สวัสดีอีกเช่นเคยค่ะ หน้าหนาวนี้ไม่มีผู้ไม่เป็นไรแต่ไม่มีลิปมันไม่ได้นะคะ รีวิวนี้ขออุทิศให้สำหรับหน้าหนาวโดยเฉพาะค่ะและน่าจะถูกใจอย่างยิ่งสำหรับชะนีปากแห้ง ปากแตก ปากลอก อาจจะต้องเสียตังไปกับรีวิวนี้ก็เป็นได้ และดั๊นก็เป็นชะนีที่ปากหมา เอ้ยปากแห้ง เลยทาลิปมันเป็นประจำ รอช้าอยู่ใยไปเริ่มตำกันเลยค่ะ

รีวิวนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวที่ใช้เองทั้งหมดค่ะ มีทั้งดีและไม่ดี ทั้งถูกและแพงนะคะ เน้นเรื่องความชุ่มชื้นเป็นหลักค่ะและรูปภาพขออนุญาตนำมาจาก google จ้า

1. Carmex ราคาที่แน่นอนจำไม่ได้นะคะน่าจะอยู่ที่ 90ถึงร้อยกว่าๆ แต่หาซื้อได้ง่ายจากซุปเปอร์มาร์เกตทั่วไปเลย เป็นรุ่นที่ไม่มีกลิ่นไม่มีสีค่ะ แพคเกจก็ธรรมดาเหมือนลิปมันทั่วไป ไม่มีอะไรพิเศษค่ะ ความชุ่มชื้นให้ 5/10 เพราะรู้สึกว่าไม่ได้ชุ่มชื้นอะไรเลย (ถ้าเทียบกับตัวอื่น) แค่รู้สึกลื่นๆไม่มันไม่เหนียวไม่หนืดทาแปบๆก็แห้งเหมือนเดิม ที่สำคัญคือใน range ราคาประมาณนี้ยังมีตัวอื่นที่ดีกว่าค่ะ

2. Burt's bee ตัวนี้ในเรื่องลิปมันก็ดังไม่แพ้ตัวแรกค่ะ แพคเกจก็เหมือนตัวแรกแหล่ะค่ะคือลิปมันธรรมดาไม่มีอะไรพิเศษหมุนขึ้นหมุนลง เราซื้อจาก tops ราคาร้อยกว่าๆ ตอนนั้นเหลืออยู่ไม่กี่กลิ่นค่ะ เราเหมามาหมดทุกกลิ่นเลยแต่สำหรับเราเรื่องกลิ่นแย่มาก555555 โดยเฉพาะกลิ่น grapefruit เป็นอะไรที่ชวนอ้วกมาก มันไม่หอมเลยอ่ะค่ะ บอกกงๆว่าเวียนหัว เปิดฝามาทีไรไม่อยากทาเลยเพราะกลิ่น (คือมันก็ไม่แย่มากแต่ก็เหม็นสำหรับเรา) เรื่องความชุ่มชื้นให้ 7/10 นะคะ ค่อนข้างชุ่มชื้นปานกลางถึงมาก ติดทนนาน ไม่หายไปเร็วแบบตัวแรกค่ะ แต่เรื่องกลิ่นถ้าไม่ใช่กลิ่น grapefruit ก็ยังพอไปกันได้ แต่ถ้ายังไม่เปลี่ยนแปลงก็เลิกกันค่ะ ฝากวั้ยเท่านี้อิอิ

3. Blistex ตัวนี้เราจะชอบพกใส่กระเป๋าไว้ค่ะผลัดๆกันแต่ละวัน เรื่องราคาไม่ทราบเพราะไม่ได้ซื้อเอง (ของฟรีค่ะ5555) แพคเกจเหมือนกันกับสองตัวแรกค่ะพลาสติกปกติเลย มาถึงเรื่องความชุ่มชื้นนะคะ เราว่าเนื้อมันคล้ายๆ carmex ตัวแรกแต่ตัวนี้แห้งหายไปจากปากเร็วกว่า (ลิปมันหรือแอลกอฮอล์) ไม่ชุ่มชื้นเลยหรือน้อยมากมันลื่นๆแต่ไม่ชุ่มชื้นอ่ะค่ะงงไหม55555 มันมีอะไรมาเคลือบปากให้ลื่นๆแล้วมันก็หายไป ตอนที่พกไว้ก็เติมบ่อยมาก ไม่มีสีแต่กลิ่นมีนิดหน่อยค่ะแต่บอกกลิ่นไม่ถูก ไม่หอมไม่เหม็นไม่ใช่กลิ่นผลไม้

4. Vaseline lip therapy ตัวนี้ทุกคนน่าจะรู้จักกันค่ะเพราะดังมากๆอยู่ช่วงนึง ไม่รู้ตอนนี้ยังดังอยู่ป่าว เราซื้อมาในราคา 120 บาทค่ะ ตอนแรกใช้เป็นตัวสีแดงและปัจจุบันใช้ตัวนี้ค่ะ ตัวนี้ไม่มีกลิ่นไม่มีสี เรารู้สึกว่ามันดีกว่าตัวปิโตรเลียมเจลด้วยซ้ำ เราจะชอบเอามาโบกก่อนนอน ย้ำนะคะว่าโบกพอตื่นมาทาลิควิดลิปสติกนี้ปากสวยเด้งเหมือนไคลี่เลยค่ะต่างกันแค่นั่นไคลี่นี่ขี้ไหล ความชุ่มชื้นเราให้ 8/10 ค่ะ เหมาะจะเอามาทาก่อนนอนแต่ทาตอนเช้า ก่อนแต่งหน้าหรือทาก่อนลงลิปจะทำให้ลิปไม่ติดทนค่ะ ถ้าจะทาแนะนำทาก่อนนอนดีกว่า

5. EOS หรือลิปไข่ เราใช้กลิ่นสตรอเบอร์รี่ค่ะหอมมากกกกกก เคยดังอยู่ช่วงนึงเหมือนกันค่ะตัวนี้ แพคเกจเราว่ามันเทอะทะไปกินพื้นที่ถ้าจะพกติดตัว ให้ความชุ่มชื้นแต่ไม่มาก 5/10 ความรู้สึกเราเหมือนทา blistex ค่ะ มันลื่นๆปากแต่ไม่ชุ่มชื้น  หาซื้อได้ที่ไหนไม่ทราบค่ะ55555 ขออภัยมา ณ ที่นี้ แต่จำราคาได้ว่าซื้อมา 150 บาทค่ะ

6. The body shop ตัวนี้สิ่งที่จะบอกคือมันดีมากในราคาเท่านี้ (ประมาณ 200บาท) มันชุ่มชื้นแต่ปากมันเหมือนกินน้ำมันมาอ่ะค่ะ555555 กลิ่นหอม มีสี ตอนอยู่มัธยมเราชอบขอเพื่อนใช้จนจบมัธยมมาถึงจะมาซื้อเองค่ะ555555 ความชุ่มชื้นให้ 7/10 แพคเกจพกพาค่อนข้างสะดวกแต่เราว่าการใช้นิ้วปาดแล้วทามันทำให้สกปรกไปนิสเพราะเราไม่รู้ว่ามือเราผ่านอะไรมาบ้างถูกมะ

7. Laneige lip mask ตัวนี้ตอนแรกเราใช้กระปุกเล็กค่ะซื้อมาในราคา 200บาท แล้วถึงมาใช้กระปุกให้ ทาก่อนนอนนี่เลิศมากยู ตื่นมาปากชุ่มชื้นทาลิปแมทก็รอดนะจ้ะ แต่ถ้าทาตอนเช้าก่อนทาลิปนี่ไม่เวิคจริงๆเก็บไว้บำรุงตอนกลางคืนจะดีกว่า ความชุ่มชื้นให้ 9/10 กลิ่นหอมน่ารักมาก (เป็นไงฟะกลิ่นน่ารัก55555) แพคเกจก็ปกติค่ะนิ้วปาดแล้วทาแต่กระปุกใหญ่มี applicator มาให้ซึ่งดีมาก

8. Estee lauder ตัวนี้ลูกรักมากค่ะในบรรดาลูกทั้ง 10 แต่ไม่ค่อยมีใครพูดถึงมากเท่าไร จะทาก่อนทาลิปหรือทาทิ้งไว้ก่อนแต่งหน้าก็ดีหมด มันบำรุงล้ำลึกจริง (ตื้นตัน) ราคา 1,300บาท ซื้อได้ตามห้างทั่วไป ชุ่มชื้นแต่ไม่เหนียวปากแถมปากไม่มันด้วย ความชุ่มชื้นให้ 10/10 ไม่มีกลิ่นไม่มีสีใดๆทั้งสิ้นไม่ต้องกลัวทาไปแล้วลิปสติกจะสีเพี้ยน แพคเกจดีงามเพราะเป็นแม่เหล็กตัวลิปกับฝาติดกันได้ทันทีไม่ต้องกลัวหลุดหรือกลัวปิดไม่สนิท พกพาได้ง่ายสะดวกมากค่ะ ใช้มาแท่งที่ 3ละ เลิฟๆอ่ะ ถ้าใครอยากตำแต่ไม่รู้จะบอกรุ่นว่าอะไรเอารูปไปให้ ba ดูก็ได้นะจ้ะ

9. Benefit posie balm ปกติจะเคยเห็นแต่รีวิว posie tint ไม่ก็ high beam ชิมิ วันนี้เราขอหยิบตัวนี้มารีวิวละกัน ความน่ารักของแพคเกจทำให้ชะนีอย่างเราต้องซื้อค่ะ ตอนนั้นซื้อมาก็ไม่ได้คิดอะไรมากไม่ได้คิดว่ามันจะต้องบำรุงอะไร ราคาจำไม่ได้ต้องขออภัยจริงๆแต่หาซื้อได้ที่ sephora สาขาต่างๆ นางไม่ได้พิเศษอะไรเลยจ่ะ ไม่บำรุงไม่ชุ่มชื้นออกจะทำให้ปากมันมากกว่า ความชุ่มชื้นให้ 5/10 มีสีชมพูระเรื่อๆ มีกลิ่น แพคเกจคือสิ่งน่ารักอย่างเดียวที่อยากบอก55555 แต่ถ้าเรื่องพกไปไหนมาไหนนางก็ได้อยู่นะเพราะแพคเกจเรียวๆเล็กๆพกพาง่ายไม่เทอะทะไม่กินพื้นที่

10. Dior lip glow สี berry แทบจะพลิกแผ่นดินหาก็ว่าได้ค่ะสีนี้ ไปตบกับชะนีกลางห้างมาถึงจะแย่งมาได้ (ล้อเล่น5555) ราคาน่าจะ 1,xxx บาทซื้อจากเคาท์เตอร์ที่เอมโพเรียมตอนนั้นไปกับเพื่อนจัดไปคนละแท่งสองแท่งเลยจ่ะ เนื่องจากกิติศัพท์ของนางและการเชียร์ขายของ ba ที่ชื่อพี่เตอร์นางนี่แหล่ะคือ diva ของเคาท์เตอร์ที่นี่อิอิ ไปกี่ทีก็จะซื้อแต่กับนาง บอกเลยว่าทาก่อนนอนดีที่สุด ความชุ่มชื้น 10/10 ปากจะเลิศหล้านภาลัยมากในยามตื่นนอน เรียกได้ว่าแทบจะไม่ต้องทาลิปมันใดๆทิ้งไว้ก่อนแต่งหน้าเลยค่ะ เพราะมันชุ่มชื้นมาจากการบำรุงที่เราทาตอนกลางคืนอยู่แล้ว แต่ๆๆๆข้อเสียคือเนื่องจากดิฉันติดหมอนข้างพอตอนนอนมันจะชอบไปเลอะหมอนข้าง และด้วยความที่มันชุ่มชื้นมากมันก็มัน (แต่ไม่เยิ้มนะคะ) ตัวนี้มีสีซึ่งสีสวยมากจะทาเดี่ยวๆตอนเช้าแล้วออกจากบ้านเลยก็ได้ไม่ต้องกลัวหน้าศพอีกต่อไป มีกลิ่นหอมเบอร์รี่สุดๆเหมาะกับคนสตรอเบอร์รี่อย่างดั๊น แพคเกจน่ารักคิขุเป็นพลาสติกพกพาสะดวกฝาปิดแน่น