---

EP 4: Islamic Places
วันนี้ตื่นเช้ามาปวดหัวเล็กน้อยก็เลยนอนยาว กว่าจะได้ออกมาเที่ยวก็ปาไปเที่ยงวันแล้วครับ ออเดิร์ฟของผมก็ไม่พ้นขนมปังแฮมชีสที่ผมเตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อคืน เสร็จแล้วก็ต่อด้วยก๋วยเตี๋ยวเจ้าเก่าเมนูใหม่แถวๆโรงแรม คราวนี้ลองเมนูแบบฮ็อตแอนด์สไปซี่แล้ว ... เหมือนเดิมครับ บ้านเราอร่อยกว่า จากนั้นผมก็ขึ้นรถเมล์สาย 33 แถวๆนั้นไปลงสถานี Opp Stamford Pr Sch (ชื่อสถานีอ่านว่าอะไรนะ?! คือเหมือนจะอ่านออก)  แล้วผมก็เดินไปชมมัสยิดสุลต่าน (Sultan Mosque) แถวๆถนน Kandahar Street ซึ่งถือได้ว่าเป็นหนึ่งในมัสยิดที่สำคัญที่สุดของประเทศสิงคโปร์เลยก็ว่าได้ นอกจากยังมีประวัติศาสตร์อันดีงามแล้ว ตัวสถาปัตยกรรมก็ยังถูกสร้างมาอย่างสวยงามและพิถีพิถัน แต่โชคไม่ดีที่ผมไปตอนเค้าทำละหมาดกันพอดี ซึ่งช่วงเวลานี้จะปิดทำการไม่ให้นักท่องเที่ยวเข้าไป ผมจึงได้แต่ยืนเอ๋ออยู่ข้างนอกนะครับ คราวหน้าคราวหลังถ้าเพื่อนๆจะมาก็เช็คเวลาให้ดีอย่าให้ซ้ำรอยผม คือเปิดทุกวัน 2 ช่วงเวลาได้แก่ 9:30-12:00 และ 14:00-16:00 แหม่! แต่ตรงข้ามก็ยังมีถนนเล็กๆที่ 2 ข้างทางจะมีร้านค้าน่ารักๆปลอบใจให้เลือกชมของฝากของคนย่านนี้ซึ่งหลายๆอย่างก็น่าซื้อไปฝากพ่อแม่พี่น้องที่บ้านก็ไม่น่าเกลียด



แยก Arab Street ตัดกับ North Bridge Road จะมีร้านอาหารแขกชื่อ ZAM ZAM ซึ่งค่อนข้างดังพอสมควร ผมก็กะว่าจะมาลองร้านนี้แหละ พอเดินมาใกล้ๆปรากฏว่าคนแทบไม่มีเลย แต่พอขึ้นไปชั้น 2 ก็พบว่าคนเยอะมากๆ มีกลิ่นก็ตลบอบอวนไปด้วยเครื่องเทศตามแบบฉบับของคนแขก เมนูก็มีให้เลือกเยอะแยะมากมายจนเลือกไม่ถูกเลยทีเดียว แต่หลักๆแล้วผมว่าคล้ายๆกับร้านคาริม โรตีมะตะบะ แถวถนนพระอาทิตย์บ้านเราแหละครับ ซึ่งรถชาติผมว่าก็พอได้อยู่สำหรับคนไม่ชอบอาหารแขกอย่างผม นั่งกินไปบ่นไปจนหมดจาน 555 แล้วก็เช็คบิล


พอเดินออกมาจากร้านตรงบริเวณสี่แยกก็ยังสามารถมองเห็นมัสยิดชื่อดังได้ชัดเจน มองไปบนฟ้าก็จะเห็นว่าวันนี้เมฆค่อนข้างหนาครับ ข้อดีคือบังแดดพอสมควรทำให้ไม่ร้อน แต่ข้อเสียคือฟ้าไม่ค่อยสดใสเท่าไหร่


ผมว่าย่านนี้ได้อรรถรสมากครับ มองไปทางไหนก็มีแต่คนแขกเต็มไปหมด แม้แต่ในห้างก็ไม่เว้น มัสยิดที่นี่ก็ยิ่งใหญ่อลังการ ร้านอาหารแขกก็มีให้เลือกเยอะแยะ แถมยังเดินทางสะดวกอีกด้วย คือประเทศนี้สะอาดอยู่แล้วจึงทำให้ย่านนี้น่าเที่ยวยิ่งขึ้นไปอีก

EP 5: Different Faith
ผมเดินไปทางถนน North Bridge Rd ก็เจอกับ Haji Lane ซึ่งเป็นตรอกเล็กๆที่เต็มไปด้วยร้านค้าต่างๆมากมายด้วยศิลปะที่แตกต่างแต่เข้ากันได้เป็นอย่างดี ทำให้ซอยนี้ครึกครื้นและเป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวอย่างเราอีกด้วย ผมเดินเที่ยวตามร้านขายของฝากต่างๆซึ่งน่าซื้อมากๆครับ ของกินเล่นก็มีให้เลือกมากมาย อีกทั้งจะนั่งชิลจิบเบียร์บริเวณกลางซอยก็น่าสนใจอยู่ไม่น้อย ผมใช้เวลาประมาณ 30-40 นาทีก็คิดว่าต้องรีบไปที่อื่นต่อแล้วหละ ชดเชยที่ตื่นสาย



ต่อจากนั้นผมเดินไปยัง MRT สถานี Rochor เพื่อต่อไปยังสถานี Little India พอถึงแล้วก็ไปตรงถนน Kerbau Rd เดินไปจนสุดจะเจอตรอกเล็กๆ ซึ่งจะมีบ้านของ Tan Teng Niah (เป็นใครก็ไม่รู้แหละ) คือจุดเด่นคือการตกแต่งภายนอกของเค้าจะเต็มไปด้วยสีสันมากมาย อารมณ์ประมาณว่าทาบ้านให้ครบทุกสีเลยทีเดียว Colorful มั๊กๆ!


ผมเดินต่อไปแถวปากซอยถนน Belilios Rd เพื่อเข้าไปเยี่ยมชมวัดฮินดู Sri Veeramakaliamman ซึ่งบูชาเทพคาลี (Kali) ผู้ซึ่งเป็นเทพแห่งกาลเวลา เป็นผู้สร้าง ผู้ทำลายล้าง เต็มไปด้วยพละกำลัง และเป็นที่นิยมในหมู่คนอินเดียและคนบังกลาเทศ ภายนอกวัดไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่ แต่ภายในใช้ได้เลยครับ และที่สำคัญเราจะเห็นคนที่เค้านับถือกันจริงๆมากราบไหว้บูชากันแบบจริงจังมากๆกันไม่ขาดสายเลยทีเดียว แล้วพอพวกเค้าทำพิธีกราบไหว้บูชาเสร็จก็จะเดินออกมาตีระฆังเล็กๆที่ประตูแล้วเดินจากไป


จากย่านแขกสู่ย่านฮินดู ผมรู้สึกไม่ค่อยต่างกันมากเท่าไหร่ อาจจะเป็นเพราะบรรยากาศของประเทศนี้ที่สะอาดสะอ้านและเชื่อมต่อถึงกันง่ายไปหมด ถ้าเป็นที่อินโดนีเซียอย่างหมู่เกาะชวา (Java) ที่นับถืออิสลาม กับบาหลี (Bali) ที่นับถือฮินดูแล้วละก็ จะมีความเข้มข้นของวัฒนธรรมที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดเลยครับ ตั้งแต่อาหารไปจนถึงสิ่งปลูกสร้างเลย

EP 6: Compensation
กลับมาที่สิงค์โปร์ครับ ตอนนี้รู้สึกว่าต้องการอากาศสดชื่นสักหน่อยครับ ตั้งใจไว้ว่าจะไปเดินเล่นบริเวณ Fort Canning Park สักหน่อย ว่าแล้วก็เดินกลับไป MRT สถานี Little India เพื่อต่อไปยังสถานี Dhoby Ghaut แล้วออกทาง Exit B เพื่อไป Fort Canning Park ครับผมเดินกินลมชมวิวไปเรื่อยๆ จนถึงเป้าหมายคือ Fort Gate ทางขึ้น Fort Canning Park ซึ่งตรงนี้ก็จะมีอุโมงค์น่ารักๆและบนใดวนยอดฮิตให้เรามาถ่ายรูปสวยๆกันครับ ถึงตรงนี้ผมเจอคู่รักมาถ่ายพรีเว้ดดิ้งปาเข้าไป 3 คู่เลยนะ แสดงว่าฮิตไม่เบา ผมเองก็เอากับเค้าสักหน่อยครับ


หลักจากพักผ่อนหย่อนใจกับสวนสาธารณะ Fort Canning Park แล้วเราก็พร้อมจะลุยต่อช่วงเย็นแล้วฮะ เราเดินกลับไปสถานีเดิมเพื่อต่อรถไฟฟ้าไปยัง China Town

ด้านหน้าถนน Pagoda Street ก็จะมองเห็นป้าย Chinatown Singapore และถ้ามองไปทางซ้ายก็จะสังเกตุเห็นวัด Sri Mariamman ซึ่งเป็นวัดฮินดูที่เก่าแก่ที่สุดในสิงคโปร์ ผมได้ลองเข้าไปดูแล้วก็น่าสนใจไม่น้อยครับ จะได้เห็นพิธีกรรมแปลกต่างของที่นี่โดยจะแตกต่างจากวัดก่อนหน้านี้ (Sri Veeramakaliamman) แบบคนละเรื่องเลยทีเดียว แถมภายในถ้าจะถ่ายรูปต้องจ่ายเงิน $3 ด้วยครับ หลังจากเข้าไปชมพอหอมปากหอมคอแล้วก็ได้เวลาเดินเล่นใน Chinatown แล้วครับ ย่านนี้น่ารักอีกแล้ว ร้านอาหารเยอะแยะเต็มไปหมด มีร้านของฝากยอดฮิตอยู่หลายร้าน และสินค้าของแต่ละร้านก็น่าซื้อทั้งนั้น มันยั่วเงินในกระเป๋าเสียเหลือเกิน


ผมเดินไปเจอ Tintin Shop ด้วยครับ ถ้าใครเคยได้ยินการ์ตูนยอดฮิตในยุโรปเรื่อง The Adventures of Tintin ซึ่งผู้แต่งเป็นชาวเบลเยี่ยม ตรงนี้มี Shop ให้คุณได้เลือกสรรค์ซึ่งมีแต่ของดีทั้งนั้นเลยครับ ใครที่เป็นแฟนตัวยงห้ามพลาด สำหรับผมแล้วอารมณ์ประมาณโคนันเวอร์ชั่นคิกขุน่ารักปนตลก ใครที่ไม่รู้จักก็ลองหาอ่านดูได้ตามอินเตอร์เนทครับ

เย็นนี้ผมมีโปรแกรมไปกินข้าวมันไก่ที่อร่อยที่สุดในโลก (แฟนผมเค้าว่างั้นฮะ) ที่ Maxwell Food Center ใกล้ๆนี่เอง ระหว่างทางผมก็เดินไปเจอวัด Buddha Tooth Relic ของชาวพุทธที่ถูกสร้างสไตล์ราชวงค์ถังและเป็นที่เก็บฟันของพระพุทธเจ้า (Sacred Relic of the tooth of Buddha) ซึ่งผมชอบแนวนี้เป็นพิเศษ ภายนอกสวยงามยิ่งใหญ่ ภายในโอ่อ่าอลังการหรูหรา ผมชมบรรยากาศได้ไม่นานวัดก็ปิดแล้วครับ 6 โมงเย็นเค้าก็ไล่แล้ว


พอไปถึง Maxwell Food Center ก็แอบผิดหวังเล็กๆครับ คือร้านข้าวมันไก่เป้าหมายดันปิดวันจันทร์ ไอ่เราก็ไม่ได้เช็คให้ดีก่อนมา ก็เลยลองร้านอื่นโดยสุ่มกันคนละร้าน ปรากฏว่าร้านนึงไก่แห้งมาก แถมยังจืดสนิท อีกร้านก็เค็มอย่างกะเทน้ำปลาใส่ทั้งขวด คือกินแทบไม่ได้เลยไอ่จานเค็มเนี่ย ผมเลยกะว่าจะย้อนกลับไป Chinatown ไปหาของกินเพิ่มก่อนกลับ ไว้มาใหม่พรุ่งนี้แล้วกันครับ

เราเดินย้อนกลับไป Chinatown เพื่อหาของกินเล่นมาเติมให้เต็มท้องเสียหน่อย ระหว่างนั้นก็เดินดูของฝากครับไว้กลับมาซื้อพรุ่งนี้อีกรอบ (ทริปนี้มา Chinatown บ่อยมาก) ที่นี่ตอนกลางคืนแสงไฟสีส้มหลายๆดวงจะขับกล่อมให้ย่านนี้สวยน่าเดิน ไม่ใช่แค่ไฟส้ม แต่ผมมองไปทางไหนก็มีแต่ร้านที่ตกแต่งได้สวยงามเข้ากันทั้งย่านเลยครับ

---