Escape Plan 2: Hades (Steven C. Miller, 2018) คะแนน F
By Form Corleone
"ภาพยนตร์ที่เสียเวลาในการรับชมที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต" Escape Plan 2 ไม่ควรเป็นภาพยนตร์ฉายในโรง น่าจะเป็นภาพยนตร์ที่ขายในแผงหนังราคา 9 บาท ที่ซื้อมาดูยังเสียดายเวลา ดูผนังห้องยังรู้สึกสบายใจมากกว่า หนังใช้วัตถุดิบพล็อตเรื่องได้ห่วยแตกที่สุดจนรู้สึกปวดหัวมากๆ จากหนังแหกคุกไฮเทค กลายเป็นหนังต่อสู้อะไรไม่รู้ มั่วไปหมด การเล่าเรื่องวนไปวนมาไร้แก่นสาร ไม่มีต้นไม่มีปลาย และไม่รู้จะสร้างมาเพื่อตอบสนองอะไร หรือเสนออะไรให้คนดู ตัวหนังออกทะเลไปไกลมาก และไม่น่าจะพากลับเข้าฝั่งได้อีกแล้ว งานนี้แทบจะเป็นเรื่องราวคนละเรื่องกับงานภาพแรกที่ยังพอให้ความสนุกสนานได้อยู่บ้าง แต่ภาคนี้ไม่มีความสนุกเลย แถมมาด้วยความมึนหัวอยู่ตลอดเวลาในขณะที่ดู ด้วยมุมกล้องที่ตัดสลับแบบรวดเร็วจนน่าหงุดหงิด และยังโคลสอัพไปที่หน้านักแสดงใกล้ๆ และเคลื่อนไหวกล้องไปมาอยู่ตลอดเวลา ซูมเข้าซูมออกแบบไม่มีเหตุผล ไม่ต้องการความเข้าใจ ไม่รู้จะทำเพื่ออะไร เวียนหัวสุดๆ
สรุป 'Escape Plan 2: Hades' คือความน่าเศร้าใจที่สุดในการดูหนังครั้งหนึ่งในชีวิต ที่รู้สึกปวดหัวมากๆขณะที่ดู แต่ก็ยังคงทนดูต่อไปได้เพราะมีช่วงที่ได้หลับพักสายตา แม้พล็อตเรื่องของหนังจะดูเหมือนสลับซับซ้อนแต่ก็ซ้อนกันเละเทะ เลอะเทอะ ตัวละครแต่ละตัวคือน่ารำคาญมาก ตัวละครที่เป็นตัวหลักและตัวขายของหนังอย่าง 'ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน และ บาติสต้า' กลับกลายเป็นตัวละครรองที่ไม่มีบทอะไรเลย ไม่รู้จะรับแสดงงานนี้เพื่ออะไร ทั้งนี้ ตอบจบของหนังยังไม่มีชั้นเชิงอะไรเลย คิดจะจบก็จบ คุกจะพิศดารขนาดไหนไม่สนใจเพราะหนังจะจบแล้ว ต้องแหกคุกแล้วนะท่านผู้ชม ที่เจ็บปวดอีกระดับคือหนังยังปูทางให้มีภาคต่อได้อีก เละไปกันใหญ่แล้ว...
ขอให้มีความสุขกับการรับชมภาพยนตร์ครับ
ตัวอย่าง
ติดตามรีวิวภาพยนตร์ได้ที่
Page:
https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog:
http://moviesdelightclub.blogspot.com/
Review: Escape Plan 2: Hades (Steven C. Miller, 2018) รีวิวโดย Form Corleone
By Form Corleone
"ภาพยนตร์ที่เสียเวลาในการรับชมที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต" Escape Plan 2 ไม่ควรเป็นภาพยนตร์ฉายในโรง น่าจะเป็นภาพยนตร์ที่ขายในแผงหนังราคา 9 บาท ที่ซื้อมาดูยังเสียดายเวลา ดูผนังห้องยังรู้สึกสบายใจมากกว่า หนังใช้วัตถุดิบพล็อตเรื่องได้ห่วยแตกที่สุดจนรู้สึกปวดหัวมากๆ จากหนังแหกคุกไฮเทค กลายเป็นหนังต่อสู้อะไรไม่รู้ มั่วไปหมด การเล่าเรื่องวนไปวนมาไร้แก่นสาร ไม่มีต้นไม่มีปลาย และไม่รู้จะสร้างมาเพื่อตอบสนองอะไร หรือเสนออะไรให้คนดู ตัวหนังออกทะเลไปไกลมาก และไม่น่าจะพากลับเข้าฝั่งได้อีกแล้ว งานนี้แทบจะเป็นเรื่องราวคนละเรื่องกับงานภาพแรกที่ยังพอให้ความสนุกสนานได้อยู่บ้าง แต่ภาคนี้ไม่มีความสนุกเลย แถมมาด้วยความมึนหัวอยู่ตลอดเวลาในขณะที่ดู ด้วยมุมกล้องที่ตัดสลับแบบรวดเร็วจนน่าหงุดหงิด และยังโคลสอัพไปที่หน้านักแสดงใกล้ๆ และเคลื่อนไหวกล้องไปมาอยู่ตลอดเวลา ซูมเข้าซูมออกแบบไม่มีเหตุผล ไม่ต้องการความเข้าใจ ไม่รู้จะทำเพื่ออะไร เวียนหัวสุดๆ
สรุป 'Escape Plan 2: Hades' คือความน่าเศร้าใจที่สุดในการดูหนังครั้งหนึ่งในชีวิต ที่รู้สึกปวดหัวมากๆขณะที่ดู แต่ก็ยังคงทนดูต่อไปได้เพราะมีช่วงที่ได้หลับพักสายตา แม้พล็อตเรื่องของหนังจะดูเหมือนสลับซับซ้อนแต่ก็ซ้อนกันเละเทะ เลอะเทอะ ตัวละครแต่ละตัวคือน่ารำคาญมาก ตัวละครที่เป็นตัวหลักและตัวขายของหนังอย่าง 'ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน และ บาติสต้า' กลับกลายเป็นตัวละครรองที่ไม่มีบทอะไรเลย ไม่รู้จะรับแสดงงานนี้เพื่ออะไร ทั้งนี้ ตอบจบของหนังยังไม่มีชั้นเชิงอะไรเลย คิดจะจบก็จบ คุกจะพิศดารขนาดไหนไม่สนใจเพราะหนังจะจบแล้ว ต้องแหกคุกแล้วนะท่านผู้ชม ที่เจ็บปวดอีกระดับคือหนังยังปูทางให้มีภาคต่อได้อีก เละไปกันใหญ่แล้ว...
ขอให้มีความสุขกับการรับชมภาพยนตร์ครับ
ตัวอย่าง
ติดตามรีวิวภาพยนตร์ได้ที่
Page: https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog: http://moviesdelightclub.blogspot.com/