลหม่านของความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครอยู่ในบริบทที่ไม่ได้ซับซ้อนเพราะเป็นเพียงแอนิเมชั่นสำหรับเด็ก แต่สิ่งที่น่าเสียดายคือความเบาบางของสายสัมพันธ์ระหว่างตัวละครที่ดูไม่ลึกและตื้นจนไม่น่าจดจำและไม่พาเราอินไปกับเนื้องานได้ซึ่งแตกต่างอย่างชัดเจนถ้าเทียบกับงานก่อนหน้านี้
รูปแบบเดิมๆไม่สามารถใช้ได้ผลอีกแล้ว เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่ภาพยนตร์มีภาคต่อการหยิบมุกตลกเดิมๆมาเล่นหรือวิธีการนำเสนอแบบเดิมดูจะลดทอนคุณค่าในตัวหนังลงไปโดยอัตโนมัติ ความสร้างสรรค์ที่เคยเห็นจึงกลายเป็นความเลอะเทอะ และสิ่งที่หายไปของงานนี้คือเสน่ห์ของตัวต่อ 'Lego' ตัวละครในเรื่องจึงเป็นเพียงตัวการ์ตูนธรรมดาที่ไม่มีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกับวัยเด็กแบบเคย อย่างไรก็ตาม ความพิถีพิถันในองค์ประกอบทั้งงานภาพ การเคลื่อนไหวของตัวละครแต่ละตัว ยังคงทำได้ตามมาตรฐาน สีสันที่ดูสดใสและความน่ารักของเหตุการณ์ในเรื่องบางสถานการณ์ก็ยังคงสามารถสร้างรอยยิ้มได้เป็นระยะแต่ไม่มากจนหลุดหัวเราะขำออกมา จุดที่น่าตั้งคำถามหรือชวนสงสัยคือตัวหนังมีผู้กำกับถึงสามคน และมีมือเขียนบทร่วมกันอีกหลายคน แต่ทำไมตัวเนื้อหาของบทภาพยนตร์จึงดูอ่อนมากจนเพียงพอที่จะให้เด็กวัยไม่ถึงสิบขวบดูได้สนุกสนานเพียงเท่านั้น เพราะถ้าอายุมากกว่านั้นคงมีส่ายหัวกันบ้างไม่มากก็น้อย ความจำเจของตัวหนังจึงตื้นเขินถ้าเทียบกับทีมงานเขียนบทและการใช้ผู้กำกับถึงสามคน
เมื่อมองที่จุดขายของ ‘Lego’ คงเป็นคาแรกเตอร์ของตัวละคร ในที่นี้ใช้เป็นนินจาซึ่งดูแล้วน่าสนใจแต่หนังเองกลับทำได้ไม่น่าสนใจ ไม่ชวนให้จดจำเสียด้วยซ้ำ สำหรับเรื่องนี้ผลกระทบที่ตัวละครมีในส่วนของความน่าจดจำแทบที่จะเลือนหายไปเลยเมื่อดูจบ ความย้อนแย้งคือตัวละครในเรื่องใช้สีเป็นเอกลักษณ์เสมือนขบวนการนินจาสีด้วยแล้ว แต่เรากลับจำตัวละครได้เลือนราง ฉะนั้น หนังควรจะสร้างหรือให้ความสัมพันธ์กับแต่ละสีแต่ละตัวละครมากกว่านี้ และท้ายสุด แม้ว่างานนี้จะมีส่วนที่ไม่ดีค่อนข้างเยอะ มีส่วนที่เลอะเทอะทั้งเนื้อหาที่น่าจะมีประเด็นต่อยอดไปได้ในความสัมพันธ์ของตัวละครหรือบริบทของโลกนินจาก็ตามที 'The LEGO Ninjago Movie' ก็ยังมีช่วงเวลาที่สามารถทำให้เด็กๆสนุกสนานและตอบโจทย์ความบันเทิงในระดับปานกลาง ความละเอียดของงานภาพและการเคลื่อนไหวต่างๆของตัวละครน่าจะเป็นส่วนเดียวที่ทำได้ดีและช่วยให้เรารู้สึกไม่เสียเวลาในการดูภาพยนตร์เรื่องนี้มากมายนัก...
ขอให้มีความสุขกับการรับชมภาพยนตร์ครับ
ตัวอย่างหนัง
ติดตามรีวิวภาพยนตร์ได้ที่
Page:
https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog:
http://moviesdelightclub.blogspot.com/
Review: The LEGO Ninjago Movie ( Charlie Bean, Paul Fisher, Bob Logan, 2017) เขียนโดย Form Corleone
By Form Corleone
"ความเลอะเทอะกับความสร้างสรรค์มีเส้นบางๆกั้นอยู่" หนังแอนิเมชั่นชุด 'Lego' มีจุดขายคือความละเอียดพิถีพิถันในตัวงานที่นำเสนอในความบ้าบอของตัวละครที่สามารถสร้างบรรยากาศให้เราร่วมสนุกไปได้ แต่สำหรับ 'The LEGO Ninjago' ดูเป็นงานที่มีบทภาพยนตร์ที่อ่อนแรงที่สุดถ้าเทียบกับ The LEGO Movie (2014) หรือเทียบกับ The LEGO Batman Movie (2017) งานนี้แทบจะเป็นอะไรที่น่าผิดหวังถ้ามองเทียบกับงานทั้งสองเรื่องก่อน ความบ้าบอของตัวหนังยังไม่ชวนให้เราขบขัน ยิ่งไปกว่านั้น เรากลับรู้สึกรำคาญในพฤติกรรมของตัวละครในหลายๆฉาก ความเชื่อมโยงต่างๆดูมั่วๆไม่แนบเนียนและไม่ชวนให้รู้สึกถึงการสรรค์สร้างสิ่งใหม่ๆ แม้ว่าพล็อตความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครจะมีข้อความที่น่าสนใจผสมพื้นหลังของการฝึกวิชานินจาระหว่างผองเพื่อนที่รวมตัวกันต่อต้านตัวร้ายที่เป็นพ่อของหนึ่งในนินจาและคอยช่วยปกป้องเมือง 'Ninjago' ความอลหม่านของความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครอยู่ในบริบทที่ไม่ได้ซับซ้อนเพราะเป็นเพียงแอนิเมชั่นสำหรับเด็ก แต่สิ่งที่น่าเสียดายคือความเบาบางของสายสัมพันธ์ระหว่างตัวละครที่ดูไม่ลึกและตื้นจนไม่น่าจดจำและไม่พาเราอินไปกับเนื้องานได้ซึ่งแตกต่างอย่างชัดเจนถ้าเทียบกับงานก่อนหน้านี้
รูปแบบเดิมๆไม่สามารถใช้ได้ผลอีกแล้ว เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่ภาพยนตร์มีภาคต่อการหยิบมุกตลกเดิมๆมาเล่นหรือวิธีการนำเสนอแบบเดิมดูจะลดทอนคุณค่าในตัวหนังลงไปโดยอัตโนมัติ ความสร้างสรรค์ที่เคยเห็นจึงกลายเป็นความเลอะเทอะ และสิ่งที่หายไปของงานนี้คือเสน่ห์ของตัวต่อ 'Lego' ตัวละครในเรื่องจึงเป็นเพียงตัวการ์ตูนธรรมดาที่ไม่มีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกับวัยเด็กแบบเคย อย่างไรก็ตาม ความพิถีพิถันในองค์ประกอบทั้งงานภาพ การเคลื่อนไหวของตัวละครแต่ละตัว ยังคงทำได้ตามมาตรฐาน สีสันที่ดูสดใสและความน่ารักของเหตุการณ์ในเรื่องบางสถานการณ์ก็ยังคงสามารถสร้างรอยยิ้มได้เป็นระยะแต่ไม่มากจนหลุดหัวเราะขำออกมา จุดที่น่าตั้งคำถามหรือชวนสงสัยคือตัวหนังมีผู้กำกับถึงสามคน และมีมือเขียนบทร่วมกันอีกหลายคน แต่ทำไมตัวเนื้อหาของบทภาพยนตร์จึงดูอ่อนมากจนเพียงพอที่จะให้เด็กวัยไม่ถึงสิบขวบดูได้สนุกสนานเพียงเท่านั้น เพราะถ้าอายุมากกว่านั้นคงมีส่ายหัวกันบ้างไม่มากก็น้อย ความจำเจของตัวหนังจึงตื้นเขินถ้าเทียบกับทีมงานเขียนบทและการใช้ผู้กำกับถึงสามคน
เมื่อมองที่จุดขายของ ‘Lego’ คงเป็นคาแรกเตอร์ของตัวละคร ในที่นี้ใช้เป็นนินจาซึ่งดูแล้วน่าสนใจแต่หนังเองกลับทำได้ไม่น่าสนใจ ไม่ชวนให้จดจำเสียด้วยซ้ำ สำหรับเรื่องนี้ผลกระทบที่ตัวละครมีในส่วนของความน่าจดจำแทบที่จะเลือนหายไปเลยเมื่อดูจบ ความย้อนแย้งคือตัวละครในเรื่องใช้สีเป็นเอกลักษณ์เสมือนขบวนการนินจาสีด้วยแล้ว แต่เรากลับจำตัวละครได้เลือนราง ฉะนั้น หนังควรจะสร้างหรือให้ความสัมพันธ์กับแต่ละสีแต่ละตัวละครมากกว่านี้ และท้ายสุด แม้ว่างานนี้จะมีส่วนที่ไม่ดีค่อนข้างเยอะ มีส่วนที่เลอะเทอะทั้งเนื้อหาที่น่าจะมีประเด็นต่อยอดไปได้ในความสัมพันธ์ของตัวละครหรือบริบทของโลกนินจาก็ตามที 'The LEGO Ninjago Movie' ก็ยังมีช่วงเวลาที่สามารถทำให้เด็กๆสนุกสนานและตอบโจทย์ความบันเทิงในระดับปานกลาง ความละเอียดของงานภาพและการเคลื่อนไหวต่างๆของตัวละครน่าจะเป็นส่วนเดียวที่ทำได้ดีและช่วยให้เรารู้สึกไม่เสียเวลาในการดูภาพยนตร์เรื่องนี้มากมายนัก...
ขอให้มีความสุขกับการรับชมภาพยนตร์ครับ
ตัวอย่างหนัง
ติดตามรีวิวภาพยนตร์ได้ที่
Page: https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog: http://moviesdelightclub.blogspot.com/