ต้นเหตุของเรื่อง
ผมมีปัญหาเรื่องรถระบายความร้อนไม่ค่อยทัน ในช่วงความเร็วต่ำครับ (0-60 กม./ชม.) ปัญหาไม่ได้หนักหนาถึงขั้นเครื่องฮีท เกจความร้อนของรถไม่กระดิก แต่ผมใช้ Monster Gauge เพื่ออ่านค่าความร้อน เลยทำให้เห็นตัวเลขความร้อนอยู่ตลอด ความร้อนมักจะขึ้นสูงในช่วงที่รถติดที่เราต้องเร่งๆเบรคๆนี่แหละครับ ส่วนในตอนที่ความเร็วคงที่ 60 ขึ้นไปถนนและโล่ง ถ้าไม่ได้เท้าหนักมากมาย ปริมาณลมที่มากพอจะทำให้ความร้อนคงที่ หรือ ค่อยๆลดลง ยิ่งขับรอบต่ำยิ่งค่อนข้างเย็นครับ
หน้าตา Monster Gauge ที่ใช้อ่านค่าจาก OBD2 ที่ผมใช้อยู่ครับ
เท่าที่ผมหาวิธีในการทำให้รถระบายความร้อนได้ดีขึ้น ทางเลือกที่จะทำให้รถระบายความร้อนได้ดีขึ้น
1. อู่ประจำคลับแนะนำว่า ให้เพิ่มพัดลม 1 ตัว หน้าแผงแอร์ (รถเดิมมีพัดลมตัวเดียว จะหมุนเบาเมื่อแอร์ทำงาน และหมุนแรงเมื่อความร้อนถึง 97 องศา) งบประมาณ 2000+ ข้อดีคือ ตอนแอร์ทำงานพัดลมก็หมุน 2 ตัว ระบายความร้อนได้ดีขึ้นแน่ๆ แต่ข้อเสียคือ แอร์หนาวขึ้นมากแน่ๆ แม้จะเปิดเบาสุด
2. อัพมอเตอร์พัดลมไปใช้ตัวสเปคยุ่น งบประมาณ 2000+ บาท หรืออัพใบพัดใหม่ ราคาหลักร้อย ให้ผลทำนองเดียวกันเคียงกับข้อ 1 ครับ แต่แอร์ไม่หนาวเท่าข้อ 1 เพราะไม่ได้เป่าตรงๆไปที่แผงแอร์ (ไม่รู้เรียกถูกหรือเปล่า) แต่ความเสี่ยงก็คือ ทำไปแล้วจะพอหรือเปล่ายังไม่ใจครับ และถ้าหาใบพัดลมที่ใส่กับโครงเดิมไมได้ อาจต้องตีโครงใหม่ 1500-2000 บาท
3. เปลี่ยนวาล์วน้ำ (Thermostat) องศาต่ำ (ของเดิมเปิดที่ 82 องศา เปลี่ยนใหม่ให้เปิดที่ 76 องศา) ซึ่งเท่าที่ผมเข้าใจ ไม่น่าจะช่วยในกรณีผมได้ครับ
4. เปลี่ยนกระจังหน้าตาห่างๆ ให้ลมเข้าได้มากขึ้น งบประมาณ 1200+- ผมเคยลองแล้วครับ เวิร์ค แต่ ผมไม่ชอบหน้าตากระจังใหม่!
5. เปลี่ยนปั๊มน้ำให้แรงดันมากขึ้น ทำให้ speed น้ำไหลวนในระบบเร็วขึ้น ถามอู่ประจำคลับแล้ว อู่บอกว่าไม่สามารถอัพได้ ปั๊มรถรุ่นใครรุ่นมันแปลงไม่ได้
6. เปลี่ยนหม้อน้ำใหม่ ซึ่งผมเพิ่งเปลี่ยนมา ขยายไซส์ให้หนาขึ้น จำนวนช่องเท่าเดิม ซึ่งผลที่ได้ Fail ครับ ระบายความร้อนได้ดีเท่าเดิม ออกจะแย่กว่าเดิมนิดๆด้วย ช่องหนาขึ้น ชลอให้ความร้อนขึ้นช้าลง แต่ก็ลงช้าลงด้วยเหมือนกัน
7. ทำบังลมบน ซึ่งในรถหลายๆรุ่นมีมาให้อยู่แล้ว แต่รถผมไม่มีให้ครับ ไม่รู้จะเวิร์คไหม แต่อยากลอง ทำให้เป็นที่มาของรีวิวนี้ครับ
x เห็นแทกซี่บางคันหนุนฝากระโปรงให้สูงขึ้น ตรงนี้ผมเข้าใจว่าระบายอากาศตอนจอดได้ดีขึ้นนิดนึง แต่สำหรับตอนที่ทำความเร็ว แรงกดอากาศตรงตีนกระจกจะสูง และยิ่งทำให้ระบายอากาศได้แย่ลงไปอีก ตามบทความนี้ครับ..
http://www.johsautolife.com/index.php/2015-12-30-03-42-00/2015-12-30-03-43-37/97-hood-spacer
หลักการของบังลมหม้อน้ำคือ มันจะช่วยบังคับลมไม่ให้กระฉอกออกไปด้านบน กล่าวคือ ในตอนที่รถวิ่งอยู่ หลังจากที่ลมเข้ามาทางด้านกระจังหน้า ถ้าไม่มีบังลมบน จะมีลมส่วนหนึ่งที่กระฉอกออกไปด้านบน (อาจจะมีกระฉอกออกด้านข้างทั้งสองข้างบ้าง) แต่เมื่อเราตีบังลมปิดด้านบนก็เป็นการบังคับให้ลมพุ่งตรงเข้าไปหาแผงแอร์และหม้อน้ำมากขึ้น (แต่ด้านข้างก็ยังคงกระฉอกอยู่บ้าง) ซึ่งจะช่วยให้ตอนที่รถวิ่ง สามารถระบายความร้อนได้ดีขึ้น ส่วนในตอนที่จอดรถ อาจจะระบายได้ดีเท่าเดิม หรืออาจจะระบายได้แย่ก็ได้ ถ้าแผ่นที่เราปิดไว้มันปิดกันความร้อนไม่ได้ระบายออกไปทางด้านบน..
ผมได้ติดต่อร้านทำบังลมหม้อน้ำ ซึ่งก็มีตั้งแต่วัสดุเป็นเนียม ร้านใหญ่ร้านดังที่ลาดพร้าว ราคา 1500 อีกร้านแถวบางพลีวัสดุเป็นอะคลิลิค (งานสวยมากครับจนผมหวั่นไหวครับ) ราคา 1000 บาทจนมาได้ร้านที่เคมีตรงกัน วัสดุเป็นอลูมิเนียมคิด 500 บาท ใช้เวลาประมาณ 3 ชม. นัดวันกันเรียบร้อยครับ..
ขั้นตอนการทำแผ่นปิดบังลมบน
ผมเข้าร้านมาเลทจากเวลานัด 10 นาที ได้รออีกประมาณครึ่ง ชม. ช่างเพิ่งตื่นมาทำงานให้ครับ 55
รูปแรกครับ รูปก่อนทำครับ โคมมันจะเหลืองๆหน่อยนะครับ
รูป 2 เริ่มทำแบบครับ
รูปที่ 3 แบบเสร็จเรียบร้อยครับ
รูปที่ 4 เริ่มตัดแผ่นอะลูมิเนียมตามแบบที่วาดไว้ครับ
รูปที่ 5 หลังจากบรรจงตัด และใส่เข้าออก ซ่อมงานอยู่หลายครั้ง ก็เสร็จเรียบร้อย สำหรับผม ผมว่าฝีมือใช้ได้ งานเรียบร้อยดีเลยครับ
รูปที่ 6 ภาพเต็มๆต้องเครื่องครับ หลังทำเสร็จ
หลังเสร็จงาน ใช้เวลารวมนั่งรอแล้ว 3 ชม. พอดีเป๊ะ ช่างคิดราคาออกมา 400 บาท ถูกกว่าที่ตกลงกันไว้ในตอนแรกเสียอีก happy สิครับ!!
ความเปลี่ยนแปลงหลังใช้งาน
ได้ลองขับไปทำงานแบบรถติดๆ และได้ลองขับออกต่างจังหวัด และพยายามเหล่ความร้อนบ่อยๆ ปกติผมไม่ใช้คนขับเน้นประหยัดเท่าไรครับ กระทืบบ่อย แต่ก็ไม่ได้ลากรอบสูงนะครับ รอบอยู่ในช่วงต้นถึงกลาง พบว่า ในความเร็วกลาง ถึงสูง (50-60 เป็นต้นไป) ความร้อนระบายดีขึ้นครับ ความร้อนขึ้นช้า และยังลงเร็วกว่าเดิม และสามารถขับแช่ที่ความเร็วต่ำกว่าเดิม (จากเดิน 60-70 ตอนนี้ 50-60 ความร้อนก็ไม่ขึ้นแล้ว) กสารขับแช่ในความเร็วสูง เช่น 100 หรือ 120 ความร้อนจากเมื่อก่อนจะอยู่ที่ 88-90 องศา ตอนนี้เย็นลงเหลือ 86-88 องศา คือลดลงประมาณ 2 องศา (อุณหภูมิจะเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพฝนตก แดดร่ม แดดออก ขับเดี่ยวๆ หรือขับตามคันหน้าครับ แต่ในทีนี้ผมยกตัวอย่างจากกรณีที่ขับในแบบเดียวกัน)
แต่สำหรับการขับใช้งานรถติดๆใน กทม. มันดีขึ้นน้อยมาก จนแทบจะไม่ดีขึ้นเลยคับ จากเดิมที่ถ้าขับแบบคลายๆ ความร้อนจะขึ้นไปถึง 97 องศา จนพัดลมต้องทำงานเต็มสปีด จนลงมาถึง 92 และก็ยังคงรถติดและขึ้นไป 97 วนไปอยู่แบบนี้ ก่อนนี้เป้นอย่างไร หลังติดก็เป็นแบบนั้น เพียงแต่ดีขึ้นนิดเดียวตรงที่ ถ้าเจอถนนโล่งยาวหน่อย ผมสามารถกระทืบคันเร่งมากกว่าเดิม ถ้ารถเคลื่อนตัวความเร็วเกิน 40 ขึ้นไป ความร้อนมันจะขึ้นช้าลงครับ แต่ถ้าขับคลานๆเหมือนเดิม 10-40 ก็ยังคงร้อนเหมือนเดิม แต่ไม่ได้ร้อนกว่าเดิมนะครับ
สรุปผลการทดลอง
ทำบังลมหม้อน้ำปิดด้านบน เสียเงินไป 400 บาท ใช้เวลาทำ 3 ชม. ผลทั่ได้คือ ความเร็วต่ำ และสูง ระบายความร้อนได้ดีขึ้นจริง แต่ในความเร็วต่ำๆคลานๆรถติดๆ ระบายความร้อนได้เท่าเดิม ไม่ดี ไม่แย่ไปกว่าเดิมจนทำให้รู้สึกได้ครับ..
สุดท้ายนี้ รีวิวนี้แชร์ด้วยใจครับ หวังว่าประสบการณ์ของผมจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจ ถ้ามีสิ่งใดผิดพลาด หรือไม่ถูกต้องต่อหลักการ หรือประสบการณ์ของท่านใด ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย ยินดีเปิดรับทุกความคิดเห็นครับ..
ฝากติดตามผลงานที่เพจ Need For Slow ด้วยครับ:
https://www.facebook.com/Needforslow247/
[CR] [รีวิวสามัญชน] แผ่นบังลมหม้อน้ำ (บน) ช่วยระบายความร้อนเครื่องยนต์ได้จริงไหม
ผมมีปัญหาเรื่องรถระบายความร้อนไม่ค่อยทัน ในช่วงความเร็วต่ำครับ (0-60 กม./ชม.) ปัญหาไม่ได้หนักหนาถึงขั้นเครื่องฮีท เกจความร้อนของรถไม่กระดิก แต่ผมใช้ Monster Gauge เพื่ออ่านค่าความร้อน เลยทำให้เห็นตัวเลขความร้อนอยู่ตลอด ความร้อนมักจะขึ้นสูงในช่วงที่รถติดที่เราต้องเร่งๆเบรคๆนี่แหละครับ ส่วนในตอนที่ความเร็วคงที่ 60 ขึ้นไปถนนและโล่ง ถ้าไม่ได้เท้าหนักมากมาย ปริมาณลมที่มากพอจะทำให้ความร้อนคงที่ หรือ ค่อยๆลดลง ยิ่งขับรอบต่ำยิ่งค่อนข้างเย็นครับ
หน้าตา Monster Gauge ที่ใช้อ่านค่าจาก OBD2 ที่ผมใช้อยู่ครับ
เท่าที่ผมหาวิธีในการทำให้รถระบายความร้อนได้ดีขึ้น ทางเลือกที่จะทำให้รถระบายความร้อนได้ดีขึ้น
1. อู่ประจำคลับแนะนำว่า ให้เพิ่มพัดลม 1 ตัว หน้าแผงแอร์ (รถเดิมมีพัดลมตัวเดียว จะหมุนเบาเมื่อแอร์ทำงาน และหมุนแรงเมื่อความร้อนถึง 97 องศา) งบประมาณ 2000+ ข้อดีคือ ตอนแอร์ทำงานพัดลมก็หมุน 2 ตัว ระบายความร้อนได้ดีขึ้นแน่ๆ แต่ข้อเสียคือ แอร์หนาวขึ้นมากแน่ๆ แม้จะเปิดเบาสุด
2. อัพมอเตอร์พัดลมไปใช้ตัวสเปคยุ่น งบประมาณ 2000+ บาท หรืออัพใบพัดใหม่ ราคาหลักร้อย ให้ผลทำนองเดียวกันเคียงกับข้อ 1 ครับ แต่แอร์ไม่หนาวเท่าข้อ 1 เพราะไม่ได้เป่าตรงๆไปที่แผงแอร์ (ไม่รู้เรียกถูกหรือเปล่า) แต่ความเสี่ยงก็คือ ทำไปแล้วจะพอหรือเปล่ายังไม่ใจครับ และถ้าหาใบพัดลมที่ใส่กับโครงเดิมไมได้ อาจต้องตีโครงใหม่ 1500-2000 บาท
3. เปลี่ยนวาล์วน้ำ (Thermostat) องศาต่ำ (ของเดิมเปิดที่ 82 องศา เปลี่ยนใหม่ให้เปิดที่ 76 องศา) ซึ่งเท่าที่ผมเข้าใจ ไม่น่าจะช่วยในกรณีผมได้ครับ
4. เปลี่ยนกระจังหน้าตาห่างๆ ให้ลมเข้าได้มากขึ้น งบประมาณ 1200+- ผมเคยลองแล้วครับ เวิร์ค แต่ ผมไม่ชอบหน้าตากระจังใหม่!
5. เปลี่ยนปั๊มน้ำให้แรงดันมากขึ้น ทำให้ speed น้ำไหลวนในระบบเร็วขึ้น ถามอู่ประจำคลับแล้ว อู่บอกว่าไม่สามารถอัพได้ ปั๊มรถรุ่นใครรุ่นมันแปลงไม่ได้
6. เปลี่ยนหม้อน้ำใหม่ ซึ่งผมเพิ่งเปลี่ยนมา ขยายไซส์ให้หนาขึ้น จำนวนช่องเท่าเดิม ซึ่งผลที่ได้ Fail ครับ ระบายความร้อนได้ดีเท่าเดิม ออกจะแย่กว่าเดิมนิดๆด้วย ช่องหนาขึ้น ชลอให้ความร้อนขึ้นช้าลง แต่ก็ลงช้าลงด้วยเหมือนกัน
7. ทำบังลมบน ซึ่งในรถหลายๆรุ่นมีมาให้อยู่แล้ว แต่รถผมไม่มีให้ครับ ไม่รู้จะเวิร์คไหม แต่อยากลอง ทำให้เป็นที่มาของรีวิวนี้ครับ
x เห็นแทกซี่บางคันหนุนฝากระโปรงให้สูงขึ้น ตรงนี้ผมเข้าใจว่าระบายอากาศตอนจอดได้ดีขึ้นนิดนึง แต่สำหรับตอนที่ทำความเร็ว แรงกดอากาศตรงตีนกระจกจะสูง และยิ่งทำให้ระบายอากาศได้แย่ลงไปอีก ตามบทความนี้ครับ..
http://www.johsautolife.com/index.php/2015-12-30-03-42-00/2015-12-30-03-43-37/97-hood-spacer
หลักการของบังลมหม้อน้ำคือ มันจะช่วยบังคับลมไม่ให้กระฉอกออกไปด้านบน กล่าวคือ ในตอนที่รถวิ่งอยู่ หลังจากที่ลมเข้ามาทางด้านกระจังหน้า ถ้าไม่มีบังลมบน จะมีลมส่วนหนึ่งที่กระฉอกออกไปด้านบน (อาจจะมีกระฉอกออกด้านข้างทั้งสองข้างบ้าง) แต่เมื่อเราตีบังลมปิดด้านบนก็เป็นการบังคับให้ลมพุ่งตรงเข้าไปหาแผงแอร์และหม้อน้ำมากขึ้น (แต่ด้านข้างก็ยังคงกระฉอกอยู่บ้าง) ซึ่งจะช่วยให้ตอนที่รถวิ่ง สามารถระบายความร้อนได้ดีขึ้น ส่วนในตอนที่จอดรถ อาจจะระบายได้ดีเท่าเดิม หรืออาจจะระบายได้แย่ก็ได้ ถ้าแผ่นที่เราปิดไว้มันปิดกันความร้อนไม่ได้ระบายออกไปทางด้านบน..
ผมได้ติดต่อร้านทำบังลมหม้อน้ำ ซึ่งก็มีตั้งแต่วัสดุเป็นเนียม ร้านใหญ่ร้านดังที่ลาดพร้าว ราคา 1500 อีกร้านแถวบางพลีวัสดุเป็นอะคลิลิค (งานสวยมากครับจนผมหวั่นไหวครับ) ราคา 1000 บาทจนมาได้ร้านที่เคมีตรงกัน วัสดุเป็นอลูมิเนียมคิด 500 บาท ใช้เวลาประมาณ 3 ชม. นัดวันกันเรียบร้อยครับ..
ขั้นตอนการทำแผ่นปิดบังลมบน
ผมเข้าร้านมาเลทจากเวลานัด 10 นาที ได้รออีกประมาณครึ่ง ชม. ช่างเพิ่งตื่นมาทำงานให้ครับ 55
รูปแรกครับ รูปก่อนทำครับ โคมมันจะเหลืองๆหน่อยนะครับ
รูป 2 เริ่มทำแบบครับ
รูปที่ 3 แบบเสร็จเรียบร้อยครับ
รูปที่ 4 เริ่มตัดแผ่นอะลูมิเนียมตามแบบที่วาดไว้ครับ
รูปที่ 5 หลังจากบรรจงตัด และใส่เข้าออก ซ่อมงานอยู่หลายครั้ง ก็เสร็จเรียบร้อย สำหรับผม ผมว่าฝีมือใช้ได้ งานเรียบร้อยดีเลยครับ
รูปที่ 6 ภาพเต็มๆต้องเครื่องครับ หลังทำเสร็จ
หลังเสร็จงาน ใช้เวลารวมนั่งรอแล้ว 3 ชม. พอดีเป๊ะ ช่างคิดราคาออกมา 400 บาท ถูกกว่าที่ตกลงกันไว้ในตอนแรกเสียอีก happy สิครับ!!
ความเปลี่ยนแปลงหลังใช้งาน
ได้ลองขับไปทำงานแบบรถติดๆ และได้ลองขับออกต่างจังหวัด และพยายามเหล่ความร้อนบ่อยๆ ปกติผมไม่ใช้คนขับเน้นประหยัดเท่าไรครับ กระทืบบ่อย แต่ก็ไม่ได้ลากรอบสูงนะครับ รอบอยู่ในช่วงต้นถึงกลาง พบว่า ในความเร็วกลาง ถึงสูง (50-60 เป็นต้นไป) ความร้อนระบายดีขึ้นครับ ความร้อนขึ้นช้า และยังลงเร็วกว่าเดิม และสามารถขับแช่ที่ความเร็วต่ำกว่าเดิม (จากเดิน 60-70 ตอนนี้ 50-60 ความร้อนก็ไม่ขึ้นแล้ว) กสารขับแช่ในความเร็วสูง เช่น 100 หรือ 120 ความร้อนจากเมื่อก่อนจะอยู่ที่ 88-90 องศา ตอนนี้เย็นลงเหลือ 86-88 องศา คือลดลงประมาณ 2 องศา (อุณหภูมิจะเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพฝนตก แดดร่ม แดดออก ขับเดี่ยวๆ หรือขับตามคันหน้าครับ แต่ในทีนี้ผมยกตัวอย่างจากกรณีที่ขับในแบบเดียวกัน)
แต่สำหรับการขับใช้งานรถติดๆใน กทม. มันดีขึ้นน้อยมาก จนแทบจะไม่ดีขึ้นเลยคับ จากเดิมที่ถ้าขับแบบคลายๆ ความร้อนจะขึ้นไปถึง 97 องศา จนพัดลมต้องทำงานเต็มสปีด จนลงมาถึง 92 และก็ยังคงรถติดและขึ้นไป 97 วนไปอยู่แบบนี้ ก่อนนี้เป้นอย่างไร หลังติดก็เป็นแบบนั้น เพียงแต่ดีขึ้นนิดเดียวตรงที่ ถ้าเจอถนนโล่งยาวหน่อย ผมสามารถกระทืบคันเร่งมากกว่าเดิม ถ้ารถเคลื่อนตัวความเร็วเกิน 40 ขึ้นไป ความร้อนมันจะขึ้นช้าลงครับ แต่ถ้าขับคลานๆเหมือนเดิม 10-40 ก็ยังคงร้อนเหมือนเดิม แต่ไม่ได้ร้อนกว่าเดิมนะครับ
สรุปผลการทดลอง
ทำบังลมหม้อน้ำปิดด้านบน เสียเงินไป 400 บาท ใช้เวลาทำ 3 ชม. ผลทั่ได้คือ ความเร็วต่ำ และสูง ระบายความร้อนได้ดีขึ้นจริง แต่ในความเร็วต่ำๆคลานๆรถติดๆ ระบายความร้อนได้เท่าเดิม ไม่ดี ไม่แย่ไปกว่าเดิมจนทำให้รู้สึกได้ครับ..
สุดท้ายนี้ รีวิวนี้แชร์ด้วยใจครับ หวังว่าประสบการณ์ของผมจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจ ถ้ามีสิ่งใดผิดพลาด หรือไม่ถูกต้องต่อหลักการ หรือประสบการณ์ของท่านใด ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย ยินดีเปิดรับทุกความคิดเห็นครับ..
ฝากติดตามผลงานที่เพจ Need For Slow ด้วยครับ:
https://www.facebook.com/Needforslow247/