เป็นเรื่องราวบทเรียนชีวิตครั้งยิ่งใหญ่ที่ไม่อาจจะลืมเลือนได้ "ด่าได้ แต่อย่าแรง 5555+"
"ความรักเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ทุกเวลามันอยู่ที่เราจะเลือก ว่าจะเลือกความถูกต้องหรือความถูกใจ"
บทเรียนครั้งนี้อาจจะทำให้ใครต่อหลายคนได้คิด บทเรียนชีวิตบางครั้งไม่จำเป็นต้องพบเจอเองก็ได้ เรียนรู้จากประสบการณ์คนอื่น หวังว่ากระทู้นี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่ได้อ่านนะครับ
ต้นเรื่อง :
เราก็เป็นผู้ชายคนนึงซึ่งเป็นคนที่ทุ่มเททุกอย่างให้กับคำว่ารักมาโดยตลอดตั้งเด็กประถม จนถึงมัธยมก็ไม่เคยสมหวังกับคำว่ารักเสียที แต่ทุกครั้งก็จะลุกขึ้นยืนได้ใหม่เสมอ เพราะยังเชื่อในคำว่ารักมาโดยตลอด ว่าสักวันมันจะมีคนที่ใช่สำหรับเรา เฝ้าทุ่มเทและเสียน้ำตาให้กับความรักมาไม่รู้กี่หน แต่ก็เก็บงำความรู้สึกไว้ตลอด
==> จนกระทั่งจบ ม.6 ได้มีโอกาสไปยื่นผลคะแนนสอบเพื่อเข้ามหาวิทยาลัย ด้วยความที่เราสนิทกับเพื่อนผู้หญิงเราจึงไปพักกับเพื่อนตอนไปยื่นคะแนน ปรากฏว่า ณ เวลานั้นเพื่อนของเขาอีกคน ถูกเพื่อนอีกกลุ่มนึงทิ้งจำเป็นต้องมาพักอยู่กับพวกเรา ทำให้เราได้รู้จักกัน เราก็รู้ว่าเขามีแฟนแล้วเราก็ไม่ได้คิดอะไร แต่มารู้ทีหลังว่าเขากำลังจะเลิกกัน เพราะผู้ชายเจ้าชู้ไปมีคนอื่น ไม่นานเขาก็เลิกกันไป ณ เวลานั้นเราก็ยังไม่รู้สึกอะไร แต่ว่าเราเป็นคนชอบส่งข้อความหาเพื่อนๆ มักจะแต่งกลอนแล้วส่ง sms ไปให้เพื่อนหลายๆ คน รวมทั้งเขาคนนั้นด้วย จนทำให้เรารู้จักกันมากขึ้น เวลาผ่านมากก็ ผ่านมา 5 เดือน เราก็มาคบกัน วันที่เราคบกัน สิ่งที่ประทับใจที่สุด คือเขาเอากลอนที่เราแต่ง และส่งให้เขาทุกวันจดใส่กระดาษตั้งแต่วันแรกจนวันที่เราคบกันมาให้ แล้วบอกว่า เขาจดไว้ทุกวัน พอผลการสอบออกมาเราได้เรียนคนละจังหวัดกัน เราเรียนครู แฟนเราก็เรียนครู แต่ด้วยความที่ห่างกันมาก เราก็เดินทางไปหาเค้าทุกๆเดือน ซึ่งมันไกลมาก จนจบปี 1 เราก้บอกให้เขาซิ่วมาเรียนใกล้ๆกัน เพราะเขาก็ไม่อยากเป็นครู เลยมาเรียนที่เดียวกัน คณะเขาเรียน 4 ปี เราเรียน 5 แต่จบพร้อมกัน เราคบกันมานานมาก 6ปี เราก็เรียนจบเริ่มทำงานกันแล้ว เราคุยเรื่องแต่งงานกับเขา ว่าเราน่าจะพร้อมมีครอบครัวได้แล้วนะ อยากแต่งงานตอนที่แม่ยังไหว แต่สิ่งที่เขาตอบกลับมา มันเป็นปมในใจมาก "เธออยากแต่งงานกับเราเพราะแม่ ไม่ใช่เพราะรักเรา" ได้ยินแล้วรู้สึกอึ้ง หน้าชาไป แล้วเราก็บอกเขาไปว่า อย่าเสียใจทีหลังนะ หลังจากนั้นเราก็คบกันมาเรื่อยๆ เขาทำงานไม่ค่อยเป็นเวลา มีเวลาให้เราน้อยลงมาก แทบจะไม่ได้เจอ ชวนไปเที่ยวไปกินข้าวก็บอกไม่ว่าง รอแล้วรออีก เราก็ร้องไห้เสียใจตลอด จนวันนึง ราว 2 ปีได้ เราสามารถไปไหนทำอะไรเองได้ ดูหนังคนเดียว กินข้าวคนเดียว จนรู้สึกว่าฉันก็อยู่ได้โดยไม่มีเขา
-----ทะยอยพิมพ์-----
บทเรียนและจุดจบ ความรักระหว่าง "ครู นักเรียน"
"ความรักเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ทุกเวลามันอยู่ที่เราจะเลือก ว่าจะเลือกความถูกต้องหรือความถูกใจ"
บทเรียนครั้งนี้อาจจะทำให้ใครต่อหลายคนได้คิด บทเรียนชีวิตบางครั้งไม่จำเป็นต้องพบเจอเองก็ได้ เรียนรู้จากประสบการณ์คนอื่น หวังว่ากระทู้นี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่ได้อ่านนะครับ
ต้นเรื่อง :
เราก็เป็นผู้ชายคนนึงซึ่งเป็นคนที่ทุ่มเททุกอย่างให้กับคำว่ารักมาโดยตลอดตั้งเด็กประถม จนถึงมัธยมก็ไม่เคยสมหวังกับคำว่ารักเสียที แต่ทุกครั้งก็จะลุกขึ้นยืนได้ใหม่เสมอ เพราะยังเชื่อในคำว่ารักมาโดยตลอด ว่าสักวันมันจะมีคนที่ใช่สำหรับเรา เฝ้าทุ่มเทและเสียน้ำตาให้กับความรักมาไม่รู้กี่หน แต่ก็เก็บงำความรู้สึกไว้ตลอด
==> จนกระทั่งจบ ม.6 ได้มีโอกาสไปยื่นผลคะแนนสอบเพื่อเข้ามหาวิทยาลัย ด้วยความที่เราสนิทกับเพื่อนผู้หญิงเราจึงไปพักกับเพื่อนตอนไปยื่นคะแนน ปรากฏว่า ณ เวลานั้นเพื่อนของเขาอีกคน ถูกเพื่อนอีกกลุ่มนึงทิ้งจำเป็นต้องมาพักอยู่กับพวกเรา ทำให้เราได้รู้จักกัน เราก็รู้ว่าเขามีแฟนแล้วเราก็ไม่ได้คิดอะไร แต่มารู้ทีหลังว่าเขากำลังจะเลิกกัน เพราะผู้ชายเจ้าชู้ไปมีคนอื่น ไม่นานเขาก็เลิกกันไป ณ เวลานั้นเราก็ยังไม่รู้สึกอะไร แต่ว่าเราเป็นคนชอบส่งข้อความหาเพื่อนๆ มักจะแต่งกลอนแล้วส่ง sms ไปให้เพื่อนหลายๆ คน รวมทั้งเขาคนนั้นด้วย จนทำให้เรารู้จักกันมากขึ้น เวลาผ่านมากก็ ผ่านมา 5 เดือน เราก็มาคบกัน วันที่เราคบกัน สิ่งที่ประทับใจที่สุด คือเขาเอากลอนที่เราแต่ง และส่งให้เขาทุกวันจดใส่กระดาษตั้งแต่วันแรกจนวันที่เราคบกันมาให้ แล้วบอกว่า เขาจดไว้ทุกวัน พอผลการสอบออกมาเราได้เรียนคนละจังหวัดกัน เราเรียนครู แฟนเราก็เรียนครู แต่ด้วยความที่ห่างกันมาก เราก็เดินทางไปหาเค้าทุกๆเดือน ซึ่งมันไกลมาก จนจบปี 1 เราก้บอกให้เขาซิ่วมาเรียนใกล้ๆกัน เพราะเขาก็ไม่อยากเป็นครู เลยมาเรียนที่เดียวกัน คณะเขาเรียน 4 ปี เราเรียน 5 แต่จบพร้อมกัน เราคบกันมานานมาก 6ปี เราก็เรียนจบเริ่มทำงานกันแล้ว เราคุยเรื่องแต่งงานกับเขา ว่าเราน่าจะพร้อมมีครอบครัวได้แล้วนะ อยากแต่งงานตอนที่แม่ยังไหว แต่สิ่งที่เขาตอบกลับมา มันเป็นปมในใจมาก "เธออยากแต่งงานกับเราเพราะแม่ ไม่ใช่เพราะรักเรา" ได้ยินแล้วรู้สึกอึ้ง หน้าชาไป แล้วเราก็บอกเขาไปว่า อย่าเสียใจทีหลังนะ หลังจากนั้นเราก็คบกันมาเรื่อยๆ เขาทำงานไม่ค่อยเป็นเวลา มีเวลาให้เราน้อยลงมาก แทบจะไม่ได้เจอ ชวนไปเที่ยวไปกินข้าวก็บอกไม่ว่าง รอแล้วรออีก เราก็ร้องไห้เสียใจตลอด จนวันนึง ราว 2 ปีได้ เราสามารถไปไหนทำอะไรเองได้ ดูหนังคนเดียว กินข้าวคนเดียว จนรู้สึกว่าฉันก็อยู่ได้โดยไม่มีเขา
-----ทะยอยพิมพ์-----