Mother! (2017) : มารดา
" หนังที่ดูจบพูดได้คำเดียวว่า... มารดามันเถอะ !"
ถือว่าสมคำร่ำลือจริงๆ หลังจากที่เมื่อวันก่อนผมเพิ่งได้ไปดู
Kingsman: The Golden Circle มา ในฐานะที่ชอบดูหนังรางวัล - หนังนอกกระแส พอเห็นเรื่อง Mother! เข้าโรง ก็อดไม่ได้ที่จะต้องเข้าไปดู มาวันนี้หลังจากได้เข้าไปพิสูจน์สายตาตัวเอง ต้องบอกว่าสมคำร่ำลือจริงๆ ไม่แปลกใจที่กระแสวิจารณ์เสียงแตกมาก มีทั้งคนชอบสุดกู่กับเกลียดสุดกู่ คะแนนทั้งจาก
Imdb และ
Rotten Tomatoes ก็ต่ำซะจนน่าตกใจจริงๆ
Mother! (2017) ได้รับการกำกับโดย
Darren Aronofsky (ผู้กำกับ Black Swan (2010)) โดยมีเนื้อเรื่องประมาณว่า คู่สามีภรรยาคือ Javier Bardem และ Jennifer Lawrence อาศัยอยู่ในบ้านแห่งหนึ่งที่ยังตกแต่งไม่เรียบร้อย โดย Javier ทำอาชีพเป็นนักเขียนใจบุญชื่อดัง ส่วน Jennifer เป็นแม่บ้านแล้วก็ผู้ที่คอยตกแต่งบ้านให้เสร็จ อยู่มาวันหนึ่ง Javier ได้เชิญแขกเข้ามาอยู่ในบ้าน แล้วเรื่องน่าปวดหัวมันก็พลันเกิดขึ้น...
Mother! : ขอคารวะในตัวผู้กำกับ Darren Aronofsky
จริงๆที่ผมไปดูในงวดนี้เนี่ย อันเนื่องมาจากผมเคยดูหนังของผู้กำกับ
Darren Aronofsky มาหลายเรื่องตั้งแต่
Requiem for a Dream (2000) , The Wrestler (2008) และ Black Swan (2010) (ทั้งสามเรื่องนี้ผมจัดเป็นหนังเรื่องเยี่ยมเลย) ด้วยความที่เป็น FC พอได้มาดู Mother! ก็ต้องแปลกใจหน่อย เพราะ ถึงแม้ Mother! จะยังมีสไตล์หนังตามที่แกนิยม คือ ทริลเลอร์เครียดๆ ชนิดเค้นอารมณ์ บดขยี้จิตใจ แต่แกก็ไม่เคยทำหนังที่ก้าวข้ามผ่านไปสู่โลกนามธรรมขนาดนี้
ส่วนตัวผม ผมเก็ทแค่คอนเซ็ปต์กว้างๆของหนังตามที่หนังดำเนินไป แต่พวกการตีความ Symbol ทั้งหลาย ผมไม่มีความสามารถพอจะตีความได้ เรียกได้ว่าผู้กำกับสร้างหนังที่อยู่ในโซนอันตรายมาก เพราะ หนังอาจจะมีแนวคิดที่ล้ำมาก แต่ถ้ามันตีความยากเกินไปจนคนดูไม่เข้าใจ ก็เสี่ยงที่จะโดนด่าได้
อย่างไรก็ตามผมต้องขอชื่นชมในความกล้าหาญของผู้กำกับจริงๆ ที่สามารถบรรลุถึงอีกขั้นของการทำหนังได้ ต้องคารวะในตัว Darren Aronofsky จริงๆ ที่ทำหนังนามธรรมได้ออกมาขนาดนี้ (ถือว่าทำโคตรยากเลย)
[ในพาร์ทการตีความทั้งหลาย ผมจะแปะรวบรวมไว้ท้ายรีวิวนะครับ ใครสนใจก็ไปตามอ่านวิเคราะห์กัน เห็นว่าส่วนใหญ่จะตีความไปในเชิงศาสนาคริสต์]
องค์ประกอบหนังดีทุกอย่าง เสียแค่แก่นหนังนามธรรมเกินไป
มาว่ากันต่อในเรื่องบทหนัง โดยจะขออนุญาตมองตามภาพที่เห็นจากหนังนะครับ ถ้ามองในแนวหนังทริลเลอร์ ผมถือว่าบทดีเลยแหละ เพราะ สามารถกดแนวเรื่องให้เป็นเส้นไม่หลุดสโคปเลยตั้งแต่ต้นจนจบ (แม้ว่ารายละเอียดที่ใส่จะนามธรรมเกินที่คนธรรมดาจะเข้าใจไปก็ตาม) และถ้ามองในมุมหนังนอกกระแสที่ต้องตีความ ก็ถือว่าใช้ได้เหมือนกัน (แต่ไม่ถึงขั้นเยี่ยม) เพราะมีการแทรก Symbol เอาไว้มากมายให้คนได้ตีความขบคิด ทำให้หนังมีความเป็นศิลปะ ต้องใช้ตรรกะขั้นสูงในการวิเคราะห์ ชนิดเรียกได้ที่ต้องต้องบรรลุการดูหนังขั้นสูงจริงๆ ถึงจะขั้นใจในภาษาหนังที่ผู้กำกับสื่อสารออกมาได้อย่างเต็มที่ (ซึ่งผมยังไม่ไปถึงขั้นนั้น 555)
ส่วนเหตุผลที่ผมบอกว่ามันไม่ถึงขั้นดีเยี่ยม อันนี้จริงๆคือ กึ่งๆ บางคนคือชมเลยว่ามันเพอร์เฟ็ค แต่โดยส่วนตัวผม คิดว่าโดยรวมมันยากแก่การเข้าใจของคนธรรมดามากเกินไป มันมีความคลุมเครือในการตีความสูง จึงไม่ขอบอกว่ามันเยี่ยม (โดยเฉพาะเรื่องการตีความ ยิ่งถ้าไม่ใช่ชาวคริสต์แทบจะจบชีวิตทันที)
เรื่องอารมณ์หนัง อันนี้ถือว่ายังทำได้เยี่ยมเช่นเคย เราจะความรู้สึกเหมือนว่า กำลังโดนอะไรบางอย่างเพรซซิ่งตลอดเวลา จนดูน่าหวาดระแวง กดดันอารมณ์ตลอดเวลาทั้งเรื่อง แม้บางฉากจะไม่ได้กดดันคนดูตรงๆ แต่บรรยากาศหนังมันก็ชวนให้รู้สึกประหลาด พิศวงผิดปกติจริงๆ มุมกล้องด้วยมีส่วนช่วยเยอะมากในการกดดันอารมณ์ นอกจากนี้เรื่องการดำเนินเรื่อง ผมก็ถือว่าทำได้ดี หนังดำเนินเรื่องได้ไม่ขาดตอน ต่อเนื่องตลอดเวลา อีกทั้งยังทำได้น่าติดตามด้วย แม้ว่าผมจะไม่เก็ทในแก่นหนังก็ตาม (ผมพูดจริงนะ ตอนดูโคตรเครียดเลย ระแวงว่าอะไรจะโผล่มา)
มุมนักแสดง
มองโดยรวม ผมถือว่าแสดงได้ในระดับดีเยี่ยมทุกคน เพราะขนมาแต่นักแสดงระดับมือฉมังทั้งนั้น แต่ถ้ามองแยกคนสำหรับผมคนที่แสดงได้โดดเด่นที่สุด คือ
Michelle Pfeiffer (บทเมียหมอ) อาจจะมีโอกาสได้เข้าถึงออสการ์ในสาขานักแสดงสมทบ
แต่ถ้ามาเจาะนักแสดงนำ คนแรก
Jennifer Lawrence (Mother) ถือว่าแสดงได้ดีมาก แต่โดยส่วนตัว ผมยังรู้สึก Jennifer ขาดอะไรบางอย่างไปที่ทำให้เข้าขั้นระดับสูงสุด (แต่เธอก็เก่งมากนะที่ผันตัวมาเล่นบทที่ฉีกคาแรคเตอร์ตัวเองได้แหวกแนวขนาดนี้)
ส่วนพระเอก
Javier Bardem (Him) ยังคงแสดงได้โดดเด่นเช่นเคย แกเป็นคนที่ความสามารถทางการแสดงสูงอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าในเรื่องนี้บทส่งไปให้ Jennifer มากกว่า เลยไม่ได้เห็นความสามารถทางการแสดงของเขาอย่างเต็มที่ แต่ถ้าเข้าซีนที่แกได้แสดงที ก็แทบระเบิดพลังออกมาเลย อย่างช็อตตอนตะโกนตวาดที ผมโคตรขนลุกเลย (ว่าไปแล้ว พอหน้าพี่แกยิ้มนี่ นึกถึงภาพจาก
No Country for Old Men ลอยเข้ามาเลย โคตรโรคจิต 555)
ดังนั้นในส่วนของนักแสดง ผมว่ายังโชคดีนะ ที่ผู้กำกับเลือกแคสต์นักแสดงมาแต่ระดับโหดหมดเลย จึงยังแบกหนังทั้งเรื่องไว้ไหว ถ้าเกิดได้นักแสดงที่ไม่แกร่งพอ ดึงอารมณ์ร่วมของคนดูไม่ได้ รับรองว่าหนังชะตาขาดแน่นอน (ถ้าเนื้อเรื่องไม่ส่ง แล้วนักแสดงแสดงห่วย โดนสับเละยิ่งกว่านี้แน่นอน)
โอกาสของ Mother! กับออสการ์
พูดถึงออสการ์แล้ว หลังจากที่ผมได้ดู รางวัลใหญ่สุดภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ผมว่า Mother! ก็คงจะยากหน่อย เพราะ หนังดูเฉพาะทาง - เฉพาะกลุ่มเกินไป รวมถึงท้ายปียังมีอีกสายแข็งตัวเก็งหลายเรื่อง ถ้ามีโอกาสได้ออสการ์น่าจะเป็นเรื่องของบทยอดเยี่ยมหรือผู้กำกับยอดเยี่ยม เพราะ หนังคงไม่อาร์ตลึกล้ำได้ขนาดนี้ ถ้าไม่ได้ผู้กำกับที่มีวิสัยทัศน์ดีมาทุ่มทุนทำและบทที่ค่อนข้างละเอียดลออ พิถีพิถัน
สำหรับรางวัลนักแสดง ผมก็ยังบอกได้แบบเต็มปากไม่ได้ว่าจะมีสิทธิ์ได้เข้าชิงหรือเปล่า เพราะ ด้วยความที่ผมไม่เก็ทคอนเซ็ปต์หนัง ความรู้สึกอินร่วมกับตัวละครมันก็ลดลง แม้ว่าจะถือว่าแสดงได้ดีเยี่ยมทุกคนก็ตามนะ แต่ถ้าให้เลือกคนที่มีโอกาสได้เข้าชิงรางวัลมากสุด สำหรับผมตอนนี้ ก็คงจิ้มเลือกให้
Michelle Pfeiffer ได้เข้าชิงไป รู้สึกโดดเด่นกว่าใครเพื่อน
สรุป
Mother! (2017) ผมให้คะแนน
7.5/10 (ดูยากและนามธรรมเกินไป) Mother! มีองค์ประกอบหนังที่ดีครบทุกอย่าง แต่เพราะแก่นของเรื่องมันซับซ้อน อาร์ต นามธรรมเกินไปจนคนดูไม่เข้าใจแก่น ความชอบโดยรวมในหนังมันก็ลดลง (เหมือนว่ามาดูหนังอะไรวะเนี่ย 555)
Mother! ถือว่าเป็นหนังอาร์ตนอกกระแสที่สร้างความปวดหัวให้กับคนดูอย่างรุนแรง (แถมยังสร้างกระแสวิจารณ์ได้เสียงแตกมาก 555) ผมเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ที่ดูจะเข้าไปดูแบบงงๆ แล้วก็ออกมาแบบงงๆ จึงไม่แปลกที่คะแนนจะต่ำผิดปกติ ส่วนเรื่องคนชอบหรือไม่ชอบ อันนี้แล้วแต่จริตคนจริงๆ อย่างผม ผมถือว่าเป็นหนังที่ควรค่าแก่การศึกษา ถามว่าชอบมั้ย ผมก็ชอบในความแปลกของหนัง เพราะ ผมชอบดูหนังแปลกๆอยู่แล้ว แต่ถ้าหนังทำได้รู้เรื่องกว่านี้จะดีมาก
สำหรับคนดูหนังธรรมดา ผมไม่แนะนำ Mother! เป็นอย่างยิ่ง เพราะ รับรองว่าคุณจะเกลียดหนังเรื่องนี้ทันที ส่วนใครที่ชอบหนังนอกกระแสก็เชิญชวนนะครับ หนังแปลกมาก คุณไม่รู้ว่าหนังจะดำเนินไปในทิศไหนและคาดเดาไม่ได้แน่นอน (รวมไปถึงจับต้นชนปลายไม่ถูกด้วย)
คำแนะนำ : ถ้าไม่ได้รู้เรื่องชาวคริสต์ เป็นไปได้ผมแนะนำให้หาทางอ่านสปอยล์ตีความวิเคราะห์มาก่อน จะช่วยให้เข้าใจในคอนเซ็ปต์หนังมากขึ้น (แต่ก็ไม่รู้จะทำให้เสียอรรถรสหรือเปล่านะครับ !)
" สุดยอดหนัง WTF !!!!!!!!! แห่งปี "
7.5/10
----------------------------------------------------------------------
Mother! (2017) (Imdb)
A couple's relationship is tested when uninvited guests arrive at their home, disrupting their tranquil existence.
Director: Darren Aronofsky
Writer: Darren Aronofsky
Stars: Jennifer Lawrence, Javier Bardem, Ed Harris | See full cast & crew »
----------------------------------------------------------------------
ป.ล. สำหรับคนที่ดูแล้วหรือยังไม่ได้ดู ก็สามารถมาคุยกันได้นะครับ ชอบฉากไหน ประทับใจเรื่องใด ก็มาคุยแลกเปลี่ยนกัน
(เพิ่มเติม) บทความที่น่าสนใจ
1. รีวิวตีความหนังในเชิงศาสนาคริสต์ (วิเคราะห์ได้ลึกล้ำมาก) กระทู้ของคุณ
Slashmeplease
2. อันนี้เป็นรีวิวที่น่าสนใจจาก
THE STANDARD : " Mother! สรุปหนังดีไหม และมันเกี่ยวกับอะไรกันแน่ " โดย
จูนจูน พัชชา พูนพิริยะ จาก Mary is happy, Mary is happy (หนังติสท์อีกเรื่อง 555)
[CR] (Review) Mother! (2017) : หนังที่ดูจบพูดได้คำเดียวว่า "มารดามันเถอะ !"
ถือว่าสมคำร่ำลือจริงๆ หลังจากที่เมื่อวันก่อนผมเพิ่งได้ไปดู Kingsman: The Golden Circle มา ในฐานะที่ชอบดูหนังรางวัล - หนังนอกกระแส พอเห็นเรื่อง Mother! เข้าโรง ก็อดไม่ได้ที่จะต้องเข้าไปดู มาวันนี้หลังจากได้เข้าไปพิสูจน์สายตาตัวเอง ต้องบอกว่าสมคำร่ำลือจริงๆ ไม่แปลกใจที่กระแสวิจารณ์เสียงแตกมาก มีทั้งคนชอบสุดกู่กับเกลียดสุดกู่ คะแนนทั้งจาก Imdb และ Rotten Tomatoes ก็ต่ำซะจนน่าตกใจจริงๆ
Mother! (2017) ได้รับการกำกับโดย Darren Aronofsky (ผู้กำกับ Black Swan (2010)) โดยมีเนื้อเรื่องประมาณว่า คู่สามีภรรยาคือ Javier Bardem และ Jennifer Lawrence อาศัยอยู่ในบ้านแห่งหนึ่งที่ยังตกแต่งไม่เรียบร้อย โดย Javier ทำอาชีพเป็นนักเขียนใจบุญชื่อดัง ส่วน Jennifer เป็นแม่บ้านแล้วก็ผู้ที่คอยตกแต่งบ้านให้เสร็จ อยู่มาวันหนึ่ง Javier ได้เชิญแขกเข้ามาอยู่ในบ้าน แล้วเรื่องน่าปวดหัวมันก็พลันเกิดขึ้น...
Mother! : ขอคารวะในตัวผู้กำกับ Darren Aronofsky
จริงๆที่ผมไปดูในงวดนี้เนี่ย อันเนื่องมาจากผมเคยดูหนังของผู้กำกับ Darren Aronofsky มาหลายเรื่องตั้งแต่ Requiem for a Dream (2000) , The Wrestler (2008) และ Black Swan (2010) (ทั้งสามเรื่องนี้ผมจัดเป็นหนังเรื่องเยี่ยมเลย) ด้วยความที่เป็น FC พอได้มาดู Mother! ก็ต้องแปลกใจหน่อย เพราะ ถึงแม้ Mother! จะยังมีสไตล์หนังตามที่แกนิยม คือ ทริลเลอร์เครียดๆ ชนิดเค้นอารมณ์ บดขยี้จิตใจ แต่แกก็ไม่เคยทำหนังที่ก้าวข้ามผ่านไปสู่โลกนามธรรมขนาดนี้
ส่วนตัวผม ผมเก็ทแค่คอนเซ็ปต์กว้างๆของหนังตามที่หนังดำเนินไป แต่พวกการตีความ Symbol ทั้งหลาย ผมไม่มีความสามารถพอจะตีความได้ เรียกได้ว่าผู้กำกับสร้างหนังที่อยู่ในโซนอันตรายมาก เพราะ หนังอาจจะมีแนวคิดที่ล้ำมาก แต่ถ้ามันตีความยากเกินไปจนคนดูไม่เข้าใจ ก็เสี่ยงที่จะโดนด่าได้
อย่างไรก็ตามผมต้องขอชื่นชมในความกล้าหาญของผู้กำกับจริงๆ ที่สามารถบรรลุถึงอีกขั้นของการทำหนังได้ ต้องคารวะในตัว Darren Aronofsky จริงๆ ที่ทำหนังนามธรรมได้ออกมาขนาดนี้ (ถือว่าทำโคตรยากเลย)
[ในพาร์ทการตีความทั้งหลาย ผมจะแปะรวบรวมไว้ท้ายรีวิวนะครับ ใครสนใจก็ไปตามอ่านวิเคราะห์กัน เห็นว่าส่วนใหญ่จะตีความไปในเชิงศาสนาคริสต์]
องค์ประกอบหนังดีทุกอย่าง เสียแค่แก่นหนังนามธรรมเกินไป
มาว่ากันต่อในเรื่องบทหนัง โดยจะขออนุญาตมองตามภาพที่เห็นจากหนังนะครับ ถ้ามองในแนวหนังทริลเลอร์ ผมถือว่าบทดีเลยแหละ เพราะ สามารถกดแนวเรื่องให้เป็นเส้นไม่หลุดสโคปเลยตั้งแต่ต้นจนจบ (แม้ว่ารายละเอียดที่ใส่จะนามธรรมเกินที่คนธรรมดาจะเข้าใจไปก็ตาม) และถ้ามองในมุมหนังนอกกระแสที่ต้องตีความ ก็ถือว่าใช้ได้เหมือนกัน (แต่ไม่ถึงขั้นเยี่ยม) เพราะมีการแทรก Symbol เอาไว้มากมายให้คนได้ตีความขบคิด ทำให้หนังมีความเป็นศิลปะ ต้องใช้ตรรกะขั้นสูงในการวิเคราะห์ ชนิดเรียกได้ที่ต้องต้องบรรลุการดูหนังขั้นสูงจริงๆ ถึงจะขั้นใจในภาษาหนังที่ผู้กำกับสื่อสารออกมาได้อย่างเต็มที่ (ซึ่งผมยังไม่ไปถึงขั้นนั้น 555)
ส่วนเหตุผลที่ผมบอกว่ามันไม่ถึงขั้นดีเยี่ยม อันนี้จริงๆคือ กึ่งๆ บางคนคือชมเลยว่ามันเพอร์เฟ็ค แต่โดยส่วนตัวผม คิดว่าโดยรวมมันยากแก่การเข้าใจของคนธรรมดามากเกินไป มันมีความคลุมเครือในการตีความสูง จึงไม่ขอบอกว่ามันเยี่ยม (โดยเฉพาะเรื่องการตีความ ยิ่งถ้าไม่ใช่ชาวคริสต์แทบจะจบชีวิตทันที)
เรื่องอารมณ์หนัง อันนี้ถือว่ายังทำได้เยี่ยมเช่นเคย เราจะความรู้สึกเหมือนว่า กำลังโดนอะไรบางอย่างเพรซซิ่งตลอดเวลา จนดูน่าหวาดระแวง กดดันอารมณ์ตลอดเวลาทั้งเรื่อง แม้บางฉากจะไม่ได้กดดันคนดูตรงๆ แต่บรรยากาศหนังมันก็ชวนให้รู้สึกประหลาด พิศวงผิดปกติจริงๆ มุมกล้องด้วยมีส่วนช่วยเยอะมากในการกดดันอารมณ์ นอกจากนี้เรื่องการดำเนินเรื่อง ผมก็ถือว่าทำได้ดี หนังดำเนินเรื่องได้ไม่ขาดตอน ต่อเนื่องตลอดเวลา อีกทั้งยังทำได้น่าติดตามด้วย แม้ว่าผมจะไม่เก็ทในแก่นหนังก็ตาม (ผมพูดจริงนะ ตอนดูโคตรเครียดเลย ระแวงว่าอะไรจะโผล่มา)
มุมนักแสดง
มองโดยรวม ผมถือว่าแสดงได้ในระดับดีเยี่ยมทุกคน เพราะขนมาแต่นักแสดงระดับมือฉมังทั้งนั้น แต่ถ้ามองแยกคนสำหรับผมคนที่แสดงได้โดดเด่นที่สุด คือ Michelle Pfeiffer (บทเมียหมอ) อาจจะมีโอกาสได้เข้าถึงออสการ์ในสาขานักแสดงสมทบ
แต่ถ้ามาเจาะนักแสดงนำ คนแรก Jennifer Lawrence (Mother) ถือว่าแสดงได้ดีมาก แต่โดยส่วนตัว ผมยังรู้สึก Jennifer ขาดอะไรบางอย่างไปที่ทำให้เข้าขั้นระดับสูงสุด (แต่เธอก็เก่งมากนะที่ผันตัวมาเล่นบทที่ฉีกคาแรคเตอร์ตัวเองได้แหวกแนวขนาดนี้)
ส่วนพระเอก Javier Bardem (Him) ยังคงแสดงได้โดดเด่นเช่นเคย แกเป็นคนที่ความสามารถทางการแสดงสูงอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าในเรื่องนี้บทส่งไปให้ Jennifer มากกว่า เลยไม่ได้เห็นความสามารถทางการแสดงของเขาอย่างเต็มที่ แต่ถ้าเข้าซีนที่แกได้แสดงที ก็แทบระเบิดพลังออกมาเลย อย่างช็อตตอนตะโกนตวาดที ผมโคตรขนลุกเลย (ว่าไปแล้ว พอหน้าพี่แกยิ้มนี่ นึกถึงภาพจาก No Country for Old Men ลอยเข้ามาเลย โคตรโรคจิต 555)
ดังนั้นในส่วนของนักแสดง ผมว่ายังโชคดีนะ ที่ผู้กำกับเลือกแคสต์นักแสดงมาแต่ระดับโหดหมดเลย จึงยังแบกหนังทั้งเรื่องไว้ไหว ถ้าเกิดได้นักแสดงที่ไม่แกร่งพอ ดึงอารมณ์ร่วมของคนดูไม่ได้ รับรองว่าหนังชะตาขาดแน่นอน (ถ้าเนื้อเรื่องไม่ส่ง แล้วนักแสดงแสดงห่วย โดนสับเละยิ่งกว่านี้แน่นอน)
โอกาสของ Mother! กับออสการ์
พูดถึงออสการ์แล้ว หลังจากที่ผมได้ดู รางวัลใหญ่สุดภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ผมว่า Mother! ก็คงจะยากหน่อย เพราะ หนังดูเฉพาะทาง - เฉพาะกลุ่มเกินไป รวมถึงท้ายปียังมีอีกสายแข็งตัวเก็งหลายเรื่อง ถ้ามีโอกาสได้ออสการ์น่าจะเป็นเรื่องของบทยอดเยี่ยมหรือผู้กำกับยอดเยี่ยม เพราะ หนังคงไม่อาร์ตลึกล้ำได้ขนาดนี้ ถ้าไม่ได้ผู้กำกับที่มีวิสัยทัศน์ดีมาทุ่มทุนทำและบทที่ค่อนข้างละเอียดลออ พิถีพิถัน
สำหรับรางวัลนักแสดง ผมก็ยังบอกได้แบบเต็มปากไม่ได้ว่าจะมีสิทธิ์ได้เข้าชิงหรือเปล่า เพราะ ด้วยความที่ผมไม่เก็ทคอนเซ็ปต์หนัง ความรู้สึกอินร่วมกับตัวละครมันก็ลดลง แม้ว่าจะถือว่าแสดงได้ดีเยี่ยมทุกคนก็ตามนะ แต่ถ้าให้เลือกคนที่มีโอกาสได้เข้าชิงรางวัลมากสุด สำหรับผมตอนนี้ ก็คงจิ้มเลือกให้ Michelle Pfeiffer ได้เข้าชิงไป รู้สึกโดดเด่นกว่าใครเพื่อน
สรุป
Mother! (2017) ผมให้คะแนน 7.5/10 (ดูยากและนามธรรมเกินไป) Mother! มีองค์ประกอบหนังที่ดีครบทุกอย่าง แต่เพราะแก่นของเรื่องมันซับซ้อน อาร์ต นามธรรมเกินไปจนคนดูไม่เข้าใจแก่น ความชอบโดยรวมในหนังมันก็ลดลง (เหมือนว่ามาดูหนังอะไรวะเนี่ย 555)
Mother! ถือว่าเป็นหนังอาร์ตนอกกระแสที่สร้างความปวดหัวให้กับคนดูอย่างรุนแรง (แถมยังสร้างกระแสวิจารณ์ได้เสียงแตกมาก 555) ผมเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ที่ดูจะเข้าไปดูแบบงงๆ แล้วก็ออกมาแบบงงๆ จึงไม่แปลกที่คะแนนจะต่ำผิดปกติ ส่วนเรื่องคนชอบหรือไม่ชอบ อันนี้แล้วแต่จริตคนจริงๆ อย่างผม ผมถือว่าเป็นหนังที่ควรค่าแก่การศึกษา ถามว่าชอบมั้ย ผมก็ชอบในความแปลกของหนัง เพราะ ผมชอบดูหนังแปลกๆอยู่แล้ว แต่ถ้าหนังทำได้รู้เรื่องกว่านี้จะดีมาก
สำหรับคนดูหนังธรรมดา ผมไม่แนะนำ Mother! เป็นอย่างยิ่ง เพราะ รับรองว่าคุณจะเกลียดหนังเรื่องนี้ทันที ส่วนใครที่ชอบหนังนอกกระแสก็เชิญชวนนะครับ หนังแปลกมาก คุณไม่รู้ว่าหนังจะดำเนินไปในทิศไหนและคาดเดาไม่ได้แน่นอน (รวมไปถึงจับต้นชนปลายไม่ถูกด้วย)
คำแนะนำ : ถ้าไม่ได้รู้เรื่องชาวคริสต์ เป็นไปได้ผมแนะนำให้หาทางอ่านสปอยล์ตีความวิเคราะห์มาก่อน จะช่วยให้เข้าใจในคอนเซ็ปต์หนังมากขึ้น (แต่ก็ไม่รู้จะทำให้เสียอรรถรสหรือเปล่านะครับ !)
Mother! (2017) (Imdb)
A couple's relationship is tested when uninvited guests arrive at their home, disrupting their tranquil existence.
Director: Darren Aronofsky
Writer: Darren Aronofsky
Stars: Jennifer Lawrence, Javier Bardem, Ed Harris | See full cast & crew »
ป.ล. สำหรับคนที่ดูแล้วหรือยังไม่ได้ดู ก็สามารถมาคุยกันได้นะครับ ชอบฉากไหน ประทับใจเรื่องใด ก็มาคุยแลกเปลี่ยนกัน
(เพิ่มเติม) บทความที่น่าสนใจ
1. รีวิวตีความหนังในเชิงศาสนาคริสต์ (วิเคราะห์ได้ลึกล้ำมาก) กระทู้ของคุณ Slashmeplease
2. อันนี้เป็นรีวิวที่น่าสนใจจาก THE STANDARD : " Mother! สรุปหนังดีไหม และมันเกี่ยวกับอะไรกันแน่ " โดย จูนจูน พัชชา พูนพิริยะ จาก Mary is happy, Mary is happy (หนังติสท์อีกเรื่อง 555)