** ผมขอข้ามใส่ส่วนของการตั้งค่า Settings เนื่องจากเป็นเรื่องพื้นฐานเหมือนๆกับแอพทั่วไปนะครับ
หลายๆคนคงเจอปัญหาเรื่องของ Junk Phone / Junk SMS หรือต้องการความเป็นส่วนตัวในช่วงเวลาหนึ่งโดยไม่อยากให้ปลายสายรู้สึกว่าเราตัดสายทิ้งซึ่งบางทีอาจจะกระทบต่อความสัมพันธ์ได้ แต่ในขณะที่บางสายเองก็มารบกวน เช่น ขายประกัน สินเชื่อบุคคล ขายบัตรเครดิต ฯลฯ ข้อดีอย่างหนึ่งของการ Root เครื่องคือสามารถใช้แอพที่ต้อง root เครื่องได้
นอกเหนือจากโปรแกรมดีๆอย่าง Whoscall ที่หลายๆคนมีไว้ประจำเครื่องอยู่แล้ว ซึ่งก็ตอบโจทย์สำหรับเบอร์แปลกๆที่โทรเข้ามาได้
ด้วยความที่ชอบลองมาตั้งแต่สมัยใช้ Symbian , PPC แล้ว พอ OS เหล่านั้นล้มหายตายจากไปหมดก็จำเป็นต้องใช้ android แทน ผมเองเคยใช้โปรแกรมประเภท blacklist มาหลายตัว ซึ่งส่วนใหญ่ก็ตอบโจทย์ได้แต่ไม่ค่อยเนียนนัก ปัญหาที่พบคือเมื่อเราตั้งค่าเป็น ignore หน้าจอจะยังแสดงว่ามีคนโทรเข้าก็อดไม่ได้ที่ต้องรับ แต่ถ้าตั้งให้ตัดสายทิ้ง ทางฝั่งโน้นก็จะทราบได้เพราะจะมีเสียงเรียกเข้า 1 ครั้งก่อนตัดสาย บางทีอาจจะดูไม่ดีเท่าไหร่
จนมาเจอแอพชื่อ “Call Master” ใช้มาได้ราวๆ 5 ปี ซึ่งใช้งานได้ดีมาก (ความเห็นส่วนตัว) แต่ต้องรูทเครื่องก่อน โดยสามารถใช้กับมือถือ android ได้ทุก version
ต้องบอกก่อนว่าตัวแอพความซับซ้อนในการตั้งค่าค่อนข้างมาก แต่เมื่อตั้งค่าไว้แล้วไม่ต้องไปยุ่งอะไรกับมันอีกเลย ก่อนอื่นก็โหลดมาเลย ผมเสียเงินซื้อ key ด้วย (ข้อแตกต่างของการซื้อ key กับแบบฟรีคือเวลาเข้าโปรแกรมจะมีหน่วงเวลาประมาณ 5-10 วินาทีทุกครั้งแค่นั้น feature ทุกอย่างใช้ได้เหมือนกันหมดไม่มีกั๊ก)
เมื่อเข้าแอพแล้วก็ตั้งค่าต่างๆในแต่ละส่วน ผมขออธิบายตามหัวข้อที่ต้องทำก่อนคือ
1.
Add : ไม่ต้องใช้งาน (เข้าไปกำหนดค่าใน List)
2.
Settings : เพื่อตั้งค่าของตัวโปรแกรมเบื้องต้น เช่น password , การแสดงบน notification bar , Icon etc.
3.
Lists : เป็นตัวกำหนดรายการทั้งหมดที่ตั้งขึ้น ยิ่งกำหนดละเอียดเท่าไหร่ยิ่งดี เพราะเราสามารถ customize ได้มากเท่านั้น (โปรแกรมจะมีตัวอย่างมาให้บางส่วน ให้เข้าไปดูวิธีสร้างเงื่อนไขแล้วเอามาทำให้ตรงกับสิ่งที่ใช้งาน)
ผมสร้างกลุ่ม Junk phone โดยกำหนดเบอร์ในกลุ่มทั้งแบบเต็ม เช่น 0-2256-1000 และฉพาะบางส่วน เช่น 02150* คือการกำหนดเบอร์ตั้งแต่ 0-2150-0000-0-2150-9999 เข้าเงื่อนไขทั้งหมด
4.Logs : เพื่อเปิดดูว่ามีใครใน Blacklist โทรหรือส่ง SMS มาบ้าง สามารถเข้าไปลบ (remove) หรือโอน (Export) ไปที่ ประวัติการโทรหรือ message หลักของเครื่องได้ด้วย
5.Profile : ใช้ตั้งค่า Profile เพื่อสร้างเงื่อนไขในการใช้งาน (เพิ่มใหม่ได้ตามต้องการ) และการกำหนดรายละเอียดในแต่ละ profile ตัวอย่างเช่น
Receive all คือรับทุกสาย
Not in Contact คือ โทรเข้าได้เฉพาะเบอร์ที่บันทึกไว้ในมือถือ
Allow Family only คือโทรเข้าได้เฉพาะเบอร์ของครอบครัวและญาติ ฯลฯ
แต่ทุก Profile ผมจะใส่เงื่อนไขว่าไม่รับเบอร์ที่ไม่โชว์เบอร์และ Junk phone & Junk SMS (คือกลุ่มพวกนี้จะไม่สามารถรบกวนเราได้ ไม่ว่าเราจะอยู่ใน Profile ไหนก็ตาม)
ในระหว่างการใช้งานหากมีสายเรียกเข้า เราสามารถตั้งค่าได้คือ
รับสายทั้งหมด
ไม่รับสายที่ไม่โชว์เบอร์
ไม่รับสาย เราสามารถเลือกตั้งค่าการไม่รับสายได้อิสระต่อกันในแต่ละกลุ่ม blacklist โดยสามารถเลือกได้ดังนี้
-Reject เมื่อเบอร์ blacklist โทรเข้า จะถูกตัดสายทันที (ไม่มีดัง 1 ครั้งให้ฝั่งโน้นได้ยิน)
-Ignore ฝั่งโน้นจะได้ยินเสียงโทรติดตามปกติจนกว่าจะวางสายเอง แต่ที่เครื่องของเราจะไม่แสดงอะไร หน้าจอดับแหมือนไม่มีสายโทรเข้า
-Offline อันนี้เด็ดสุด โปรแกรมสามารถตรวจสอบหากพบว่าเป็น blacklist ก็จะตัดสัญญาณ ปลายสายก็จะได้ยินว่า “หมายเลขที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้” โดยไม่มีสัญญาณโทรติดก่อน ในขณะที่ฝั่งเราก็ไม่เห็นอะไรจากโทรศัพท์ เหมาะกับการบล็อกพวกขายตรง ประกัน ฯลฯ ซึ่งผมยังไม่เห็นว่าคุณสมบัตินี้มีโปรแกรมไหนทำได้บ้าง
-Kill , Answer-Hang up , Answer-wait-hang up , Answer and hold พวกนี้ผมไม่ได้ใช้งาน
6.Schedules : เพื่อใช้ profile ที่ต้องการตามเวลาที่กำหนด ตัวอย่างเช่น วันธรรมดาช่วงทำงานก็ให้โทรเข้าได้ทุกเบอร์ ส่วนตอนเย็นและวันหยุดให้โทรเข้าได้เฉพาะคนในครอบครัวและญาติเท่านั้น ฯลฯ (แต่ทุก profile ต้องกำหนดไม่รับสายที่ไม่โชว์เบอร์ไว้ด้วย)
สรุปข้อดีของแอพนี้คือ
-ในประวัติการโทรจะไม่แสดงหมายเลขโทรเข้าหรือ SMS ที่บล็อกไว้ (ไม่ทิ้งอะไรไว้เลย) หากจะดูต้องเข้าไปเปิดดูในโปรแกรมเท่านั้น
-ฝั่งที่โทรมาจะได้ยินเสียงโทรติดแต่ไม่มีคนรับสาย หรือสัญญาณไม่ว่าง หรืออยู่นอกพื้นที่สัญญาณ-ปิดเครื่อง ทำให้เราเลือกใช้ได้ตามสถานการณ์ที่เหมาะสม
-สามารถตั้งรหัสการเข้าโปรแกรมได้
ขอขอบคุณสำหรับพื้นที่ครับ
[CR] %%%%% เล่าสู่กันฟัง แนะนำแอพ Blacklist ชื่อ Call Master ฉบับย่อ (สำหรับเครื่อง Root เท่านั้น) %%%%%
หลายๆคนคงเจอปัญหาเรื่องของ Junk Phone / Junk SMS หรือต้องการความเป็นส่วนตัวในช่วงเวลาหนึ่งโดยไม่อยากให้ปลายสายรู้สึกว่าเราตัดสายทิ้งซึ่งบางทีอาจจะกระทบต่อความสัมพันธ์ได้ แต่ในขณะที่บางสายเองก็มารบกวน เช่น ขายประกัน สินเชื่อบุคคล ขายบัตรเครดิต ฯลฯ ข้อดีอย่างหนึ่งของการ Root เครื่องคือสามารถใช้แอพที่ต้อง root เครื่องได้
นอกเหนือจากโปรแกรมดีๆอย่าง Whoscall ที่หลายๆคนมีไว้ประจำเครื่องอยู่แล้ว ซึ่งก็ตอบโจทย์สำหรับเบอร์แปลกๆที่โทรเข้ามาได้
ด้วยความที่ชอบลองมาตั้งแต่สมัยใช้ Symbian , PPC แล้ว พอ OS เหล่านั้นล้มหายตายจากไปหมดก็จำเป็นต้องใช้ android แทน ผมเองเคยใช้โปรแกรมประเภท blacklist มาหลายตัว ซึ่งส่วนใหญ่ก็ตอบโจทย์ได้แต่ไม่ค่อยเนียนนัก ปัญหาที่พบคือเมื่อเราตั้งค่าเป็น ignore หน้าจอจะยังแสดงว่ามีคนโทรเข้าก็อดไม่ได้ที่ต้องรับ แต่ถ้าตั้งให้ตัดสายทิ้ง ทางฝั่งโน้นก็จะทราบได้เพราะจะมีเสียงเรียกเข้า 1 ครั้งก่อนตัดสาย บางทีอาจจะดูไม่ดีเท่าไหร่
จนมาเจอแอพชื่อ “Call Master” ใช้มาได้ราวๆ 5 ปี ซึ่งใช้งานได้ดีมาก (ความเห็นส่วนตัว) แต่ต้องรูทเครื่องก่อน โดยสามารถใช้กับมือถือ android ได้ทุก version
ต้องบอกก่อนว่าตัวแอพความซับซ้อนในการตั้งค่าค่อนข้างมาก แต่เมื่อตั้งค่าไว้แล้วไม่ต้องไปยุ่งอะไรกับมันอีกเลย ก่อนอื่นก็โหลดมาเลย ผมเสียเงินซื้อ key ด้วย (ข้อแตกต่างของการซื้อ key กับแบบฟรีคือเวลาเข้าโปรแกรมจะมีหน่วงเวลาประมาณ 5-10 วินาทีทุกครั้งแค่นั้น feature ทุกอย่างใช้ได้เหมือนกันหมดไม่มีกั๊ก)
เมื่อเข้าแอพแล้วก็ตั้งค่าต่างๆในแต่ละส่วน ผมขออธิบายตามหัวข้อที่ต้องทำก่อนคือ
1.Add : ไม่ต้องใช้งาน (เข้าไปกำหนดค่าใน List)
2.Settings : เพื่อตั้งค่าของตัวโปรแกรมเบื้องต้น เช่น password , การแสดงบน notification bar , Icon etc.
3.Lists : เป็นตัวกำหนดรายการทั้งหมดที่ตั้งขึ้น ยิ่งกำหนดละเอียดเท่าไหร่ยิ่งดี เพราะเราสามารถ customize ได้มากเท่านั้น (โปรแกรมจะมีตัวอย่างมาให้บางส่วน ให้เข้าไปดูวิธีสร้างเงื่อนไขแล้วเอามาทำให้ตรงกับสิ่งที่ใช้งาน)
ผมสร้างกลุ่ม Junk phone โดยกำหนดเบอร์ในกลุ่มทั้งแบบเต็ม เช่น 0-2256-1000 และฉพาะบางส่วน เช่น 02150* คือการกำหนดเบอร์ตั้งแต่ 0-2150-0000-0-2150-9999 เข้าเงื่อนไขทั้งหมด
4.Logs : เพื่อเปิดดูว่ามีใครใน Blacklist โทรหรือส่ง SMS มาบ้าง สามารถเข้าไปลบ (remove) หรือโอน (Export) ไปที่ ประวัติการโทรหรือ message หลักของเครื่องได้ด้วย
5.Profile : ใช้ตั้งค่า Profile เพื่อสร้างเงื่อนไขในการใช้งาน (เพิ่มใหม่ได้ตามต้องการ) และการกำหนดรายละเอียดในแต่ละ profile ตัวอย่างเช่น
Receive all คือรับทุกสาย
Not in Contact คือ โทรเข้าได้เฉพาะเบอร์ที่บันทึกไว้ในมือถือ
Allow Family only คือโทรเข้าได้เฉพาะเบอร์ของครอบครัวและญาติ ฯลฯ
แต่ทุก Profile ผมจะใส่เงื่อนไขว่าไม่รับเบอร์ที่ไม่โชว์เบอร์และ Junk phone & Junk SMS (คือกลุ่มพวกนี้จะไม่สามารถรบกวนเราได้ ไม่ว่าเราจะอยู่ใน Profile ไหนก็ตาม)
ในระหว่างการใช้งานหากมีสายเรียกเข้า เราสามารถตั้งค่าได้คือ
รับสายทั้งหมด
ไม่รับสายที่ไม่โชว์เบอร์
ไม่รับสาย เราสามารถเลือกตั้งค่าการไม่รับสายได้อิสระต่อกันในแต่ละกลุ่ม blacklist โดยสามารถเลือกได้ดังนี้
-Reject เมื่อเบอร์ blacklist โทรเข้า จะถูกตัดสายทันที (ไม่มีดัง 1 ครั้งให้ฝั่งโน้นได้ยิน)
-Ignore ฝั่งโน้นจะได้ยินเสียงโทรติดตามปกติจนกว่าจะวางสายเอง แต่ที่เครื่องของเราจะไม่แสดงอะไร หน้าจอดับแหมือนไม่มีสายโทรเข้า
-Offline อันนี้เด็ดสุด โปรแกรมสามารถตรวจสอบหากพบว่าเป็น blacklist ก็จะตัดสัญญาณ ปลายสายก็จะได้ยินว่า “หมายเลขที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้” โดยไม่มีสัญญาณโทรติดก่อน ในขณะที่ฝั่งเราก็ไม่เห็นอะไรจากโทรศัพท์ เหมาะกับการบล็อกพวกขายตรง ประกัน ฯลฯ ซึ่งผมยังไม่เห็นว่าคุณสมบัตินี้มีโปรแกรมไหนทำได้บ้าง
-Kill , Answer-Hang up , Answer-wait-hang up , Answer and hold พวกนี้ผมไม่ได้ใช้งาน
6.Schedules : เพื่อใช้ profile ที่ต้องการตามเวลาที่กำหนด ตัวอย่างเช่น วันธรรมดาช่วงทำงานก็ให้โทรเข้าได้ทุกเบอร์ ส่วนตอนเย็นและวันหยุดให้โทรเข้าได้เฉพาะคนในครอบครัวและญาติเท่านั้น ฯลฯ (แต่ทุก profile ต้องกำหนดไม่รับสายที่ไม่โชว์เบอร์ไว้ด้วย)
สรุปข้อดีของแอพนี้คือ
-ในประวัติการโทรจะไม่แสดงหมายเลขโทรเข้าหรือ SMS ที่บล็อกไว้ (ไม่ทิ้งอะไรไว้เลย) หากจะดูต้องเข้าไปเปิดดูในโปรแกรมเท่านั้น
-ฝั่งที่โทรมาจะได้ยินเสียงโทรติดแต่ไม่มีคนรับสาย หรือสัญญาณไม่ว่าง หรืออยู่นอกพื้นที่สัญญาณ-ปิดเครื่อง ทำให้เราเลือกใช้ได้ตามสถานการณ์ที่เหมาะสม
-สามารถตั้งรหัสการเข้าโปรแกรมได้
ขอขอบคุณสำหรับพื้นที่ครับ