สวัสดีชาวพันทิปทุกท่าน กับการรีวิวภาพยนตร์โดยไม่ใช้คะแนนตัดสิน
สำหรับ Blade Runner 2049 ด้วยความที่เป็นภาคต่อของ Blade Runner (1982) หนึ่งในหนังในดวงใจของเรา จึงค่อนข้างตั้งความหวังกับภาคต่อนี้ไว้สูง และต้องขอบคุณผู้กำกับ Denis Villeneuve และทีมงาน ที่ไม่ทำให้ภาพยนจร์เรื่องนี้เละเทะ กลับกัน มันออกมาดีกว่าที่คาดคิดไว้เยอะเลย ในกระทู้นี้ขอเข้ามาพูดคุยมาบอกเล่าความรู้สึกของเราหลังชมในระบบ IMAX เข้ามาร่วมแลกเปลี่ยนความรู้สึกกัน
เนื้อหาของกระทู้รีวิวถัดจากนี้จะเป็นการสปอยล์ เหมาะสำหรับคนที่เคยดูภาพยนต์มาแล้ว
Review #4/2017
Blade Runner 2049
Can I be somebody?
ฉันเองก็อยากมีตัวตน
Blade runner 2049 เป็นภาคต่อของ Blade runner ภาพยนตร์ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 1982 ที่กล่าวขานกันว่า ’มาก่อนกาล’ และเป็นภาพยนตร์อมตะในใจของใครหลายๆคน ในสมัยนั้นที่ไม่ค่อยมีใครทำหนังไซไฟในรูปแบบนี้ออกมาทำให้หนังไม่ประสบความสำเร็จ แต่กาลเวลาก็ได้พิสูจน์หนังเรื่องนี้ เมื่อเรามาดูก็จะพบว่าหนังมีเนื้อเรื่องและงานภาพที่ชวนทึ่งหยิบมาแข่งกับหนังในยุคนี้ได้สบายๆ
Blade runner 2049 ก็เช่นกัน กาลเวลาผ่านมา 35 ปี นับจากภาคแรกถูกฉาย ก่อนเข้าไปดูก็ได้แต่สงสัยว่าปัจจุบันที่มีหนังไซไฟมากมาย เขาจะสร้างภาพเมืองอนาคตยังไงให้มันน่าตื่นตาตื่นใจกว่าเรื่องอื่น และก็ผิดคาดภาพที่เมื่อมีวิชวล เอฟเฟกต์เข้ามาช่วยก็ทำให้โลกในอนาคตดูน่าประทับใจมาก สภาพที่ดูเหมือนไร่นาผืนใหญ่กลับกลายเป็นฟาร์มเพาะเลี้ยงหนอน ภาพโลกอนาคตที่หนังส่วนใหญ่สร้างมาให้มีเมืองเจริญล้ำยุค แต่หนังเรื่องนี้นำเสนอโลกดิสโทเปียที่ไม่ใช่แค่เมืองพังพินาศไม่เหลือซาก แต่กลับสร้างและจัดองค์ประกอบนำเสนอได้ให้อารมณ์เหงา น่าฉงนสงสัยเหนือจริง ฉากต่อสู้ทำได้น่าสนใจมากสำหรับเรา เสียงประกอบที่ให้อารมณ์ร่วมและเป็นแบคกราวน์ของเมืองในอนาคตที่ดูสับสนได้เป็นอย่างดีและในส่วนของเนื้อเรื่องก็ทำได้ดีและคาดว่าคงถูกอกถูกใจแฟนๆหลายๆท่านรวมถึงเราด้วย เมื่อดูจบก็รู้สึกว่ามีความรู้สึกอะไรหลายๆอย่างที่อยากเขียนถึงและจากบรรทัดนี้ไปมีสปอยล์หนักหน่วงแน่นอน
[Spoil!!!]
ตั้งแต่ภาคแรกที่ตั้งคำถามถึงความมีตัวตนของเครื่องจักร ในภาคนี้ก็เช่นกัน K พระเอก replicant ของเรื่อง ทำหน้าที่ blade runner คอยกำจัด replicant นอกคอก ทำตามคำสั่งอย่างไม่สงสัยตามแบบฉบับของหุ่น นอกเวลางานเขาเองก็คงรู้สึกโดดเดี่ยวโหยหาความรักเหมือนมนุษย์ เขามี JOI โปรแกรมเสมือนจริงคอยตอบสนองเหมือนแฟนสาวของเขา การที่เขามีความรักมันจะทำให้เขามีจิตวิญญาณขึ้นมาไหม? การที่เรามีค่ามีความหมายกับใครสักคนแม้เธอจะเป็นแค่โปรแกรม มันหมายถึงเขาก็มีตัวตนรึเปล่า? หรือมันเป็นเพียงของเทียม สารเคมีที่ตอบสนองในสมองและร่างกายสังเคราะห์ของเขา แต่ในมนุษย์มันก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอ? แบบไหนกันแน่ที่มาแยกความแตกต่าง?
ตอนที่เขาได้รับภารกิจให้ฆ่าเด็กที่ถือกำเนิดมา เขากลับอึกอักรู้สึกลำบากใจ หัวหน้าเขาให้คำตอบเพียงว่า “ต่างกันตรงไหน” ถ้านับเป็นหน้าที่ที่เขาต้องทำมันก็คงไม่ต่างกัน ถ้านับกันที่การถือกำเนิด มันก็ต่างกัน ธรรมชาติกับสิ่งสังเคราะห์ แต่สิ่งสังเคราะห์ที่มีเลือดเนื้อและจิตใจอย่างเขาล่ะ ควรให้ข้อจำกัดความแตกต่างว่าอย่างไร
K มีตัวตนขึ้นมาเมื่อตอนที่เขาเข้าใจว่าเด็กที่ถือกำเนิดจาก replicant คือตัวเขา จู่ๆชีวิตของเขาก็พลิกผัน จุดกำเนิดของเขาไม่ต่างจากมนุษย์แล้ว เท่านี้ก็เรียกได้ว่าเขามีจิตวิญญาณแล้วใช่ไหม? เขากลายเป็น Joe เขามีชื่อได้เช่นเดียวกับมนุษย์แล้ว
เขาหลบหนีการตามล่าตามหาจุดกำเนิดของตน ระหว่างการหลบหนี ความรักของ JOI โปรแกรมเสมือนก็เข้ามาช่วยตอกย้ำจิตวิญญาณที่มี เธอรักเขามากเหลือเกิน มากเสียจนยอมตายหายไปหากมันช่วยเขาได้ ความเป็นคนสำคัญความพิเศษนี้ยิ่งทำให้เขารู้สึกว่าชีวิตมีความหมาย
เมื่อเขามาพบ Deckard มนุษย์ผู้ให้กำเนิดเขา เขาสงสัยเหลือเกินว่าชายคนนี้รักในลูกของเขาไหมหากรักก็ต้องตามช่วยเหลือสิ แม้ว่ามันจะเสี่ยงเพียงไหน เรียกได้ว่ายอมตายเลยสำหรับเขา Deckard มนุษย์ตัวจริงกลับให้คำตอบพียงว่า บางครั้งความรักก็คือ การที่เราเป็นคนแปลกหน้า ต่อกัน K เองก็คงสับสนว่าเขาหมายถึงตามนั้นจริงๆหรือมันเป็นแค่ข้ออ้างของคนที่ไม่ยอมเสี่ยง รักตัวกลัวตาย
ในตอนท้าย Joe ก็กลับมาเป็น K อีกครั้ง เมื่อเขาค้นพบว่าสิ่งที่เขาคิดว่าตนเองคือเด็กที่ถือกำเนิดเป็นความเข้าใจผิด มันเป็นเพียงกลหลอกของ Deckard, Frayza, และความบังเอิญของเด็กที่ถือกำเนิดตัวจริงซึ่งใส่ความทรงจำตัวเองให้เขาไป เรื่องราวกลับตาลปัตร เขาด่วนสรุปเพราะเขาเองก็อยากมีจิตวิญญาณ จึงคิดเข้าข้างตัวเองตลอดมา JOI เองก็สนับสนุนความคิดของเขา แต่ก็เพราะ JOI พูดในสิ่งที่เขาอยากได้ยิน ท้ายที่สุดแล้วความมีจิตวิญญาณทั้งหลายมันเป็นเพราะเขากล่อมปลอบใจตัวเอง
ไม่ใช่เพียงเฉพาะ K ตัวละคร Replicant ทุกคนในเรื่อง โหยหาตัวตน
Love ต้องเก่งที่สุด เพอร์เฟคที่สุด จึงจะมีค่าในสายตาของ Wallace ถ้าไร้ค่าเธอจะถูกกำจัดทิ้ง เธอไม่อยากหายไปจากชีวิตของเขา
JOI รักและเข้าใจ เอาใจใส่ K/JOE เสมอ เธอเองก็อยากมีตัวตนในสายตาของคนที่เธอรัก และแม้ JOI จะไม่มีร่างกาย เธอให้ความสุขทางกายกับเขาไม่ได้ และเพราะโปรแกรมตั้งระบบไว้ให้พูดและทำในสิ่งที่ K อยากได้ยินก็ตาม แต่แค่นั้น JOI เองก็มีตัวตนในสายตาของ K แล้ว เพราะเขาไม่ได้ต้องการอะไรมากไปกว่าการมีค่าในสายตาของใครสักคนเช่นกัน
Frayza และ Sapper ต้องการมีอิสระ มีอุดมการณ์ พวก Replicant ทุกคนอยากมีตัวตน
มันจะน่าเศร้าใจเพียงไหน ถ้าเรารู้ว่าสิ่งที่เราเชื่อมาตลอดมันไม่ใช่ ถ้าจริงๆแล้วเราไม่มีความหมายอะไรเลยกับใคร แม้แต่กับตัวเอง
แต่ความจริงนี้มันหักล้างกับความรู้สึกของพวกเขาได้หรือไม่ พวกเขามีเป้าหมาย มีอุดมการณ์ มีความโหยหา มีความต้องการ มีความรักตัวกลัวตาย มีเมตตาช่วยเหลือต่อ Replicant ด้วยกัน และมีความเมตตากับมนุษย์
กลับกัน มนุษย์อย่าง Wallace ที่ไม่มีความเมตตา, มนุษย์ผู้เย็นชาอย่าง Deckard กลับเรียกได้ว่ามีจิตวิญญาณ?
Deckard ได้พบกับลูกของเขา เหมือนจะเป็นตอนจบที่แฮปปี้ เอนด์ดิ้งของเรื่องที่มนุษย์จริงๆซึ่งมีจิตวิญญาณได้กลับมาพบกัน ความผูกพันพ่อ-ลูกที่ตัดกันไม่ขาด แต่ไม่เลย เรากลับรู้สึกว่ามันเป็นจิตวิญญาณที่กลวงเปล่า เป็นความรู้สึกที่ปลอมมากๆ
ตอนจบท่ามกลางหิมะของ K กลับน่าตราตรึงใจไม่แพ้ตอนจบของ Roy replicant วายร้ายใน Blade runner ภาคแรก
Roy ได้กล่าวประโยคอมตะที่ประทับใจใครหลายคนว่าเขาผ่านช่วงเวลาที่แสนเจ็บปวดมามาก แต่ทุกอย่างมันจะสลายไป คล้ายคราบน้ำตาบนหยาดน้ำฝน
สำหรับ K ในตอนจบไม่ต้องมีคำพูดใดๆแต่กลับน่าประทับใจให้ตีความ หิมะกำลังตก ในขณะที่ตัวเขากำลังจะตาย เกล็ดหิมะตกลงบนเลือดของเขาและละลายหายไป ในทางวิทยาศาสตร์หิมะแต่ละเกล็ดนั้นไม่เหมือนกันสักเกล็ด มีรูปแบบต่างๆกันออกไป แต่วันหนึ่งมันก็จะสลายกลายเป็นน้ำและระเหยหายไปราวกับไม่มีตัวตน ก็คงเหมือนกับ K เขามีตัวตนอยู่เพียงชั่วคราวและสลายหายไปกับความเจ็บปวดเหมือนหิมะที่ตกลงมาบนเลือดของเขา สุดท้ายแล้วชีวิตของเขามันก็ไม่ได้มีค่าหรือความหมายอะไร แต่ก็คงพูดได้ไม่เต็มปากนัก สิ่งที่เขากระทำ การที่เขาเสียสละ ยอมตาย เพราะเขาคิดว่าเขาไร้ค่ากว่าจนยอมแลกให้ได้ กลับสมควรเรียกได้ว่ามี จิตวิญญาณ มากกว่ามนุษย์บางคนเสียอีก
น่าสนใจ ที่ภาพยนตร์ชุด Blade runner นี้ พูดถึงความเป็นมนุษย์ได้เป็นมนุษย์ที่สุดผ่าน Replicant ที่สุดท้ายแล้วชีวิตพวกเขาก็เป็นเพียงสิ่งสังเคราะห์ที่ไร้ความหมาย ไร้ค่าสายตาใครๆ แต่กลับมีความคิดความรู้สึกซับซ้อนมากมาย คำพูดของพวกเขาเข้าใจในความเป็นไปของชีวิตมากกว่ามนุษย์เองเสียอีก สุดท้ายแล้วจะจำกัดความว่าจิตวิญญาณ,ตัวตน,การกำเนิดหรือร่างกาย มันคงไม่สำคัญเท่ากับการกระทำต่อกันอีกแล้ว ฟังดูงงๆ แต่ก็แบบนี้แหละ อะไรที่เป็นจริงมันมักจะสับสนเสมอ
หากชอบการรีวิวแบบนี้และอยากเข้ามาแสดงความคิดเห็นร่วมกันในเฟซบุ๊คบ้าง กดติดตามจากเพจเราได้ จะได้สะดวกมากขึ้น
https://www.facebook.com/scenethisbefore
[Review ความรู้สึก] Blade Runner 2049 : Can I be somebody? ฉันเองก็อยากมีตัวตน
สำหรับ Blade Runner 2049 ด้วยความที่เป็นภาคต่อของ Blade Runner (1982) หนึ่งในหนังในดวงใจของเรา จึงค่อนข้างตั้งความหวังกับภาคต่อนี้ไว้สูง และต้องขอบคุณผู้กำกับ Denis Villeneuve และทีมงาน ที่ไม่ทำให้ภาพยนจร์เรื่องนี้เละเทะ กลับกัน มันออกมาดีกว่าที่คาดคิดไว้เยอะเลย ในกระทู้นี้ขอเข้ามาพูดคุยมาบอกเล่าความรู้สึกของเราหลังชมในระบบ IMAX เข้ามาร่วมแลกเปลี่ยนความรู้สึกกัน
เนื้อหาของกระทู้รีวิวถัดจากนี้จะเป็นการสปอยล์ เหมาะสำหรับคนที่เคยดูภาพยนต์มาแล้ว
Review #4/2017 Blade Runner 2049
Can I be somebody?
ฉันเองก็อยากมีตัวตน
Blade runner 2049 เป็นภาคต่อของ Blade runner ภาพยนตร์ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 1982 ที่กล่าวขานกันว่า ’มาก่อนกาล’ และเป็นภาพยนตร์อมตะในใจของใครหลายๆคน ในสมัยนั้นที่ไม่ค่อยมีใครทำหนังไซไฟในรูปแบบนี้ออกมาทำให้หนังไม่ประสบความสำเร็จ แต่กาลเวลาก็ได้พิสูจน์หนังเรื่องนี้ เมื่อเรามาดูก็จะพบว่าหนังมีเนื้อเรื่องและงานภาพที่ชวนทึ่งหยิบมาแข่งกับหนังในยุคนี้ได้สบายๆ
Blade runner 2049 ก็เช่นกัน กาลเวลาผ่านมา 35 ปี นับจากภาคแรกถูกฉาย ก่อนเข้าไปดูก็ได้แต่สงสัยว่าปัจจุบันที่มีหนังไซไฟมากมาย เขาจะสร้างภาพเมืองอนาคตยังไงให้มันน่าตื่นตาตื่นใจกว่าเรื่องอื่น และก็ผิดคาดภาพที่เมื่อมีวิชวล เอฟเฟกต์เข้ามาช่วยก็ทำให้โลกในอนาคตดูน่าประทับใจมาก สภาพที่ดูเหมือนไร่นาผืนใหญ่กลับกลายเป็นฟาร์มเพาะเลี้ยงหนอน ภาพโลกอนาคตที่หนังส่วนใหญ่สร้างมาให้มีเมืองเจริญล้ำยุค แต่หนังเรื่องนี้นำเสนอโลกดิสโทเปียที่ไม่ใช่แค่เมืองพังพินาศไม่เหลือซาก แต่กลับสร้างและจัดองค์ประกอบนำเสนอได้ให้อารมณ์เหงา น่าฉงนสงสัยเหนือจริง ฉากต่อสู้ทำได้น่าสนใจมากสำหรับเรา เสียงประกอบที่ให้อารมณ์ร่วมและเป็นแบคกราวน์ของเมืองในอนาคตที่ดูสับสนได้เป็นอย่างดีและในส่วนของเนื้อเรื่องก็ทำได้ดีและคาดว่าคงถูกอกถูกใจแฟนๆหลายๆท่านรวมถึงเราด้วย เมื่อดูจบก็รู้สึกว่ามีความรู้สึกอะไรหลายๆอย่างที่อยากเขียนถึงและจากบรรทัดนี้ไปมีสปอยล์หนักหน่วงแน่นอน
[Spoil!!!]
ตั้งแต่ภาคแรกที่ตั้งคำถามถึงความมีตัวตนของเครื่องจักร ในภาคนี้ก็เช่นกัน K พระเอก replicant ของเรื่อง ทำหน้าที่ blade runner คอยกำจัด replicant นอกคอก ทำตามคำสั่งอย่างไม่สงสัยตามแบบฉบับของหุ่น นอกเวลางานเขาเองก็คงรู้สึกโดดเดี่ยวโหยหาความรักเหมือนมนุษย์ เขามี JOI โปรแกรมเสมือนจริงคอยตอบสนองเหมือนแฟนสาวของเขา การที่เขามีความรักมันจะทำให้เขามีจิตวิญญาณขึ้นมาไหม? การที่เรามีค่ามีความหมายกับใครสักคนแม้เธอจะเป็นแค่โปรแกรม มันหมายถึงเขาก็มีตัวตนรึเปล่า? หรือมันเป็นเพียงของเทียม สารเคมีที่ตอบสนองในสมองและร่างกายสังเคราะห์ของเขา แต่ในมนุษย์มันก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอ? แบบไหนกันแน่ที่มาแยกความแตกต่าง?
ตอนที่เขาได้รับภารกิจให้ฆ่าเด็กที่ถือกำเนิดมา เขากลับอึกอักรู้สึกลำบากใจ หัวหน้าเขาให้คำตอบเพียงว่า “ต่างกันตรงไหน” ถ้านับเป็นหน้าที่ที่เขาต้องทำมันก็คงไม่ต่างกัน ถ้านับกันที่การถือกำเนิด มันก็ต่างกัน ธรรมชาติกับสิ่งสังเคราะห์ แต่สิ่งสังเคราะห์ที่มีเลือดเนื้อและจิตใจอย่างเขาล่ะ ควรให้ข้อจำกัดความแตกต่างว่าอย่างไร
K มีตัวตนขึ้นมาเมื่อตอนที่เขาเข้าใจว่าเด็กที่ถือกำเนิดจาก replicant คือตัวเขา จู่ๆชีวิตของเขาก็พลิกผัน จุดกำเนิดของเขาไม่ต่างจากมนุษย์แล้ว เท่านี้ก็เรียกได้ว่าเขามีจิตวิญญาณแล้วใช่ไหม? เขากลายเป็น Joe เขามีชื่อได้เช่นเดียวกับมนุษย์แล้ว
เขาหลบหนีการตามล่าตามหาจุดกำเนิดของตน ระหว่างการหลบหนี ความรักของ JOI โปรแกรมเสมือนก็เข้ามาช่วยตอกย้ำจิตวิญญาณที่มี เธอรักเขามากเหลือเกิน มากเสียจนยอมตายหายไปหากมันช่วยเขาได้ ความเป็นคนสำคัญความพิเศษนี้ยิ่งทำให้เขารู้สึกว่าชีวิตมีความหมาย
เมื่อเขามาพบ Deckard มนุษย์ผู้ให้กำเนิดเขา เขาสงสัยเหลือเกินว่าชายคนนี้รักในลูกของเขาไหมหากรักก็ต้องตามช่วยเหลือสิ แม้ว่ามันจะเสี่ยงเพียงไหน เรียกได้ว่ายอมตายเลยสำหรับเขา Deckard มนุษย์ตัวจริงกลับให้คำตอบพียงว่า บางครั้งความรักก็คือ การที่เราเป็นคนแปลกหน้า ต่อกัน K เองก็คงสับสนว่าเขาหมายถึงตามนั้นจริงๆหรือมันเป็นแค่ข้ออ้างของคนที่ไม่ยอมเสี่ยง รักตัวกลัวตาย
ในตอนท้าย Joe ก็กลับมาเป็น K อีกครั้ง เมื่อเขาค้นพบว่าสิ่งที่เขาคิดว่าตนเองคือเด็กที่ถือกำเนิดเป็นความเข้าใจผิด มันเป็นเพียงกลหลอกของ Deckard, Frayza, และความบังเอิญของเด็กที่ถือกำเนิดตัวจริงซึ่งใส่ความทรงจำตัวเองให้เขาไป เรื่องราวกลับตาลปัตร เขาด่วนสรุปเพราะเขาเองก็อยากมีจิตวิญญาณ จึงคิดเข้าข้างตัวเองตลอดมา JOI เองก็สนับสนุนความคิดของเขา แต่ก็เพราะ JOI พูดในสิ่งที่เขาอยากได้ยิน ท้ายที่สุดแล้วความมีจิตวิญญาณทั้งหลายมันเป็นเพราะเขากล่อมปลอบใจตัวเอง
ไม่ใช่เพียงเฉพาะ K ตัวละคร Replicant ทุกคนในเรื่อง โหยหาตัวตน
Love ต้องเก่งที่สุด เพอร์เฟคที่สุด จึงจะมีค่าในสายตาของ Wallace ถ้าไร้ค่าเธอจะถูกกำจัดทิ้ง เธอไม่อยากหายไปจากชีวิตของเขา
JOI รักและเข้าใจ เอาใจใส่ K/JOE เสมอ เธอเองก็อยากมีตัวตนในสายตาของคนที่เธอรัก และแม้ JOI จะไม่มีร่างกาย เธอให้ความสุขทางกายกับเขาไม่ได้ และเพราะโปรแกรมตั้งระบบไว้ให้พูดและทำในสิ่งที่ K อยากได้ยินก็ตาม แต่แค่นั้น JOI เองก็มีตัวตนในสายตาของ K แล้ว เพราะเขาไม่ได้ต้องการอะไรมากไปกว่าการมีค่าในสายตาของใครสักคนเช่นกัน
Frayza และ Sapper ต้องการมีอิสระ มีอุดมการณ์ พวก Replicant ทุกคนอยากมีตัวตน
มันจะน่าเศร้าใจเพียงไหน ถ้าเรารู้ว่าสิ่งที่เราเชื่อมาตลอดมันไม่ใช่ ถ้าจริงๆแล้วเราไม่มีความหมายอะไรเลยกับใคร แม้แต่กับตัวเอง
แต่ความจริงนี้มันหักล้างกับความรู้สึกของพวกเขาได้หรือไม่ พวกเขามีเป้าหมาย มีอุดมการณ์ มีความโหยหา มีความต้องการ มีความรักตัวกลัวตาย มีเมตตาช่วยเหลือต่อ Replicant ด้วยกัน และมีความเมตตากับมนุษย์
กลับกัน มนุษย์อย่าง Wallace ที่ไม่มีความเมตตา, มนุษย์ผู้เย็นชาอย่าง Deckard กลับเรียกได้ว่ามีจิตวิญญาณ?
Deckard ได้พบกับลูกของเขา เหมือนจะเป็นตอนจบที่แฮปปี้ เอนด์ดิ้งของเรื่องที่มนุษย์จริงๆซึ่งมีจิตวิญญาณได้กลับมาพบกัน ความผูกพันพ่อ-ลูกที่ตัดกันไม่ขาด แต่ไม่เลย เรากลับรู้สึกว่ามันเป็นจิตวิญญาณที่กลวงเปล่า เป็นความรู้สึกที่ปลอมมากๆ
ตอนจบท่ามกลางหิมะของ K กลับน่าตราตรึงใจไม่แพ้ตอนจบของ Roy replicant วายร้ายใน Blade runner ภาคแรก
Roy ได้กล่าวประโยคอมตะที่ประทับใจใครหลายคนว่าเขาผ่านช่วงเวลาที่แสนเจ็บปวดมามาก แต่ทุกอย่างมันจะสลายไป คล้ายคราบน้ำตาบนหยาดน้ำฝน
สำหรับ K ในตอนจบไม่ต้องมีคำพูดใดๆแต่กลับน่าประทับใจให้ตีความ หิมะกำลังตก ในขณะที่ตัวเขากำลังจะตาย เกล็ดหิมะตกลงบนเลือดของเขาและละลายหายไป ในทางวิทยาศาสตร์หิมะแต่ละเกล็ดนั้นไม่เหมือนกันสักเกล็ด มีรูปแบบต่างๆกันออกไป แต่วันหนึ่งมันก็จะสลายกลายเป็นน้ำและระเหยหายไปราวกับไม่มีตัวตน ก็คงเหมือนกับ K เขามีตัวตนอยู่เพียงชั่วคราวและสลายหายไปกับความเจ็บปวดเหมือนหิมะที่ตกลงมาบนเลือดของเขา สุดท้ายแล้วชีวิตของเขามันก็ไม่ได้มีค่าหรือความหมายอะไร แต่ก็คงพูดได้ไม่เต็มปากนัก สิ่งที่เขากระทำ การที่เขาเสียสละ ยอมตาย เพราะเขาคิดว่าเขาไร้ค่ากว่าจนยอมแลกให้ได้ กลับสมควรเรียกได้ว่ามี จิตวิญญาณ มากกว่ามนุษย์บางคนเสียอีก
น่าสนใจ ที่ภาพยนตร์ชุด Blade runner นี้ พูดถึงความเป็นมนุษย์ได้เป็นมนุษย์ที่สุดผ่าน Replicant ที่สุดท้ายแล้วชีวิตพวกเขาก็เป็นเพียงสิ่งสังเคราะห์ที่ไร้ความหมาย ไร้ค่าสายตาใครๆ แต่กลับมีความคิดความรู้สึกซับซ้อนมากมาย คำพูดของพวกเขาเข้าใจในความเป็นไปของชีวิตมากกว่ามนุษย์เองเสียอีก สุดท้ายแล้วจะจำกัดความว่าจิตวิญญาณ,ตัวตน,การกำเนิดหรือร่างกาย มันคงไม่สำคัญเท่ากับการกระทำต่อกันอีกแล้ว ฟังดูงงๆ แต่ก็แบบนี้แหละ อะไรที่เป็นจริงมันมักจะสับสนเสมอ
หากชอบการรีวิวแบบนี้และอยากเข้ามาแสดงความคิดเห็นร่วมกันในเฟซบุ๊คบ้าง กดติดตามจากเพจเราได้ จะได้สะดวกมากขึ้น
https://www.facebook.com/scenethisbefore