My soul in Seoul palace : พระราชวังในกรุงโซล มีวังที่สำคัญอยู่ทั้งหมด 5 แห่งด้วยกันแต่ละวังล้วนมีความสวยงามและเรื่องราวที่เฉพาะตัว หลายๆวังผ่านซ่อมแซมจากการถูกทำลายในช่วงสงครามสมัยโบราณ บางแห่งยังคงไว้ซึ่งสถาปัตยกรรมดั้งเดิม ไปเที่ยวชมแล้วพาลทำให้นึกถึงซีรี่ย์เกาหลี พระราชวังแรกที่ เราจะไปชมกัน พระราชวังชังด็อกกุง พระราชวังแห่งนี้มีชื่อเสียงอย่างมากเพราะเป็นพระราชวังเดียวที่มีสวนลับหรือ The secret garden ที่เป็นที่พักผ่อนของฝ่าบาทในสมัยโบราณกินเนื้อที่เป็นภูเขาทั้งลูก ในอดีตไม่มีการเปิดให้คนทั่วไปเข้าชมได้ ข้อแนะนำ สำหรับคนที่จะเที่ยวครบทั้ง 5 วังให้ซื้อพาสแบบเหมารวมในราคา 10,000 วอนสำหรับนักท่องเที่ยว เพราะแต่ละวังจะเสียค่าเข้าชมประมาณ 3000 วอน แค่ที่พระราชวังชังด็อกกุง ค่าเข้าวังและสวนลับก็ 8000 วอนแล้ว เพราะฉะนั้นแนะนำแบบเหมาคุ้มกว่า มีอายุบัตรถึง1เดือน

ช่วงนี้อากาศที่โซล ร้อนมากควรพกครีมกันแดด หมวกหรือร่มมาด้วยนะฮะ การเดินทางมาพระราชวังแห่งนี้ เดินทางด้วยรถไฟใต้ดิน มาลงที่สถานี อังกุก (Angkuk) ทางออกที่ 3 ออกจากสถานีแล้วเดินตรงมาเรื่อยๆ 5 นาทีจะพบทางเข้าวังอยู่ริมถนน ฝั่งตรงข้ามวังเป็นย่าน อินชาดง

มีสะพานหินข้ามโบราณทอดยาว ไปถึงซุ้มประตูทางเข้าพระราชวัง ซุ้มประตูวังเกาหลีจะคล้ายคลึงกับวังของจีน ลวดลายคล้ายกันแตกต่างที่สีสันและลวดลายบางอย่าง เท่าที่ทราบสีแต่ละสีและลวดลายนั้นมีความหมายด้วย

แผนทึ่พระราชวังชังด็อกกุง มาที่นี่ต้องเผื่อเวลาเยอะหน่อย เพราะกว้างแค่เดินสวนลับก็กินเวลาไปประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง เราใช้เวลาเดินเที่ยวที่นี่ 3 ชั่วโมง ควรมาช่วงเช้าแดดไม่ร้อน เริ่มเดินทัวร์สวนลับรอบแรก 10:30 น. มีไกด์พาชมพร้อมอธิบายประวัติเป็นภาษาอังกฤษ

เดินผ่านซุ้มประตูแรกจะพบซุ้มประตูถัดไป ที่เป็นส่วนที่เข้ามาชมสวนลับ เราเลือกชมสวนลับก่อนเพราะถ้าพลาดรอบนี้ต้องรอรอบบ่าย หลังคาของซุ้มประตูและหลังคาของวังเวลาถ่ายรูปองค์ประกอบสวยมาก ถ่ายรูปได้หลายมุมมอง ถ่ายออกมาองค์ประกอบดีทุกรูป มาเที่ยวเกาหลีแนะนำควรมีกล้องมาด้วย ใช้มือถือถ่ายอาจจะพลาดมุมสวยๆไปอย่างน่าเสียดาย แต่ละที่ล้วนมีดีเทลให้เราบันทึกเก็บภาพไว้เยอะมาก

พระตำหนักนักซอนแจ มีทางเข้าเป็นมุมสามเหลี่ยมล้อไปกับหลังคาของตำหนัก ออกแบบได้ลงตัวดีตำหนักนี้อยู่ทางเข้า สวนลับ ตรงนี้เราจะมารอไกด์นำขบวนพวกเราเข้าไปชมสวนกันฮะ ระหว่างรอเวลาเข้าชมสวนลับเราไปเก็บภาพตำหนักอื่นๆก่อน

พระตำหนักช็องจ็องกัก เป็นตำหนักที่มีอาคารยกใต้ถุนสูง มีการเล่นระดับของกลุ่มอาคารพระตำหนัก รอบกลุ่มอาคารมีการปลูก ต้นแอพพลิคอท เอาไว้รอบๆบางต้นกำลังออกผลสีเหลืองน่ากินทีเดียว ตำหนักนี้เราไม่สามารถขึ้นไปชมข้างในอาคารได้ เลยได้แค่เก็บภาพมารวมๆ จริงๆภายในอาคารก็เป็นเพียงห้องโล่งๆเท่านั้น

เด็กๆชาวเกหลีแต่งชุด ฮันบก มาเที่ยววังกันดูน่ารักดี คู่รักมาถ่ายพรีเว็ดดิ้งในชุด ฮันบก เราจะเห็นคนเกาหลีทุกช่วงวัยแต่งแบบนี้มาเที่ยวตามวังต่างๆ เพราะถ้าแต่งชุดฮันบก ไม่ต้องเสียค่าเข้าชมวัง

สีสันลวดลายและการออกแบบตกแต่งดูกลมกลืนและเราสังเกตุว่า การออกแบบแต่ละอย่างไม่ว่าจะเป็นคานใต้หลังคาหรือลายบนกระเบื้องล้วนมีความหมายแอบแฝงอยู่ เสียดายที่เรายังไม่เข้าใจถึงความหมายของลายต่างๆเลยขอไม่อธิบายแล้วกันนะฮะ

พอได้เวลาเข้าชมสวนลับ ไกด์จะประกาศเรียกไปรวมตัวกันตรงทางเข้าสวน และต้องแสดงบัตรเข้าชมให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ไกด์จะอธิบายเกี่ยวกับกฏระเบียบการเข้าชม และแนะนำตัว อาจุมม่าพูดภาษาอังกฤษ สำเนียงดีมากชัดเจนฉะฉาน ไม่เข้าใจอะไรถามป้าได้เลยแกอธิบายละเอียดยิบเลย มีมุขแทรกเรียกเสียงหัวเราะบ่อยๆ เราฟังแกเล่าไปถ่ายรูปไปเพลินดีตลอดทริปที่เข้าชมสวนลับ

ภายในร่มรื่นด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่ตลอดทางจึงไม่ค่อยร้อนมาก เดินเที่ยวได้สบายๆ จุดแรกที่มาถึงเป็นศาลาที่ประทับริมสระน้ำขนาดใหญ่ มีการปลูกดอกบัวในสระน้ำ สระน้ำนี้มีชื่อว่า สระพูยงจี เป็นสระที่ขุดขึ้นมาในหุบเขาที่ สวนลับ แห่งนี้มีหลายสระที่ถูกขุดขึ้นมา

จากจุดนี้เดินทางไปยังจุดหมายต่อไปเป็น สระแอ-รย็อนจีและศาลาอึยดูฮับ ที่ทางเข้าจะมีซุ้มประตูทำจากหิน มีความหมายว่าถ้ากษัตริย์เดินผ่านซุ้มประตูหินนี้จะทำให้มีอายุยืน ซึ่งศาลาและสระสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของกษัตริย์

ภายในยังคงความสดชื่นและร่มรื่นด้วยต้นไม้ ดอกไม้นานาพันธุ์ เวลาเข้ามาชมรู้สึกได้ถึงความสดชื่น สะท้อนอารมณ์ศิลปินของคนสมัยโบราณได้อย่างดี

พระตำหนักย็อนคย็องดัง เป็นตำหนักรับรองขนาดเล็กที่มีส่วนทำครัวอยู่เป็นอาคารอยู่ด้านข้าง จะสังเกตเห็นว่าประตูของพระตำหนัก หรือบ้านคนจะมีขนาดเล็กและไม่ค่อยสูง เวลาเดินเข้าออกต้องคอยก้มหัวหรือว่าคนสมัยก่อนตัวไม่ค่อยสูง

ศาลาแห่งนี้บริเวณสระน้ำเวลาที่เรามองจากมุมนี้ไปความคดเคี้ยวของรูปทรงของสระมีลักษณะคล้ายกับประเทศ เกาหลี สายน้ำมีสีเขียวเหมือนหยก

ภายใต้หลังคาของศาลาแห่งนี้ มีรูปมังกรที่เป็นสัญลักษณ์ของกษัตริย์ ลวดลายของภาพจิตรกรรมนั้นได้อิทธิพลจาก ศิลปะของจีน

ภายในสวนส่วนนี้มีแปลงปลูกข้าวและธัญพืช ของกษัตริย์สมัยโบราณที่ทดลองปลูกเพื่อเรียนรู้และเข้าใจถึงการทำนาของเกษตรกร และยังมีลำธารรอก-รยูจี ที่มีสายน้ำไหลผ่านร่องหินออกมา มีคำจารึกบนแผ่นหิน ในสมัยโบราณลำธารมีสีสวยเหมือนหยก

หลังจากนั้นก็ถึงเวลาที่เดินออกจากสวนลับ เราจะเดินออกมาทางด้านหน้าของพระราชวังเหมือนตอนที่เราเข้ามา ถ้าต้องการเข้าไปชมพระราชวังต่อสามารถใช้ตั๋วใบเดิมแสดงให้คุณลุงเจ้าหน้าที่ดูแล้วเราจะเข้าไปชมอีกรอบได้ ภายในพระราชวังดูโบราณ แต่ภายนอกกำแพงวังเป็นบ้านเมืองที่ทันสมัย

ต้นบอนไซ ต้นนี้น่าจะมีอายุหลายร้อยปี ต้นใหญ่มากๆ ในสวนที่เป็นเขาจะพบเห็นต้นไม้ใหญ่เยอะมาก ไม่น่าเชื่อว่าที่นี่คือ กลางกรุงโซล

กำแพงวังด้านในจะเป็นกำแพงเตี้ยๆ สูงประมาณ 160 เซนติเมตร ลายกระเบื้องเชิงชายสวยงามด้านหลังของกำแพงจะเป็นกลุ่มอาคารที่เป็นที่ทำงานของพวก เสนาบดี ในสมัยก่อนรวมถึงมีส่วนที่เป็นทำงานของ หมอหลวง แบบในเรื่องแดจังกึมอีกด้วย

อาคารที่เป็นสำนักงานของเหล่าขุนนางและเสนาบดี

กลุ่มอาคารนี้จะมีลักษณะของอาคารและสถาปัตยกรรมที่คล้ายกัน กับพระตำหนักต่างๆในวัง