ชีวิตวัยรุ่น

เรื่อง   ชีวิตวัยรุ่น

สวัสดีครับ ผมชื่อ .... นะครับ  
ผมมีเรื่องจะมาเล่าเกี่ยวกับชีวิตผม  ที่มีทั้งดีและมีทั้งแย่

อย่างที่บอกนะครับผมเป็นเด็กคนนึง ที่โต่มาในครวบครัว คนฐานะ ปานกลาง
ผมเรียน จบ ม.3 มา แล้วผมก็ ต่อ ม.ปลาย ในโรงเรียนแห่งหนึ่ง ผมเป็นเด็กที่ พ่อแม่อบรม สั่งสอนมาตลอด
ผมก็เชื่อฟังท่านบ้าง ในบางอย่างแต่ใช้ว่าจะทุกเรื่อง เพราะผมเป็นเด็กหัวแข็ง  ง่ายๆคือผมเป็นเด็กดื้อคนหนึ่งเลยแหละ
ในขณะที่ผมศึกษา อยู่ ม.ปลาย ในโรงเรียนแห่งหนึ่ง แน่นอนเลยครับ เด็กคนหนึ่งที่อยู่แต่ในรั่วโรงเรียนมาตลอด
12 ปีไม่เคยได้ออกนอกกรอบ หรือ เห็น ด้านมืดของสังคมเลย เพราะตั้งแต่ อนุบาล 1 ถึง ม.3 พ่อแม่เราก็เลือกโรงเรียน
ที่ดีให้เรา โรงเรียนที่ดี ณ.ที่นี้ หมายถึง  เป็นโรงเรียนที่ กฏระเบียบเข้ม นักเรียนส่วนมากก็มุ้งเน้นการเรียน และ ทำตามกฎกันเกือบทุกคน
เป็นส่วนน้อยที่ แหกกฏ ซึ้งตัวผมเอง ในขณะเรียนอยู่ ก็ไม่เคยจะพบกับเรื่องแย่ๆ ของคำว่าวัยรุ่นสักเท่าไหร นักเรียนที่เกเรก็มีบ้างแต่น้อย
จึงทำให้ผม ไม่ได้เคยพบเจอกับด้านมืดของสังคมจริงๆสักทีนอกจากในละคร มาต่อกันที่ ผมเข้าศึกษา ม.ปลายนะคับ
ก็ตั้งแต่ผมเข้ามาเรียน ม.ปลายโรงเรียนแห่งนี้ ก็มีเพื่อนรุ่นพี่ หลายประเภท ให้พบเห็น  อย่างแรกที่เจอเลยคือ นักเรียนนำรถมอเตอร์ไซด์ส่วนตัว
มาโรงเรียนได้ ซึ้ง เป็นอะไรที่โรงเรียนเก่าผมไม่เคยมีมาก่อน และจะพบกับพวกเพื่อนๆรุ่นพี่ ที่ทำตัวในด้านลบ เช่น สูบบุหรี่ มั่วยาเสพติด
ซึ้งมันเป็นอะไรที่ทำให้ เด็กเนิร์ดอย่างผม ปรับตัวเข้าหากับสภาพแวดล้อมเหล่านี้ได้ลำบากมาก จากนั้นหลังจากพบเห็นอะไรที่ไม่เคยเจอมาก่อนหลายอย่างแล้ว
ผมเองก็ ใช้ชีวิตปกติ ในโรงเรียน อย่างคนอื่นๆ เขา แน่นอนเลยเราไม่สามารถใช้ชีวิตคนเดียว อยู่ในโรงเรียนได้หรอก
เราก็ต้องมีเพื่อนกันบ้าง คราวนี้ผมก็เริ่มหาเพื่อนละ  แต่ในใจก็คิดว่า ถ้าเกิด เรามีเพื่อน ผู้หญิง คนอื่นๆ เค้าจะมองว่าเราเป็น คนอ่อนแอร์หรือโดนล้อว่าเป็นตุ๊ดป่าว
ผมก็เลยตัดสินใจเดินเข้าหาพวกเพื่อน ผู้ชาย ในห้องตัวเองก่อน  ในตอนที่เริ่มเข้าหาเพื่อน ผช ในใจผมก็กล้าๆกลัว
แต่ไหนๆก็ไหนๆ แล้ว เอาวะ ยังไงก็อยากมีเพื่อนนี่หว่า  ก็ได้ทำความรู้จักกับเพื่อน ในห้องกลุ่มหนึ่ง
แต่คุณเชื่อไหมครับ ว่าเวลาจับกลุ่มคุยกันนี่ ผมเอง จะไม่เข้าใจในสิ่งที่ เพื่อนในกลุ่มพูดกัน เพราะผมไม่เคยใช้ชีวิตแบบพวกเขา มากก่อน
เอาละ ไหนๆก็ไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูดแล้ว ก็นิ่งไว้ก่อน สักพักผมก็เริ่มสงสัย แล้วก็ถาม เพื่อนในกลุ่มก็ต่างหัวเราะกัน ว่าอยู่มาได้ยังไงวะ
ไม่รู้จักอะไรเลย ผมเองก็ตอบไปแบบ งงๆ ว่า อ่อพอดีพ่อแม่กูเข้มอะ  เพื่อนคนนึงในกลุ่ม ก็พูดมาอย่างนี้ ว่า
งั้นเดียวอยู่กับพวกกูทุกวัน ก็รู้ไปเองแหละ ผมเองก็ดีใจนะครับ ที่ได้มีเพื่อนกับเขาสักที เวลาเบรคกลางวันก็
เดินไปโรงอาหารกันเป็นกลุ่ม ในใจผมก็คิดว่า เออวะเท่ดีเหมือนกัน อยู่ไปเรื่อยๆก็เริ่มจะมี คำว่านักเลงเข้ามาพัวพัน
ก็แน่นอนอยู่แล้ว ครับ เวลาวัยรุ่นจับกลุ่มกัน มันก็จะมีเรื่องตามมา ตลอดๆ  ไม่ว่าจะทะเลาะกับเพื่อนในโรงเรียน
หรือนอกโรงเรียน  คราวนี้แหละผม เริ่มจะเข้ากับเพื่อนๆได้แล้ว ลองสูบบุหรี่ ลองกินเหล้า แต่ผมไม่ยุ่งเกี่ยว ยาเสพติดนะครับ
เริ่มเที่ยว เริ่มโกหกพ่อแม่ เริ่มจะหนีเรียน  ไม่ฟังเวลาครูสอน การบ้านก็ไม่ค่อยทำกันละ  

เริ่มจะสนุกกับสิ่งใหม่ๆที่เจอ เรื่องปัญหาทะเลาะชกต่อยก็เข้ามาเรื่อยๆละ ผมเริ่มจะเกเร คบหาเพื่อนรุ่นพี่ คบหาเพื่อนต่างโรงเรียน
เริ่มที่จะมี ลูกพี่  เริ่มจะสร้างปัญหาให้พ่อแม่  ทำตัวเกเร ไม่ยอมใคร  เพราะคิดว่า มี เพื่อน และ ลูกพี่ ช่วยอยู่
ผมก็เริ่มสับสนระหว่างคำว่า นักเรียนกับนักเลง   แต่สุดท้ายผมก็พล้าดไปเลือก ชีวิตแบบ นักเลง   จนผมโดน ไล่ออกจากโรงเรียน ในที่สุด ซึ่ง ก็หมายความว่า
ผมเรียน ม.ปลายได้แค่ ม.4 เทมอแรก หลังจากผมโดนไล่ออกจากโรงเรียน ผมเองก็เริ่มคบหาเพื่อนที่ไม่เรียนหนังสือ  มาถึงจุดนี้ก็มีให้เห็นเยอะแยะละครับ
ตั้งแต่ คนมีรอยสัก หน้าตาโหดๆ ยาเสพติด  ของผิดกฏหมาย อาวุธ มีดปืน แน่นอนเลยครับ ผมเองก็ไม่ได้เรียนแล้ว
ก็ไม่ได้คิดถึงอนาคตหรอกครับ เพราะผมถือว่ายังไง พ่อแม่ก็ให้ตังจ่ายอยู่ ผมเองก็หลงระเริง ทำอะไรก็ได้ที่อยากจะทำ กินอยู่นอนบ้านเพื่อน ที่ไม่เรียนเหมือนกัน
ชีวิตโครตอิสระเลยครับ  สูบบุหรี่ก็ไม่ต้องแอบแม่ จะทำอะไรจะไปไหนก็ ได้ทำ พ่อแม่ไม่ได้มารับรู้ มาเห้นอยู่
แต่ก็ใช้ว่า พ่อแม่จะไม่รู้เลยว่าลูกกำลังเดินทางลบ อยู่ พ่อแม่ผมก็ได้ขอร้องผมให้กลับไป เรียน ม.4 ใหม่อีกครั้ง
คราวนี้ก็เปลี่ยน โรงเรียน เริ่มใหม่ เอาใหม่ แก้ไขสิ่งที่เคยพล้าด ท่านก็คราวว่าอย่างนี้ เพราะท่านไม่ได้ดูแลเราไปจนแก่
ผมเองก็ คิดได้บ้างนะครับ ก็เลยตอบตกลงไป ว่าจะเรียน และ จะตั้งใจ ไม่พล้าดเหมือนที่ผ่านมา

จากนั้นผมก็ ได้มาเรียน ม.4 ในโรงเรียนแห่งใหม่ แต่ครั้งนี้ผมไม่ได้กังวล เรื่อง ที่ผมจะไม่มีเพื่อนแล้วนะครับ
เพราะผมเองก็ได้ทำความรู้จักเพื่อน ต่างโรงเรียนไว้บ้างแล้ว ในตอนที่ผมเอง เรียนอยู่ ม.4 โรงเรียนแรก
ตั้งแต่ผมเข้ามาเรียน ม.4 ใหม่ในโรงเรียนแห่ง นี้ผมเองก็ ไม่ได้สนใจ เรื่องเรียนหรอกครับ เวลาอยู่ในคาบก็ คิดแต่ว่า เลิกเรียนแล้วจะไปไหนดีทำอะไรดี
แล้ว ตอนพักเบรค จะแอบสูบบุหรี่ตรง ไหน แน่นอนเลยครับ จิตใจผมไม่ได้อยู่กับการเรียน แม้แต่อย่างใดเลย
เมื้อผมเอง รอเวลากว่าจะเลิกเรียน ไม่ไหว เพราะผมอยากเที่ยวมากกว่า แน่นอนเลย จะทำให้เวลาเดินเร็วก็ทำไม่ได้
งั้น โดดเรียนแม๊งเลย  ก็โดดเรียนไปหาเพื่อนๆ ที่ไม่ได้เรียนหนังสือ ก็เที่ยว สูบบุหรี่ เพื่อนบางคนก็เล่นยาเสพติด แต่ผมเองก็ไม่ได้เล่นนะครับ เพราะผมเคยสัญญากับพ่อแม่ไว้
ผมเริ่มที่จะไม่อยากมาโรงเรียน อ่อลืมบอกไป ผมไม่ได้อยู่บ้านนะครับ แต่ผมขอให้พ่อแม่ เช่าห่อให้ผมอยู่ โดยที่ผมอ้างว่าบ้านเราอยู่ไกลโรงเรียน
ไม่อยากเหนื่อยกับการเดินทาง พ่อแม่ก็ตกลง นะครับ ด้วยความที่ว่า เค้าคิดว่าเราจะ เปลี่ยนตัวเองได้และรักอนาคตมากขึ้น
แต่ความจริงแล้ว ไม่เลยครับ ผมแค่ให้ความหวังเค้าไปอย่างนั้นแหละ ผมแค่ต้องการชีวิตอิสระ โดยที่ผมจะทำอะไรก็ได้ โดยที่เค้าไม่รู้
ก็ในขณะที่ เรียนอยู่ ในโรงเรียนแห่งใหม่ก็พบเพื่อนหลาย ประเภท ดิบเถื่อนกว่าเรามีเยอะแยะ แต่ผมเป็นคนที่ว่า ไม่ชอบให้ใครมาหยามใส่
วันนึงก็ มีเด็กคนนึงเดินมาชนผม ผมเองก็ไม่รีรออะไรนะครับ สวนแม๊งเลย ถีบเด็กคนนั้นไป แต่ใครจะไปรู้ละครับ
ว่าเด็กคนนั้นมันมีพี่  พี่ของเด็กคนนั้นก็ไม่ย่อยเลย  เมื้อพี่เห็นน้องโดนกระทำรุนแรง แน่นอนเลย พี่ของเด็กคนนั้นก็ไม่ยอม
วิ่งมาทุบผม และ ตามพวกมา รุม ผม  เป็นไงละ เจ็บหนักเลย ซิกู ไม่น่าเลย  ผมโดนเชิญเข้าห้องปกครองพร้อมกับพี่ของเด็กที่ผมได้ กระทำไป
ผอ. ตัดสินให้ผมออกจากโรงเรียน ซึ้งจริงๆแล้วก็ไม่เหมาะกับการให้ออกนะครับ เพราะ เป็นเรื่องที่ก่อครั้งแรก
แต่ คือ ผมไม่ได้ตั้งใจเรียน แถมเวลาเรียนก็ไม่พอ และยังโดดเรียนอีก ก็สมควรรับความผิดนั้นไปครับ

หลังจากที่ผมโดนไล่ออกจาก โรงเรียน เป็นครั้งที่ 2 . ครั้งนี้ผมเริ่มใช้ชีวิตแหกกฏมากกว่าเดิมแล้ว หลังจากที่โดนพี่ของเด็กคนนั้นกระทำ
ผมเองก็ได้แต่คิดว่า แม๊งคราวหลังกูจะไม่ยอมให้มันมาทำกูอีกแล้ว ขอโทษที่ไม่สุภาพนะครับ  ต่อนะครับ  หลังจากเริ่มคิดที่จะไม่ยอม
ผมเองก็ต้องเข้าหา นักเลง อันธพาลโต่ๆ  เพื่อที่จะได้มาช่วยผมในเวลามีปัญหา ผมเองก็เข้าไปอยู่กับเขายอมทำทุกอย่างให้เขา
แน่นอนครับ มันไม่ใช้เป็นเรื่องที่ดีแน่นอนกับสิ่งที่เขาให้เราทำ  แต่ทำไงได้ละ ในเมื้อไม่อยากให้ใครทำร้ายเรา เราก็ต้องยอม ชื้อใจเขา เพื่อให้ได้ในสิ่งที่เราต้องการ

ก็หลังจากนั้นชีวิตผมก็มีแต่ด้านลบแล้วนะครับ ไม่มีด้านดีให้เหลือสักเท่าไหร สร้างปัญหามาตลอด จนวันนึงผมก็พบปัญหา ที่ทำให้ต้อง ขึ้นศาลกันเลย
อย่าเพิ่งคิดมากครับ ผมแค่ซิ้งไปชน ลุงแก่ๆ คนนึง ทำให้ลุงเขาได้รับ ผาดเจ็บหนัก โดนเรียกร้อง ค่าเสียหายใหญ่เลย หลังจากนั้นก็ผ่านเรื่องนี้ไป
ผมเองก็ใช้ชีวิตแบบ เด็กเสเพลไปเรื่อยๆ เริ่มจะพกปืนละครับคราวนี้ พกปืนขับรถซิ้ง กับเพื่อน ชนเจอด่านตำรวจ โดนข้อหาพกพาอาวุธไม่ได้รับอนุญาติ ในที่สาธารณะ
เป็นเรื่องเลยครับคราวนี้ หาวิธีด้วยตัวเองเท่าไหรก็หาไม่เจอ จนต้องบอกพ่อแม่ ให้เค้าช่วย สุดท้าย พ่อแม่ก็ช่วย จนเรื่องมันจบอะครับ
แต่ผมเองก็ไม่ได้ เข็ดหลาบ นะครับเพราะ ผมไม่ได้เดือดร้อนแต่เป็นพ่อแม่ที่เดือดร้อนเราจะคิดมากไปทำไมละ  ก็เหมือนเดิมครับ เสเพลเหมือนเดิม หนักขึ้นทุกวัน
พ่อแม่ก็เริ่มจะเสียใจกับเราและเริ่มจะปล่อยเราแล้ว เพราะท่านห้ามท่านขออะไร เราก็ไม่ฟัง  ผมเองก็ อายุไม่ถึง 20 ปีนะครับ
แต่ฟังจากเพื่อนรุ่นพี่ ว่า ผับ มีอะไรเด็ดๆเยอะ  สาวๆเพี๊ยบ  เมื้อผมเองได้ฟัง คำพูดเหล่านั้น ผมเองก็อยากจะลองอะครับ
ไปผับ อายุไม่ถึง 20 แน่นอนเลยว่าเข้าไม่ได้ แต่ก็ไม่ย่ากเกินความสามารถหรอกครับ รุ่นพี่ก็แอบพาเราเข้าจนได้
เที่ยวผับ กินเหล้า ทุกวัน หาสาวๆไปเรื่อย  แต่ยังไงก็ตาม ไม่ว่าเราจะเกเรขนาดไหน มีรุ่นพี่คอยช่วยเหลือ แต่เราก็ใช้ว่าจะรอดพ้นจากโดนหาเรื่องไปได้เลย
เพราะคน ที่เกเรกว่าเรา ใหญ่กว่าเรา มีเยอะแยะ ในวันที่ผมไปเที่ยวผับหลังจากผับเลิก ผมเองก็เดินกลับออกมา ปกติ แต่คนเราเมื้อกินเหล้าก็ต้องขาดสติ ปากผมมันแส่หาเรื่องด้วยซิ
ก็ไปหาเรื่องเอานักเลงกลุ่มนึง  นักเลงกลุ่มนั้นก็ไม่ช้าครับ ไล่มาทุบมาตีผมเลย จนผมเองหนีไม่พ้น แต่ในใจคิดขึ้นมาว่า จะไม่ให้ใครทำเราฟรีๆอีกต่อไป ผมก็ควักมีดขึ้นมาแล้ว แทง วัยรุ่นคนนึงในกลุ่มนั้นไปนะครับ
หลังจากนั้นก็หนี ไป แอบบ้านเพื่อน จนเป็นเรื่องใหญ่ ขึ้นมา เค้าเรียกร้องค่าเสียหาย พร้อมกับ ขอความช่วยเหลือจากตำรวจ นี้ ต้องใช้เงินหลักแสน พ่อแม่ผมก็ไม่มีเงินด้วยซิเพราะ พ่อแม่ผมล้มละลายทางด้านธุระกิจ
แต่ก็ไม่เกิน ความสามารถของพวกท่านหรอกครับ  พ่อแม่ก็ช่วยผมรอดพ้นคดี นี้มาได้   หลังจากเรื่องนี้ผมเองก็เริ่มจะกลัวแล้วครับ เพราะครั้งนี้พ่อแม่ผมก็ไม่เหลืออะไรที่จะช่วยผมได้แล้ว ทรัพสิน ก็เหลือน้อยลงทุกที
เพราะปัญหาที่เราสร้าง ผมเลยคิดจะเปลี่ยนตัวเองแบบจริงจัง  

หลังจากที่ผมสร้างปัญหาไว้มากมาย ผมเองก็เริ่มจะเปลี่ยนตัวเอง เริ่มที่จะเลิกเที่ยว เริ่มที่จะกลับมาอยู่บ้านกับพ่อแม่ ช่วยเหลืองานท่าน  เริ่มที่จะกลับมาดูแลพ่อแม่เหมือนตอนเด็ก
เลิกที่จะสร้างปัญหาที่ทำให้ท่านเสียใจ  แต่มันก็ไม่ใช้เรื่องง่ายเลยนะครับที่จะทำให้สังคมยอมรับเด็กคนนึงที่ทำตัวแย่ๆมาตลอด ผมต้องทนสายตา ที่ชาวบ้านเค้าดูผมในทางที่ไม่ดี
แต่ไม่เป็นไร เรารู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ คนเหล่านั้นมันไม่ได้ช่วยเหลืออะไรเราเลยนอกจากซ้ำเติม  ผมเองก็พยามทำตัวเองให้ดีที่สุด เพราะผมเชื่อว่า ไม่ว่าจะพูดให้ตัวเองดูดีแค่ไหน
ก็ไม่เท่ากับการลงมือทำหรอก   เมื้อเราคิดจะเปลี่ยนแปลง แน่นอนเลย เราต้องทิ้งสิ่งที่เคยทำมาก่อนหน้านี้ เราต้องคิดถึงอนาคตตัวเองให้มากๆ และ เพื่อที่จะได้ดูแลพ่อแม่ ตอบแทนบุญกุลท่าน
ผมเองก็กลับไปเรียน ม.ปลาย ใหม่นะครับ แต่เป็นการศึกษานอกโรงเรียน ตอนนี้ก็ จบ.6 แล้วนะครับ กำลังรอ เวลารับสมัคร นักศึกษา ในระดับมหาลัย
ในช่วงชีวิตที่ผ่านมาผมเจอ อะไรที่แย่ๆ มามากแล้วครับ จนทำให้ผมคิดว่า ที่ผ่านมาเราทำไปเพื่ออะไร ทำไมเราไม่ตั้งใจเรียน ทำไมเราไม่เป็นลูกที่เชื่อฟังพ่อแม่
แต่ก็นะมันพล้าดมาแล้ว มันย้อนไปแก้ไขไม่ได้ แต่ทางข้างหน้าเรา เลือกที่จะทำมันให้ดีได้  เพราะฉนั้นแล้ว  มันยังไม่สายสำหรับผมหรอกครับ
เพื่อนๆคนไหนที่ ผ่านอะไรมาคล้ายๆกับผม ก็ขอให้เพื่อนคิดแต่สิ่งที่ดีแล้วทิ้งสิ่งที่ไม่ดีไว้เถอะครับ เพื่ออนาคตตัวเราเอง และ พ่อแม่ของเรา   

ขอทิ้งท้ายไว้นิดนึงนะครับ  ไม่ว่าเราจะมีเพื่อนเยอะขนาดไหน มีรุ่นพี่คอยช่วยเหลือยังไง เมื้อพบปัญหาเข้าจริงๆ สุดท้าย ก็เหลือแต่ พ่อแม่ แหละครับ ที่ไม่ทิ้งเรา เพราะฉนั้น หากใครที่ยังไม่เคยพล้าดหรือคนที่พล้าดอยู่แล้ว
ก็หยุดคิดใตร่ตรอง ให้ดีเถอะครับ ว่าสิ่งที่ตัวเองทำอยู่ มันดีหรือแย่  หากมันแย่ก็หลีกเลี่ยงเถอะครับ ก่อนที่มันย่ากเกินจะแก้ไข   

ขอบคุณครับ... ยิ้ม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่