EEC ประตูสู่เอเซีย

กระทู้ข่าว

เศรษฐกิจ การบริหารจัดการ หน้าต่างโลก เทคโนโลยี

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แสดงวิสัยทัศน์ในงานสัมมนา "อีอีซี แม่เหล็กเศรษฐกิจไทยเชื่อมโลก" ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เกี่ยวกับการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ว่า

พื้นที่อีอีซีตั้งใจทำโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ ซึ่งจะเป็น ประตูสู่อินโดจีน อาเซียน และเอเชีย

หากสมัยพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี รัฐบุรุษ และอดีตนายกรัฐมนตรี มีคำว่า "โชติช่วงชัชวาล" [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

สมัยพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ อดีตนายกรัฐมนตรี มีคำว่า "เปลี่ยนสนามรบ เป็นสนามการค้า" [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ผลงานสำคัญของรัฐบาลในช่วงที่พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณเข้ามาบริหารประเทศได้แก่ การดำเนินนโยบายต่างประเทศกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะประเทศในกลุ่มอินโดจีน โดยการเปลี่ยนสนามรบให้เป็นสนามการค้า รวมทั้งดำเนินการประสานงานให้มีการเจรจาร่วม ระหว่างเขมร 4 ฝ่าย เพื่อยุติการสู้รบ และจัดตั้งรัฐบาลภายใต้การนำของสีหนุขึ้น โดยมีแนวคิดที่สำคัญคือ เรื่องการเปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้า เป็นการทูตแนวใหม่ในสมัยนั้น คือการส่งสัญญาณทางการทูตเพื่อทำให้ประเทศที่มีอุดมการณ์และระบอบการปกครองต่างกัน สามารถหันมาร่วมมือกันในด้านที่ไม่มีความขัดแย้งกันได้ นั่นก็คือ ทางด้านเศรษฐกิจ ซึ่งทำให้ทุกประเทศในอินโดจีนหันมาเจรจาหารือกับไทยด้านการค้า การลงทุน นอกจากนี้แนวคิดดังกล่าวยังนำไปสู่การสร้างสันติภาพในภูมิภาค โดยพลเอกชาติชาย ได้เข้าไปช่วยเหลือในการเจรจา นำสันติภาพมาสู่กัมพูชาเป็นผลสำเร็จ
ที่มา : สถาบันพระปกเกล้า

ส่วนสมัยของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีอีอีซีเป็น "ประตูสู่เอเชีย" ซึ่งโครงการนี้จะเป็นคลื่นลูกใหม่ ดึงดูดการลงทุนรอบใหม่ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

โครงการสำคัญต่างๆ ที่กำลังจะทำใน EEC ทั้งสนามบิน ท่าเรือ รถไฟความเร็วสูง เมืองใหม่ มอเตอร์เวย์ รถไฟทางคู่ รัฐบาลจะให้เอกชนเข้ามาช่วยแบ่งเบาภาระในการพัฒนาพื้นที่ดังกล่าว ตามคอนเซปท์ของ "ประชารัฐ"

การพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก เป็นโครงการต่อเนื่องมาจากโครงการ Eastern SeaBoard เดิม เพื่อจะปรับพื้นที่เดิมให้มีมูลค่ามากขึ้น จึงทำให้ต้องมีการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานใหม่ๆ เพื่อเพิ่มความน่าสนใจให้กับนักลงทุนเข้ามาลงทุน เช่น รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ท่าเรือน้ำลึกใหม่ สนามบินอู่ตะเภา เป็นต้น

แต่ PPP ตามพรบ.ร่วมทุนปี 2556 เป็นกระบวนการที่ต้องใช้ระยะเวลาอย่างน้อย 40 เดือน (ตามปกติ)
จึงเกิดการปรับปรุงให้มี PPP Fast Track เหลือเพียง 20 เดือน
แต่ก็ยังไม่เพียงพอสำหรับโครงการในอีอีซี จึงได้พยายามปรับลดระยะเวลาเหลือเพียง 10 เดือน (EEC PPP Super Fast Track โดยใช้มาตรา 44)
ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ระบบราชการไทยมีการปรับขบวนการในการทำงานให้เร็วขึ้น แต่ยังคงอยู่ในหลักการเดิม โดยการศึกษา และดำเนินการไปพร้อมๆ กันในโครงการที่มีความชัดเจนจากรัฐบาลอย่างแน่นอน ตัดขั้นตอนที่ไม่จำเป็น ทำให้โปร่งใส และประชาชนมีส่วนร่วม

เรากำลังเห็นประเทศไทยก้าวข้ามบางสิ่ง เรา(คนไทย)จะอยู่ในขบวนรถที่กำลังพาประเทศให้หลุดพ้นจากกับดักรายได้ปานกลาง หรือ เรา(คนไทย)จะยังคงติดหล่มรายได้ปานกลางแบบถอนตัวไม่ขึ้น

เรา(คนไทย)ทุกคนสามารถเลือกได้ว่า เราจะไปหรือไม่ไปกับรถด่วน EEC ขบวนนี้