🚨บ๊ะแหล่วๆ!! คดีทุจริตเงินทอนวัด จาก "พระผู้เสียหาย" เป็น "พระผู้ถูกกล่าวหา" ตามพยานหลักฐานและพฤติกรรม


"...พล.ต.ต.กมล กล่าวต่อว่า ด้านพระ 4 รูปนั้น เท่าที่ทราบยังอยู่ในประเทศไทย เจ้าหน้าที่พบหลักฐานที่เชื่อมโยงถึงพระดังกล่าว ทาง บก.ปปป.ก็ต้องดำเนินการตามหลักฐาน ซึ่งไม่รู้สึกลำบากใจ หากทางพระมีลูกศิษย์จำนวนมาก เพราะเป็นไปตามพยานหลักฐาน ส่วนการดำเนินการในคดีเงินทอนวัดครั้งนี้จบ ไม่ได้หมายความว่าจะมีผู้ต้องหาแค่นี้ หลังจากนี้จะมีการสอบสวน และขยายผลเพิ่มตามพยานหลักฐาน ส่วนทรัพย์สินที่อายัดไว้เมื่อวันที่ 22 กันยายน ได้ส่งให้สำนักงาน ปปง.ดำเนินการตรวจสอบ หากเกี่ยวข้องกับคดีก็ให้ดำเนินข้อหาตาม พ.ร.บ.ฟอกเงินตามขั้นตอนต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ พบว่า พระครูกิตติพัชรคุณ เจ้าอาวาสวัดลาดแค ต.ลาดแค อ.ชนแดน จ.เพชรบูรณ์ ในฐานะเจ้าคณะอำเภอชนแดน เป็น 1 ในพระ 4 รูปที่ตกเป็นผู้ถูกกล่าวหา โดยเจ้าหน้าที่พบพยานหลักฐานและพฤติกรรม ว่ามีการร่วมมือกับนายนพรัตน์ เบญจวัฒนะ อดีต ผอ.พศ.(ปัจจุบันหนีไปต่างประเทศ) และนายฉัตรชัย ชูเชื้อ ผอ.กองพุทธศาสนสถาน พศ. โดยมีการให้งบบูรณะวัด 12 วัด ในภาคเหนือและภาคใต้ เป็นเงิน 19 ล้านบาท ก่อนนายนพรัตน์จะขอเงินกลับไปประมาณ 5 ล้านบาท หลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะแจ้งข้อกล่าวหากับ พระครูกิตติพัชรคุณ หากไม่สามารถแจ้งได้ ก็ส่งหลักฐานให้ ปปช.ชี้มูลต่อไป"

-----------------------------------------------
แล้วอย่างนี้ คดีทุจริตเงินทอนวัด เป็นความผิดเฉพาะตัวบุคคลที่เกี่ยวข้องกับวัดอย่างไร เพราะมีหลักฐานเชื่อมโยงกระบวนการทุจริตเงินทอนวัด และพบว่าเป็นการทุจริตงบประมาณอุดหนุน 3 ประเภท คือ
1.อุดหนุนบูรณะปฎิสังขรณ์วัดและพัฒนาวัด
2.อุดหนุนส่งเสริมการเผยแผ่พระพุทธศาสนา
3.อุดหนุนการศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา-แผนกธรรม-แผนกบาลี จำนวน 23 วัด ตั้งแต่ปี 55-60 ความเสียหายประมาณ 141 ล้านบาท
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่