เมื่อ "ควน" (เฉินหลง/ Jackie Chan) เจ้าของร้านอาหารจีนในลอนดอน ต้องสูญเสียลูกสาวจากเหตุก่อการร้ายโดยกลุ่ม IRA แต่เจ้าหน้าที่ของรัฐนำโดย "เลียม เฮนเนสซี่" (Pierce Brosman) ปฏิเสธที่จะให้ความช่วยเหลือควนในการสืบคดี นั่นทำให้ควนต้องลุกขึ้นมาทวงความยุติธรรมให้กับลูกสาวของตัวเอง และค้นหาความจริงที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้
นี่คือเรื่องย่อของ
"The Foreigner" หนัง Action เรื่องใหม่ของเฉินหลงที่ครั้งนี้ได้ปะทะ Pierce Brosnan อดีต James Bond ด้วย สำหรับใครที่เป็นแฟนหนังของเฉินหลงแล้ว
"The Foreigner" ถือว่าได้รวบรวมความพิเศษหลายอย่างที่เราจะได้เห็นจากเขาไว้ในหนังเรื่องนี้ ซึ่งถือว่าไม่ควรพลาด และนี่คือ 5 ความพิเศษจากเฉินหลงที่เราจะได้เจอใน The Foreigner ที่เราจะนำมา Preview กันในวันนี้ครับ
เฉินหลงโกอินเตอร์ (อีกครั้ง)
แม้ที่ผ่านมาเราจะได้เห็นหนังเฉินหลงอย่างไม่ขาดสาย อย่างปีนี้เราก็ได้เห็นเฉินหลงในโรงหนังไปไทยไปแล้ว 2 เรื่อง คือ Railroad Tigers และ Kung Fu Yoga อย่างไรก็ตาม หนังส่วนใหญ่ของเฉินหลงในช่วงหลังนั้น เป็นโปรดักชั่นส์จากจีนแผ่นดินใหญ่เสียเป็นส่วนใหญ่ อาจมีงาน Hollywood ก็แค่พวกพากย์เสียง Animation อย่าง Kung Fu Panda หรือ The Lego Ninjago Movie ดังนั้น The Foreingner จึงเป็นการหวนมารับงานโปรดักส์ชั่นตะวันตกอีกครั้งในรอบหลายปี (แต่จริงๆ ก็มีค่ายจีนมาร่วมทุนสร้างด้วยนั่นแหละ) ซึ่งถ้าให้ย้อนไปหนังที่เป็น Hollywood บรรยากาศแบบตะวันตก และพูดอังกฤษเรื่องล่าสุดของเฉินหลง นี่อาจต้องย้อนไปถึง Rush Hour 3 เมื่อปี 2007 เลยทีเดียว (The Karate Kid เมื่อปี 2010 แม้จะถือเป็นหนัง Hollywood แต่ Setting ส่วนใหญ่ก็ยังเป็นจีนอยู่)
เฉินหลงกับดราม่า
ปกติเราจะคุ้นเคยเฉินหลงกับบท Action-Comedy ที่กลายเป็นภาพจำของเขาไปแล้ว แต่ใน The Foreigner เราจะได้เห็นบทบาทในเชิง Action-Drama จากเขาบ้าง แม้จะไม่ใช่ Drama เต็มตัว และไม่ใช่ครั้งแรกที่เฉินหลงแสดงความเป็น Drama ในหนังของเขา แต่ก็ถือว่าไม่บ่อยนักที่จะได้เห็นเขาแสดงอารมณ์มากขนาดนี้ ขนาดเฉินหลงเองยังยอมรับว่า ตัวละครที่เขาเล่นนั้นใหม่สำหรับเขา และต้องใช้ทักษะการแสดงมากทีเดียว เพราะตัวละครของเขาภายนอกเหมือนลุงใจดี แต่เบื้องหลังมีประวัติลึกลับ แถมยังต้องอมทุกข์จากการสูญเสียลูกสาวจากเหตุก่อการร้าย จนต้องลุกขึ้นมาทวงความยุติธรรมด้วยตัวเอง นี่อาจเป็นหนังที่เราได้เห็นเฉินหลงยิ้มน้อยที่สุดก็เป็นได้
เฉินหลงกับความแก่
เพราะเล่นหนังต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลามากกว่า 40 ปี แถมบทส่วนใหญ่ที่ได้รับก็เป็น Action ออกกังฟูเตะต่อยกับผู้ร้าย นั่นอาจทำให้เราลืมไปแล้วกว่า ปีนี้เฉินหลงอายุ 63 ปีเข้าไปแล้ว!! อายุขนาดนี้คนส่วนใหญ่เกษียณรอรับเบี้ยคนชราแล้วด้วยซ้ำ แต่เฉินหลงยังต้องมาบู๊เหมือนกับเป็นหนุ่มๆ ทั้งที่ร่างกายไม่เหมือนเดิมแล้ว หลายเรื่องต้องแอ๊บเด็กลดอายุลงด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตาม ใน The Foreigner นับเป็นโอกาสดี (หรือเปล่า?) ที่เราจะได้เห็นเฉินหลง
"แก่" สักที เพราะบทที่เฉินหลงได้รับในเรื่องนี้ คือ ลุงแก่ๆ หมดไฟจากการสูญเสียลูกสาว ซิ่งเราจะได้เห็นริ้วรอย ผมขาว และความนิ่งของเขา จากปกติที่เฉินหลงมักได้รับบทที่อ่อนกว่าวัยและมีความคึกเหมือนหนุ่มๆ อยู่เสมอๆ
เฉินหลง vs. IRA
เฉินหลงปะทะผู้ร้ายมาหลายรูปแบบแล้ว ทั้งโจรกระจอกยันโจรระดับโลก โจรสมัครเล่นยันโจรมืออาชีพ แต่นี่อาจเป็นครั้งแรกที่เขาต้องเผชิญหน้ากับกลุ่มก่อการร้าย
"IRA" หรือ Irish Republican Army ซึ่งเป็นการรวมตัวกันของชาวไอริช (ไอร์แลนด์) ในไอร์แลนด์เหนือ ที่มีเป้าหมายการต่อสู้เพื่อนำพาประกาศตัวเป็นเอกราชจากสหราชอาณาจักร และไปรวมตัวกับประเทศไอร์แลนด์ ซึ่งสาเหตุสำคัญๆ เกิดจากประวัติศาสตร์ เชื้อชาติ และนิกายศาสนาที่แตกต่างกันระหว่างชาวไอร์แลนด์กับชาวอังกฤษ ทั้งนี้ แม้ว่าปัจจุบันกลุ่ม IRA ส่วนใหญ่จะได้ประกาศวางอาวุธไปแล้ว และบทบาทของ IRA ก็ค่อยๆ ลดความสำคัญจนแทบไม่เป็นที่รู้จักแล้ว กระนั้น The Foreigner เลือกที่จะยังคงเรื่องราวของ IRA ไว้ในหนัง ตามต้นฉบับนิยาย "
The Chinaman" ที่เขียนในยุค 90's (เป็นช่วงความตึงเครียดสุดระหว่างไอร์แลนด์เหนือและสหราชอาณาจักร) สาเหตุสำคัญอาจเพราะกระแสฝ่ายขวาที่เกิดขึ้นในสังคมโลก รวมไปถึงสถานการณ์การเมืองของสหราชอาณาจักรเอง ที่มีทั้งกรณี Brexit และการเรียกร้องเอกราชของดินแดนต่างๆ ในสหราชอาณาจักร ทำให้การจะนำ IRA กลับมาไม่ใช่สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ในปัจจุบัน
เฉินหลง vs. (อดีต) James Bond
แล้วก็มาถึงความพิเศษสุดและเป็นจุดขายของเรื่องด้วยนั่นคือ การปะทะกันระหว่างเฉินหลงกับ
"Pierce Brosnan" อดีต James Bond ที่ได้รับความนิยมมากคนหนึ่ง และเป็นคนสร้างภาพจำให้กับ James Bond ว่าเป็นสายลับหนุ่มหล่อ เจ้าสเน่ห์ ที่มาพร้อมกับ Gadget ไฮเทคเวอร์ๆ มากมาย (ก่อนที่ภาพลักษณ์นี้จะถูกลบไปในยุคของ Daniel Craig) สำหรับคอหนัง Action ยุค 90's แล้ว นี่ถือเป็นการสานฝันอย่างหนึ่งในการเห็น Action Star ของยุคนั้นมาเจอกันบนจอ (แม้ว่าต้องรอเป็นสิบปีเลยก็ตาม) และที่สำคัญการพบกันครั้งนี้ยังได้
"Martin Campbell" มากุมบังเหียนกำกับ ซึ่ง Martin คนนี้เคยกำกับ James Bond มาแล้ว 2 ภาค 2 ยุค คือ Goldeneye ของ Pierce Brosman และ Casino Royale ของ Daniel Craig ซึ่งน่าจะทำให้เราพอวางใจใน The Foreigner ได้ระดับหนึ่ง แต่ของอย่างนี้ต้องไปพิสูจน์ด้วยตัวเองครับ
The Foreigner "2 โคตรพยัคฆ์ผู้ยิ่งใหญ่" เข้าฉาย 28 กันยายนนี้ ในโรงภาพยนตร์
[Preview] 5 ความพิเศษจากเฉินหลงที่เราจะได้เจอใน "The Foreigner"
เมื่อ "ควน" (เฉินหลง/ Jackie Chan) เจ้าของร้านอาหารจีนในลอนดอน ต้องสูญเสียลูกสาวจากเหตุก่อการร้ายโดยกลุ่ม IRA แต่เจ้าหน้าที่ของรัฐนำโดย "เลียม เฮนเนสซี่" (Pierce Brosman) ปฏิเสธที่จะให้ความช่วยเหลือควนในการสืบคดี นั่นทำให้ควนต้องลุกขึ้นมาทวงความยุติธรรมให้กับลูกสาวของตัวเอง และค้นหาความจริงที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้
นี่คือเรื่องย่อของ "The Foreigner" หนัง Action เรื่องใหม่ของเฉินหลงที่ครั้งนี้ได้ปะทะ Pierce Brosnan อดีต James Bond ด้วย สำหรับใครที่เป็นแฟนหนังของเฉินหลงแล้ว "The Foreigner" ถือว่าได้รวบรวมความพิเศษหลายอย่างที่เราจะได้เห็นจากเขาไว้ในหนังเรื่องนี้ ซึ่งถือว่าไม่ควรพลาด และนี่คือ 5 ความพิเศษจากเฉินหลงที่เราจะได้เจอใน The Foreigner ที่เราจะนำมา Preview กันในวันนี้ครับ
แม้ที่ผ่านมาเราจะได้เห็นหนังเฉินหลงอย่างไม่ขาดสาย อย่างปีนี้เราก็ได้เห็นเฉินหลงในโรงหนังไปไทยไปแล้ว 2 เรื่อง คือ Railroad Tigers และ Kung Fu Yoga อย่างไรก็ตาม หนังส่วนใหญ่ของเฉินหลงในช่วงหลังนั้น เป็นโปรดักชั่นส์จากจีนแผ่นดินใหญ่เสียเป็นส่วนใหญ่ อาจมีงาน Hollywood ก็แค่พวกพากย์เสียง Animation อย่าง Kung Fu Panda หรือ The Lego Ninjago Movie ดังนั้น The Foreingner จึงเป็นการหวนมารับงานโปรดักส์ชั่นตะวันตกอีกครั้งในรอบหลายปี (แต่จริงๆ ก็มีค่ายจีนมาร่วมทุนสร้างด้วยนั่นแหละ) ซึ่งถ้าให้ย้อนไปหนังที่เป็น Hollywood บรรยากาศแบบตะวันตก และพูดอังกฤษเรื่องล่าสุดของเฉินหลง นี่อาจต้องย้อนไปถึง Rush Hour 3 เมื่อปี 2007 เลยทีเดียว (The Karate Kid เมื่อปี 2010 แม้จะถือเป็นหนัง Hollywood แต่ Setting ส่วนใหญ่ก็ยังเป็นจีนอยู่)
ปกติเราจะคุ้นเคยเฉินหลงกับบท Action-Comedy ที่กลายเป็นภาพจำของเขาไปแล้ว แต่ใน The Foreigner เราจะได้เห็นบทบาทในเชิง Action-Drama จากเขาบ้าง แม้จะไม่ใช่ Drama เต็มตัว และไม่ใช่ครั้งแรกที่เฉินหลงแสดงความเป็น Drama ในหนังของเขา แต่ก็ถือว่าไม่บ่อยนักที่จะได้เห็นเขาแสดงอารมณ์มากขนาดนี้ ขนาดเฉินหลงเองยังยอมรับว่า ตัวละครที่เขาเล่นนั้นใหม่สำหรับเขา และต้องใช้ทักษะการแสดงมากทีเดียว เพราะตัวละครของเขาภายนอกเหมือนลุงใจดี แต่เบื้องหลังมีประวัติลึกลับ แถมยังต้องอมทุกข์จากการสูญเสียลูกสาวจากเหตุก่อการร้าย จนต้องลุกขึ้นมาทวงความยุติธรรมด้วยตัวเอง นี่อาจเป็นหนังที่เราได้เห็นเฉินหลงยิ้มน้อยที่สุดก็เป็นได้
เพราะเล่นหนังต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลามากกว่า 40 ปี แถมบทส่วนใหญ่ที่ได้รับก็เป็น Action ออกกังฟูเตะต่อยกับผู้ร้าย นั่นอาจทำให้เราลืมไปแล้วกว่า ปีนี้เฉินหลงอายุ 63 ปีเข้าไปแล้ว!! อายุขนาดนี้คนส่วนใหญ่เกษียณรอรับเบี้ยคนชราแล้วด้วยซ้ำ แต่เฉินหลงยังต้องมาบู๊เหมือนกับเป็นหนุ่มๆ ทั้งที่ร่างกายไม่เหมือนเดิมแล้ว หลายเรื่องต้องแอ๊บเด็กลดอายุลงด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตาม ใน The Foreigner นับเป็นโอกาสดี (หรือเปล่า?) ที่เราจะได้เห็นเฉินหลง "แก่" สักที เพราะบทที่เฉินหลงได้รับในเรื่องนี้ คือ ลุงแก่ๆ หมดไฟจากการสูญเสียลูกสาว ซิ่งเราจะได้เห็นริ้วรอย ผมขาว และความนิ่งของเขา จากปกติที่เฉินหลงมักได้รับบทที่อ่อนกว่าวัยและมีความคึกเหมือนหนุ่มๆ อยู่เสมอๆ
เฉินหลงปะทะผู้ร้ายมาหลายรูปแบบแล้ว ทั้งโจรกระจอกยันโจรระดับโลก โจรสมัครเล่นยันโจรมืออาชีพ แต่นี่อาจเป็นครั้งแรกที่เขาต้องเผชิญหน้ากับกลุ่มก่อการร้าย "IRA" หรือ Irish Republican Army ซึ่งเป็นการรวมตัวกันของชาวไอริช (ไอร์แลนด์) ในไอร์แลนด์เหนือ ที่มีเป้าหมายการต่อสู้เพื่อนำพาประกาศตัวเป็นเอกราชจากสหราชอาณาจักร และไปรวมตัวกับประเทศไอร์แลนด์ ซึ่งสาเหตุสำคัญๆ เกิดจากประวัติศาสตร์ เชื้อชาติ และนิกายศาสนาที่แตกต่างกันระหว่างชาวไอร์แลนด์กับชาวอังกฤษ ทั้งนี้ แม้ว่าปัจจุบันกลุ่ม IRA ส่วนใหญ่จะได้ประกาศวางอาวุธไปแล้ว และบทบาทของ IRA ก็ค่อยๆ ลดความสำคัญจนแทบไม่เป็นที่รู้จักแล้ว กระนั้น The Foreigner เลือกที่จะยังคงเรื่องราวของ IRA ไว้ในหนัง ตามต้นฉบับนิยาย "The Chinaman" ที่เขียนในยุค 90's (เป็นช่วงความตึงเครียดสุดระหว่างไอร์แลนด์เหนือและสหราชอาณาจักร) สาเหตุสำคัญอาจเพราะกระแสฝ่ายขวาที่เกิดขึ้นในสังคมโลก รวมไปถึงสถานการณ์การเมืองของสหราชอาณาจักรเอง ที่มีทั้งกรณี Brexit และการเรียกร้องเอกราชของดินแดนต่างๆ ในสหราชอาณาจักร ทำให้การจะนำ IRA กลับมาไม่ใช่สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ในปัจจุบัน
แล้วก็มาถึงความพิเศษสุดและเป็นจุดขายของเรื่องด้วยนั่นคือ การปะทะกันระหว่างเฉินหลงกับ "Pierce Brosnan" อดีต James Bond ที่ได้รับความนิยมมากคนหนึ่ง และเป็นคนสร้างภาพจำให้กับ James Bond ว่าเป็นสายลับหนุ่มหล่อ เจ้าสเน่ห์ ที่มาพร้อมกับ Gadget ไฮเทคเวอร์ๆ มากมาย (ก่อนที่ภาพลักษณ์นี้จะถูกลบไปในยุคของ Daniel Craig) สำหรับคอหนัง Action ยุค 90's แล้ว นี่ถือเป็นการสานฝันอย่างหนึ่งในการเห็น Action Star ของยุคนั้นมาเจอกันบนจอ (แม้ว่าต้องรอเป็นสิบปีเลยก็ตาม) และที่สำคัญการพบกันครั้งนี้ยังได้ "Martin Campbell" มากุมบังเหียนกำกับ ซึ่ง Martin คนนี้เคยกำกับ James Bond มาแล้ว 2 ภาค 2 ยุค คือ Goldeneye ของ Pierce Brosman และ Casino Royale ของ Daniel Craig ซึ่งน่าจะทำให้เราพอวางใจใน The Foreigner ได้ระดับหนึ่ง แต่ของอย่างนี้ต้องไปพิสูจน์ด้วยตัวเองครับ