ตอกย้ำความเพลียใจที่ได้จากงานเสวนาเรื่องการแก้ไขปัญหาจราจรของกรุงเทพ เมื่อวันก่อน ที่ผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมืองดูจะมั่นใจมากว่าแค่ทำรถไฟฟ้า สร้างทางด่วน ติด GPS ให้รถเมล์ แค่เนี่ยะ คือหนทางแห่งความสำเร็จ ในการแก้ปัญหาการจราจรของกรุงเทพฯ

เมื่อพ่อเล่าให้ฟังว่า วันศุกร์ที่ผ่านมา
พ่ออยากลองมีชีวิต Car Free Day ดูบ้าง
พ่อตั้งใจเดินทางจากบ้านนวมินทร์
ไปยังจุดนัดหมายที่ศาลาแดง
ด้วยการไม่ขับรถ แต่จะขึ้นรถเมล์แล้วไปต่อรถไฟฟ้า
พ่อออกจากบ้านบ่ายสามโมง หวังจะไปให้ถึงจุดหมายประมาณ 5 โมง
แต่ปัญหาด่านแรกที่เจอ ก็เริ่มตั้งแต่ตอนรอรถเมล์สาย 73ก  ที่จะไปเส้นลาดพร้าวถึงรัชดาได้ ไม่มีผ่านปากซอยบ้านมาเลยสักคัน
พ่อรอที่หน้าปากซอยบ้านนั้นนานเกินกว่า 1 ชั่วโมง
แต่ไม่มีคันไหนโผล่มาสักสาย จนต้องตัดใจขึ้นสาย 60 ที่วิ่งมาก่อนเป็นคันแรก โดยหวังว่าน่าจะไปทางรามคำแหง เพชรบุรีตัดใหม่ แล้วต่อรถไฟตรงแยกเพชรบุรีแทนได้ ซึ่งเป็นความคิดที่ผิดพลาดมาก เพราะพอรถวิ่งถึงหน้ามหาวิทยาลัยรามคำแหงฝนก็ตกลงมาอย่างหนัก ทำให้รถบนถนนติดขัด สาย 60 ที่พ่อนั่งมาไม่ขยับเขยื้อนเคลื่อนตัวเลยเป็นเวลานานมาก

ใช้เวลาอีกนานเลย กว่ารถจะเคลื่อนตัวมาอยู่บนถนนเพรชบุรีตัดใหม่ ขณะนั้นเป็นเวลา 18:30 น. เลยเวลานัดหมายนานมากแล้ว ทำให้พ่อต้องตัดสินใจลงจากรถเมล์ แล้วเดินไกลเอาเรื่อง สำหรับหนุ่มวัยเจ็ดสิบกว่า คือเดินจากแถวๆสุกี้เรือนเพชร ไปยังแยกเพชรบุรีตัดใหม่ เพื่อต่อรถไฟใต้ดิน
ซึ่งรถใต้ดินก็ยังคงเป็นวิบากกรรมด่านต่อมา เพราะรถช่วงนั้นคนโคตรแน่น แต่ต้องรีบ เบียดๆอัดๆเข้าไป เพื่อไม่ให้นัดหมายที่ตั้งใจไว้ล่าช้าไปกว่านั้น

เบ็ดเสร็จ Car free day ของพ่อ ต้องใช้เวลาเดินทางนานเกือบ 4 ชั่วโมง แบบทุลักทุเล
แถมขากลับเวลาก็เกือบสี่ทุ่ม แต่พ่อก็ยังต้องเบียดคนบนรถไฟกลับ จึงโทรมาหาผม ซึ่งทำงานแถวพระราม9 เพื่อขอติดรถกลับบ้านด้วย เพราะไม่อยากเจอปัญหาการต่อรถจากสถานีลาดพร้าวกลับบ้านอีก

การลองมีชีวิตแบบไม่ใช้รถของพ่อ สนุกจนเกินกว่าที่พ่อ ซึ่งเป็นคนมีรถ จะยอมให้ชีวิตต้องเจอแบบนี้อีกครั้งแน่ๆ..

....

อ่านเรื่องเล่าของพ่อผมแล้ว คิดเหมือนผมไหมครับ ???

ผมอยากรู้จังว่า ท่านๆผู้ใหญ่สภานิติบัญญัติของบ้านเมืองเราที่คุยเรื่องจะแก้ปัญหาจราจรกันวันนั้น มีสักกี่คนที่เดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะในชีวิตประจำวันอยู่บ้าง ??
ท่านไม่รู้เลยหรือไงว่า รถไฟ รถเมล์ ทางด่วนที่ท่านๆบอกว่าเป็นทางออกของปัญหาจราจรนั้น ผมนั่งคิด นอนคิดกี่ตลบ ก็มั่นใจว่า มันไม่มีทางรองรับจำนวนประชากรของ กทม.ที่มีอยู่ตอนนี้ และต่อจากนี้ได้เลย
โดยเฉพาะรถไฟฟ้าเนี่ยะ ต่อให้สร้างเสร็จครบทุกสาย ในอีก 5-7 ปีข้างหน้าแล้ว คนที่ขับรถอยู่ทุกวันนี้ จะมีกี่คนที่จะเลิกขับรถ แล้วเปลี่ยนใจใช้รถไฟแทน เพราะแค่สภาพที่รถแน่นเป็นปลากระป๋องที่เห็นอยู่ ใครยังมั่นใจไหมว่ารถไฟฟ้าจะดีกว่าขับรถส่วนตัว ???

กรุงเทพฯ ต้องมีทางเลือกในการเดินทางมากกว่านี้
คนกรุงเทพฯ ต้องเดินในระยะ 2-3 กิโลเมตรได้สะดวกสบายกว่านี้
คนกรุงเทพฯต้องเดินทางด้วยจักรยาน จักรยานไฟฟ้า หรือรถล้อเดียวไฟฟ้าอะไรพวกนี้ได้ในระยะ 5-10 กิโล ได้สะดวกสบายกว่านี้
เราอาจจะต้องมีเลนสำหรับมอเตอร์ไซด์ ที่แบ่งเอาจากทางของรถยนต์บนถนน แล้วบังคับให้ขี่แบบช้าๆ สุภาพเรียบร้อยมากกว่าทุกวันนี้เยอะๆ
เราอาจต้องขยาย และขุดคลอง เพื่อใช้ระบายน้ำ บวกกับเป็นทางสัญจรเพิ่มมากขึ้น
และอีกหลากหลายรูปแบบการเดินทางที่ต้องไม่ใช่แค่ รถไฟฟ้า รถเมล์ และทางด่วน เท่าที่ท่านๆคิดกันอยู่แค่นี้สิ

เด็กน้อย กระจอกแมน อ่อนเกลือแบบเรายังคิดแบบนี้
ทำไมคนระดับมันสมองของเมืองที่เก่งๆระดับนั้น เขาถึงไม่คิดแบบนี้บ้าง(วะ)?!?!