ขีดเส้น"โอ๊ค" เบี้ยวนัดฟอกเงินกรุงไทย24 ต.ค.เจอหมายจับ ลั่นปปง.ยึดทรัพย์เป็นคดีทางแพ่ง

กระทู้สนทนา
ทนาย "โอ๊ค" ร้องขอระงับการแจ้งข้อกล่าวหาคดีฟอกเงิน แบงก์รุงไทยปล่อยกู้กฤษดามหานคร ยันจะมารับข้อกล่าวหา 24 ต.ค.นี้ ด้านดีเอสไอลั่นหากเบี้ยวนัดเจอหมายจับแน่ เนื่องจากเป็นคดีอาญา ส่วนปปง.ยึดทรัพย์เป็นคดีทางแพ่งโอนคดีไม่ได้

วันนี้ (3 ก.ย.) เวลา 10.00 น. กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายชุมสาย ศรียาภัย ทนายความของ นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณ ชินวัตร เดินทางมายื่นหนังสือต่อ พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองบริหารคดีพิเศษ ดีเอสไอ เพื่อขอให้ระงับการแจ้งข้อกล่าวหาฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน ธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้ บริษัท อาร์เคโปรเฟสชั่นแนล จำกัด (เครือกฤษดามหานคร)

นายชุมสาย กล่าวว่า วันนี้เดินทางมา ดีเอสไอ เพื่อขอระงับการแจ้งข้อกล่าวหาเนื่องจากการรับเช็ค 10 ล้านบาท และ 26 ล้านบาท โดยคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) มีมติให้ดำเนินคดีกับ พานทองแท้ เพียงข้อหารับของโจร เท่านั้น และ ไม่มีข้อหาฟอกเงิน จึงตกไป รวมทั้ง คสต. อาศัยอำนาจของ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และ คณะกรรมการธุรกรรม ตามคำสั่ง สำนักงาน คปค. ฉบับที่ 30 ข้อ 5 ผลคือไม่มีความผิดฐานฟอกเงินและเห็นว่า ผิดเพียงข้อหารับของโจร ตาม ป.วิ อาญา มาตรา 147 ให้ยุติการสอบสวนในประเด็นนี้ จึงขอให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ระงับการสอบสวนในคดีที่คำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องคดีไปแล้ว และขอเปลี่ยนพนักงานสอบสวนให้กลับไปเป็น ปปง. เหมือนเดิม เพราะมองว่าการทำงานดีเอสไอไม่เป็นธรรม และเฉพาะเจาะจงแต่ นายพานทองแท้ ในการแจ้งข้อหา

"สำหรับประเด็น ดีเอสไอ ออกหมายเรียก นายพานทองแท้ พร้อมพวกรวม 4 คน ได้แก่ นางกาญจนาภา หงษ์เหิน เลขานุการส่วนตัวของ คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร มารดา นายพานทองแท้ และ นายวัยชัย หงษ์เหิน สามีของ นางกาญจนาภา และ นางเกศินี จิปิภพ มารดาของ นางกาญจนาภา ให้มารับทราบข้อกล่าวหาดังกล่าว ในวันที่ 24 ต.ค.นี้ ยังไม่ทราบขอตรวจสอบกับเจ้าหน้าที่แต่ยืนยันหากได้รับหนังสือ นายพานทองแท้ จะมาพบพนักงานสอบสวนด้วยตัวเองเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ส่วนจะขอเลื่อนการเข้าพบยังไม่ระบุ ขอให้ได้หนังสือเรียกก่อน" นายชุมสาย กล่าว

ด้าน พ.ต.ต.วรนันท์ เปิดเผยว่า หลังจากเคยรับเรื่องขอความเป็นธรรมเรื่องดังกล่าวแล้ว แต่วันนี้ยื่นหนังสือเพื่อขอระงับการแจ้งข้อกล่าวหาจึงต้องรีบส่งมอบให้พนักงานสอบสวนพิจารณาข้อกฎหมายว่าจะสามารถดำเนินการอย่างไร สำหรับการเปลี่ยนพนักงานสอบสวนจากดีเอสไอเป็น ปปง. นั้นไม่สามารถทำได้เนื่องจากเป็นคดีอาญา ซึ่ง ดีเอสไอ มีหน้าที่ในการสอบสวน ส่วน ปปง. รับผิดชอบในคดีแพ่ง อย่างไรก็ตาม การออกหมายเรียกสามารถระงับการแจ้งข้อกล่าวหาของผู้ร้องหรือไม่ต้องให้พนักงานสอบสวนพิจารณาแต่ต้องอยู่ในกรอบของกฎหมาย

ขณะที่ พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า พนักงานสอบสวนมีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะแจ้งข้อกล่าวหา แต่ก็ต้องออกหมายเรียกให้ทางผู้ถูกกล่าวหาเข้าชี้แจงข้อเท็จจริง และนำหลักฐานมาชี้แจง ซึ่งพนักงานสอบสวนก็พร้อมตรวจสอบคำร้องและให้ความเป็นธรรมจากทุกฝ่าย อย่างไรก็ตามในขณะนี้ยังไม่ได้รับการตอบรับจาก นายพานทองแท้ ว่าจะเข้าพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียกหรือไม่ แต่หากวันที่ 24 ต.ค.นี้ นายพานทองแท้ ไม่เดินทางมาพบพนักงานสอบสวน หรือมีการขอเลื่อน พนักงานสอบสวนก็จะพิจารณาถึงเหตุผลความจำเป็นก่อน และจะพิจารณาไปตามกระบวนการออกหมายเรียกและหมายจับตามความเหมาะสมต่อไป ทั้งนี้ เชื่อว่าพนักงานสอบสวนจะดำเนินการส่งสำนวนต่ออัยการให้ยื่นฟ้องศาลทันในอายุความที่หมดในช่วงปลายปี 2561 อย่างแน่นอน
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่