ใครที่ไปดูมาแล้ว มาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันครับ
*คำเตือน มีสปอยล์เนื้อหาสาระสำคัญของเรื่อง*
บทนำ
Mary and the Witch's Flower (メアリと魔女の花) หรือชื่อไทยคือ แมรี่ผจญแดนแม่มด
เป็นแอนิเมชั่นเรื่องแรกของค่าย Studio Ponoc หลังจากที่ Studio Ghibli ได้ประกาศหยุดการสร้างแอนิเมชั่นอย่างไม่มีกำหนด
ทีมงานส่วนหนึ่งนำทีมโดยนิชิมูระ โยชิอะกิ โปรดิวเซอร์เจ้าเก่าจาก Ghibli ก็อยากจะสานต่อผลงานดีๆให้คนได้ชมกันอีก
Mary and the Witch’s Flower ที่ดัดแปลงจากนิยายแฟนตาซี The Little Broomstick ของ Mary Stewart
เรื่องราวของเด็กผู้หญิงที่สามารถใช้พลังเวทย์มนตร์ได้ 1 คืน ซึ่งเธอได้เดินทางไปยังโลกเวทย์มนตร์
และเริ่มต้นการผจญภัยพร้อมกับไขความลับอันน่าพิศวงของดินแดนแห่งนี้
กำกับโดยฮิโระมาสะ โยเนบายาชิ ผู้เคยฝากผลงานไว้กับ Arrietty (มหัศจรรย์ความลับคนตัวจิ๋ว)
ตลอดจนหนังเข้าชิงรางวัลออสการ์อย่าง The Tale of Princess Kaguya (เจ้าหญิงกระบอกไม้ไผ่)
และ When Marnie was There (ฝันของฉันต้องมีเธอ)
(อ้างอิงจาก
http://soimilk.com/news/news/mary-and-the-witchs-flower)
บทวิเคราะห์
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ Mary and the Witch's Flower ได้สะท้อนภาพสังคมในปัจจุบันออกมาได้อย่างชัดเจน พร้อมทั้งยังตีแผ่มุมมองของสังคมปัจจุบัน
โดยแฝงสัญลักษณ์ต่างๆไว้เยอะเลยทีเดียว
เริ่มจาก แมรี่เป็นเด็กที่อาศัยอยู่กับป้าชาร์ลอตต์ในพื้นที่ชนบท มีความเป็นธรรมชาติ ทุ่งนา ป่าเขา มวลไม้และสรรพสัตว์
หนัง (ในที่นี้หมายถึงแอนิเมชั่นเรื่องนี้) ไม่ได้ฉายให้เห็นภาพของพ่อและแม่ของแมรี่เลย คนดูจะรู้แค่เพียงว่า
พ่อและแม่ของแมรี่ ไปทำงานในที่ห่างไกลซึ่งต้องใช้เวลาในการเดินทาง
ลักษณะนี้จะคล้ายๆกับสังคมในปัจจุบันที่พ่อและแม่ส่วนใหญ่ต้องทำงานทั้งคู่
ไม่มีเวลาที่จะดูแลลูกของตน บางครอบครัวก็จะต้องเอาลูกฝากกับญาติของตนให้ช่วยดูแล หรือฝากไว้กับสถานรับเลี้ยงเด็ก
แมรี่ จึงถือเป็นตัวแทนของเด็กในยุคปัจจุบันนี้เอง
แล้วเด็กในยุคปัจจุบันนี้เป็นอย่างไร?
เราจะเห็นได้ชัดว่า แมรี่ ใช้ชีวิตอยู่อย่างเรียบง่ายไปวันๆ เรียบง่ายจนถึงขั้นน่าเบื่อ (หรือพูดง่ายๆ ไม่มีอะไรทำเหมือนเด็กคนอื่น)
ตัวละครเองได้สะท้อนความน่าเบื่อออกมาอยู่หลายฉากตอนต้น และถึงแม้ว่าเธอจะพยายามช่วยเหลืองานบ้าน งานสวนต่างๆ
แต่กลับกลายเป็นยิ่งทำให้งานนั้นยุ่งยาก หรือสร้างความลำบากให้คนอื่นแทน สุดท้าย คนอื่นๆก็ต้องผลักเธอให้ออกไปอยู่ในพื้นที่ของเธอเอง
โดยที่ไม่ได้สอนหรือบอกอะไรเธอเลย (ตัวอย่างเช่นฉากที่แมรี่ช่วยทำสวน เธอทำพลาด แต่ไม่มีการสอนสิ่งที่ถูกต้องจากคุณลุงซิบิดี้เลย)
เรามักจะคุ้นกับการที่เด็กโดนผู้ใหญ่สั่งห้ามไม่ให้ทำนั่น ทำนี่ เพราะกลัวว่าข้าวของจะเสียหาย สุดท้ายคำพูดที่มักจะคุ้นหูบ่อยๆคือ
"ไปเล่นตรงนู้นไป" "ไปนั่งดูทีวีไป" "ไปเล่นเกมไป" นี่ก็คือการกันเด็กออกจากพื้นที่ และสร้างความไร้ตัวตน (selfless) ให้กับเด็ก
(ฉากในหนังคือ มิสแบงค์ ให้เธอออกไปปิกนิคซะ)
แมรี่ที่ไร้ตัวตนได้พบกับดอกไม้ชนิดหนึ่ง ชื่อดอกไม้โบยบินยามราตรี(หรืออะไรทำนองนั้น) (夜間飛行花)
ที่ทำให้เธอมีพลังเวทมนตร์ได้ แล้วเธอก็ได้ก้าวเข้าสู่โลกแห่งเวทมนตร์ที่ซึ่งทำให้เธอนั้น กลับกลายเป็นมีตัวตน (self) ขึ้นมา
เราจะเห็นได้ว่าโลกเวทมนตร์ในหนังนั้นช่างไฮเทคเหลือเกิน มีสิ่งประดิษฐ์ต่างๆนานา ดูล้ำสมัย มีทั้งห้องแล็บทดลอง
มีหุ่นยนต์ต่างๆ เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ทันสมัย
ใช่ละครับ! หนังให้เวทมนตร์เป็นตัวแทนของเทคโนโลยีอันล้ำสมัย ผลผลิตจากความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ในยุคปัจจุบัน
แล้วตอนนี้ เด็กที่ไร้ตัวตนคนนั้นได้อยู่ในโลกแห่งเทคโนโลยีแล้ว
ในโลกเวทมนตร์นั้น เธอสามารถทำอะไรก็ได้ มีพลังมหาศาล เธอกลายเป็นคนเก่ง เป็นที่ต้องการของทุกคน
ใครๆก็ยกย่องเชิดชู โดยที่ไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วเธอไม่ได้มีพลังอะไรเลย เพียงแต่ใช้ผลลัพธ์จากดอกไม้นั้นเอง
แล้วดอกไม้นั้นสื่อถึงอะไร?
ตั้งแต่ต้นเรื่อง กลางเรื่อง ไปจนถึงท้ายเรื่อง เราจะเห็นได้ว่า ดอกไม้นั่นสำคัญมาก
มาดามมัมเบิลชูค (ครูใหญ่) และดร.ดี ถึงกับต้องแย่งชิงเพื่อให้ได้ดอกไม้นั่นมา
จะได้ทำการทดลองอย่างสำเร็จ มีชื่อเสียงเป็นที่เชิดหน้าชูตา ทำให้มหาวิทยาลัยมีชื่อเสียง
ภาพแทนที่หนังต้องการจะสื่อถึงคือ ดอกไม้เป็นตัวแทนของเงินตราในปัจจุบัน ที่ใครๆก็อยากได้ อยากมี
เมื่อมีแล้วก็จะทำให้ตนมีอำนาจ สามารถทำการใหญ่ได้ และมีคนยกย่องเชิดชู
บางคน (ครูใหญ่ และดร.ดี) ถึงกับเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือด้วยเงินตรานี่เอง
จากคนดี มีเมตตา โอบอ้อมอารี ก็กลายเป็นอีกคนหนึ่งที่แสวงหาอำนาจ เต็มไปด้วยความโลภ
และสามารถทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มันมาครอบครอง โดยไม่สนว่าจะด้วยวิธีการใดก็ตาม
สุดท้ายแล้ว เมื่อทุกอย่างผิดความคาดหมาย ดอกไม้(หรือเงิน)นั้น ไม่อาจทำให้บรรลุความสำเร็จได้
หนังก็ได้เผยให้เห็นตอนท้ายว่า หลังจากที่แมรี่ได้ใช้คาถาถอนเวทมนตร์ทั้งหมดเพื่อช่วยปีเตอร์แล้ว
สิ่งที่เกิดงอกงามขึ้นมาแทนที่ .... ก็คือต้นไม้ ซึ่งเป็นตัวแทนของธรรมชาตินั่นเอง
หนังต้องการจะสื่อว่า สุดท้ายแล้ว เงินก็ไม่สามารถบันดาลอะไรให้เราได้ทุกอย่าง
ความสุข หรืออำนาจที่ได้ เป็นเพียงของชั่วคราวที่หมดไป แต่สิ่งที่ยั่งยืนนั้นคือภาวะที่เป็นธรรมชาติ
เหมือนที่แมรี่ได้พูดประโยคนึงตอนใช้คาถาถอนเวทมนตร์ทั้งหมดว่า "ไม่เอาเวทมนตร์"
นี่คือการปฏิเสธการครอบงำของเทคโนโลยีและเงินตรา แล้วกลับคืนสู่ธรรมชาติอย่างแท้จริง
จริงๆแล้วการกลับสู่ธรรมชาติ กลับมาดูแลธรรมชาติของเรา นั้นเป็นเหมือนแนวคิดหลักๆของค่าย Ghibli ไปแล้ว
เรื่องการย้อนกลับสู่ธรรมชาติ และความสงบแห่งเซน ได้ปรากฎในหลายๆเรื่องๆของค่าย Ghibli
เช่น Spirited Away หรือ Princess Mononoke
Mary and the Witch's Flower ก็ยังคงยึดแนวธีมเดิมๆแบบนี้อยู่ แต่ปรับให้เข้ากับสมัยปัจจุบันมากขึ้น
จริงๆแล้วยังมีเรื่องที่สามารถวิเคราะห์ตีความได้อีก เช่น ภาพแทนของแมว, การทดลองในสัตว์ หรือ จริยธรรมในสัตว์ทดลอง
ปัญหาในมหาวิทยาลัย ฯลฯ แต่คงจะขอเสนอแค่แกนหลักๆของเรื่องเท่านั้น
สุดท้าย ใครที่ยังไม่ได้ไปดู ขอให้รีบไปดู รอบฉายเหลือน้อยแล้ว เดี๋ยวจะไม่ทันดูนะครับ
ดูเสร็จแล้วมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันครับ
วิเคราะห์เนื้อหา Mary and the Witch's Flower
*คำเตือน มีสปอยล์เนื้อหาสาระสำคัญของเรื่อง*
บทนำ
Mary and the Witch's Flower (メアリと魔女の花) หรือชื่อไทยคือ แมรี่ผจญแดนแม่มด
เป็นแอนิเมชั่นเรื่องแรกของค่าย Studio Ponoc หลังจากที่ Studio Ghibli ได้ประกาศหยุดการสร้างแอนิเมชั่นอย่างไม่มีกำหนด
ทีมงานส่วนหนึ่งนำทีมโดยนิชิมูระ โยชิอะกิ โปรดิวเซอร์เจ้าเก่าจาก Ghibli ก็อยากจะสานต่อผลงานดีๆให้คนได้ชมกันอีก
Mary and the Witch’s Flower ที่ดัดแปลงจากนิยายแฟนตาซี The Little Broomstick ของ Mary Stewart
เรื่องราวของเด็กผู้หญิงที่สามารถใช้พลังเวทย์มนตร์ได้ 1 คืน ซึ่งเธอได้เดินทางไปยังโลกเวทย์มนตร์
และเริ่มต้นการผจญภัยพร้อมกับไขความลับอันน่าพิศวงของดินแดนแห่งนี้
กำกับโดยฮิโระมาสะ โยเนบายาชิ ผู้เคยฝากผลงานไว้กับ Arrietty (มหัศจรรย์ความลับคนตัวจิ๋ว)
ตลอดจนหนังเข้าชิงรางวัลออสการ์อย่าง The Tale of Princess Kaguya (เจ้าหญิงกระบอกไม้ไผ่)
และ When Marnie was There (ฝันของฉันต้องมีเธอ)
(อ้างอิงจาก http://soimilk.com/news/news/mary-and-the-witchs-flower)
บทวิเคราะห์
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สุดท้าย ใครที่ยังไม่ได้ไปดู ขอให้รีบไปดู รอบฉายเหลือน้อยแล้ว เดี๋ยวจะไม่ทันดูนะครับ
ดูเสร็จแล้วมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันครับ