สวัสดีเพื่อนสมาชิกทุกคนนะครับ...กระทู้นี้เป็นการรีวิวครั้งแรกของผมซึ่งที่บ้านผมก็ไม่ได้เคร่งเรื่องการใช้ภาษาให้ถูกต้องตามไวยกรณ์มากนัก..........นักภาษาศาสตร์เชิญป้ายหน้าเลยนะครับ...
ก่อนอื่นผมต้องขอออกตัวก่อนว่าผมเดินทางบ่อยแต่ไม่เคยมารีวิวอะไรแบบนี้มาก่อน เลยอยากเล่าประสบการณ์ผ่านตัวอักษรและรูปภาพให้เพื่อนสมาชิกที่สนใจได้ศึกษาข้อมูลและมุมมองใหม่ๆผ่านสายตาของผม ในรูปแบบฉบับภาษาที่เข้าใจได้ง่าย
ซึ่งผมจะพยายามเขียนนะครับ
ก่อนการเดินทาง>>>
1.ควรฉีดวัคซีนไข้เหลืองก่อนการเดินทางเป็นเวลาอย่างน้อย 10 วัน เพื่อให้วัคซีนได้มีประสิทธิภาพเต็มที่เพราะพาหะของโรคมาจากยุงนั่นเอง (ทำไมถึงใช้คำว่าควร? เพราะเขาไม่ได้ตรวจทั้งขาไปและขากลับ
2.ผมเลือกใช้สายการบินแห่งชาติของเอธิโอเปีย เพราะมีบินตรง ใช้เวลาบินประมาณ 8 ชั่วโมง อาหาร 2 มื้อ นั่งBoeing 787-8 Dreamliner แอร์สาวสวยบริการดีประทับใจทุกบริการ ยื้มหวานมาก (ผมไม่ชอบการต่อเครื่องให้วุ่นวาย) แต่ถ้าใครชอบการต่อเครื่องก็มีสายการบินของเคนย่าด้วยนะครับ (เรื่องรายละเอียดตั๋วผมขอข้ามเลยแล้วกันคงไม่ต้องรีวิววิธีการจองน่ะ
ก้าวแรกลงจากเครื่อง>>>
มีฝนตกปรอยๆ อากาศกำลังดี 16 องศา มีรถสนามบินมารอรับไปเข้า Gate
คนไทยเป็น visa on arrival เสีย 50 USD อยู่พำนักในประเทศเขาได้ 30 วัน // มีเพื่อนผมเป็นคนบรูไนไปด้วย แต่เสียดาย ตม.เขาไม่รู้จักประเทศนี้ ย้ำอยู่ได้มาเลเซียหรือเปล่า? ผมก็บอกบรูไนเป็นสิบรอบ!!! สรุปลองติดต่อกลับไปสถานทูตได้ความว่า
"บรูไนกับเอธิโอเปียไม่เคยมีพันธสัญญาหรือคู่ค้าใดๆร่วมกันตั้งแต่อดีตจวบปัจจุบัน มีสถานะทำนองว่า เอธิโอเปียไม่รู้จักว่าประเทศบรูไนคือประเทศอะไร อยู่ส่วนไหนของโลกประมาณนั้น"
ทำให้เพื่อนผมเลยโดนส่งกลับ เหลือผมเป็นผู้รอดชีวิต (คือเพื่อนผมบินมาจากบรูไนแล้วมาต่อเครื่องที่สุวรรณภูมิ ก่อนหน้านี้เพื่อนผมก็ศึกษาข้อมูลภายในประเทศเขามาแล้วนะรวมทั้งฉีดวัคซีนมาหลายชนิดมาก... แต่ไม่รู้ศึกษาเอาท่าไหนโดนส่งกลับเพราะประเทศปลายทางไม่รู้จักประเทศบรูไน ซวยไปอีก ) (นี่แค่วนเวียนในสนามบินยังไม่ได้ไปไหน ก็มีเรื่องน่าตื่นเต้นแล้ว)
ภาพถ่ายบริเวณหน้าสนามบิน Addis Ababa ซึ่งเป็นชื่อเมืองหลวงของประเทศเอธิโอเปียนั่นเอง
แลกเงินในสนามบินนั่นละสะดวกดี 1 บาท = 7 Birr โดยประมาณ
>>>ข้อมูลโดยทั่วไป จากการพูดคุยกับคนท้องถิ่น (ไม่ต้องกลัวภาษาอังกฤษสื่อสารได้ค่อนข้างดีถ้าคุณไปในเมือง)
เอธิโอเปียเป็นประเทศในทวีปแอฟริกา อยู่ฝั่งตะวันออก...และถือเป็นเมืองหลวงของทวีปนี้ ...โดยเป็นศูนย์กลางแห่งความเจริญของทวีปก็ว่าได้...ถึงแม้จะเป็นประเทศที่ไม่มีพรมแดนติดทะเล แต่ก็เป็นที่สนใจของนักลงทุนต่างชาติเพราะมีการจัดการระบบขนส่งทางรถไฟที่มีประสิทธิภาพโดยส่งต่อไปยังประเทศจิปูติ (Djibouti) ซึ่งมี port ส่งสินค้าซึ่งติดพรมแดนทางตะวันออกเฉียงเหนือของเอธิโอเปีย โดยการส่งสินค้าจะส่งออกผ่านอ่าวเอเดน(Aden)ซึ่งเป็นช่องแคบติดกับประเทศเยเมนเพียง 20 กิโลเมตร เท่านั่น...และที่สำคัญการสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษค่อนข้างสะดวก...
รอบๆเมืองมีสิ่งปลูกสร้างกำลังขึ้นทุกมุมเมือง...ที่สำคัญบริษัทจากจีนแผ่นดินใหญ่กวาดสัมปทานไปเรียบ ( ตึกสูง โรงแรม ธนาคาร ทางด่วน รถไฟ ฯลฯ...ไม่แปลกใจที่สนามบินมีแต่ร้านอาหารจีน...ประเทศนี้มีอะไรน่าศึกษาเย่อะ ซึ่งตอนนี้ผมได้เก็บรวมรวบข้อมูลทางเศรษฐกิจ และสังคม และผมจะค่อยรีวิวเป็นหมวดหมู่ต่อไป
เห็นแดดแรงๆแบบนี้ อุณหภูมิสูงสุดตอนเที่ยงวัน อยู่ที่ 20 องศาเองนะครับส่วนกลางคืนไม่ต้องพูดถึง ^*^+ (อาจตัวดำได้แบบไม่รู้ตัว)
>>>ภาคเกษตรกรรมของประเทศเอธิโอเปียกันบ้าง...^*^+
ภูมิประเทศของประเทศเอธิโอเปียเป็นประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล เศรษฐกิจเอธิโอเปียยังพึ่งพารายได้จากภาคการเกษตรเป็นหลัก คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 60 ของมูลค่าการส่งออกและร้อยละ 80 ของการจ้างงานโดยรวม...
กาแฟ...คือพืชเศรษฐกิจอันเป็นหนึ่งในรายได้หลักของประเทศ แต่อย่างไรก็ตาม ภาคการเกษตรยังไม่ได้รับการพัฒนาที่ดี เพราะไม่มีระบบชลประธานที่ดี (แต่ปัจจุบันเริ่มมีการขุดลอกลำธารเพื่อจัดการระบบชลประธานแล้ว) ....และร้านกาแฟสามารถเดินพบได้ตามริมทางเดินทุกย่านเมือง มักเสริฟพร้อมกับแป้งพิซซ่าเอธิโอเปียซึ่งมีรสชาติคล้ายแป้งนึ่งโรยด้วยผงปาปิก้า
แม้รัฐบาลจะได้ปฏิรูปที่ดินเพื่อเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร แต่เท่าที่ผ่านมายังไม่ประสบผลสำเร็จ เนื่องจากขาดการวางแผนที่ดีและการเพาะปลูกยังพึ่งพาแหล่งน้ำฝนตามธรรมชาติอยู่ และบวกกับปัญหาการชลประทานรวมทั้งวิธีการเพาะปลูกที่ล้าสมัย (จะเห็นได้จากที่นี่ใช้วัวตัวผู้ลักษณะคล้ายวัวชนทางภาคใต้ของประเทศไทย ...ไถและแปรหน้าดิน) + ( ถ้าบ้านไหนค่อนข้างมีฐานะจะใช้ม้าติดกับเครื่องมือไถหน้าดินแทน และจะมักขนผลผลิตโดยใส่เกวียนรถม้าออกมายังถนนใหญ่ รอพ่อค้ามารับไปขายต่อ...
มะเขือเทศที่นี้ลูกค่อยข้างใหญ่และรสชาติหวานกรอบโดยส่วนตัวคิดว่าอร่อยกว่าของไทยมาก และมีม่ะม่วงแก้มแหม่มลูกอวบๆสีอมม่วงน่าทานมาก ปูขายข้างถนน และหาได้ไม่ยาก อีกทั้งร้านข้างทางซึ่งเลยจากตัวเมืองไปจะพบผลไม้นานาชนิด เช่น กล้วย แตงโม แขวนชายเรียงรายเป็นจำนวนมาก (ที่นี่หากินผักออแกนิกง่ายมาก เพราะระบบภาคเกษตรกรรมหันไปพัฒนาระบบออแกนิคมากขึ้น)
ถึงแม้ว่าประเทศเอธิโอเปียจะเป็นประเทศที่มีความเก่าแก่ทางอารยธรรมที่ได้รับมาจากอียิปต์และอาหรับเต็มๆ (สังเกตุจากภาษาพูดบางคำใช้ภาษาอาหรับเลย ยกตัวอย่างเช่นการนับเลขบางจำนวน)...แต่ประชาชนส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์นิกายออเเธอร์ด๊อกส์ และมุสลิม ตามลำดับ แต่ที่น่าแปลกใจคือ ถึงแม้จะมีความเชื่อทางพิธีกรรมและเคร่งศาสนา แต่ก็สามารถปลูกพืชที่เป็นสารเสพติดชื่อว่าต้นเซีย( ไม่แน่ใจออกเสียงถูกไหม) ซึ่งต้นเซียนี่เองเป็นสารเสพติดที่ผู้คนในเอธิโอเปียต้องเสพย์ ไม่เช่นนั้นถึงขั้นทำงานไม่ได้เลย ...ตอนแรกก็งงๆว่าอาหาร Tradition มักมีม้วนแป้งสีขาวม้วนกลมๆ รสชาตออกเปรี้ยวๆคล้ายแป้งบูดเสริฟเป็นเครื่องเคียงมาเสมอ... เพิ่งมาถึงบางอ้อมันทำมาจากต้นเซียนี่เอง + และยังมีโรงานผลิตเบียร์(ใหญ่มาก) ซึ่งทำรายได้และมีการจ้างงานให้คนใช้แรงงานเป็นจำนวนมาก
ตลอดระยะทางบน Highway จะพบตู้คอนเทนเนอร์จำนวนมาก ...อาจสงสัยว่าเอามาทำอะไร ประเทศเหมือนจะยากจน การขนส่งก็ไม่ติดทะเล จะขนไปไหนกัน? ....ประธานโทษ ที่นี่มีระบบขนส่งรถไฟความเร็วสูงไปยังประเทศจิบูติ ซึ่งมีพอร์ตท่าเรือที่ใหญ่ เปรียบง่ายๆ ถ้าเป็นอาเซียนก็สิงคโปร์ดีๆนี่เองซึ่งจะขนส่งออกทางอ่าว Aden ตรงจุดนี้เองที่ทำให้ประเทศกำลังพัฒนาอย่างมาก (ไม่แปลกใจที่เดินตามท้องถนนจะมีนักลงทุนต่างชาติเดินใ่ส่สูทแพงๆคุมงานเป็นการทั่วไป
China company มีอิทธิพลสูงมาก ...มาลงทุนสัมปทานแบบเดินหมากรวบทั้งกระดาน ทั้งโรงงาน โรงแรม ระบบขนส่ง ธนาคาร รวมทั้งภาคปศุสัตว์ที่นี่กำลังเติบโต มีทั้งฟาร์มแพะ วัว ไก่ ซึ่งถือเป็นสินค้าส่งออก โดยบริษัทจีนคว้านซื้อไปเรียบ ( โดยส่วนตัวผมสนใจภาคปศุสัตว์ซึ่งจะนำ Product นำเข้าไปอาเซียนเช่นกัน)
ทำไมให้เขียนได้แค่ 10,000 ตัวอักษร...เด่วผมจะมีรีวิวเพิ่ม ( สงสัยต้องโพสต์เป็น Comment )
[CR] รีวิวเอธิโอเปีย (ฉบับบ้านๆ)
ก่อนอื่นผมต้องขอออกตัวก่อนว่าผมเดินทางบ่อยแต่ไม่เคยมารีวิวอะไรแบบนี้มาก่อน เลยอยากเล่าประสบการณ์ผ่านตัวอักษรและรูปภาพให้เพื่อนสมาชิกที่สนใจได้ศึกษาข้อมูลและมุมมองใหม่ๆผ่านสายตาของผม ในรูปแบบฉบับภาษาที่เข้าใจได้ง่าย ซึ่งผมจะพยายามเขียนนะครับ
ก่อนการเดินทาง>>>
1.ควรฉีดวัคซีนไข้เหลืองก่อนการเดินทางเป็นเวลาอย่างน้อย 10 วัน เพื่อให้วัคซีนได้มีประสิทธิภาพเต็มที่เพราะพาหะของโรคมาจากยุงนั่นเอง (ทำไมถึงใช้คำว่าควร? เพราะเขาไม่ได้ตรวจทั้งขาไปและขากลับ
2.ผมเลือกใช้สายการบินแห่งชาติของเอธิโอเปีย เพราะมีบินตรง ใช้เวลาบินประมาณ 8 ชั่วโมง อาหาร 2 มื้อ นั่งBoeing 787-8 Dreamliner แอร์สาวสวยบริการดีประทับใจทุกบริการ ยื้มหวานมาก (ผมไม่ชอบการต่อเครื่องให้วุ่นวาย) แต่ถ้าใครชอบการต่อเครื่องก็มีสายการบินของเคนย่าด้วยนะครับ (เรื่องรายละเอียดตั๋วผมขอข้ามเลยแล้วกันคงไม่ต้องรีวิววิธีการจองน่ะ
ก้าวแรกลงจากเครื่อง>>>
มีฝนตกปรอยๆ อากาศกำลังดี 16 องศา มีรถสนามบินมารอรับไปเข้า Gate
คนไทยเป็น visa on arrival เสีย 50 USD อยู่พำนักในประเทศเขาได้ 30 วัน // มีเพื่อนผมเป็นคนบรูไนไปด้วย แต่เสียดาย ตม.เขาไม่รู้จักประเทศนี้ ย้ำอยู่ได้มาเลเซียหรือเปล่า? ผมก็บอกบรูไนเป็นสิบรอบ!!! สรุปลองติดต่อกลับไปสถานทูตได้ความว่า
"บรูไนกับเอธิโอเปียไม่เคยมีพันธสัญญาหรือคู่ค้าใดๆร่วมกันตั้งแต่อดีตจวบปัจจุบัน มีสถานะทำนองว่า เอธิโอเปียไม่รู้จักว่าประเทศบรูไนคือประเทศอะไร อยู่ส่วนไหนของโลกประมาณนั้น"
ทำให้เพื่อนผมเลยโดนส่งกลับ เหลือผมเป็นผู้รอดชีวิต (คือเพื่อนผมบินมาจากบรูไนแล้วมาต่อเครื่องที่สุวรรณภูมิ ก่อนหน้านี้เพื่อนผมก็ศึกษาข้อมูลภายในประเทศเขามาแล้วนะรวมทั้งฉีดวัคซีนมาหลายชนิดมาก... แต่ไม่รู้ศึกษาเอาท่าไหนโดนส่งกลับเพราะประเทศปลายทางไม่รู้จักประเทศบรูไน ซวยไปอีก ) (นี่แค่วนเวียนในสนามบินยังไม่ได้ไปไหน ก็มีเรื่องน่าตื่นเต้นแล้ว)
แลกเงินในสนามบินนั่นละสะดวกดี 1 บาท = 7 Birr โดยประมาณ
>>>ข้อมูลโดยทั่วไป จากการพูดคุยกับคนท้องถิ่น (ไม่ต้องกลัวภาษาอังกฤษสื่อสารได้ค่อนข้างดีถ้าคุณไปในเมือง)
เอธิโอเปียเป็นประเทศในทวีปแอฟริกา อยู่ฝั่งตะวันออก...และถือเป็นเมืองหลวงของทวีปนี้ ...โดยเป็นศูนย์กลางแห่งความเจริญของทวีปก็ว่าได้...ถึงแม้จะเป็นประเทศที่ไม่มีพรมแดนติดทะเล แต่ก็เป็นที่สนใจของนักลงทุนต่างชาติเพราะมีการจัดการระบบขนส่งทางรถไฟที่มีประสิทธิภาพโดยส่งต่อไปยังประเทศจิปูติ (Djibouti) ซึ่งมี port ส่งสินค้าซึ่งติดพรมแดนทางตะวันออกเฉียงเหนือของเอธิโอเปีย โดยการส่งสินค้าจะส่งออกผ่านอ่าวเอเดน(Aden)ซึ่งเป็นช่องแคบติดกับประเทศเยเมนเพียง 20 กิโลเมตร เท่านั่น...และที่สำคัญการสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษค่อนข้างสะดวก...
รอบๆเมืองมีสิ่งปลูกสร้างกำลังขึ้นทุกมุมเมือง...ที่สำคัญบริษัทจากจีนแผ่นดินใหญ่กวาดสัมปทานไปเรียบ ( ตึกสูง โรงแรม ธนาคาร ทางด่วน รถไฟ ฯลฯ...ไม่แปลกใจที่สนามบินมีแต่ร้านอาหารจีน...ประเทศนี้มีอะไรน่าศึกษาเย่อะ ซึ่งตอนนี้ผมได้เก็บรวมรวบข้อมูลทางเศรษฐกิจ และสังคม และผมจะค่อยรีวิวเป็นหมวดหมู่ต่อไป
เห็นแดดแรงๆแบบนี้ อุณหภูมิสูงสุดตอนเที่ยงวัน อยู่ที่ 20 องศาเองนะครับส่วนกลางคืนไม่ต้องพูดถึง ^*^+ (อาจตัวดำได้แบบไม่รู้ตัว)
>>>ภาคเกษตรกรรมของประเทศเอธิโอเปียกันบ้าง...^*^+
ภูมิประเทศของประเทศเอธิโอเปียเป็นประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล เศรษฐกิจเอธิโอเปียยังพึ่งพารายได้จากภาคการเกษตรเป็นหลัก คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 60 ของมูลค่าการส่งออกและร้อยละ 80 ของการจ้างงานโดยรวม...
กาแฟ...คือพืชเศรษฐกิจอันเป็นหนึ่งในรายได้หลักของประเทศ แต่อย่างไรก็ตาม ภาคการเกษตรยังไม่ได้รับการพัฒนาที่ดี เพราะไม่มีระบบชลประธานที่ดี (แต่ปัจจุบันเริ่มมีการขุดลอกลำธารเพื่อจัดการระบบชลประธานแล้ว) ....และร้านกาแฟสามารถเดินพบได้ตามริมทางเดินทุกย่านเมือง มักเสริฟพร้อมกับแป้งพิซซ่าเอธิโอเปียซึ่งมีรสชาติคล้ายแป้งนึ่งโรยด้วยผงปาปิก้า
แม้รัฐบาลจะได้ปฏิรูปที่ดินเพื่อเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร แต่เท่าที่ผ่านมายังไม่ประสบผลสำเร็จ เนื่องจากขาดการวางแผนที่ดีและการเพาะปลูกยังพึ่งพาแหล่งน้ำฝนตามธรรมชาติอยู่ และบวกกับปัญหาการชลประทานรวมทั้งวิธีการเพาะปลูกที่ล้าสมัย (จะเห็นได้จากที่นี่ใช้วัวตัวผู้ลักษณะคล้ายวัวชนทางภาคใต้ของประเทศไทย ...ไถและแปรหน้าดิน) + ( ถ้าบ้านไหนค่อนข้างมีฐานะจะใช้ม้าติดกับเครื่องมือไถหน้าดินแทน และจะมักขนผลผลิตโดยใส่เกวียนรถม้าออกมายังถนนใหญ่ รอพ่อค้ามารับไปขายต่อ...
มะเขือเทศที่นี้ลูกค่อยข้างใหญ่และรสชาติหวานกรอบโดยส่วนตัวคิดว่าอร่อยกว่าของไทยมาก และมีม่ะม่วงแก้มแหม่มลูกอวบๆสีอมม่วงน่าทานมาก ปูขายข้างถนน และหาได้ไม่ยาก อีกทั้งร้านข้างทางซึ่งเลยจากตัวเมืองไปจะพบผลไม้นานาชนิด เช่น กล้วย แตงโม แขวนชายเรียงรายเป็นจำนวนมาก (ที่นี่หากินผักออแกนิกง่ายมาก เพราะระบบภาคเกษตรกรรมหันไปพัฒนาระบบออแกนิคมากขึ้น)
ถึงแม้ว่าประเทศเอธิโอเปียจะเป็นประเทศที่มีความเก่าแก่ทางอารยธรรมที่ได้รับมาจากอียิปต์และอาหรับเต็มๆ (สังเกตุจากภาษาพูดบางคำใช้ภาษาอาหรับเลย ยกตัวอย่างเช่นการนับเลขบางจำนวน)...แต่ประชาชนส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์นิกายออเเธอร์ด๊อกส์ และมุสลิม ตามลำดับ แต่ที่น่าแปลกใจคือ ถึงแม้จะมีความเชื่อทางพิธีกรรมและเคร่งศาสนา แต่ก็สามารถปลูกพืชที่เป็นสารเสพติดชื่อว่าต้นเซีย( ไม่แน่ใจออกเสียงถูกไหม) ซึ่งต้นเซียนี่เองเป็นสารเสพติดที่ผู้คนในเอธิโอเปียต้องเสพย์ ไม่เช่นนั้นถึงขั้นทำงานไม่ได้เลย ...ตอนแรกก็งงๆว่าอาหาร Tradition มักมีม้วนแป้งสีขาวม้วนกลมๆ รสชาตออกเปรี้ยวๆคล้ายแป้งบูดเสริฟเป็นเครื่องเคียงมาเสมอ... เพิ่งมาถึงบางอ้อมันทำมาจากต้นเซียนี่เอง + และยังมีโรงานผลิตเบียร์(ใหญ่มาก) ซึ่งทำรายได้และมีการจ้างงานให้คนใช้แรงงานเป็นจำนวนมาก
ตลอดระยะทางบน Highway จะพบตู้คอนเทนเนอร์จำนวนมาก ...อาจสงสัยว่าเอามาทำอะไร ประเทศเหมือนจะยากจน การขนส่งก็ไม่ติดทะเล จะขนไปไหนกัน? ....ประธานโทษ ที่นี่มีระบบขนส่งรถไฟความเร็วสูงไปยังประเทศจิบูติ ซึ่งมีพอร์ตท่าเรือที่ใหญ่ เปรียบง่ายๆ ถ้าเป็นอาเซียนก็สิงคโปร์ดีๆนี่เองซึ่งจะขนส่งออกทางอ่าว Aden ตรงจุดนี้เองที่ทำให้ประเทศกำลังพัฒนาอย่างมาก (ไม่แปลกใจที่เดินตามท้องถนนจะมีนักลงทุนต่างชาติเดินใ่ส่สูทแพงๆคุมงานเป็นการทั่วไป
China company มีอิทธิพลสูงมาก ...มาลงทุนสัมปทานแบบเดินหมากรวบทั้งกระดาน ทั้งโรงงาน โรงแรม ระบบขนส่ง ธนาคาร รวมทั้งภาคปศุสัตว์ที่นี่กำลังเติบโต มีทั้งฟาร์มแพะ วัว ไก่ ซึ่งถือเป็นสินค้าส่งออก โดยบริษัทจีนคว้านซื้อไปเรียบ ( โดยส่วนตัวผมสนใจภาคปศุสัตว์ซึ่งจะนำ Product นำเข้าไปอาเซียนเช่นกัน)
ทำไมให้เขียนได้แค่ 10,000 ตัวอักษร...เด่วผมจะมีรีวิวเพิ่ม ( สงสัยต้องโพสต์เป็น Comment )
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น