สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 4
เราขอตอบเจาะจง เฉพาะส่วนที่คุณถาม ประโยคนี้นะคะ
"เราต้องคิดบวกไปทางไหนดี เราถึงจะหยุดคิดแบบนั้นได้"
_คุณกำลังกังวลไปถึงอนาคตยาวมากเลยค่ะ เช่น น้องจะส่งลูกคุณเรียนไหม ?
เรื่องนี้ถึงคิดไป ก็ไม่มีคำตอบ คิดไปก็ทุกข์ เป็นลบแก่จิตใจเปล่าๆ
_สองขอเงินปู่และแม่เพิ่ม ไม่ได้ขอคุณเพิ่ม หากแม่กับปู่ยินยอมที่จะให้ด้วยความเต็มใจ
เพราะสองไปช่วยงานปู่และแม่ ตรงนี้คุณก็อย่าเก็บมาคิดเลยค่ะ
คุณจะไม่มีวันรู้เหตุผลที่แท้จริงเลยว่าทำไมแม่และปู่เต็มใจให้สอง ตราบใดที่คุณมองสองแบบที่เขียนมานี้
_สองไม่โทรหาคุณ เพราะอึดอัดค่ะ เธอรู้ว่าคุณรักหนึ่งมากกว่า
ลองนึกในทางกลับกัน คุณคงไม่อยากคุยกับคนที่อคติกับคุณ มองคุณผิดไปทุกเรื่องใช่ไหมคะ
พอคุณเข้าใจสองมากขึ้น คุณจะรู้ว่าทำไมเธอถึงทำแบบนั้น คุณจะเริ่มมองในแง่บวกได้ค่ะ
_คุณบังคับให้น้องรักหรือ เป็นห่วงพ่อไม่ได้หรอกค่ะ ความสนิทกับพ่อของน้อง ไม่เท่ากับที่คุณมีให้พ่อ
การดูแลพ่อ เป็นส่วนที่คุณ"เต็มใจทำ" ส่วนใครที่ไม่เต็มใจทำ คุณก็ไม่มีสิทธิ์ไปบังคับเขานะคะ
เพราะหากเขาไม่ทำ คุณก็ทุกข์ หากเขาทำตามที่คุณบังคับ เขาก็ทุกข์
ที่เรายกตัวอย่างมาข้างต้น คือกรณีที่คุณอยากเปลี่ยนความคิดตัวเอง ...
แต่หากคุณอยากเปลี่ยนพฤติกรรมด้วย เลิกส่งสองเรียน คุณก็ทำได้นะคะ เงินของคุณสิทธิ์ของคุณค่ะ
เราว่าแม่กับปู่ และสองก็ต้องมีทางไปค่ะ อาจทั้งกู้ และ หางานพิเศษ / ประหยัดค่าใช้จ่ายมากขึ้น
แต่หาก สองไม่มีหนทางอื่น จำเป็นต้องพึ่งพาคุณในส่วนนี้ คุณก็มีอำนาจต่อรองแล้วล่ะค่ะ
ตั้งกฏขึ้นมาเลย ว่าเธอต้องทำ หรือ ไม่ทำอะไรบ้าง จึงจะมีสิทธิ์รับเงินช่วยเหลือจากคุณ
หากกลัวสองไม่ตอบแทน ก็ให้เซ็นสัญญากู้ไว้นะคะ
เท่าที่ฟังคุณเล่ามา ดูเหมือนปัญหาจริงๆ จะอยู่ที่ความคิดมาก วิตกกังวลของคุณมากกว่า
ขอให้คุณลองตรองดูดีๆ คิดในแง่ใจเขาใจเราให้มาก (เช่น คุณอยากมีพี่สาวแบบไหน)
แล้วหมั่นตัดความวิตกเหล่านี้ออกไป คุณจะเห็นทางออกง่ายๆเลยล่ะค่ะ
เพียงปรับเปลี่ยนความคิดสักหน่อย คุณจะมีความสุขขึ้นเยอะค่ะ
"เราต้องคิดบวกไปทางไหนดี เราถึงจะหยุดคิดแบบนั้นได้"
_คุณกำลังกังวลไปถึงอนาคตยาวมากเลยค่ะ เช่น น้องจะส่งลูกคุณเรียนไหม ?
เรื่องนี้ถึงคิดไป ก็ไม่มีคำตอบ คิดไปก็ทุกข์ เป็นลบแก่จิตใจเปล่าๆ
_สองขอเงินปู่และแม่เพิ่ม ไม่ได้ขอคุณเพิ่ม หากแม่กับปู่ยินยอมที่จะให้ด้วยความเต็มใจ
เพราะสองไปช่วยงานปู่และแม่ ตรงนี้คุณก็อย่าเก็บมาคิดเลยค่ะ
คุณจะไม่มีวันรู้เหตุผลที่แท้จริงเลยว่าทำไมแม่และปู่เต็มใจให้สอง ตราบใดที่คุณมองสองแบบที่เขียนมานี้
_สองไม่โทรหาคุณ เพราะอึดอัดค่ะ เธอรู้ว่าคุณรักหนึ่งมากกว่า
ลองนึกในทางกลับกัน คุณคงไม่อยากคุยกับคนที่อคติกับคุณ มองคุณผิดไปทุกเรื่องใช่ไหมคะ
พอคุณเข้าใจสองมากขึ้น คุณจะรู้ว่าทำไมเธอถึงทำแบบนั้น คุณจะเริ่มมองในแง่บวกได้ค่ะ
_คุณบังคับให้น้องรักหรือ เป็นห่วงพ่อไม่ได้หรอกค่ะ ความสนิทกับพ่อของน้อง ไม่เท่ากับที่คุณมีให้พ่อ
การดูแลพ่อ เป็นส่วนที่คุณ"เต็มใจทำ" ส่วนใครที่ไม่เต็มใจทำ คุณก็ไม่มีสิทธิ์ไปบังคับเขานะคะ
เพราะหากเขาไม่ทำ คุณก็ทุกข์ หากเขาทำตามที่คุณบังคับ เขาก็ทุกข์
ที่เรายกตัวอย่างมาข้างต้น คือกรณีที่คุณอยากเปลี่ยนความคิดตัวเอง ...
แต่หากคุณอยากเปลี่ยนพฤติกรรมด้วย เลิกส่งสองเรียน คุณก็ทำได้นะคะ เงินของคุณสิทธิ์ของคุณค่ะ
เราว่าแม่กับปู่ และสองก็ต้องมีทางไปค่ะ อาจทั้งกู้ และ หางานพิเศษ / ประหยัดค่าใช้จ่ายมากขึ้น
แต่หาก สองไม่มีหนทางอื่น จำเป็นต้องพึ่งพาคุณในส่วนนี้ คุณก็มีอำนาจต่อรองแล้วล่ะค่ะ
ตั้งกฏขึ้นมาเลย ว่าเธอต้องทำ หรือ ไม่ทำอะไรบ้าง จึงจะมีสิทธิ์รับเงินช่วยเหลือจากคุณ
หากกลัวสองไม่ตอบแทน ก็ให้เซ็นสัญญากู้ไว้นะคะ
เท่าที่ฟังคุณเล่ามา ดูเหมือนปัญหาจริงๆ จะอยู่ที่ความคิดมาก วิตกกังวลของคุณมากกว่า
ขอให้คุณลองตรองดูดีๆ คิดในแง่ใจเขาใจเราให้มาก (เช่น คุณอยากมีพี่สาวแบบไหน)
แล้วหมั่นตัดความวิตกเหล่านี้ออกไป คุณจะเห็นทางออกง่ายๆเลยล่ะค่ะ
เพียงปรับเปลี่ยนความคิดสักหน่อย คุณจะมีความสุขขึ้นเยอะค่ะ
แสดงความคิดเห็น
จะจัดการกับความรู้สึกตัวเองยังไงดี เรารู้สึกว่าน้องสาวเราเห็นแก่ตัว และเอาเปรียบเรามาก TT