ใจความสำคัญของเนื้อเรื่องมีดังนี้ค่ะ เป็นเรื่องที่เกิดกับญาติค่ะ
1. ญาติเราได้นำลูกเข้าเรียนนานาชาติ กับโรงเรียนแห่งหนึ่ง โดยโรงเรียนแจ้งว่า แบ่งจ่ายค่าเทอมได้ทุกเดือน ญาติได้ทำการแบ่งจ่ายทุกเดือน และเรียนมา 2 ปี เด็ก 2 คนค่ะ มาเข้าปีที่สาม ญาติได้ชำระช้า และแจ้งทางโรงเรียนขอค้างชำระ โดยจ่ายไปครึ่งนึง ( เท่ากับ 1 คนจ่ายเต็ม แต่โรงเรียนขอทำจ่ายเป็นสองคน คนละครึ่งนึง) ซึ่งเทอมนึงมี 4 เดือน แต่ให้เด็กหยุดเรียนตั้งแต่เดือนแรก เพื่อให้ชำระที่เหลือก่อน แล้วถึงจะให้เรียนต่อ ซึ่งญาติไม่ได้ชำระ ทำให้เทอมนั้นเด็กได้เรียนเพียงเดือนเดียว
2. พอขึ้นเทอมสอง โรงเรียนให้จ่ายของเทอมแรกครบก่อนจึงจะให้เรียนเทอมสอง ญาติได้จ่ายจนครบและเด็กไปเรียนต่อ และญาติก็แบ่งจ่ายต่อไปจนเด็กได้เรียนจนจบเทอมนั้น แต่ไม่ได้ผลการเรียนมาทั้งเทอม 1 และ เทอม 2
3. พอขึ้นปีการศึกษาใหม่ เทอมแรก ญาติได้แบ่งชำระเหมือนเดิม โดยญาติได้จ่ายไป 70% ของค่าเทอมสองคน ขาด 30% โรงเรียนให้เด็กหยุดเรียนในเดือนที่สองของเทอม จนหมดเทอม เมื่อขึ้นเทอมสอง โรงเรียนให้ชำระยอดเดิม + ชำระเทอมใหม่เต็มเทอมจึงจะให้ไปเรียน ญาติจึงให้เด็กออกจากโรงเรียน
4. ญาติถามหาผลการเรียนเดิมของเด็กทั้งสองในปีแรกที่มีปัญหา และเงิน 70% ที่จ่ายไปจะให้โรงเรียนตัดเป็นของเด็กคนเดียว และคืนส่วนที่เหลือ เพื่อจะเอาอีกคนไปเข้าโรงเรียนอื่น และขอผลการเรียนปีแรกที่มีปัญหาทั้งสองเทอมของเด็กทั้งสองคนด้วย แต่โรงเรียนไม่ยอม โรงเรียนให้ไปเรียนทั้งสองคน และบอกว่าไม่เป็นไร พอเรียนไปได้กลางเทอม โรงเรียนไม่ส่งรถโรงเรียนมารับเด็ก (ค่ารถโรงเรียนจ่ายเต็มเทอม) เพราะโรงเรียนให้เหตุผลว่า ต้องจ่าย 30% ที่เหลือก่อน ญาติจึงไม่ได้ส่งเด็กทั้งสองไปเรียนต่อจนจบเทอม และขอผลการเรียนปีแรกอีกครั้ง เพื่อจะนำเด็กย้ายโรงเรียน แต่โรงเรียนไม่ให้มา และมีปากเสียงกัน ทาง sms ซึ่งเป็นคำพูดที่โรงเรียนส่งมาว่า ไม่ต้องเอาลูกมาเรียนอีก ถ้าเอามาก็จะให้นั่งรอที่ Lobby ทุกวันไม่ให้เข้าห้องเรียน ซึ่งญาติไม่ได้ให้เด็กไปอยู่แล้ว เนื่องจากโรงเรียนเป็นคนให้หยุดตั้งแต่กลางเทอม (ข้อความส่งมาหลังจากญาติแจ้งว่าจะขอผลการเรียนเดิม เพื่อย้ายไปเรียนที่อื่น) ญาติจึงตอบกลับไปว่า เค้าจ่ายเงินเรียนไม่ได้ไปขอเรียน ให้ส่งผลการเรียนในเทอมที่จ่ายเงินแล้ว (แม้ว่าจะเรียนไม่เต็ม) มาให้กับเค้าและอย่าใช้คำพูดแบบนี้อีก เพราะเค้าขอแค่ในส่วนที่เค้าจ่ายไปแล้ว
5. ทั้งหมดชำระด้วยเช็ค (ค่าเทอมต่อปีสำหรับสองคนอยู่ที่ประมาณ 1 ล้านห้าแสนกว่าบาท ยอดเงินตามเช็คใบที่โดนแจ้งความคือไม่ถึง 1 แสนบาท)
6. เมื่อเด็กไม่ได้ไปโรงเรียน ญาติจึงนำเด็กไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ เนื่องจากเรียนฟรี เมื่อไปได้ประมาณ 1 ปี ญาติบินกลับมา ปรากฏว่าเจอหมายเรียกตำรวจมาที่บ้าน 2 ครั้ง แจ้งว่าโรงเรียนฟ้องเช็คใบสุดท้ายที่ญาติไม่ได้จ่าย 30% นั้น และระบุให้ตำรวจเร่งออกหมายจับและส่งไปกักที่ ตม เพื่อให้เดินทางออกต่างประเทศไม่ได้ (โรงเรียนทราบว่าญาติจะนำเด็กไปเรียนต่อต่างประเทศ)
7. เมื่อญาติเห็นหมายเรียกซึ่งผ่านมาเกือบปี (เรียกหลังจาก ใบสุดท้ายของเช็คประมาณ 3 เดือน น่าจะยังอยู่ในระยะแจ้งความได้) ญาติได้โทรหาตำรวจเข้าของคดี เล่าให้ฟัง ตำรวจแนะนำให้จ่ายเงินให้ทางโรงเรียนตามเช็คก่อน แล้วค่อยไปขอร้องเอาใบผลการเรียนมา ซึ่งตำรวจให้ติดต่อกับทนายความของโรงเรียน ตำรวจติดต่อไปขอยื่นหนูยื่นแมวตามคำขอของญาติ คือรับเงินแลกกับใบผลการเรียน แต่ทนายบอกว่าจะติดต่อโรงเรียนก่อน จากนั้นก็ติดต่อทนายของโรงเรียนไม่ได้อีกเลย (ตำรวจเป็นคนแจ้งว่า ทนายโรงเรียนไม่ติดต่อมาอีกเลย)
8. ญาติถูกออกหมายจับคดีเช็ค จึงเดินทางออกต่างประเทศไม่ได้ ให้สามีเป็นผู้ไปรับส่งและดูแลเด็กแทน
9. ในช่วงที่เด็กเรียนอยู่ ลูกคนเล็กของญาติอยู่ระดับ Kindergarten โรงเรียนมีการเปลี่ยนครูบ่อยมาก สองปีแรกที่เรียนไม่มีปัญหาการเงิน แต่ครูมีการเปลี่ยนบ่อย เด็กปรับตัวไม่ค่อยได้ ทำให้ไม่ค่อยอยากไปโรงเรียน เปลี่ยนบ่อยก็คือ 1 เดือนเปลี่ยน 1 คน เทอมนึงเปลี่ยน 4 คน ทำให้เด็กกำลังเข้ากันได้ดีกับครูผู้หญิงก็เปลี่ยนมาเป็นครูผู้ชายและเปลี่ยนกลับเป็นครูผู้หญิงอีก และกลับมาเป็นผู้ชาย ญาติได้ถามและคอมเพลนโรงเรียนไปบ่อยครั้ง โรงเรียนแจ้งว่าครูมีปัญหาส่วนตัว เลยต้องย้ายบ่อย และจะดำเนินการให้ (ตอนนั้นไม่มีปัญหาการเงินจึงคอมเพลนได้) ต่อมาเมื่อมีปัญหาการเงินโรงเรียนก็ยังเปลี่ยนครูบ่อยอยู่อย่างเดิม อย่างน้อยเทอมนึงต้องเปลี่ยน 2-3 คน แต่ญาติคอมเพลนไปแล้วโรงเรียนแจ้งว่าอนุญาติให้คอมเพลนเฉพาะผู้ปกครองที่จ่ายเงินครบ ญาติจึงไม่คอมเพลนอีก แต่เป็นความกังวลใจ ทำให้เมื่อไม่ได้เรียนต่อ จึงตัดสินใจย้ายโรงเรียนในที่สุด
คำถามที่ต้องการถาม
ณ ขณะนี้ญาติไม่ได้มีปัญหาการเงิน ต้องการสู้คดีเรื่องเช็ค หลักๆ คือต้องการจ่ายแล้วได้ประวัติผลการเรียนเดิม จะทำได้หรือไม่ เพราะโรงเรียนไม่เจรจา ไม่มีความมั่นใจว่าจะได้ อยากสอบถามแนวทางการสู้คดี หรือหากมีทนายแนะนำรบกวนด้วยค่ะ เนื่องจากทนายในพื้นที่ เมื่อสอบถามไป ทนายแจ้งว่าไม่เก่งภาษาขอไม่รับงานเป็นส่วนใหญ่ ตอนนี้ยังหาทนายรับงานไม่ได้เลย ขอบคุณสำหรับคำแนะนำค่ะ
ขอสอบถามแนวทางด้านกฏหมายเกี่ยวกับโรงเรียนนานาชาติค่ะ
1. ญาติเราได้นำลูกเข้าเรียนนานาชาติ กับโรงเรียนแห่งหนึ่ง โดยโรงเรียนแจ้งว่า แบ่งจ่ายค่าเทอมได้ทุกเดือน ญาติได้ทำการแบ่งจ่ายทุกเดือน และเรียนมา 2 ปี เด็ก 2 คนค่ะ มาเข้าปีที่สาม ญาติได้ชำระช้า และแจ้งทางโรงเรียนขอค้างชำระ โดยจ่ายไปครึ่งนึง ( เท่ากับ 1 คนจ่ายเต็ม แต่โรงเรียนขอทำจ่ายเป็นสองคน คนละครึ่งนึง) ซึ่งเทอมนึงมี 4 เดือน แต่ให้เด็กหยุดเรียนตั้งแต่เดือนแรก เพื่อให้ชำระที่เหลือก่อน แล้วถึงจะให้เรียนต่อ ซึ่งญาติไม่ได้ชำระ ทำให้เทอมนั้นเด็กได้เรียนเพียงเดือนเดียว
2. พอขึ้นเทอมสอง โรงเรียนให้จ่ายของเทอมแรกครบก่อนจึงจะให้เรียนเทอมสอง ญาติได้จ่ายจนครบและเด็กไปเรียนต่อ และญาติก็แบ่งจ่ายต่อไปจนเด็กได้เรียนจนจบเทอมนั้น แต่ไม่ได้ผลการเรียนมาทั้งเทอม 1 และ เทอม 2
3. พอขึ้นปีการศึกษาใหม่ เทอมแรก ญาติได้แบ่งชำระเหมือนเดิม โดยญาติได้จ่ายไป 70% ของค่าเทอมสองคน ขาด 30% โรงเรียนให้เด็กหยุดเรียนในเดือนที่สองของเทอม จนหมดเทอม เมื่อขึ้นเทอมสอง โรงเรียนให้ชำระยอดเดิม + ชำระเทอมใหม่เต็มเทอมจึงจะให้ไปเรียน ญาติจึงให้เด็กออกจากโรงเรียน
4. ญาติถามหาผลการเรียนเดิมของเด็กทั้งสองในปีแรกที่มีปัญหา และเงิน 70% ที่จ่ายไปจะให้โรงเรียนตัดเป็นของเด็กคนเดียว และคืนส่วนที่เหลือ เพื่อจะเอาอีกคนไปเข้าโรงเรียนอื่น และขอผลการเรียนปีแรกที่มีปัญหาทั้งสองเทอมของเด็กทั้งสองคนด้วย แต่โรงเรียนไม่ยอม โรงเรียนให้ไปเรียนทั้งสองคน และบอกว่าไม่เป็นไร พอเรียนไปได้กลางเทอม โรงเรียนไม่ส่งรถโรงเรียนมารับเด็ก (ค่ารถโรงเรียนจ่ายเต็มเทอม) เพราะโรงเรียนให้เหตุผลว่า ต้องจ่าย 30% ที่เหลือก่อน ญาติจึงไม่ได้ส่งเด็กทั้งสองไปเรียนต่อจนจบเทอม และขอผลการเรียนปีแรกอีกครั้ง เพื่อจะนำเด็กย้ายโรงเรียน แต่โรงเรียนไม่ให้มา และมีปากเสียงกัน ทาง sms ซึ่งเป็นคำพูดที่โรงเรียนส่งมาว่า ไม่ต้องเอาลูกมาเรียนอีก ถ้าเอามาก็จะให้นั่งรอที่ Lobby ทุกวันไม่ให้เข้าห้องเรียน ซึ่งญาติไม่ได้ให้เด็กไปอยู่แล้ว เนื่องจากโรงเรียนเป็นคนให้หยุดตั้งแต่กลางเทอม (ข้อความส่งมาหลังจากญาติแจ้งว่าจะขอผลการเรียนเดิม เพื่อย้ายไปเรียนที่อื่น) ญาติจึงตอบกลับไปว่า เค้าจ่ายเงินเรียนไม่ได้ไปขอเรียน ให้ส่งผลการเรียนในเทอมที่จ่ายเงินแล้ว (แม้ว่าจะเรียนไม่เต็ม) มาให้กับเค้าและอย่าใช้คำพูดแบบนี้อีก เพราะเค้าขอแค่ในส่วนที่เค้าจ่ายไปแล้ว
5. ทั้งหมดชำระด้วยเช็ค (ค่าเทอมต่อปีสำหรับสองคนอยู่ที่ประมาณ 1 ล้านห้าแสนกว่าบาท ยอดเงินตามเช็คใบที่โดนแจ้งความคือไม่ถึง 1 แสนบาท)
6. เมื่อเด็กไม่ได้ไปโรงเรียน ญาติจึงนำเด็กไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ เนื่องจากเรียนฟรี เมื่อไปได้ประมาณ 1 ปี ญาติบินกลับมา ปรากฏว่าเจอหมายเรียกตำรวจมาที่บ้าน 2 ครั้ง แจ้งว่าโรงเรียนฟ้องเช็คใบสุดท้ายที่ญาติไม่ได้จ่าย 30% นั้น และระบุให้ตำรวจเร่งออกหมายจับและส่งไปกักที่ ตม เพื่อให้เดินทางออกต่างประเทศไม่ได้ (โรงเรียนทราบว่าญาติจะนำเด็กไปเรียนต่อต่างประเทศ)
7. เมื่อญาติเห็นหมายเรียกซึ่งผ่านมาเกือบปี (เรียกหลังจาก ใบสุดท้ายของเช็คประมาณ 3 เดือน น่าจะยังอยู่ในระยะแจ้งความได้) ญาติได้โทรหาตำรวจเข้าของคดี เล่าให้ฟัง ตำรวจแนะนำให้จ่ายเงินให้ทางโรงเรียนตามเช็คก่อน แล้วค่อยไปขอร้องเอาใบผลการเรียนมา ซึ่งตำรวจให้ติดต่อกับทนายความของโรงเรียน ตำรวจติดต่อไปขอยื่นหนูยื่นแมวตามคำขอของญาติ คือรับเงินแลกกับใบผลการเรียน แต่ทนายบอกว่าจะติดต่อโรงเรียนก่อน จากนั้นก็ติดต่อทนายของโรงเรียนไม่ได้อีกเลย (ตำรวจเป็นคนแจ้งว่า ทนายโรงเรียนไม่ติดต่อมาอีกเลย)
8. ญาติถูกออกหมายจับคดีเช็ค จึงเดินทางออกต่างประเทศไม่ได้ ให้สามีเป็นผู้ไปรับส่งและดูแลเด็กแทน
9. ในช่วงที่เด็กเรียนอยู่ ลูกคนเล็กของญาติอยู่ระดับ Kindergarten โรงเรียนมีการเปลี่ยนครูบ่อยมาก สองปีแรกที่เรียนไม่มีปัญหาการเงิน แต่ครูมีการเปลี่ยนบ่อย เด็กปรับตัวไม่ค่อยได้ ทำให้ไม่ค่อยอยากไปโรงเรียน เปลี่ยนบ่อยก็คือ 1 เดือนเปลี่ยน 1 คน เทอมนึงเปลี่ยน 4 คน ทำให้เด็กกำลังเข้ากันได้ดีกับครูผู้หญิงก็เปลี่ยนมาเป็นครูผู้ชายและเปลี่ยนกลับเป็นครูผู้หญิงอีก และกลับมาเป็นผู้ชาย ญาติได้ถามและคอมเพลนโรงเรียนไปบ่อยครั้ง โรงเรียนแจ้งว่าครูมีปัญหาส่วนตัว เลยต้องย้ายบ่อย และจะดำเนินการให้ (ตอนนั้นไม่มีปัญหาการเงินจึงคอมเพลนได้) ต่อมาเมื่อมีปัญหาการเงินโรงเรียนก็ยังเปลี่ยนครูบ่อยอยู่อย่างเดิม อย่างน้อยเทอมนึงต้องเปลี่ยน 2-3 คน แต่ญาติคอมเพลนไปแล้วโรงเรียนแจ้งว่าอนุญาติให้คอมเพลนเฉพาะผู้ปกครองที่จ่ายเงินครบ ญาติจึงไม่คอมเพลนอีก แต่เป็นความกังวลใจ ทำให้เมื่อไม่ได้เรียนต่อ จึงตัดสินใจย้ายโรงเรียนในที่สุด
คำถามที่ต้องการถาม
ณ ขณะนี้ญาติไม่ได้มีปัญหาการเงิน ต้องการสู้คดีเรื่องเช็ค หลักๆ คือต้องการจ่ายแล้วได้ประวัติผลการเรียนเดิม จะทำได้หรือไม่ เพราะโรงเรียนไม่เจรจา ไม่มีความมั่นใจว่าจะได้ อยากสอบถามแนวทางการสู้คดี หรือหากมีทนายแนะนำรบกวนด้วยค่ะ เนื่องจากทนายในพื้นที่ เมื่อสอบถามไป ทนายแจ้งว่าไม่เก่งภาษาขอไม่รับงานเป็นส่วนใหญ่ ตอนนี้ยังหาทนายรับงานไม่ได้เลย ขอบคุณสำหรับคำแนะนำค่ะ