แด่กรุงโรม (1)
ย้อนหลังกลับไป 27 ปี มีเสียงดังขึ้นที่ประตูอพาร์ทเมนท์ของเรา มันดังสามครั้ง ก๊อก ก๊อก ก๊อก คุณแม่ของผม Fiorella เดินออกไปเพื่อพบต้นตอของเสียง
อีกฝั่งของบานประตูเป็นกลุ่มคนในชุดสูทสีดำ พวกเขาเริ่มต้นแนะนำตัวกับพวกเรา พวกเขาคือผู้บริหารทีมฟุตบอล แต่ในความเป็นจริงมันทำพวกเราผิดหวังนิดหน่อย ตรงที่พวกเขาไม่ได้มาจาก Roma พวกเขามาจาก AC Milan พวกเขาต้องการตัวผมและไม่ว่าจะต้องจ่ายเท่าไหร่พวกเขายินยอมที่จะจ่าย
ทันใดนั้นคุณแม่ของผมเริ่มพูด พวกคุณดูนี้ซิและคิดว่ายังไงละ เด็กๆทุกคนที่เกิดในโรม ตัวเลือกของเขาในเส้นทางฟุตบอลที่เขาเต็มใจ มีเพียงแค่สองสี คือแดงหรือฟ้า แต่สำหรับพวกเรามีแค่สีเดียวเท่านั้นที่เราจะเลือก
ผมไม่มีโอกาสได้คุ้นเคยและพูดคุยกับคุณปู่มากนัก เขาจากเราไปตอนที่ผมยังเป็นเด็กน้อย แต่สิ่งที่เขามีไว้ให้ผม มันเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ คุณปู่ของผมเป็นแฟนตัวยงของหมาป่าแห่งกรุงโรม จิตวิญญาณนั้นก็ส่งทอดต่อมาให้คุณพ่อ และคุณพ่อก็ส่งต่อมันมาให้เรา สิ่งที่เรียกว่า AS Roma มันมากกว่าคำว่าแฟนบอล มันมากกว่าสโมสร มันมากกว่าสิ่งอื่นใด มันคือส่วนหนึ่งของชีวิต ส่วนหนึ่งของครอบครัว มันคือเลือดเนื้อ มันคือจิตวิญญาณของตระกูลเรา
ผมยังจำวันแรกที่คุณพ่อพาผมเข้าไปเขียร์ทีมที่สนาม Stadio Olimpico ผมจดจำมันได้ทุกความรู้สึก เสียงเชียร์ บรรยากาศรอบๆสนาม กลิ่นและควันในสนามที่เกิดจากกองเชียร์ชองพวกเรา มันเป็นบางอย่างที่พิเศษมาก วันนั้นมันพิเศษสำหรับผมมาก ผมไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดอื่นใดได้ มีเพียงคำเดียวที่ผมมีให้แก่บรรยากาศในวันนั้นคือ Bellissimo. (มหัศจรรย์)
บ้านของเราตั้งอยู่ในย่าน San Giovanni ผมพนันได้เลยไม่มีใครที่อยู่ในย่านนั้นที่ไม่เคยเห็นผมและลูกฟุตบอลพร้อมกัน มีผมต้องมีลูกฟุตบอล ไม่ว่าจะเป็นบนถนนที่ปูด้วยหินกรวด ระหว่างทางไปโบสถ์ ในทุกตรอกซอกซอย พวกเราเล่นฟุตบอลกันทุกที่ มันคือชีวิตของผม
นอกเหนือจากความรักในฟุตบอล ผมในวัยเด็กมีความต้องการที่มากกว่านั้น ผมทะเยอทะยานและอยากเป็นนักฟุตบอล มีเพียงแค่สโมสรเดียวที่ผมต้องการ เส้นทางนักฟุตบอลของผมเริ่มต้นที่ทีมเยาวชน บนกำแพงห้องนอนของผมเต็มไปด้วยข่าวจากหน้าหนังสือพิมพ์และโปสเตอร์ของ Giannini (1 ในตำนานและอดีตกัปตันของโรม่าในยุคนั้น) เขาเป็นต้นแบบของเด็กๆทุกคนในกรุงโรม ในยุคนั้นเขาคือตำนาน เขาคือสัญลักษณ์ของเรา เขาเติบโตจากโรม และผมอยากเป็นให้ได้เหมือนเขา
ในตอนที่ผมอายุ 13 ปี เสียงดังขึ้นที่ประตูอพาร์ทเมนท์ของเรา มันดังสามครั้ง ก๊อก ก๊อก ก๊อก อีกฝั่งของบานประตูเป็นกลุ่มคนในชุดสูทสีดำ พวกเขาต่างแนะนำตัวต่อพวกเรา พวกเขาคือผู้บริหารทีมฟุตบอล พวกเขามาจาก AC Milan และถามพวกเราถึงความเป็นไปได้ที่จะให้ผมไปร่วมสโมสรของพวกเขา เป็นหนึ่งในโอกาสที่ดีของชีวิตผมนะ
แต่คุณคิดว่าไงละ ?
.
.
.
แน่นอนวันนั้นผมปฏิเสธพวกเขาไป
ปล.บทความนี้เป็นบทความที่ผมแปลมาจากเว็ปไซต์ Theplayerstribune ตาม URL นี้ครับ
https://goo.gl/Y1oRWm
เป็นการเขียนจากปลายนิ้วของ Francesco Totti หนึ่งในนักเตะที่ผมชื่นชอบเลยทดลองแปลมาให้ทุกท่านได้อ่านกัน ด้วยความที่เนื้อเรื่องมันค่อนข้างยาว เลยจะขอแบ่งเป็น 2 ตอน โดยตอนที่ 2 คาดว่าจะตามมาภายในอาทิตย์นี้ครับ
ฝากทุกท่านติชมนะครับ เนื่องด้วยผมยังเป็นแค่สมาชิกตัวเลขอยู่ทำให้ไม่สามารถลงรูปได้ อาจจะทำให้เนื้อเรื่องดูแห้งไปบ้าง
ขอบคุณครับ
https://www.facebook.com/Writesaytalk/
Francesco Totti : Dear Rome
ย้อนหลังกลับไป 27 ปี มีเสียงดังขึ้นที่ประตูอพาร์ทเมนท์ของเรา มันดังสามครั้ง ก๊อก ก๊อก ก๊อก คุณแม่ของผม Fiorella เดินออกไปเพื่อพบต้นตอของเสียง
อีกฝั่งของบานประตูเป็นกลุ่มคนในชุดสูทสีดำ พวกเขาเริ่มต้นแนะนำตัวกับพวกเรา พวกเขาคือผู้บริหารทีมฟุตบอล แต่ในความเป็นจริงมันทำพวกเราผิดหวังนิดหน่อย ตรงที่พวกเขาไม่ได้มาจาก Roma พวกเขามาจาก AC Milan พวกเขาต้องการตัวผมและไม่ว่าจะต้องจ่ายเท่าไหร่พวกเขายินยอมที่จะจ่าย
ทันใดนั้นคุณแม่ของผมเริ่มพูด พวกคุณดูนี้ซิและคิดว่ายังไงละ เด็กๆทุกคนที่เกิดในโรม ตัวเลือกของเขาในเส้นทางฟุตบอลที่เขาเต็มใจ มีเพียงแค่สองสี คือแดงหรือฟ้า แต่สำหรับพวกเรามีแค่สีเดียวเท่านั้นที่เราจะเลือก
ผมไม่มีโอกาสได้คุ้นเคยและพูดคุยกับคุณปู่มากนัก เขาจากเราไปตอนที่ผมยังเป็นเด็กน้อย แต่สิ่งที่เขามีไว้ให้ผม มันเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ คุณปู่ของผมเป็นแฟนตัวยงของหมาป่าแห่งกรุงโรม จิตวิญญาณนั้นก็ส่งทอดต่อมาให้คุณพ่อ และคุณพ่อก็ส่งต่อมันมาให้เรา สิ่งที่เรียกว่า AS Roma มันมากกว่าคำว่าแฟนบอล มันมากกว่าสโมสร มันมากกว่าสิ่งอื่นใด มันคือส่วนหนึ่งของชีวิต ส่วนหนึ่งของครอบครัว มันคือเลือดเนื้อ มันคือจิตวิญญาณของตระกูลเรา
ผมยังจำวันแรกที่คุณพ่อพาผมเข้าไปเขียร์ทีมที่สนาม Stadio Olimpico ผมจดจำมันได้ทุกความรู้สึก เสียงเชียร์ บรรยากาศรอบๆสนาม กลิ่นและควันในสนามที่เกิดจากกองเชียร์ชองพวกเรา มันเป็นบางอย่างที่พิเศษมาก วันนั้นมันพิเศษสำหรับผมมาก ผมไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดอื่นใดได้ มีเพียงคำเดียวที่ผมมีให้แก่บรรยากาศในวันนั้นคือ Bellissimo. (มหัศจรรย์)
บ้านของเราตั้งอยู่ในย่าน San Giovanni ผมพนันได้เลยไม่มีใครที่อยู่ในย่านนั้นที่ไม่เคยเห็นผมและลูกฟุตบอลพร้อมกัน มีผมต้องมีลูกฟุตบอล ไม่ว่าจะเป็นบนถนนที่ปูด้วยหินกรวด ระหว่างทางไปโบสถ์ ในทุกตรอกซอกซอย พวกเราเล่นฟุตบอลกันทุกที่ มันคือชีวิตของผม
นอกเหนือจากความรักในฟุตบอล ผมในวัยเด็กมีความต้องการที่มากกว่านั้น ผมทะเยอทะยานและอยากเป็นนักฟุตบอล มีเพียงแค่สโมสรเดียวที่ผมต้องการ เส้นทางนักฟุตบอลของผมเริ่มต้นที่ทีมเยาวชน บนกำแพงห้องนอนของผมเต็มไปด้วยข่าวจากหน้าหนังสือพิมพ์และโปสเตอร์ของ Giannini (1 ในตำนานและอดีตกัปตันของโรม่าในยุคนั้น) เขาเป็นต้นแบบของเด็กๆทุกคนในกรุงโรม ในยุคนั้นเขาคือตำนาน เขาคือสัญลักษณ์ของเรา เขาเติบโตจากโรม และผมอยากเป็นให้ได้เหมือนเขา
ในตอนที่ผมอายุ 13 ปี เสียงดังขึ้นที่ประตูอพาร์ทเมนท์ของเรา มันดังสามครั้ง ก๊อก ก๊อก ก๊อก อีกฝั่งของบานประตูเป็นกลุ่มคนในชุดสูทสีดำ พวกเขาต่างแนะนำตัวต่อพวกเรา พวกเขาคือผู้บริหารทีมฟุตบอล พวกเขามาจาก AC Milan และถามพวกเราถึงความเป็นไปได้ที่จะให้ผมไปร่วมสโมสรของพวกเขา เป็นหนึ่งในโอกาสที่ดีของชีวิตผมนะ
แต่คุณคิดว่าไงละ ?
.
.
.
แน่นอนวันนั้นผมปฏิเสธพวกเขาไป
ปล.บทความนี้เป็นบทความที่ผมแปลมาจากเว็ปไซต์ Theplayerstribune ตาม URL นี้ครับ https://goo.gl/Y1oRWm
เป็นการเขียนจากปลายนิ้วของ Francesco Totti หนึ่งในนักเตะที่ผมชื่นชอบเลยทดลองแปลมาให้ทุกท่านได้อ่านกัน ด้วยความที่เนื้อเรื่องมันค่อนข้างยาว เลยจะขอแบ่งเป็น 2 ตอน โดยตอนที่ 2 คาดว่าจะตามมาภายในอาทิตย์นี้ครับ
ฝากทุกท่านติชมนะครับ เนื่องด้วยผมยังเป็นแค่สมาชิกตัวเลขอยู่ทำให้ไม่สามารถลงรูปได้ อาจจะทำให้เนื้อเรื่องดูแห้งไปบ้าง
ขอบคุณครับ
https://www.facebook.com/Writesaytalk/