『No Rain, No Gain』ตะลุยประเทศ Czech กับ 3 วันสุดมันส์?!



สวัสดีครับชาวพันทิพย์ ผมจะมาแชร์ประสบการณ์ท่องเที่ยวใน Czech Republic (สาธารณรัฐเช็ก) ซึ่งประกอบไปด้วย 3 เมืองยอดฮิต โดยเริ่มจาก Prague (ปราก) České Budějovice (เชสเก้บูเดโจวิช) และ Český Krumlov (เชสกี้ครุมลอฟ) ตามลำดับครับผม

ผมบินจากกรุงเทพฯไปยังสนามบิน Zurich (ซูริค) ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ แล้วต่อเครื่องไปสนามบิน Václav Havel ที่ Prague โดยกินชั่วโมงบินทั้งหมดประมาณ 11-12 ชั่วโมงเท่านั้นเอง

ระหว่างการเดินทางบนเครื่องบินผมก็ได้ศึกษาประวัติศาสตร์โดยย่อจากไกด์ท่องเที่ยวเมือง Prague แบบไม่หลับไม่นอน ซึ่งยิ่งอ่านก็ยิ่งสนุกยิ่งเพลิดเพลิน ยิ่งรู้สึกว่ามันจะทำให้ทริปนี้ของผมสนุกยิ่งขึ้นแน่ๆครับ


Day 1

EP 1: Eat Then Greet
ผมเริ่มต้นที่สนามบิน Václav Havel ของกรุง Prague เวลา 10.00น. พร้อมกับกระเป๋าเดินทางและเงิน Euro (€) ที่ต้องเอาไปแลกเป็นสกุลเงินของที่นี่คือ Czech Koruna (Kč, CZK) ซึ่งอัตราแลกเปลี่ยนตอนนั้นจะแพงกว่าเงินบาทประมาณ 1.5 เท่า

ผมนั่งแท๊กซี่แบบ Fix Price ราคา 30 ยูโร โดยวิ่งจากสนามบินตรงไปยังที่พัก โดยที่พักของผมจะเป็นอพาร์ทเม้นท์ที่ Jindřišská 908/12 ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกของ Old Town Square ภายในจะมี 4 ชั้นและไม่มีลิฟต์ ส่วนบริเวณด้านหน้าที่พักจะมีร้านสำหรับแลกเปลี่ยนสกุลเงินชื่อว่า Praha Exchange โดยเราสังเกตได้จากจำนวนคนต่อคิวที่ยาวเหยียดตลอดเวลา และที่นี่มีอัตราแลกเปลี่ยนที่ค่อนข้างดีกว่าสนามบินอีกทั้งไม่ต้องเสียค่า Commission เพิ่มเติม (ในสนามบินประมาณ 10% บางที่เค้าก็คิดแพงถึง 25%) หลังจากผมแลกเงินตรงนี้เสร็จผมก็เช็คอินเพื่อเข้าที่พักครับ

ชั้นบนสุดบรรยากาศดีมากครับ มีระเบียงน่ารักๆ ส่วนภายในก็จะมี 2 ห้องนอน มีห้องครัว ห้องนั่งเล่น ห้องอาบน้ำ ห้องน้ำ และมีเครื่องใช้ภายในบ้านแทบจะครบถ้วนทุกอย่าง ส่วนการตกแต่งก็เรียบร้อย ละเอียดและคลาสสิค มองแล้วหายเหนื่อยครับ

จากนั้นไม่นานผมก็ลงมาจากที่พัก ตอนนี้ผมหิวและอยากจะชิวสักหน่อย ผมเดินจึงในร้านอาหารเวียดนามที่อยู่ข้างๆเพื่อกินมื้อกลางวัน

อาหารที่นี่รสชาติอร่อยโดยเฉพาะเฝอ และที่สำคัญราคาก็ไม่แพงครับ เพื่อนๆกำเงินเข้าไปคนละ 200 โครูน่าก็อิ่มแปร้แล้วครับผม



EP 2: Wonder Around Old Town Square
Old Town Square (ย่านเมืองเก่า) เต็มไปด้วยร้านค้ามากมายแบบ 360 องศา ซึ่งสถาปัตยกรรมในแต่ละมุมก็จะแตกต่างกันออกไป โดยประกอบไปด้วยศิลปะแบบฉบับยุโรปหลายยุคหลายสมัย อาทิเช่น  Baroque, Gothic และ Romanesque เสมือนว่าเราย้อนเวลากลับไปในยุคสมัย 6-7 ร้อยปีก่อน และที่นี่เป็นหนึ่งในเมืองที่มีประวัติศาสตร์เข้มข้นมากที่สุดในยุโรปที่ครั้งหนึ่งเราต้องมาให้ได้ครับ

ผมเดินไปไม่กี่ก้าวก็ต้องหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายรูปอย่างไม่หยุดมือ แค่เรามองตัวอาคารบ้านเรือนตัดกับท้องฟ้าเราก็มองจนไม่รู้เบื่อแล้วครับ

ที่นี่เป็นเมืองท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยผู้คนเป็นจำนวนมาก ทำให้บรรยากาศรอบด้านครึกครึ้นเป็นพิเศษ แต่ถึงแม้จะกระนั้นเค้าก็ยังรักษาความสะอาดไว้ได้ดีครับ

วิธีการเดินทางใน Prague คงจะหนีไม่พ้นการเดินเป็นหลัก เว้นแต่ถ้าเดินไม่ไหวก็ยังมีรถเมล์ให้ใช้บริการครับ


Old Town Square ดูสนุกจริงๆครับ มีคนแต่งตัวเป็นตลกพ่นสีตัวเองให้ดูน่าสนใจ มีคนเล่นดนตรี บางคนก็เป่าลูกโป่งน้ำ ดูแล้วเหมือนกับเราอยู่ในสวนสนุกก็ไม่ปาน แต่เป็นสวนสนุกที่ถูกล้อมรอบด้วยประวัติศาสตร์ครับ ที่เป็นไฮไลท์ของย่านนี้ก็เริ่มจาก Church of Our Lady before Týn ในรูปที่มีหอระฆังสองแท่งเด่นๆ สมัยก่อนเคยสร้างไว้ในสไตล์ Romanesque ในช่วงยุคศตวรรษที่ 11 ในอีก 200 ปีต่อมาถูกแทนที่ด้วยศิลปะแบบ Gothic และพัฒนาขึ้นมาเรื่อยๆจนเป็นอย่างที่เห็นนี่แหละครับ คือไอ่หน้าตาประมาณเนี่ย เค้าเรียกว่า Gothic ถ้าจะเอาละเอียดว่ามันช่วงปีไหน หรือมีดราม่าอะไร อันนี้เดี๋ยวว่างๆเล่าให้ฟังครับ เวลาเราอยากเข้าไปชมด้านในก็ให้เช็คเวลาเปิด-ปิดให้ดีครับเพราะเค้าเปิดเป็นช่วง ด้านในสวยมากจริงๆ แต่เค้าห้ามถ่ายรูปฮะ

อีกมุมนึงเราก็จะเห็นขอทาน เอกลักษณ์ของขอทานที่นี่คือจะก้มตัว ก้มหัวแทบจะขนานกับแกนโลก ย่อเข่า ศอกยันพื้น และไม่มองหน้าใครครับ ดูแล้วก็ทั้งเศร้าทั้งศิลป์


อีกมุมนึงที่น่าสนใจก็หนีไม่พ้นเจ้านาฬิกายักษ์ Astronomical Clock ที่แปะอยู่บนผนังของ Town Hall ที่กำลังซ่อมแซมทั้งหลัง - -" เห็นอย่างงี้อายุอานามก็ประมาณ 600 ปีได้ และก็ยังเป็นนาฬิกาเก่าแก่ที่สุดที่ยังเดินได้บนโลกใบนี้อีกด้วย

ทุกๆชั่วโมงนักท่องเที่ยวจะแห่กันควักกล้องออกมาถ่ายรูปการแสดงกลไกเล็กๆน้อยๆของนาฬิกาพี่เบิ้มอันนี้ ผมเองก็เอากับเค้าด้วยครับ


นอกจากตึกสวยๆหลากหลายสไตล์แล้วด้านหน้าของโบสถ์ St. Nicholas ก็ยังเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คของ Old Town Square แห่งนี้ ด้วยสไตล์ Barogue แบบจัดเต็ม เห็นได้ชัดด้วยหลังคาสี Aqua นี่แหละครับ (ออกเขียวอมฟ้า) ข้างในก็ยังขึ้นชื่อด้วยความรูหรา แต่ไม่ต้องกลัวว่าจะเสียตังค่าเข้านะครับ ว่าแล้วก็ถอดหมวกแล้วเดินเข้าไปชมข้างในเสียหน่อย


EP 3: Jewish Synagogues
มาเหยียบเมืองประวัติศาสตร์แล้วก็ต้องไปย่านคนยิวให้ได้เลยนะครับ ผมเดินออกจากโบสถ์คริสเพื่อไปโบสถ์ยิว (Synagogue) ประมาณ 4-5 อัน ผมเดินประมาณ 5 นาทีก็ถึงครับ มาที่นี่ต้องเสียเงินซื้อตั๋วร้านขายของที่ระลึกของคนยิวตรงข้าม The Old-New Synagogue โดยจะมีโปรโมชั่น 3 อันให้เลือก ถ้ามาครั้งแรกให้เลือกอันที่เข้าได้เยอะที่สุดที่มี Old Jewish Cemetry ด้วยนะครับ หรือถ้าเงินไม่ใช่ปัญหาก็ซื้อมันให้หมดทั้ง 3 แบบเลย จากนั้นผมก็เดินตามแผนที่แนะนำที่เค้าให้มาครับ ถ้าเอาตามลายแทงก็มี Vysoká, Maisel, Pinkas, Klausen และ Spanish Synagogue พ่วงด้วย Old Jewish Cemetery ผมเองก็เข้าเกือบหมด เหลือ Spanish Synagogue ไว้เข้าพรุ่งนี้ครับ

การตกแต่งภายในของโบสถ์ยิวแต่ละแห่งจะต่างกันไปไม่มากก็น้อย โดยจะมีทั้งเครื่องใช้ เครื่องบรรณาการ เครื่องประดับ หนังสือที่เขียนด้วยมือ ประวัติ ชื่อของผู้ตายหรือชื่อของค่ายกักกันสมัยประวัติศาสตร์สลักอยู่บนผนังเป็นอย่างดี อย่างภาพด้านล่างก็จะเป็นบรรยากาศภายใน Klausen Synagogue ซึ่งเป็นโบสถ์ยิวที่ใหญ่ที่สุดในย่านนี้ เปิดให้เราเข้าชมในรูปแบบของ Museum


อยากไป Old Jewish Cemetery ก็ต้องผ่าน Pinkas Synagogue ที่อยู่ติดกัน ซึ่งเป็นโบสถ์ยิวที่น่าสนใจครับ ผนังโบสถ์เต็มไปด้วยรายชื่อของชาวยิวแถบนี้ประมาณ 78,000 คนที่ถูกสังหารหมู่ในช่วงยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยแต่ละบรรทัดจะประกอบไปด้วยที่มา ชื่อ วันเกิด และวันเสียชีวิต นอกจากนี้ก็ยังมีรายชื่อของค่ายกักกันที่คนยิวเหล่านี้ได้เคยเข้าไปอยู่ด้วยครับ


หลังจากนั้นก็ต่อเนื่องด้วยหลุมฝังศพของชาวยิวที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป Old Jewish Cemetery ใช้ฟังศพชาวยิวตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 15 จนถึงปลายศตวรรษที่ 17 (เกือบ 300 ปี) จริงๆต้องบอกว่าที่นี่เก่ากว่านั้น เพราะหลุมศพที่เก่าแก่ที่สุดอยู่ในปี 1439 ซึ่งเป็นของนักกวีชาวยิว Avigdor Kara และเนื่องจากจำนวนศพที่มากมายทำให้มีการฝังศพหลายชั้นด้วยกันโดยในบางจุดจะมีจำนวนชั้นมากถึง 12 ชั้นเลยครับ


หลังจากเดินจนเกือบครบ (ขาด Spanish Synagogue อีกอัน) ฝนก็เริ่มลงเม็ดแล้วครับ พยากรณ์อากาศเองก็บอกว่าฝนจะตกจนถึงพรุ่งนี้เย็นเลย ผมก็กะว่าจะเดินกลับบ้านไปกิน Kebab ที่ซื้อเอาไว้ โดยระหว่างทางผมเดินผ่านใจกลาง Old Town Square แล้วก็อ้อมไปชม Powder Tower หรือ Powder Gate เป็นหอคอยแบบ Gothic ซึ่งสมัยศตวรรษที่ 17 ใช้เป็นที่เก็บดินปืน ซึ่งสไตล์การตกแต่งภายนอกจะคล้ายๆกับ Church of Our Lady before Týn ที่เราเห็นจากไกลๆ


จริงๆวันนี้ผมไม่ได้เที่ยวครึ่งวันนะครับเพราะถ้าเอามาเทียบกับประเทศเราก็คงจะไม่ตรงเท่าไหร่ เพราะช่วงเวลานี้ (เดือนกันยายน) พระอาทิตย์ตกประมาณ 19.30-20.00น. ซึ่งทำให้เที่ยวได้นานพอสมควร อีกทั้งก่อนกลับผมก็ยังแอบเดินเล่นตามร้านค้าต่างๆตลอดทาง ถ้าใครว่าคนยุโรปปิดร้านกลับบ้านเร็วก็ยกเว้นให้เค้าสักเมืองละกันครับ



วันนี้เหนื่อยแต่ก็สนุก ส่วนตัวชอบที่สุดก็จะเป็นหลุมศพยิวนี่แหละครับ เพราะเป็นคนที่ชอบอ่านประวัติศาสตร์ยุโรป (แต่อ่านไม่ค่อยเยอะ แหะๆ) แต่พอแค่นี้ก่อนละกันครับ พรุ่งนี้ผมจะมาเล่าถึงการท่องเที่ยวขณะฝนตกในกรุงปรากเสียหน่อย ขอยัดมันในกระทู้เดียวกันไปเลยครับ จะได้ไม่ต้องเสียเวลาหาลิงค์

ฝนตก



และเนื่องจากความสนุกส่วนตัวผมจึงได้ทำเพจของตัวเองขึ้นมา โดยสามารถติดตามได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับผม
www.facebook.com/27daydream

นอกเหนือไปจากนี้ยังสามารถติดตามกระทู้เก่าๆของผมได้ด้านล่างครับ
Why Singapore?!: ทำไมต้องสิงคโปร์ | DAY 1 https://ppantip.com/topic/36649388
Why Singapore?!: ทำไมต้องสิงคโปร์ | DAY 2『The Variety Day』https://ppantip.com/topic/36652821
Why Singapore?!: ทำไมต้องสิงคโปร์ | DAY 3『Universal Studios』https://ppantip.com/topic/36656127[/cente
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่