ถ้าหมอหาสาเหตุของโรคที่คนไข้เป็นไม่ได้แสดงว่าคนไข้บ้าหลอ?

เรื่องมีอยู่ว่า ติ่งหูเราบวมแล้วเจ็บๆคันแบบไม่มีสาเหตุ แถมพอจับไปแล้วรู้สึกเหมือนเป็นก้อนเนื้ออีก ด้วยความที่ว่ากลัวว่าจะเป็นซี๊ด (เพราะเคยเป็นที่มืออาการคลายๆกัน)  เราเลยไปหาหมอที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง แต่หมอกลับบอกเราว่าติ่งหูเราปกติดีไม่ได้เป็นอะไร ซึ่งเราไม่เชื่อเพราะว่าก็จับแล้วก็ชัดๆอยู่ว่ามันบวมเจ็บก็เจ็บ เลยขอให้หมอช่วยตรวจติ่งหูเราใหม่อีกรอบขอแบบดีๆละเอียดๆเพราะตอนตรวจตอนแรกหมอแค่มาจับติ่งหูเราบีบๆตามจุดที่เราบอกเฉยๆแล้วก็มาสรุปว่าเราไม่ได้เป็นอะไร แต่สุดท้ายหมอก็ทำแบบเดิมแล้วก็ยืนยันว่าติ่งหูเราไม่ได้เป็นอะไร เราเลยเถียงกับหมอ สุดท้ายหมอไล่เราออกจากห้องแล้วให้พยาบาลเรียกญาติผู้ใหญ่ที่มาด้วยไปคุย เราแอบยืนฟังอยู่ข้างนอกได้ความว่า หมอหาว่าเราเป็นเด็กมีปัญหาเรียกร้องความสนใจ มโนไปเองว่าหูตัวเองบวม ญาติเราที่ไปด้วยได้ยินแบบนั้นเขาก็ไม่พอใจเพราะเราก็เคยให้เขาลองจับติ่งหูเราก่อนแล้วด้วยซ้ำก่อนจะมาหาหมอเพื่อให้แน่ใจว่ามันไม่ปกติจริงๆ เลยขอเปลี่ยนแผนกตรวจไปแผนกอื่นแทน พอไปอีกแผนกหมอที่รับเรื่องต่อก็ดูเหมือนจะไม่พอใจว่าอะไรทำไมแผนกแรกตรวจแล้วยังไม่พอใจอีก สุดท้ายมาหมอคนนี้ตรวจอาการให้เราแย่กว่าคนแรกอีก ตรวจแบบประชดเลยก็ว่าได้ หมอจับติ่งหูเราบี้อย่างแรงเลยแล้วก็ยืนยันตามหมอแผนกแรกว่าไม่ได้เป็นอะไร เราก็เลยได้เถียงกะหมออีกรอบว่าถ้ามันไม่ได้เป็นอะไรจริงๆทำไมพยาบาลที่ลงทะเบียนคนไข้ตอนแรกเขาจับแล้วเจอแล้วส่งให้เรามาหาหมอ ทำไมเขาไม่บอกตั้งแต่ตอนนั้นเลยว่าเราไม่เป็นอะไรทำไมต้องให้มาเสียเวลาตั้งครึ่งวันที่โรงบาล หมอเลยสั่งให้ไปเรียกพยาบาลคนนั้นมาว่าจับยังไงถึงเจอ สุดท้ายพยาบาลคนนั้นไม่รู้ว่ากลัวหมอหรืออะไร พอเจอหน้าหมอเข้าจริงๆนางกลับบอกว่า แค่ฟังคนไข้เล่าอาการมาเฉยๆตัวเองลองตรวจตามพิธีไปงั้น เจอแบบนี้เอาเราไปต่อไม่ถูกเลย สุดท้ายหมอเลยบอกว่ารอให้มันบวมโตจนใครก็ๆเห็นได้ก่อนละกันค่อยกลับมา เรานี่แบบเฟลมากตั้งแต่วันนั้นกลับมาบ้านก็โดนพ่อแม่ว่าต่ออีกหาว่าทำญาติไปเสียเวลาไม่ได้อะไรกลับมาแถมเสียเงินค่าหมอค่ารถอีก เราเลยไม่อยากยุ่งอะไรกับติ่งหูเราอีกได้แต่คิดว่าเราอาจจะบ้าจริงๆก็ได้ที่คนในโรงบาลเขาตรวจกันไม่เจอ ซักประมาณเกือบๆเดือนหูเรามันก็ดีขึ้นแล้วยุบไปเอง แต่แล้วปีนึงผ่านไปไม่นานมานี้มันก็กลับมาบวมอีกรอบนี้เราเลยย้ายโรงบาลมาหาหมอใน กทม แทนสุดท้ายก็ถึงบางอ่อว่าเราไม่ได้บ้าจริงๆจ้า หูเรามีปัญหาจริงๆ หมอที่ กทม หาเจอได้ว่าสุดท้ายเรามีอาการเหมือนเป็นสิวแบบที่ไม่มีหัวขึ้นที่หู แล้วเขาก็ให้ยามาทาจนหัวสิวขึ้นบีบกันหนองทะลักฟินๆกันไป ที่เล่ามาทั้งหมดคือไม่ได้จะเอาเรื่องอะไรใครเพราะมันผ่านมาแล้วแค่ไม่เข้าใจว่าทำไม หมอถึงได้มองว่าการที่คนไข้เขารู้สึกว่าร่างกายตัวเองผิดปกติ แล้วตัวเองตรวจหาโรคไม่เจอแปลว่าคนไข้เขาบ้ามโนไปเอง ทำไมถึงไม่คิดว่าทำไมตัวเองถึงหาไม่เจอเพราะการที่คนเขามาหาหมอไม่มีใครเขาอยากมากันเล่นๆหรอกเสียทั้งเงินทั้งเวลาแถมเสี่ยงติดหวัดกลับไปเพิ่มอีก หรือ เพราะว่าหมออาจจะมองว่าเราเป็นแค่เด็กนักศึกษาเลยไม่ใส่ใจ อันที่จริงไม่ว่าคนไข้จะอายุเท่าไหร่หมอก็ควรจะให้ความสำคัญเท่าๆนะเพราะเขาก็เป็นคนไข้เป็นลูกค้าที่จ่ายเงินมารักษาเหมือนกัน
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่