ขอสูมาอภัยที่ตั้งหัวข้อด้วยถ้วยคำไม่สุภาพ (ผสม ๆ กันระหว่าง _ _ ย กับ เ_ย)
แต่ก็นะ ก็ตอนนั้นมันรู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ
กระทู้แรกของผม ตั้งใจจะเล่าถึงความต่างของอารมณ์สุดขั้วที่เจอตั้งแต่วันแรกที่ขึ้นเรือ ระหว่าง เชี้ย! ที่หมายถึงดีใจสุดขั้ว และ เชี้ย! กูขอกลับตั้งแต่วันนี้เลยได้ไหม???...
วันแรกของการทำงานบนเรือสำราญ
-เชี้ย ดีใจสุดขั้ว-
ย้อนหลับไปเมื่อวันที่ 12 ต.ค. เราบินจากกรุงเทพฯสู่ Lisbon โปรตุเกส โดยแวะเปลี่ยนเครื่องที่ลอนดอน รวมเวลาเดินทางกว่า 12 ชั่วยาม (โชคดีบินตรงลอนดอน แต่โชคร้ายคือ "กระเป๋าตูอยู่ไหน???") เพื่อมาขึ้นเรือที่ท่าเรือ Lisbon
กับระยะเวลาที่เรานั่งเครื่องมาแสนยาวนาน บอกซื่อ ๆ เอาตรง ๆ เรารู้สึกดีใจและตื่นเต้นมากกกก มากโคตร ๆ ๆ ๆ ที่ได้เห็นเรือ MS.Boudicca ตัวเป็น ๆ ครั้งแรก นับเป็นการของเราทั้งคู่ 555+ มันเป็นอารมณ์แบบว่า...เธอคือคนที่ฉันตามหามาแส้นนานนนนนน...ในที่สุดเราก็ได้เจอกันสักที (คงพอเข้าใจความรู้สึกนะ)
ประทับใจป้าตั้งแต่แรกเห็นตั้งแต่ไกล (ลูกเรือไทยเรียกแกว่าป้า) ป้าแก ขาว อวบ หน้าแหลม ๆ ตูดมน ๆ ภายนอกป้าก็เป็นอย่างที่เคยเห็นภาพในเปเปอร์ และในจอโน๊ตบุ๊คแต่ว่า "หาต๋ายเต๊อะ" หรือ "ให้ตายสิ!" ของจริงมันใหญ่โตมโหราญกว่ามากกกกกกกกกกก
เรายิ้มมมม เรามีความสุข เราดีใจมาก ดูสีหน้าได้จากคลิปนี้จ้าาาา (ถ่ายเก็บไว้เมื่อ 12 ต.ค. 56)
นี่ขนาดว่าป้าแกไม่ใช่เรือสำราญที่ใหญ่ที่สุดแล้วนะ ถ้าเจอ Harmony of the Seas จอดเทียบกันละก็...ป้าคงโดนมิด หาทางกลับเรือไม่เจอเลยจ้าาาาาาา 555+
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย จ้อยจ้อยมาเรียงเรียง
Boudicca ป้าแกจุผู้โดยสารได้ 900 คน และลูกเรืออีก 320 คน รวม 1,220 คน ขณะที่ Harmony of the Seas เรือสำราญที่ใหญ่ที่สุดในปัจจุบัน (largest passenger ship in the world.) บรรจุคนได้สูงสุดถึง 9,080 คน (ผู้โดยสาร 6,780 และลูกเรืออีก 2,300 คน) เกือบหมื่นคน หาต๋ายเต๊อะ!
- Boudicca owned and operated by Fred. Olsen Cruise Lines.
- Harmony of the Seas owned by Royal Caribbean Cruises Ltd. and operated by Royal Caribbean International
ต่อที่ -เชี้ย กูกลับเลยได้ไหม?-
หลังจากดีใจสุดขั้วหัวนมไปแล้วนั้น อารมณ์ก็ถูกกระชากทันทีเมื่อตู "อ้วก" (Vomit) ตั้งสิบนาทีแรกที่ได้เริ่มทำงาน มีอยู่ 2 ใช่ &
ใช่...ที่ 1 ขึ้นเรือปุ๊บ ก็สั่งให้ไปเปลี่ยนชุดและไปทำงานเลยครัช จำได้แม่นว่าวันนั้นก่อนที่ Assistant Housekeeper จะให้เราไปเปลี่ยนชุดและเริ่มทำงานในบัดดล ฮีถามเราว่าเคยผ่านงาน Hospitality บ้างไหม? เราก็ตอบว่า "ไม่"เราตอบไปซื่อ ๆ หน้าไสยไสย (ก็ไม่เคยไง ตูถึงได้มาทำงาน House keeping utility เพราะยอมรับว่าไม่มีประสบการณ์ไรเลย แต่เรามีความตั้งใจอย่างแรงกล้าที่จะ "เรียนรู้" ฮึฮึ...คิดในใจ)
แต่นางทำเราไม่ค่อยประทับใจเท่าไร เพราะนางทำตาเหลือก และอุทาน OH MY GOSH และสะพรึงเราด้วยการพูดว่า "คุณไม่เคยมีประสบการณ์ด้านนี้เลย ที่ฟิลิปปินส์ คนที่จะมาทำงานบนเรือได้ ต้องมีประสบการณ์อย่างน้อย 1 ปี"...จ่ะพ่อคุณเอ้ยยยยย นั่นฟิลิปปินส์ นี่ไทยแลนด์องลี่ You know? ตอนนั้นเราก็ ฮึฮึ ได้แต่คิดในใจ "ก็กูเก่งอะ จบมะ?"...แต่ไม่ได้พูดนะ 555+
เอาจริง ๆ แล้วมุมหนึ่งก็เข้าใจนะที่นางทึ่ง ๆ + ช็อคว่า HR ปล่อยให้เรามาทำงานได้อย่างไร ทั้งที่ไม่มีประสบการณ์เลย ขืนเอามาทำต้องสอนนู่นสอนนี่ เหมือนเริ่มสอนเด็กใหม่ทั้งหมด...เสียเวลา!
แต่ให้ตายสิพ่อ...เข้าใจไหมว่า ไอ นะ มัน เรดดี้ ทู เลิร์น! ก็จะยังไงก็แล้วแต่ ตูมาแล้ว ตูพร้อมเรียนรู้ ตูให้คำมั่นกับ HR ที่เค้าสัมภาษณ์ผ่าน Skype แล้ว ตูบอกชัดเจนว่า อยากท้าทายตัวเอง และผมเชื่อว่าผมทำได้...นางคงเห็นว่าตรูจริงใจ และมีว้อนท์มาก นางเลยให้ผ่าน...จบนะ
เออ...ตูอะจบ แล้วยิ้มส่งให้นางตามสไตล์ Welcome to Thailand, Land of Smile. ซึ่งหลังสนทนาจบ นางสั่งให้ Trainer พาเราไปเอา Uniform ที่ Laundry ด้านหัวเรือ (Forward) และสั่งเริ่มงานโดยทันที...อ้อ แล้วก็ไม่ลืมที่จะแนะนำให้เราหาอะไรทานก่อนเริ่มงานด้วย แต่เผอืญว่าผมสปิริตแรงอ่าครับ ไม่กิน ตื่นเต้น พร้อมทำงานจะแย่อยู่แล้ว
ตัดฉากไปที่ Laundry
ครั้งแรกที่นั่นก็ดีนะ ตลกดี คนแถวนี้เฮฮากันจัง พวกนางส่งเสียงดังกันแจวจาว เป็นนกแก้วนกขุนทอง ใช้ช่องเสียงแหลม ๆ เพราะพวกนางต้องตะโกนคุยกัน เพราะข้างล่างนี้ เครื่องจักรมันเสียงดัง ทั้งเครื่องของเรือ และเครื่องซักผ้า แต่พวกนางก็ทำงานกันได้อย่างสนุกสนาน ตะโกนด่าจิกกัดกันเป็นเนือง ๆ ทั้งเรื่องผัว ๆ เมีย ๆ และเรื่องสัญชาติ เหอะ ๆ ๆ (ตรงนั้นส่วนใหญ่เป็นปินส์ อีกมีอยู่สองคนที่เป็นเนปาล และอินโด)
กลับมาที่ตูต่อ
Trainer เรา...อ้อลืมแนะนำ นางชื่อ Vaz (อ่านว่า วาซ) นางชายร่างกายกำยำล้ำเลิศ เป็นคนอินเดีย นางเป็นคนเก่ง ขยัน ทำงานคล่องแคล่ว มีน้ำใจ และโคตรรรรรรรรจริงใจ ผิดกับ....(ไว้เล่านะ 555+)
Vaz แนะนำให้เรารู้จักคนที่ดูแลยูนิฟอร์มให้เรา นางชื่อ Mario (ชื่อจริง ๆ นางอะไรไม่รู้จำไม่ได้ แต่นางให้เรียก Mario เพราะนางชอบ Mario เมาเร่อ จากรักแห่งสยามบ้านเรา...คนฟิลิปปินส์ชอบมากอะแกร!) นางก็วัดไซด์ เริ่มตั้งแต่ไหล่ อก เอว เป้า ไล่จนไปถึงรองเท้า ภายใน 5 นาที นางก็เสกยูนิฟอร์มให้เราประกอบด้วย เสื้อทีเชิร์ตตัวโคร่งใหญ่เกินไหล่ กางเกงสแลคยาวไปยันส้นติง และรองเท้าหนังหุ้มส้นที่ใส่แล้วกัด ๆ หน่อย...ก็ไม่รู้สินะ จะวัดตัวตรูทำไม 555+
อะ...นี่ชุดที่ว่า...House keeping utility' uniform 😎
ภาพนี้แอบถ่ายที่ท้ายเรือเมื่อ 12 ม.ค. 57
ณ Sharm el-Sheikh
ต่อกันด้วย ใช่...ที่ 2 อ้วกต้อนรับการทำงานวันแรกมันไปเลยจ่ะ เราเริ่มรู้สึกคลื่นไส้จะอ้วกตั้งแต่เรือเริ่มจะออก วันนั้นได้รับมอบหมายให้ไป Sanitise handrail หรือการเช็ดฆ่าเชื้อโรคราวบันไดโซนผู้โดยสาร ตั้งแต่ชั้น 3 ถึงชั้น 7 อื่ม...ไม่ธรรมดา เดินขึ้นเดินลงวนไปเซ่!
เรือเริ่มออกตัว มุ่งหน้าสู่ Malaga, Spain โดย At sea 2 วันเต็ม!
Vaz นางสอนเราถือวิธีการ Sanitise Handrail ที่ถูกต้อง มือหนึ่งถือขวดสเปรย์ที่บรรจุด้วยน้ำคลอรีนเข้มข้น ซึ่งเราจะต้องไปที่ห้อง Pantry เพื่อไปหยอดเม็ดคลอรีน 1 เม็ด แล้วเติมน้ำให้เต็มขวด...สัด กลิ่นทะลุมะหจูกมาก ถ้าใครไม่เข้าใจความรู้สึก ให้นึกถึงตอนดมน้ำส้มสายชู หรือน้ำยาล้างห้องน้ำที่ป็นสารเคมี มันจะจี๊ด ๆ ที่จมูกลามไปถึงสมอง! ต้องรีบหนีห่างตอนมันทำปฏิกริยากับน้ำ
นอกจากมือหนึ่งข้างถือขวดสเปรย์แล้ว อีกข้างก็ต้องถือ Sponge เป็นผ้านุ่ม ๆ ผืนเล็กขนาดเท่าผ้าเช็ดหน้าแต่ว่าหนากว่า มีคุณสมบัติซับน้ำได้ดี ทำหน้าที่ในการเช็ดถูราวบันไดไปเรื่อย ๆ ทั้งลำ...คุณพระช่วย!
อ้าว...ไหนลองซิ...นางบอกให้ลอง
ฉีดสเปรย์ 3 ปื๊ดที่สปอนจ์
คลุมสปอนจ์ไปที่ราวบันได
แล้วถูไปข้างน้ำ
ทำแบบนี้ไปซ้ำ ๆ
เย้ ง๊ายง่าย สนุกจังเลย ๆ ๆ ๆ เหมือนช่วยกู้โลกพ้นจากจากเหบ่าร้าย Mission complete ประชาชนบนเรือปลอดภัยไร้เชื้อโรค! ข้าภูมิใจยิ่งนัก 555+ (ตาเหลือกไปข้างบน)
แต่และแล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันมันก็มา...
ขณะที่เราสนุกกับภารกิจแรกที่ได้รับมอบหมายของเรา Vaz ชวนคุยเรื่องนุ้นเรื่องนี้ไปเรื่อยเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวต่าง ๆ เช่น ชื่อ ที่อยู่ อาชีพเดิม การเรียน อายุ พี่น้อง "มีเมียเหรือยัง" *_* และอีกมากมาย ซึ่งเราคุยกันด้วยภาษาปะกิดงู ๆ ปลา ๆ ของเราไปเรื่อย ๆ จนขึ้นไปถึงชั้น 7 หัวเรือ อาการตรูเริ่มไม่ดี ตอนที่ทำงานเดินไปเดินมาแล้วเซเบา ๆ เพราะมี Rough Sea หรือคลื่นลมแรง นางเองก็เห็นว่าเราทำท่าทางไม่ดีเท่าไร นางถามเราว่าเราไปไรไหมด้วยความเป็นห่วง...
เอ้ยยยยยยยยย
ฮาก็บ่าไหวน๋า
เรือโครงเครงเว้ออออออ
คิดมาตลอดว่า เรือสำราญต้องไม่เป็นแบบนี้สิ แต่คิดผิดอะ เศร้า
คุณผู้อ่านครับ ใช่ว่าเรือสำราญทุกลำจะไม่มีอาการนี้นะครับ นี่ขนาดคลื่นลมไม่ได้แรงไรมากยังสะเทือนลำไส้ตูได้ขนาดนี้ ถ้าหนักกว่านี้ตูจะเป็นยังไง...ได้แต่ถามตัวเองในใจ ไม่ทันไร อ้วกคลื่นแรกตูก็มา
ตู : รีบเอามือปิดปาก ไม่ให้อ้วกพุ่ง
Vaz : Go Go Go, toilet ๆ ๆ ๆ ๆ
รีบบบบบบบบบบบวิ่งกันไป แล้ว Vaz นางก็ดีนะ ช่วยปิดห้องน้ำ พร้อมป้าย Caution เตือนว่ากำลังทำความสะอาดอยู่ เพื่อกันไม่ให้แขกเข้า (จริง ๆ วันนี้ไม่มีแขกนะ เพราะตีเรือเปล่าไปรับผู้โดยที่สเปน) แล้วปรี่มาลูบหลังให้ด้วย ประทับใจตูมากเพื่อนเอ้ย!
กลับมาที่ตู ก็อ้วกไป ออกมามีแต่น้ำเปรี้ยว ๆ จากกระเพาะอาหาร และน้ำหูน้ำตาตูเอง! อ้วกจนไม่มีไรจะอ้วก บิดท้อง ปวดท้องมากกกกก กระเพาะคงบีบหนักมากจนไม่มีอะไรจะบีบ T T
ฮือออออออ ตูมาทำอะไรที่นี่????? คือตอนนั้นเราแย่มาก ไม่คิดว่าตัวเองจะเมาเรือด้วยคลื่นแค่นี้ กอรปกันวันนั้นเรามีปัญหาเรื่องอื่นอีก และที่หนักเลยคือไม่คิดว่าจะได้รับการต้อนรับจากผู้ช่วยพ่อบ้านคนนั้นดูแคลนเราเบา ๆ รู้สึกได้ถึงความกดดัน และรู้สึกไม่โอเค ร้องไห้ ถามตัวเองในใจว่าตูคิดถูกแล้วใช่ไหมที่ทำแบบนี้ ตูมาทำอะไรที่นี่
ลองคิดดูดิ ถ้าเกิดเป็นตัวเอง ที่ต้องห่างบ้านมาไกลมากกกกกกก บินมานาน 12 ชั่วโมง แล้วต้องมาเจออะไรแบบนี้ คือมันแย่มาก ๆ เลยนะ ไม่ประทับใจเอาเสียเลยนิด
จึงเป็นที่มาของ...
-เชี้ย กูกลับเลยได้ไหม?-
แต่...ฝันไปเหอะ เรือพึ่งออกไปห่าน!
ไปไหนก็ไม่ได้ ประหนึ่งนกน้อยในกรงทอง โปรดรับชะตากรรมต่อไปนะเจ้า Boodch
เพราะถึงยูจะอ้วก ยูก็ต้องกลับมาทำงานต่อจนกว่าจะหมดเวลางาน (Off duty) นะ ไม่งั้นถือว่าโดนงาน เราก็ต้องแสดงสปิริตคลื่นเหียนอาเจียน น้ำหูน้ำตาไหลต่อไปจนออกงานตอนสามทุ่มครึ่ง มันเป็นเวลาสั้น ๆ ที่แสนยาวนานที่โคตรรรรรรทรมานเลยละ ดีที่ Vaz มันพาไปรับลมข้างนอกพอให้ได้ชื่นใจบ้าง!
ละเจ็บใจมากที่พวกปินส์รู้ว่าเราอ้วก แล้วหัวเราะเยาะตู! แต่เห้ย ตูอ้วก หัวเราะทำพร่องครับ? ให้กำลังใจตูเซ่! ขรรมเอ้ย! แต่ตอนนั้นเรายังไม่ค่อยอะไรกับพวกนี้นะ คงเพราะยังไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไร
เฮ้ย...ทำไมขยี้กันขนาดนี้วะ สารพัดเรื่องราวที่เจอ แม้งโคตรบั่นทอนจิตใจ ทำให้ผู้ชายบอบบางอย่างเรายิ่งอ่อนแอไปกันใหญ่
แต่...รู้จักตูน้อยไปสะแล้ว
ดีนะที่ตูเก่ง และแรงต้านแดมเมจสูงยิ่ง 555+
เราตั้งใจ ตั้งสติ ปลุกพลังบวกของตัวเองขึ้นมาใหม่ คิดถึงเป้าหมายที่เราตัดสินใจมาทำงานที่นี่
ตูจะเที่ยว ตูจะเที่ยว ตูจะเที่ยว
ตูอดทน ตูอดทน ตูอดทน
ตูต้องรอด ตูต้องรอด ตูต้องรอด
ท่องไว้ให้ขึ้นใจ แล้วมันก็สำเร็จ...เพราะตูท่องจนหลับ แล้วตื่นขึ้นมาพบกับวันใหม่
แฮร่
ลองคิดดูนะ ถ้าเป็นยู
ยูจะรู้สึกแบบไหน???
วันแรกของผมมันก็มีไรให้ได้เรียนรู้อยู่ไม่น้อยนะ ตั้งแต่เรื่องการมีพื้นฐานการทำงานบริการมาก่อน โดยเฉพาะงานที่เกี่ยวข้องกับงานที่จะมาทำ 1.มันจะทำให้เราเข้าใจ และปฏิบัติได้เลย และ 2.ยูจะไม่โดนดูถูกนะ นอกจากนี้ เรื่องการเตรียมร่างกายตัวเองให้พร้อมรับสภาพอากาศอยู่เสมอ ก็เป็นเรื่องที่ลูกเรือต้องคำนึงถึงเป็นอันดับต้น ๆ เพื่อให้เราพร้อมทำงาน และไม่ทำให้ตัวเองต๊อแต๊ :p
อย่างไรก็แล้วแต่ครับ เป็นธรรมดาของนักเดินทาง ที่จะต้องเจอทั้งสุข และทุกข์ปะปนกันไป อยู่ที่ว่าใครมีภูมิต้านทานแข่งแกร่งมากขนาดไหน ถ้ามีสติ และใช้เรื่องลบเป็นเชื้อเพลิงจุดพลังบวก มันจะทำให้เราสามารถเดินทางต่อไปถึงจุดหมายได้ เพราะ...#การเดินทางมักนำเรื่องราวมาให้จดจำเสมอ
คุณว่าจริงไหม?
Look at my face!
ดูหน้ากูเถิดดีออก! ไหวไหม???
อ้อ ครั้งแรกมีครั้งเดียวยังไม่จบ มีต่อตอนหน้า เล่นตูจำไม่ลืม 5วอก!
(เกือบตกเครื่อง กระเป๋ามาไม่ทัน กางเกงในไม่มีใส่!...)
คอยติดตามนะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านจนจบนะครับ
ขออภัยที่ใช้คำไม่สุภาพ พิมพ์แล้วฟิลลิ่งมันได้
ด้วยรักและปลาทู
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
https://boodch.wixsite.com/boodch ครับ
เควี้ย!!! วันแรกก็โดนลองของซะแล้ว 😥
แต่ก็นะ ก็ตอนนั้นมันรู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ
กระทู้แรกของผม ตั้งใจจะเล่าถึงความต่างของอารมณ์สุดขั้วที่เจอตั้งแต่วันแรกที่ขึ้นเรือ ระหว่าง เชี้ย! ที่หมายถึงดีใจสุดขั้ว และ เชี้ย! กูขอกลับตั้งแต่วันนี้เลยได้ไหม???...วันแรกของการทำงานบนเรือสำราญ
ย้อนหลับไปเมื่อวันที่ 12 ต.ค. เราบินจากกรุงเทพฯสู่ Lisbon โปรตุเกส โดยแวะเปลี่ยนเครื่องที่ลอนดอน รวมเวลาเดินทางกว่า 12 ชั่วยาม (โชคดีบินตรงลอนดอน แต่โชคร้ายคือ "กระเป๋าตูอยู่ไหน???") เพื่อมาขึ้นเรือที่ท่าเรือ Lisbon
กับระยะเวลาที่เรานั่งเครื่องมาแสนยาวนาน บอกซื่อ ๆ เอาตรง ๆ เรารู้สึกดีใจและตื่นเต้นมากกกก มากโคตร ๆ ๆ ๆ ที่ได้เห็นเรือ MS.Boudicca ตัวเป็น ๆ ครั้งแรก นับเป็นการของเราทั้งคู่ 555+ มันเป็นอารมณ์แบบว่า...เธอคือคนที่ฉันตามหามาแส้นนานนนนนน...ในที่สุดเราก็ได้เจอกันสักที (คงพอเข้าใจความรู้สึกนะ)
ประทับใจป้าตั้งแต่แรกเห็นตั้งแต่ไกล (ลูกเรือไทยเรียกแกว่าป้า) ป้าแก ขาว อวบ หน้าแหลม ๆ ตูดมน ๆ ภายนอกป้าก็เป็นอย่างที่เคยเห็นภาพในเปเปอร์ และในจอโน๊ตบุ๊คแต่ว่า "หาต๋ายเต๊อะ" หรือ "ให้ตายสิ!" ของจริงมันใหญ่โตมโหราญกว่ามากกกกกกกกกกก
เรายิ้มมมม เรามีความสุข เราดีใจมาก ดูสีหน้าได้จากคลิปนี้จ้าาาา (ถ่ายเก็บไว้เมื่อ 12 ต.ค. 56)
นี่ขนาดว่าป้าแกไม่ใช่เรือสำราญที่ใหญ่ที่สุดแล้วนะ ถ้าเจอ Harmony of the Seas จอดเทียบกันละก็...ป้าคงโดนมิด หาทางกลับเรือไม่เจอเลยจ้าาาาาาา 555+
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย จ้อยจ้อยมาเรียงเรียง
Boudicca ป้าแกจุผู้โดยสารได้ 900 คน และลูกเรืออีก 320 คน รวม 1,220 คน ขณะที่ Harmony of the Seas เรือสำราญที่ใหญ่ที่สุดในปัจจุบัน (largest passenger ship in the world.) บรรจุคนได้สูงสุดถึง 9,080 คน (ผู้โดยสาร 6,780 และลูกเรืออีก 2,300 คน) เกือบหมื่นคน หาต๋ายเต๊อะ!
- Boudicca owned and operated by Fred. Olsen Cruise Lines.
- Harmony of the Seas owned by Royal Caribbean Cruises Ltd. and operated by Royal Caribbean International
หลังจากดีใจสุดขั้วหัวนมไปแล้วนั้น อารมณ์ก็ถูกกระชากทันทีเมื่อตู "อ้วก" (Vomit) ตั้งสิบนาทีแรกที่ได้เริ่มทำงาน มีอยู่ 2 ใช่ &
ใช่...ที่ 1 ขึ้นเรือปุ๊บ ก็สั่งให้ไปเปลี่ยนชุดและไปทำงานเลยครัช จำได้แม่นว่าวันนั้นก่อนที่ Assistant Housekeeper จะให้เราไปเปลี่ยนชุดและเริ่มทำงานในบัดดล ฮีถามเราว่าเคยผ่านงาน Hospitality บ้างไหม? เราก็ตอบว่า "ไม่"เราตอบไปซื่อ ๆ หน้าไสยไสย (ก็ไม่เคยไง ตูถึงได้มาทำงาน House keeping utility เพราะยอมรับว่าไม่มีประสบการณ์ไรเลย แต่เรามีความตั้งใจอย่างแรงกล้าที่จะ "เรียนรู้" ฮึฮึ...คิดในใจ)
แต่นางทำเราไม่ค่อยประทับใจเท่าไร เพราะนางทำตาเหลือก และอุทาน OH MY GOSH และสะพรึงเราด้วยการพูดว่า "คุณไม่เคยมีประสบการณ์ด้านนี้เลย ที่ฟิลิปปินส์ คนที่จะมาทำงานบนเรือได้ ต้องมีประสบการณ์อย่างน้อย 1 ปี"...จ่ะพ่อคุณเอ้ยยยยย นั่นฟิลิปปินส์ นี่ไทยแลนด์องลี่ You know? ตอนนั้นเราก็ ฮึฮึ ได้แต่คิดในใจ "ก็กูเก่งอะ จบมะ?"...แต่ไม่ได้พูดนะ 555+
เอาจริง ๆ แล้วมุมหนึ่งก็เข้าใจนะที่นางทึ่ง ๆ + ช็อคว่า HR ปล่อยให้เรามาทำงานได้อย่างไร ทั้งที่ไม่มีประสบการณ์เลย ขืนเอามาทำต้องสอนนู่นสอนนี่ เหมือนเริ่มสอนเด็กใหม่ทั้งหมด...เสียเวลา!
แต่ให้ตายสิพ่อ...เข้าใจไหมว่า ไอ นะ มัน เรดดี้ ทู เลิร์น! ก็จะยังไงก็แล้วแต่ ตูมาแล้ว ตูพร้อมเรียนรู้ ตูให้คำมั่นกับ HR ที่เค้าสัมภาษณ์ผ่าน Skype แล้ว ตูบอกชัดเจนว่า อยากท้าทายตัวเอง และผมเชื่อว่าผมทำได้...นางคงเห็นว่าตรูจริงใจ และมีว้อนท์มาก นางเลยให้ผ่าน...จบนะ
เออ...ตูอะจบ แล้วยิ้มส่งให้นางตามสไตล์ Welcome to Thailand, Land of Smile. ซึ่งหลังสนทนาจบ นางสั่งให้ Trainer พาเราไปเอา Uniform ที่ Laundry ด้านหัวเรือ (Forward) และสั่งเริ่มงานโดยทันที...อ้อ แล้วก็ไม่ลืมที่จะแนะนำให้เราหาอะไรทานก่อนเริ่มงานด้วย แต่เผอืญว่าผมสปิริตแรงอ่าครับ ไม่กิน ตื่นเต้น พร้อมทำงานจะแย่อยู่แล้ว
ตัดฉากไปที่ Laundry
ครั้งแรกที่นั่นก็ดีนะ ตลกดี คนแถวนี้เฮฮากันจัง พวกนางส่งเสียงดังกันแจวจาว เป็นนกแก้วนกขุนทอง ใช้ช่องเสียงแหลม ๆ เพราะพวกนางต้องตะโกนคุยกัน เพราะข้างล่างนี้ เครื่องจักรมันเสียงดัง ทั้งเครื่องของเรือ และเครื่องซักผ้า แต่พวกนางก็ทำงานกันได้อย่างสนุกสนาน ตะโกนด่าจิกกัดกันเป็นเนือง ๆ ทั้งเรื่องผัว ๆ เมีย ๆ และเรื่องสัญชาติ เหอะ ๆ ๆ (ตรงนั้นส่วนใหญ่เป็นปินส์ อีกมีอยู่สองคนที่เป็นเนปาล และอินโด)
กลับมาที่ตูต่อ
Trainer เรา...อ้อลืมแนะนำ นางชื่อ Vaz (อ่านว่า วาซ) นางชายร่างกายกำยำล้ำเลิศ เป็นคนอินเดีย นางเป็นคนเก่ง ขยัน ทำงานคล่องแคล่ว มีน้ำใจ และโคตรรรรรรรรจริงใจ ผิดกับ....(ไว้เล่านะ 555+)
Vaz แนะนำให้เรารู้จักคนที่ดูแลยูนิฟอร์มให้เรา นางชื่อ Mario (ชื่อจริง ๆ นางอะไรไม่รู้จำไม่ได้ แต่นางให้เรียก Mario เพราะนางชอบ Mario เมาเร่อ จากรักแห่งสยามบ้านเรา...คนฟิลิปปินส์ชอบมากอะแกร!) นางก็วัดไซด์ เริ่มตั้งแต่ไหล่ อก เอว เป้า ไล่จนไปถึงรองเท้า ภายใน 5 นาที นางก็เสกยูนิฟอร์มให้เราประกอบด้วย เสื้อทีเชิร์ตตัวโคร่งใหญ่เกินไหล่ กางเกงสแลคยาวไปยันส้นติง และรองเท้าหนังหุ้มส้นที่ใส่แล้วกัด ๆ หน่อย...ก็ไม่รู้สินะ จะวัดตัวตรูทำไม 555+
อะ...นี่ชุดที่ว่า...House keeping utility' uniform 😎
ณ Sharm el-Sheikh
ต่อกันด้วย ใช่...ที่ 2 อ้วกต้อนรับการทำงานวันแรกมันไปเลยจ่ะ เราเริ่มรู้สึกคลื่นไส้จะอ้วกตั้งแต่เรือเริ่มจะออก วันนั้นได้รับมอบหมายให้ไป Sanitise handrail หรือการเช็ดฆ่าเชื้อโรคราวบันไดโซนผู้โดยสาร ตั้งแต่ชั้น 3 ถึงชั้น 7 อื่ม...ไม่ธรรมดา เดินขึ้นเดินลงวนไปเซ่!
เรือเริ่มออกตัว มุ่งหน้าสู่ Malaga, Spain โดย At sea 2 วันเต็ม!
Vaz นางสอนเราถือวิธีการ Sanitise Handrail ที่ถูกต้อง มือหนึ่งถือขวดสเปรย์ที่บรรจุด้วยน้ำคลอรีนเข้มข้น ซึ่งเราจะต้องไปที่ห้อง Pantry เพื่อไปหยอดเม็ดคลอรีน 1 เม็ด แล้วเติมน้ำให้เต็มขวด...สัด กลิ่นทะลุมะหจูกมาก ถ้าใครไม่เข้าใจความรู้สึก ให้นึกถึงตอนดมน้ำส้มสายชู หรือน้ำยาล้างห้องน้ำที่ป็นสารเคมี มันจะจี๊ด ๆ ที่จมูกลามไปถึงสมอง! ต้องรีบหนีห่างตอนมันทำปฏิกริยากับน้ำ
นอกจากมือหนึ่งข้างถือขวดสเปรย์แล้ว อีกข้างก็ต้องถือ Sponge เป็นผ้านุ่ม ๆ ผืนเล็กขนาดเท่าผ้าเช็ดหน้าแต่ว่าหนากว่า มีคุณสมบัติซับน้ำได้ดี ทำหน้าที่ในการเช็ดถูราวบันไดไปเรื่อย ๆ ทั้งลำ...คุณพระช่วย!
อ้าว...ไหนลองซิ...นางบอกให้ลอง
ฉีดสเปรย์ 3 ปื๊ดที่สปอนจ์
คลุมสปอนจ์ไปที่ราวบันได
แล้วถูไปข้างน้ำ
ทำแบบนี้ไปซ้ำ ๆ
เย้ ง๊ายง่าย สนุกจังเลย ๆ ๆ ๆ เหมือนช่วยกู้โลกพ้นจากจากเหบ่าร้าย Mission complete ประชาชนบนเรือปลอดภัยไร้เชื้อโรค! ข้าภูมิใจยิ่งนัก 555+ (ตาเหลือกไปข้างบน)
แต่และแล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันมันก็มา...
ขณะที่เราสนุกกับภารกิจแรกที่ได้รับมอบหมายของเรา Vaz ชวนคุยเรื่องนุ้นเรื่องนี้ไปเรื่อยเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวต่าง ๆ เช่น ชื่อ ที่อยู่ อาชีพเดิม การเรียน อายุ พี่น้อง "มีเมียเหรือยัง" *_* และอีกมากมาย ซึ่งเราคุยกันด้วยภาษาปะกิดงู ๆ ปลา ๆ ของเราไปเรื่อย ๆ จนขึ้นไปถึงชั้น 7 หัวเรือ อาการตรูเริ่มไม่ดี ตอนที่ทำงานเดินไปเดินมาแล้วเซเบา ๆ เพราะมี Rough Sea หรือคลื่นลมแรง นางเองก็เห็นว่าเราทำท่าทางไม่ดีเท่าไร นางถามเราว่าเราไปไรไหมด้วยความเป็นห่วง...
เอ้ยยยยยยยยย
ฮาก็บ่าไหวน๋า
เรือโครงเครงเว้ออออออ
คิดมาตลอดว่า เรือสำราญต้องไม่เป็นแบบนี้สิ แต่คิดผิดอะ เศร้า
คุณผู้อ่านครับ ใช่ว่าเรือสำราญทุกลำจะไม่มีอาการนี้นะครับ นี่ขนาดคลื่นลมไม่ได้แรงไรมากยังสะเทือนลำไส้ตูได้ขนาดนี้ ถ้าหนักกว่านี้ตูจะเป็นยังไง...ได้แต่ถามตัวเองในใจ ไม่ทันไร อ้วกคลื่นแรกตูก็มา
ตู : รีบเอามือปิดปาก ไม่ให้อ้วกพุ่ง
Vaz : Go Go Go, toilet ๆ ๆ ๆ ๆ
รีบบบบบบบบบบบวิ่งกันไป แล้ว Vaz นางก็ดีนะ ช่วยปิดห้องน้ำ พร้อมป้าย Caution เตือนว่ากำลังทำความสะอาดอยู่ เพื่อกันไม่ให้แขกเข้า (จริง ๆ วันนี้ไม่มีแขกนะ เพราะตีเรือเปล่าไปรับผู้โดยที่สเปน) แล้วปรี่มาลูบหลังให้ด้วย ประทับใจตูมากเพื่อนเอ้ย!
กลับมาที่ตู ก็อ้วกไป ออกมามีแต่น้ำเปรี้ยว ๆ จากกระเพาะอาหาร และน้ำหูน้ำตาตูเอง! อ้วกจนไม่มีไรจะอ้วก บิดท้อง ปวดท้องมากกกกก กระเพาะคงบีบหนักมากจนไม่มีอะไรจะบีบ T T
ฮือออออออ ตูมาทำอะไรที่นี่????? คือตอนนั้นเราแย่มาก ไม่คิดว่าตัวเองจะเมาเรือด้วยคลื่นแค่นี้ กอรปกันวันนั้นเรามีปัญหาเรื่องอื่นอีก และที่หนักเลยคือไม่คิดว่าจะได้รับการต้อนรับจากผู้ช่วยพ่อบ้านคนนั้นดูแคลนเราเบา ๆ รู้สึกได้ถึงความกดดัน และรู้สึกไม่โอเค ร้องไห้ ถามตัวเองในใจว่าตูคิดถูกแล้วใช่ไหมที่ทำแบบนี้ ตูมาทำอะไรที่นี่
ลองคิดดูดิ ถ้าเกิดเป็นตัวเอง ที่ต้องห่างบ้านมาไกลมากกกกกกก บินมานาน 12 ชั่วโมง แล้วต้องมาเจออะไรแบบนี้ คือมันแย่มาก ๆ เลยนะ ไม่ประทับใจเอาเสียเลยนิด
จึงเป็นที่มาของ...-เชี้ย กูกลับเลยได้ไหม?-
แต่...ฝันไปเหอะ เรือพึ่งออกไปห่าน!
ไปไหนก็ไม่ได้ ประหนึ่งนกน้อยในกรงทอง โปรดรับชะตากรรมต่อไปนะเจ้า Boodch
เพราะถึงยูจะอ้วก ยูก็ต้องกลับมาทำงานต่อจนกว่าจะหมดเวลางาน (Off duty) นะ ไม่งั้นถือว่าโดนงาน เราก็ต้องแสดงสปิริตคลื่นเหียนอาเจียน น้ำหูน้ำตาไหลต่อไปจนออกงานตอนสามทุ่มครึ่ง มันเป็นเวลาสั้น ๆ ที่แสนยาวนานที่โคตรรรรรรทรมานเลยละ ดีที่ Vaz มันพาไปรับลมข้างนอกพอให้ได้ชื่นใจบ้าง!
ละเจ็บใจมากที่พวกปินส์รู้ว่าเราอ้วก แล้วหัวเราะเยาะตู! แต่เห้ย ตูอ้วก หัวเราะทำพร่องครับ? ให้กำลังใจตูเซ่! ขรรมเอ้ย! แต่ตอนนั้นเรายังไม่ค่อยอะไรกับพวกนี้นะ คงเพราะยังไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไร
เฮ้ย...ทำไมขยี้กันขนาดนี้วะ สารพัดเรื่องราวที่เจอ แม้งโคตรบั่นทอนจิตใจ ทำให้ผู้ชายบอบบางอย่างเรายิ่งอ่อนแอไปกันใหญ่
แต่...รู้จักตูน้อยไปสะแล้ว
ดีนะที่ตูเก่ง และแรงต้านแดมเมจสูงยิ่ง 555+
เราตั้งใจ ตั้งสติ ปลุกพลังบวกของตัวเองขึ้นมาใหม่ คิดถึงเป้าหมายที่เราตัดสินใจมาทำงานที่นี่
ตูจะเที่ยว ตูจะเที่ยว ตูจะเที่ยว
ตูอดทน ตูอดทน ตูอดทน
ตูต้องรอด ตูต้องรอด ตูต้องรอด
ท่องไว้ให้ขึ้นใจ แล้วมันก็สำเร็จ...เพราะตูท่องจนหลับ แล้วตื่นขึ้นมาพบกับวันใหม่
แฮร่
ลองคิดดูนะ ถ้าเป็นยู
ยูจะรู้สึกแบบไหน???
วันแรกของผมมันก็มีไรให้ได้เรียนรู้อยู่ไม่น้อยนะ ตั้งแต่เรื่องการมีพื้นฐานการทำงานบริการมาก่อน โดยเฉพาะงานที่เกี่ยวข้องกับงานที่จะมาทำ 1.มันจะทำให้เราเข้าใจ และปฏิบัติได้เลย และ 2.ยูจะไม่โดนดูถูกนะ นอกจากนี้ เรื่องการเตรียมร่างกายตัวเองให้พร้อมรับสภาพอากาศอยู่เสมอ ก็เป็นเรื่องที่ลูกเรือต้องคำนึงถึงเป็นอันดับต้น ๆ เพื่อให้เราพร้อมทำงาน และไม่ทำให้ตัวเองต๊อแต๊ :p
อย่างไรก็แล้วแต่ครับ เป็นธรรมดาของนักเดินทาง ที่จะต้องเจอทั้งสุข และทุกข์ปะปนกันไป อยู่ที่ว่าใครมีภูมิต้านทานแข่งแกร่งมากขนาดไหน ถ้ามีสติ และใช้เรื่องลบเป็นเชื้อเพลิงจุดพลังบวก มันจะทำให้เราสามารถเดินทางต่อไปถึงจุดหมายได้ เพราะ...#การเดินทางมักนำเรื่องราวมาให้จดจำเสมอ
คุณว่าจริงไหม?
ดูหน้ากูเถิดดีออก! ไหวไหม???
อ้อ ครั้งแรกมีครั้งเดียวยังไม่จบ มีต่อตอนหน้า เล่นตูจำไม่ลืม 5วอก!
(เกือบตกเครื่อง กระเป๋ามาไม่ทัน กางเกงในไม่มีใส่!...)
คอยติดตามนะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านจนจบนะครับ
ขออภัยที่ใช้คำไม่สุภาพ พิมพ์แล้วฟิลลิ่งมันได้
ด้วยรักและปลาทู
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://boodch.wixsite.com/boodch ครับ