ขอเรียนชี้แจงประเด็นข้อเท็จจริง เงินยืม 75,000 กลุ่มคนนอกกะลา และ ประเด็นอื่นที่เกี่ยวข้อง ........... โบกกรัก

กระทู้คำถาม
ผมมีความจำเป็นที่ต้องออกมาเล่าข้อเท็จจริง เนื่องจากเป็นบุคคลที่ถูกพาดพิง และ
เพื่อให้ความจริงกระจ่างกับสมาชิกในห้องนี้ ผมมิได้มีเจตนาจะมุ่งหมายให้ผู้หนึ่งผู้ใด
เสียหาย เพราะถ้าผมไม่ออกมาพูดความจริงก็อาจจะมีคนบางคนนำไปบิดเบือน และ
เพื่อปกป้องชื่อเสียง และ ความดีของกลุ่มคนนอกกะลา

ก่อนอื่นต้องขอเรียนว่า กลุ่มคนนอกกะลาที่เคยทำกิจกรรมร่วมกันกลุ่มเล็ก ๆ ยังมีพบปะ
สังสรรค์กันเช่นเคย และ มีห้องในลายน์คุยกันอยู่เป็นประจำ ได้แก่

BTP.COB
ตะโกราย 37
แม่น้องเพ้นท์
หมูน้อยตัวกลม
Numsup
โบกกรัก
2 ท่าน ไม่มีล๊อคอินแต่ทำกิจกรรมร่วมกัน

นอกจากนี้ ยังมีห้อง คนนอกกะลา ที่มีสมาชิก 68 คน ที่หมาน้อยเคสเปอร์ เป็นแอดมิน
มีการพูดคุยกัน จัดมิตติ้ง และ ทำกิจกรรมร่วมกัน

และขอชี้แจงว่า กลุ่มเราก็ยังมีกิจกรรมอยู่หลายครั้ง เช่น ซื้อรถส่งนักเรียน ซื้อจักรยาน
ซื้ออุปกรณ์กีฬา และ แจกทุนการศึกษา แต่เราไม่สามารถออกสื่อได้เพราะเวลานี้การ
เมืองมันไม่นิ่ง แม้การแจกไม่มีการเลือกสี ไม่มีการเมืองใด ๆ

หมาน้อยเคสเปอร์ เองก็เป็นตัวตั้งตัวตีในการนัดพบนักการเมืองพรรคเพื่อไทยเพื่อแลก
เปลี่ยนความคิดเห็น นอกจากนี้ พวกเรายังได้ร่วมทานอาหารกลางวันกับ อดีตนายกฯ
ยิ่งลักษณ์ หลายครั้ง หลายหน ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา

ที่มาที่ไปของเงิน 75,000 บาท
เงินก้อนนี้ ถูกยืมไป 3 ครั้งในช่วงเวลาประมาณ 7-8 เดือน
30,000 บาท ถูกยืมไปโดยให้ผมโอนเงินให้บุคคลที่ 3
20,000 บาท ถูกยืมไปเพื่อซื้ออุปกรณ์การชกมวยให้ นักมวยที่ฝาง ครั้งที่ 1 (ไปกันเพียง 3 คน)
25,000 บาท ผมออกเงินล่วงหน้าค่าตั๋วเครื่องบินค่าที่พักค่าเช่ารถไปฝางครั้งที่ 2 (ไปกันเพียง 3 คน)
หลังจากนั้นก็มีการขอใช้หนี้โดยให้เช็คขีดคร่อมผมเกินกว่าจำนวนหนี้ แล้วขอเงิน
เพิ่มซึ่งผมไม่ได้ให้เงินส่วนเกินนั้นไป สัปดาห์ต่อมาผมก็บินไปทำงานต่างประเทศ
ประมาณ 3 เดือน

การส่งผ่านข้อมูลเรื่องยืมเงิน
หลังจากกลับมาจากต่างประเทศพวกเราที่เหลือก็พบปะทานอาหารร่วมกันตามปกติ
ไม่มีใครพูดถึงเรื่องยืมเงินแล้วไม่ใช้หนี้แต่อย่างใด จนวันนึง ผมเรียกตะโกราย 37
ออกมาคุยกับผมส่วนตัวขณะที่กลุ่มเราทานอาหารเย็นร่วมกัน ผมบอกว่า คน ๆ นี้ยืม
เงินผมไป และ ไม่ยอมใช้หนี้ผมตามสัญญา ซึ่งตอนนี้ก็เลยเวลาไปนานมากแล้ว
(ที่เรียกมาคุยคนเดียว เพราะ ถ้าพูดในกลุ่มกลัวข้อมูลอาจจะหลุด) เท่านั้นแหละ ข้อ
มูลพรั่งพรู ตะโกรายเองก็บอกผมว่าผมกำลังจะบอกพี่โบกอยู่เลยเพราะเขาก็โดน
ยืมเงินไปและผัดผ่อนมานานมากแล้ว คนที่รู้เรื่องยืมเงินตอนนั้นมีแค่ 3 คนในกลุ่ม

คน ๆ นี้ ยืมเงินคนหลายคน ตั้งแต่หลักหมื่นบาท ถึง หลักล้าน บอกเดือนหน้าจะให้แต่
ล่วงเลยมาจะเป็นปีก็ยังทะยอยใช้ไม่หมด เท่าที่จำได้คงเหลืออยู่ตอนนั้นห้าแสนบาท
ซึ่งตอนนั้น พวกเราทุกคนทำใจไปแล้ว ว่าไม่ได้คืนแน่นอน พี่สมาชิกท่านหนึ่งถึง
ขนาดโอนเงินให้ ตะโกราย ไป 150,000 เพื่อช่วยเหลือทั้ง ๆ ที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง

พวกเราทุกคนต่างทำใจ ไม่ได้เงินคืนแน่นอน แถมไม่สามารถไปฟ้องร้องอะไรได้
เพราะเป็นการโอนเงินให้คนอื่น และเป็นการให้เงินโดยไม่มีหลักฐานเกี่ยวพันกับตัว
ลูกหนี้แต่ประการใด

ที่น่าสังเกตุคือ การยืมเงิน จากใครก็ตาม เป็นการยืมเงินลับหลังกลุ่ม

การทวงเงิน
หลายเดือนต่อมา พวกเราล่วงรู้ว่ามีการยืมเงินกับสมาชิกท่านหนึ่งแล้วปรากฏว่าเช็คเด้ง
(ซึ่งสมาชิกท่านนี้ยังเก็บเช็คที่เด้งไว้อยู่) แต่มีการใช้คืนหมดแล้ว พวกเราเลยเปลี่ยน
ความคิดว่า เขาคนนั้นมีเงินแน่นอน ถ้าเราทวงเงินคงอาจจะได้คืน ผมจึงส่งข้อความผ่าน
facebook messenger ทำนองที่ว่า "พี่หนี้ผม 75,000 พี่ควรจะคืนได้แล้ว ส่วนหนี้ของ
ตะโกราย พี่ก็น่าจะทะยอยจ่าย" สำหรับการใช้หนี้เกิดขึ้นวันรุ่งขึ้นหรือไม่ผมจำไม่ได้แต่
ไม่ใช่ประเด็น ประเด็นคือ คำพูด คำสัญญา ที่จะใช้หนี้คืน

ถ้าไม่ใช่ทางธุรกิจ ปกติผมไม่ชอบทวงหนี้ใคร เพราะ ลูกหนี้ที่ดีต้องคืนเงินตามสัญญา

การจัดกิจกรรม
เท่าที่ผมจำได้ การทำกิจกรรมของพวกเราช่วงนั้นมี
1. แจกจักรยานที่ แจกทุน เลี้ยงอาหารนักเรียน ที่ นครพนม 2 ครั้ง
2. แจกจักรยาน แจกของขวัญเด็ก ๆ ที่ แพร่ 1 ครั้ง
3. แจกจักรยานที่ เขตสายไหม 1 ครั้ง
4. จัดกิจกรรมดูภาพยนต์ 2 ครั้ง
5. จัดเสาวนาวิขาการ 2 ครั้ง
6. แจกจักรยานอุปกรณ์กีฬาที่บ่อน้ำมันฝาง 2 ครั้ง

การจัดกิจกรรมทุกครั้ง พวกเราลงมือลงแรงกันทุกคน ค่าตั๋วเครื่องบินค่าที่พักผมก็ออก
เอง ยกเว้นที่ฝาง ผมเองไปในลักษณะเป็นเพื่อน ขับรถให้ ส่วนการรับประกาศเกียรติคุณ
พวกเราทุกคนไม่ได้ขึ้นไปบนเวทีเลย นั้งอยู่ข้างล่างเหมือน คนดู มีผมเองคนเดียวที่ขึ้น
เวทีที่ จังหวัด แพร่ เพราะ กลุ่มเรามอบให้ผมขึ้นเวทีกล่าวขอบคุณเจ้าของงาน เจ้าของ
สถานที่

กรณี ฝาง ผมถูกเรียกให้ไปเป็นเพื่อน ครั้งแรก เขาพาลูกค้าไปด้วย ครั้งที่สองเขาขึ้นไป
รับโล่ห์ ส่วนผมไม่มีปฎิสัมพันธ์ใด ๆ กับผู้รับบริจาค แต่สุดท้ายผมก็กลายเป็น "เหลือบ"

ในช่วงเวลานั้น มีคนกล่าวกลางวงสนทนาว่า "อย่าไปคิดเรื่องเงิน เพราะ คนออกเงิน ก็
พอ ๆ กับคนทำงาน"

การใช้จ่าย
ส่วนค่าใช้จ่ายที่มีคนบางคนกล่าวว่าเป็นผู้ออกเงินเพียงคนเดียวก็ไม่จริง มีการช่วยจ่าย
กันเกือบทุกงาน มีการออกเงินลงกองกลางกัน แม้ทานอาหารกันก็มีการเลี้ยงคืนกันบ้าง
ในบางโอกาส ที่สำคัญมีค่าใช้จ่ายที่ซ่อนเร้นมากมายที่ผู้คนมองไม่เห็น และไม่มีการ
กล่าวถึงกัน

ยอมรับว่าการทำกิจกรรม คน ๆ นั้น เขาอาจจะออกเงินมาก แต่ไม่ใช่ทั้งหมด แต่การ
ออกแรงทำงาน กลุ่มเป็นคนออกแรง และ มีคนบางคนที่แทบจะไม่ออกแรงเช่นกัน

เรื่องการรูดบัตร
วันนั้นเท่าที่จำได้ยอดอาหาร 47,000 เขาจะจ่ายเงินสด พอดีเหลือบไปเห็นว่า ถ้ารูด
american express จะได้ส่วนลด 20% หรือ 9,000 บาท แปลกใจตรงที่ประหยัดเงิน
เกือบหมื่นให้เขา ๆ มองไม่เห็น นอกจากนี้ หลังเช็คบิลมีการสั่งของเพิ่มพันกว่าบาท
Numsup เป็นคนออกเงินให้ ผมเองก็ไม่เข้าใจว่า ประเด็นเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ทุกคนลืม
ไปแล้ว กลับมีคนเอามาพูดกันอีก

ทำไมถึงเรียกพวกกลุ่มทำกิจกรรมคนนอกกะลาว่า "เหลือบ" ทั้ง ๆ ที่บางครั้ง พวกเรา
ก็เลี้ยง บางคนหิ้ววายน์ หิ้วเหล้า ราคาแพง ๆ บางครั้งกลุ่มพวกเราบินไปหาเพื่อนใน
กลุ่ม เขาก็เลี้ยงในฐานะเจ้าบ้าน คนเหล่านั้น กลับไม่จำเอามาเป็นบุณคุณอะไรเลย

โทรหาแม่น้องเพ้นท์เรื่องจะฟ้องร้อง
สัปดาห์ที่แล้ว มีคนโทรไปหาแม่น้องเพ้นท์บอกให้โทรหาผม และ ให้ผมชี้แจงเรื่อง เงิน
75,000 บาท เพื่อตอบโต้ ซ้อคัพซี ไม่เช่นนั้นจะฟ้องร้องผม แต่ ผมปฎิเสธ เพราะไม่มี
กระทู้ หรือ คคห. ใด ๆ ดูหมิ่น หรือ หมิ่นประมาทผม จึงไม่เห็นผมในกระทู้ ซ้อคัพซี และ
ไม่มีการตั้งกระทู้ใด ๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้

กลุ่มทำกิจกรรมเริ่มเล็กลง
เป็นความจริงที่กลุ่มผู้ทำกิจกรรมเริ่มทะยอยกันออกไป การทะยอยกันออกไปคือการไม่
ชวนคนนั้น ไม่ชวนคนนี้มาพูด หรือ มาทำกิจกรรมร่วมกัน แต่สิ่งที่น่าสังเกตุคือ กลุ่มคน
ที่ออกไป ไม่มีทรัพย์สิน เงินทอง พอให้ใครหยิบยืมได้

บุญคุณ
คำว่า บุญคุณ เป็นคำที่สูงมาก เช่นบุญคุณบุพการี สำหรับผม บุญคุณเป็นสิ่งที่ทวงไม่ได้
ผมเองก็เลี้ยงเพื่อนเลี้ยงลูกน้องมากมาย ช่วยเหลือคนมาก็มาก แต่ไม่เคยคิดแม้แต่เสี้ยว
วินาทีว่านี่คือบุญคุณ เมื่อไม่คิดว่ามันคือบุณคุณ ย่อมไม่มีการทวงถาม

ทีสำคัญ ทวงเมื่อไหร่ มันตีราคาได้เมื่อนั้น


คนไม่รักษาคำพูดโดยเฉพาะเรื่องเงินเรื่องทองแบบนี้ คุณจะคบเขาเป็นเพื่อนหรือไม่


ผมขออนุญาตไม่ตอบคำถามใด ๆ และ โปรดใช้วิจาณญานว่าควรเชื่อข้อเท็จจริงนี้หรือไม่

ขอบคุณ
โบกกรัก
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 12
ขอพูดจากใจในฐานะทีมงานคนนอกกะลาคนนึงนะครับ

       ว่าตอนแรกก็รู้สึกเห็นใจพี่เค้าที่โดน"ซ้อ"ขุดเรื่องเก่าๆมาเล่นงานโดนเฉพาะเรื่องที่รู้กันเฉพาะคนใกล้ชิดเท่านั้นด้วย ตอนนั้นก็ได้มีการปรึกษากันในกลุ่มว่าไม่ควรยุ่งเกี่ยวเพราะเรื่องของพวกพี่ๆมันเคลียร์กันจบแล้ว อยู่ห่างๆไว้ดีกว่า
     แต่ แต่ เรื่องกับไม่จบครับเมื่อพี่เค้าฟาดงวดฟาดงามาว่าที่พวกผมเงียบไม่ลงไปตอบโต้หรือแย้ง"ซ้อ" เพราะอยู่ข้างเดียวกันใช่ไหม ทั้งๆที่พวกผมยังเดากันอยู่เลยว่า"ซ้อ"มันเป็นใครวะ
        ผ่านมาอีกวันสองวันมาล่ะพี่เค้าก็เขียนกระทู้ชี้แจงแต่ดันเขียนพาดพิงคนอื่นมั่วไปหมด แถมไล่ทวงบุญคุณอีกตะหาก  ไม่แมนไม่ใจนักเลงอย่างที่พูดไว้สักนิดเดียว

       อยากจะบอกพี่เค้านิดเดียวเลยว่าการชี้แจงที่ดีแล้วดูหล่อเนี่ย แค่ชี้แจงให้ตรงประเด็น เอาความจริงออกมาพูดทั้งหมด อย่าพูดความจริงแค่ครึ่งเดียว ฝเพื่อให้ตัวเองดูดีเลยครับ  อย่าพยามโชว์ว่าข้าเก่งข้าแน่ทั้งๆที่เรื่องมันไม่เป็นแบบนั้นทั้งหมด  ที่สำคัญนะครับคุณพี่เคยทำอะไร เคยพูดอะไร รู้อยู่แก่ใจอยู่แล้ว ความลับไม่มีในโลก  และอย่าพยามผลักไสมิตรไปเป็นศัตรูเลย ไม่คบกันแล้วก็ไม่จำเป็นต้องพยามเหยียบหัวคนอื่นเพื่อโชว์ว่าข้าเจ๋งหรอกครับ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 7
จำได้ว่า ตอนที่ตัวเองได้รับเชคมา 3 ใบ
นั่งคิดนอนคิดว่า เฮ่ย นี่มันเงินเรารึเปล่าวะ
ทำไม เราอยากจะใช้ มันถึงได้ลำบากยากเย็นเพียงนี้
นั่งมองพลางคิดอะไรขึ้นมาได้ เลยแมสเสนเจอร์ไปหาพี่คนนึงในกลุ่ม
บอกว่า "ขอถามตรงๆ เลิกคบกันเพราะอะไร"
เขาก็ถามกลับว่า "ม.จะรู้ไปทำไมวะ"
เราเลยบอกว่า "สงสัยจะเจอเหมือนกันน่ะสิ"

เรื่องมันเลยแตก มาตั้งแต่ตอนนั้น

ตอนนั้น ยังมีคนบอกว่า *เด่วก็เด้ง*
แต่เราเชื่อว่า คนบางคน ไม่ใช่ไม่มี แต่มันเหนียวหนี้
พอบอกว่ายกดอกให้ ก็จะรีบคืนทันที
คนแบบนี้ มีเยอะ

แต่มันคือไรล่ะ ถ้ามีตั้งแต่แรก มายืมของเราทำไม?

ถึงบอกว่า คนโง่ มาก่อนคนฉลาด
ไม่ว่าอะไรหากใครจะคิดว่าโง่
แต่ถ้าฉลาดเรื่องโกง โง่เรื่องไว้ใจจคนผิด
คนที่ควรอาย มันไม่ควรเป็นเรารึเปล่าวะน้า
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่