ก่อนอื่นขอฝากเพจและรีวิวเก่าๆก่อนนะคะ
เพจ :
https://www.facebook.com/myhubbyandi/
Ep.1 Bromo & Ijen งบ 12,xxx บาท :
https://ppantip.com/topic/36635529
Ep.2 Maldives งบ 16,xxx บาท :
https://ppantip.com/topic/36693015
Ep.3 Singapore งบ 7,xxx :
https://ppantip.com/profile/3933477
Ep. 4 Tokyo-Kawaguchiko งบ 16,xxx :
https://ppantip.com/topic/36869310
Ep. พิเศษ King Power Lounge @ Donmueang Int’l Airport :
https://ppantip.com/topic/36773157
สวัสดีค่า....
กลับมาพบกันอีกแล้วค่ะ วันนี้เราจะพาเพื่อนๆมาเที่ยวสถานที่ๆทุกคนน่าจะรู้จัก อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ นั่นเอง โดยทริปนี้ไฮไลท์คือจะตามแฟนไปล่าสัตว์ในป่าดิบนี่ แต่ที่ว่ามาล่าสัตว์คือล่าด้วยกล้องนะคะไม่ได้ล่าด้วยปืน… ;)) เราขอเกริ่นด้วยเกล็ดความรู้เล็กๆน้อยๆของที่นี่กันก่อนค่ะ
เขาใหญ่ได้รับแต่งตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกของประเทศไทย ซึ่งมีพื้นที่ปกคลุมเกือบ 2,200 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมไปถึง 4 จังหวัดได้แก่ นครราชสีมา สระบุรี นครนายก และปราจีนบุรี มีทางเข้าอยู่สองทางหลักได้แก่ทางปากช่อง และ ปราจีนบุรี
แต่เขาใหญ่...ใหญ่กว่านั้นค่ะ ก่อนไปเที่ยวที่นี่ครั้งแรกเมื่อปีที่แล้ว บอกตรงๆเลยค่ะ ในใจคิดว่าเข้าป่าไปกางเต็นท์ทั่วๆไปแต่เมื่อได้มาอ่านประวัติของอุทยานแห่งชาติแห่งนี้ ขนลุกเลยค่ะ นอกจากจะมีพื้นที่กว้างขวางสุดๆ อุดมไปด้วยธรรมชาติที่สมบูรณ์และความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต ซึ่งเขาใหญ่เป็นหนึ่งในกลุ่มป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ ที่ได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติจากองค์การยูเนสโกด้วยค่ะ
เกริ่นแค่นี้ก่อนค่ะ เพราะในรูปยังมีสิ่งที่ไม่สามารถบรรยายได้หมด หลังจากได้ไปเขาใหญ่มาหลายๆครั้ง อยากตั้งกระทู้ให้คนหันมาสนใจอนุรักษ์สิ่งที่เรามี เพราะมันมีค่าจริงๆค่ะ
Day 1
หลังจากที่ทำงานเหน็ดเหนื่อยมาทั้งสัปดาห์ วันเสาร์แบบนี้เราตื่นสายๆ แต่งตัวชิลๆ ขับรถสบายๆ ออกจากกรุงเทพ ไปเข้าทางปากช่องค่ะ เราใช้เส้นทางนี้เป็นประจำ เพราะจะได้แวะซื้อน้ำนมข้าวโพดที่ไร่สุวรรณ 555+ มันอร่อยจริงๆนี่นา แบกเป็นกล่องๆเลยค่ะ น้ำนมข้าวโพดขวดละ 20 บาท เราซื้อกล่องโฟมไว้แช่เพิ่ม 30 บาทค่ะ เพราะเราจะเอากล่องไว้ใช้แช่น้ำแช่ขนมระหว่างอยู่บนเขาค่ะ ใครอยากจะมาลองน้ำนมข้าวโพดอร่อยๆ แนะนำให้มาก่อนเที่ยงนะคะ เพราะบางวันนี่หมดเร็วมากกก
ก่อนขึ้นอุทยานฯเขาใหญ่ เราเข้าไปสักการะหลวงพ่อขาวเพื่อความเป็นสิริมงคลที่วัดเทพพิทักษ์ปุณณารามก่อนค่ะ เชื่อว่ามีหลายคนที่เห็นองค์พระนี้จากถนนสายหลักเพราะความโดดเด่นขององค์พระที่เหมือนนั่งประดิษฐานอยู่กลางป่ากลางเขา เป็นวัดที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของจังหวัดนครราชสีมาเลยค่ะ
ไหว้พระขอพรกันแล้วก็มุ่งหน้าไปอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่กันเลยยยยยย
เราใช้เส้นทางถนนผ่านศึก-กุดคล้า เห็นทางเข้าเดลี่โฮมก็เลี้ยวเข้าไปเลย ใช้เวลาประมาณ 30นาที ก็ถึงอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ค่ะ
ผ่านด่านจ่ายค่าเข้าแล้วจะได้บัตรหน้าตาแบบนี้ค่ะ โดยค่าเข้าคนละ 40บาท และค่ารถคันละ 50ค่ะ
สิ่งแรกที่ควรทำเมื่อมาถึงที่นี่คือ กราบสักการะศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ค่ะ ผ่านด่านมาประมาณ 200 เมตร จะเห็นนักท่องเที่ยวมากมายจอดรถกราบไหว้ขอพรขอโชคลาภกันค่ะ
ขับรถขึ้นเขาไปเรื่อยๆ ถึงตอนนี้แอร์ในรถเราก็ไม่ได้เปิดแล้ว เปิดหน้าต่างรับอากาศเย็นๆ บริสุทธิ์แทน หลังฝนตกแบบนี้กลิ่นดินที่ลอยขึ้นมา กลิ่นป่า มันสดชื่นจริงๆค่ะ หายใจได้เต็มปอดมากๆ
ขับรถขึ้นมาประมาณ 20นาที ก็มาถึงจุดชมวิว กม.30 ค่ะ ถึงตอนนี้แฟนเราตื่นเต้นมาก ก็นางเห็นกลุ่มช่างภาพเยอะมากกกกก แต่ละท่านนั้นกล้องเทพ เลนส์บาซูก้า 500mm f4 ขึ้นกันทั้งนั้น
จากการเผือกเอ้ย สอบถามพูดคุย พี่ๆเค้ารอถ่ายนกเงือกกกันค่ะ งงค่ะ ฮัลโหล นกเงือกไรอะ เปิดอากู๋รัวๆเดี๋ยวจะคุยกะเค้าไม่รู้เรื่อง ส่วนแฟนเรา นู้น!!! วิ่งไปรวมกลุ่มเนียนไปเฉ๊ย แต่แล้วไม่นาน นางก็ล่ารูปนกเงือกตัวแรกของทริปมาได้ค่ะ
นกเงือกในอช.เขาใหญ่และบริเวณกลุ่มป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ พบ 4 ชนิดค่ะ (นกกก, นกเงือกกรามช้าง, นกเงือกสีน้ำตาลคอขาวและนกแก๊ก) นกเงือกเป็นส่วนหนึ่งของดัชนีที่สามารถชี้วัดความสมบูรณ์ของธรรมชาติได้ด้วยนะ เนื่องจากจะอาศัยอยู่ในป่าที่อุดมสมบูรณ์เท่านั้น ซึ่งนกเงือกมีความสำคัญทางระบบนิเวศมากจากการกินผลไม้เป็นอาหาร พอกินเสร็จก็ทิ้งเมล็ดไว้ในป่ากว้างตามที่ต่างๆ จึงช่วยแพร่กระจายพันธุ์พืชหลายชนิด
รูปนี้เหมือนนกเงือกผัว-เมียกำลังงอนกันอยู่ เชอะๆๆ อะไรประมาณนั้น 555
นกเงือก ยังเป็นสัญลักษณ์ของความรักที่ซื่อสัตย์ค่ะ จับคู่แบบผัวเดียวเมียเดียว เมื่อถึงฤดูผสมพันธ์ จะแยกออกจากฝูง ไปหาโพรงเพื่อฝังตัวมีลูก ตัวผู้นั้นจะออกไปหาอาหารมาให้ ส่วนตัวเมียผลัดขนและกกไข่อยู่ในโพรง ดังนั้นหากตัวผู้ตาย แสดงว่าตัวเมียและลูกก็จะอดอาหารตายไปด้วย จึงทำให้เป็นสัตว์อนุรักษ์ที่ใกล้สูญพันธุ์
หลายคนอาจจะสงสัย ไปเขาใหญ่แค่ไปจุดชมวิวก็เจอนกเงือกเลยหรอ จริงๆแล้วมันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกค่ะ เราขึ้นมาที่นี่ก็หลายครั้งบางครั้งก็ไม่เจออะไรเลย แต่ครั้งนี้เป็นครั้งที่เจอนกเงือกมากที่สุดและที่สำคัญเจอถึงสามสายพันธุ์!! ทุกครั้งที่มา แฟนเราจะเข้าไปที่จุดบริการนักท่องเที่ยวแล้วถามเจ้าหน้าที่บนนั้นว่าลูกไทรแถวไหนกำลังสุก มีสัตว์ชนิดไหนเข้า และเข้ามาช่วงไหนบ้าง โดยส่วนใหญ่จะเป็นช่วงเช้าและเย็นค่ะ แต่รอบนี้ถือว่าโชคดีมาก ไม่รู้ว่าแฟนไปอธิษฐานขอให้เจอนกจากที่วัดเทพพิทักษ์ปุณณารามรึเปล่า ที่ขึ้นมาถึงแล้วก็เจอเลย
หลังจากถ่ายรูปจนหนำใจแล้ว เราขับรถต่อไปที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเขาใหญ่ค่ะ สำหรับคนที่จะนอนบ้านพักมาให้มาติดต่อที่นี่ก่อนเลยค่ะ ส่วนเรากางเต็นท์นอนไปติดต่อที่จุดกางเต็นท์ได้เลย มีจุดกางเต็นท์ 2 จุด คือผากล้วยไม้และลำตะคอง
นอกจากนี้สำหรับทัวร์ขึ้นรถไปส่องสัตว์กลางคืน สามารถจองรถไว้ได้เลยค่ะ เป็นรถกระบะ คันนึงขึ้นได้ 10 คน คันละ 500 บาทต่อหนึ่งรอบ ประมาณ 50 นาที มีรอบ 19.00 น. และ 20.00 น.เรายังไม่จองค่ะ เดี๋ยวกลางคืนก่อนเริ่มรอบแรกมาหาคนแชร์ค่ารถดีกว่าค่ะ
ภายในศูนย์มีการจัดนิทรรศการอยู่ทางด้านซ้าย อันนี้แนะนำให้เข้ามาดูเลยนะคะ ได้ความรู้เกี่ยวกับสัตว์ป่าและพันธุ์พืชเยอะแยะมาก
ทรงผมกระเซิงเข้ากับบรรยากาศมั้ยคะ 55555
ส่วนด้านขวาเป็นร้านขายของที่ระลึก รวมไปถึงถุงกันทาก ที่นักท่องเที่ยวทุกคนที่ตั้งใจจะมาเดิน trail ศึกษาธรรมชาติควรจะหาซื้อไว้ นอกจากนี้ยังมีเสื้อผ้า กระเป๋า หมวก ของที่ละรึกมากมายขายที่นี่ด้วยค่ะ
ส่วนสายคอกาแฟไม่ต้องห่วงค่ะ ด้านหลังมีร้านกาแฟกลางป่า ราคาหลักสิบ วิวหลักล้านให้นั่งชิวส่องสัตว์กันด้วย
สัตว์ป่าที่อยู่แถวนี้ก็จะเป็นสัตว์ที่คุ้นชินกับคนเช่นกวางและลิง โดยส่วนนึงอาจจะเพราะนักท่องเที่ยวชอบโยนอาหารให้สัตว์กิน ซึ่งเป็นข้อห้ามอันดับต้นๆเลยนะคะ เพราะจะเป็นการเปลี่ยนพฤติกรรมของสัตว์ป่า ไม่ให้หากินเองตามธรรมชาติ แต่จะมาขอของกินกับนักท่องเที่ยวแทนค่ะ
หลังร้านกาแฟจะมีลำธารเล็กๆอยู่ ซึ่งจะมีพวกเต่า ตัวเงินตัวทอง อาศัยอยู่ ถ้าโชคดีอาจจะเจอฝูงนาคด้วยค่ะ
ข้างๆศูนย์บริการนักท่องเที่ยวฝั่งที่จอดรถก็จะเป็นทางเข้าเส้นทางธรรมชาติน้ำตกกองแก้ว ระยะทางเดินประมาณ 1.2 กม.
สำหรับสายชิล อยากออกแรง ด้านหน้าตรงทางเข้าศูนย์ฯมีจักรยานให้เช่าด้วยนะคะ
ฝั่งตรงข้ามจะเป็นศูนย์อาหารค่ะ
ช่วยบ่ายๆ เริ่มทริปนี้ด้วยน้ำตกเหวนรกค่ะ ขับรถไปประมาณ 24 กมจากศูนย์บริการฯ มาเที่ยวหน้าฝนอย่าลืมร่มหรือเสื้อกันฝนนะคะ และที่สำคัญสำหรับหน้าฝน คือถุงกันทาก นอกจากจะไม่บริจาคเลือดให้น้องทาคุได้แล้ว ยังกันพวกเห็บ สัตว์ตัวเล็กที่เรามองไม่เห็น รวมไปถึงน้ำแฉะๆที่พื้นได้อีกด้วย ที่ร้านในศูนย์ขายอยู่ 70 บาท/คู่ค่ะ
น้ำตกเหวนรกเป็นน้ำตกที่ใหญ่สุดของภาคกลางเลยก็ว่าได้ สูงชัน 90 องศาเป็น 3 ชั้นใหญ่ๆ รวมความสูงประมาณ 150 เมตร ด้วยความสูงใหญ่และชันของผาน้ำตก ทำให้เสียงน้ำกระทบด้านล่างดังสนั่น อันนี้คือที่อ่านมา 555+ อยากรู้ของจริงเป็นยังไง ต้องไปลุยด้วยตัวเองค่ะ ฝนหยุดพอดี ลงจากรถเดินเท้าต่อระยะทางประมาณ 1 กม ทางไปน้ำตกเกือบตลอดทางจะเป็นทางที่อุทยานทำไว้ให้แล้ว เส้นทางนี้น้องทากจะไม่ค่อยมีให้เจอตัวกันค่ะ
แนะนำใส่รองเท้าผ้าใบหรือรองเท้ารัดส้นที่มียางกันลื่นหน่อยนะคะ ไม่งั้นอาจตูดจ้ำเบ้าได้ เราเคยจ้ำเบ้ามาแล้ว XD
800 เมตรผ่านไป ระยะทางสบายๆค่ะ แฟนบอกอย่าเพิ่งคุย ขอให้เห็น 200 เมตรสุดท้ายก่อน...มันก็จะชันๆหน่อย ค่อยๆนะคะ ยิ่งใกล้ถึงยิ่งชันค่ะ ทางลงไม่เท่าไร ตอนขากลับต้องเดินขึ้นนี้สิ ชันกว่านี้ก็ปีนละค่ะ
ผ่านด่านนี้ไปก็เจอน้ำตกเหวนรกละค่ะ ยิ่งใหญ่อลังการมาก น้ำนี้แรงสุดๆ แต่ที่นี่อยู่ได้ไม่นานนะคะเพราะละอองน้ำทำเอาเปียกไปทั้งตัวเลยค่ะ
[CR] ตาม ผัว เที่ยว ตามไปล่าสัตว์ที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ – เขาแผงม้า
เพจ : https://www.facebook.com/myhubbyandi/
Ep.1 Bromo & Ijen งบ 12,xxx บาท : https://ppantip.com/topic/36635529
Ep.2 Maldives งบ 16,xxx บาท : https://ppantip.com/topic/36693015
Ep.3 Singapore งบ 7,xxx : https://ppantip.com/profile/3933477
Ep. 4 Tokyo-Kawaguchiko งบ 16,xxx : https://ppantip.com/topic/36869310
Ep. พิเศษ King Power Lounge @ Donmueang Int’l Airport : https://ppantip.com/topic/36773157
สวัสดีค่า....
กลับมาพบกันอีกแล้วค่ะ วันนี้เราจะพาเพื่อนๆมาเที่ยวสถานที่ๆทุกคนน่าจะรู้จัก อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ นั่นเอง โดยทริปนี้ไฮไลท์คือจะตามแฟนไปล่าสัตว์ในป่าดิบนี่ แต่ที่ว่ามาล่าสัตว์คือล่าด้วยกล้องนะคะไม่ได้ล่าด้วยปืน… ;)) เราขอเกริ่นด้วยเกล็ดความรู้เล็กๆน้อยๆของที่นี่กันก่อนค่ะ
เขาใหญ่ได้รับแต่งตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกของประเทศไทย ซึ่งมีพื้นที่ปกคลุมเกือบ 2,200 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมไปถึง 4 จังหวัดได้แก่ นครราชสีมา สระบุรี นครนายก และปราจีนบุรี มีทางเข้าอยู่สองทางหลักได้แก่ทางปากช่อง และ ปราจีนบุรี
แต่เขาใหญ่...ใหญ่กว่านั้นค่ะ ก่อนไปเที่ยวที่นี่ครั้งแรกเมื่อปีที่แล้ว บอกตรงๆเลยค่ะ ในใจคิดว่าเข้าป่าไปกางเต็นท์ทั่วๆไปแต่เมื่อได้มาอ่านประวัติของอุทยานแห่งชาติแห่งนี้ ขนลุกเลยค่ะ นอกจากจะมีพื้นที่กว้างขวางสุดๆ อุดมไปด้วยธรรมชาติที่สมบูรณ์และความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต ซึ่งเขาใหญ่เป็นหนึ่งในกลุ่มป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ ที่ได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติจากองค์การยูเนสโกด้วยค่ะ
เกริ่นแค่นี้ก่อนค่ะ เพราะในรูปยังมีสิ่งที่ไม่สามารถบรรยายได้หมด หลังจากได้ไปเขาใหญ่มาหลายๆครั้ง อยากตั้งกระทู้ให้คนหันมาสนใจอนุรักษ์สิ่งที่เรามี เพราะมันมีค่าจริงๆค่ะ
Day 1
หลังจากที่ทำงานเหน็ดเหนื่อยมาทั้งสัปดาห์ วันเสาร์แบบนี้เราตื่นสายๆ แต่งตัวชิลๆ ขับรถสบายๆ ออกจากกรุงเทพ ไปเข้าทางปากช่องค่ะ เราใช้เส้นทางนี้เป็นประจำ เพราะจะได้แวะซื้อน้ำนมข้าวโพดที่ไร่สุวรรณ 555+ มันอร่อยจริงๆนี่นา แบกเป็นกล่องๆเลยค่ะ น้ำนมข้าวโพดขวดละ 20 บาท เราซื้อกล่องโฟมไว้แช่เพิ่ม 30 บาทค่ะ เพราะเราจะเอากล่องไว้ใช้แช่น้ำแช่ขนมระหว่างอยู่บนเขาค่ะ ใครอยากจะมาลองน้ำนมข้าวโพดอร่อยๆ แนะนำให้มาก่อนเที่ยงนะคะ เพราะบางวันนี่หมดเร็วมากกก
ก่อนขึ้นอุทยานฯเขาใหญ่ เราเข้าไปสักการะหลวงพ่อขาวเพื่อความเป็นสิริมงคลที่วัดเทพพิทักษ์ปุณณารามก่อนค่ะ เชื่อว่ามีหลายคนที่เห็นองค์พระนี้จากถนนสายหลักเพราะความโดดเด่นขององค์พระที่เหมือนนั่งประดิษฐานอยู่กลางป่ากลางเขา เป็นวัดที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของจังหวัดนครราชสีมาเลยค่ะ
ไหว้พระขอพรกันแล้วก็มุ่งหน้าไปอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่กันเลยยยยยย
เราใช้เส้นทางถนนผ่านศึก-กุดคล้า เห็นทางเข้าเดลี่โฮมก็เลี้ยวเข้าไปเลย ใช้เวลาประมาณ 30นาที ก็ถึงอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ค่ะ
ผ่านด่านจ่ายค่าเข้าแล้วจะได้บัตรหน้าตาแบบนี้ค่ะ โดยค่าเข้าคนละ 40บาท และค่ารถคันละ 50ค่ะ
สิ่งแรกที่ควรทำเมื่อมาถึงที่นี่คือ กราบสักการะศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ค่ะ ผ่านด่านมาประมาณ 200 เมตร จะเห็นนักท่องเที่ยวมากมายจอดรถกราบไหว้ขอพรขอโชคลาภกันค่ะ
ขับรถขึ้นเขาไปเรื่อยๆ ถึงตอนนี้แอร์ในรถเราก็ไม่ได้เปิดแล้ว เปิดหน้าต่างรับอากาศเย็นๆ บริสุทธิ์แทน หลังฝนตกแบบนี้กลิ่นดินที่ลอยขึ้นมา กลิ่นป่า มันสดชื่นจริงๆค่ะ หายใจได้เต็มปอดมากๆ
ขับรถขึ้นมาประมาณ 20นาที ก็มาถึงจุดชมวิว กม.30 ค่ะ ถึงตอนนี้แฟนเราตื่นเต้นมาก ก็นางเห็นกลุ่มช่างภาพเยอะมากกกกก แต่ละท่านนั้นกล้องเทพ เลนส์บาซูก้า 500mm f4 ขึ้นกันทั้งนั้น
จากการเผือกเอ้ย สอบถามพูดคุย พี่ๆเค้ารอถ่ายนกเงือกกกันค่ะ งงค่ะ ฮัลโหล นกเงือกไรอะ เปิดอากู๋รัวๆเดี๋ยวจะคุยกะเค้าไม่รู้เรื่อง ส่วนแฟนเรา นู้น!!! วิ่งไปรวมกลุ่มเนียนไปเฉ๊ย แต่แล้วไม่นาน นางก็ล่ารูปนกเงือกตัวแรกของทริปมาได้ค่ะ
นกเงือกในอช.เขาใหญ่และบริเวณกลุ่มป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ พบ 4 ชนิดค่ะ (นกกก, นกเงือกกรามช้าง, นกเงือกสีน้ำตาลคอขาวและนกแก๊ก) นกเงือกเป็นส่วนหนึ่งของดัชนีที่สามารถชี้วัดความสมบูรณ์ของธรรมชาติได้ด้วยนะ เนื่องจากจะอาศัยอยู่ในป่าที่อุดมสมบูรณ์เท่านั้น ซึ่งนกเงือกมีความสำคัญทางระบบนิเวศมากจากการกินผลไม้เป็นอาหาร พอกินเสร็จก็ทิ้งเมล็ดไว้ในป่ากว้างตามที่ต่างๆ จึงช่วยแพร่กระจายพันธุ์พืชหลายชนิด
รูปนี้เหมือนนกเงือกผัว-เมียกำลังงอนกันอยู่ เชอะๆๆ อะไรประมาณนั้น 555
นกเงือก ยังเป็นสัญลักษณ์ของความรักที่ซื่อสัตย์ค่ะ จับคู่แบบผัวเดียวเมียเดียว เมื่อถึงฤดูผสมพันธ์ จะแยกออกจากฝูง ไปหาโพรงเพื่อฝังตัวมีลูก ตัวผู้นั้นจะออกไปหาอาหารมาให้ ส่วนตัวเมียผลัดขนและกกไข่อยู่ในโพรง ดังนั้นหากตัวผู้ตาย แสดงว่าตัวเมียและลูกก็จะอดอาหารตายไปด้วย จึงทำให้เป็นสัตว์อนุรักษ์ที่ใกล้สูญพันธุ์
หลายคนอาจจะสงสัย ไปเขาใหญ่แค่ไปจุดชมวิวก็เจอนกเงือกเลยหรอ จริงๆแล้วมันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกค่ะ เราขึ้นมาที่นี่ก็หลายครั้งบางครั้งก็ไม่เจออะไรเลย แต่ครั้งนี้เป็นครั้งที่เจอนกเงือกมากที่สุดและที่สำคัญเจอถึงสามสายพันธุ์!! ทุกครั้งที่มา แฟนเราจะเข้าไปที่จุดบริการนักท่องเที่ยวแล้วถามเจ้าหน้าที่บนนั้นว่าลูกไทรแถวไหนกำลังสุก มีสัตว์ชนิดไหนเข้า และเข้ามาช่วงไหนบ้าง โดยส่วนใหญ่จะเป็นช่วงเช้าและเย็นค่ะ แต่รอบนี้ถือว่าโชคดีมาก ไม่รู้ว่าแฟนไปอธิษฐานขอให้เจอนกจากที่วัดเทพพิทักษ์ปุณณารามรึเปล่า ที่ขึ้นมาถึงแล้วก็เจอเลย
หลังจากถ่ายรูปจนหนำใจแล้ว เราขับรถต่อไปที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเขาใหญ่ค่ะ สำหรับคนที่จะนอนบ้านพักมาให้มาติดต่อที่นี่ก่อนเลยค่ะ ส่วนเรากางเต็นท์นอนไปติดต่อที่จุดกางเต็นท์ได้เลย มีจุดกางเต็นท์ 2 จุด คือผากล้วยไม้และลำตะคอง
นอกจากนี้สำหรับทัวร์ขึ้นรถไปส่องสัตว์กลางคืน สามารถจองรถไว้ได้เลยค่ะ เป็นรถกระบะ คันนึงขึ้นได้ 10 คน คันละ 500 บาทต่อหนึ่งรอบ ประมาณ 50 นาที มีรอบ 19.00 น. และ 20.00 น.เรายังไม่จองค่ะ เดี๋ยวกลางคืนก่อนเริ่มรอบแรกมาหาคนแชร์ค่ารถดีกว่าค่ะ
ภายในศูนย์มีการจัดนิทรรศการอยู่ทางด้านซ้าย อันนี้แนะนำให้เข้ามาดูเลยนะคะ ได้ความรู้เกี่ยวกับสัตว์ป่าและพันธุ์พืชเยอะแยะมาก
ทรงผมกระเซิงเข้ากับบรรยากาศมั้ยคะ 55555
ส่วนด้านขวาเป็นร้านขายของที่ระลึก รวมไปถึงถุงกันทาก ที่นักท่องเที่ยวทุกคนที่ตั้งใจจะมาเดิน trail ศึกษาธรรมชาติควรจะหาซื้อไว้ นอกจากนี้ยังมีเสื้อผ้า กระเป๋า หมวก ของที่ละรึกมากมายขายที่นี่ด้วยค่ะ
ส่วนสายคอกาแฟไม่ต้องห่วงค่ะ ด้านหลังมีร้านกาแฟกลางป่า ราคาหลักสิบ วิวหลักล้านให้นั่งชิวส่องสัตว์กันด้วย
สัตว์ป่าที่อยู่แถวนี้ก็จะเป็นสัตว์ที่คุ้นชินกับคนเช่นกวางและลิง โดยส่วนนึงอาจจะเพราะนักท่องเที่ยวชอบโยนอาหารให้สัตว์กิน ซึ่งเป็นข้อห้ามอันดับต้นๆเลยนะคะ เพราะจะเป็นการเปลี่ยนพฤติกรรมของสัตว์ป่า ไม่ให้หากินเองตามธรรมชาติ แต่จะมาขอของกินกับนักท่องเที่ยวแทนค่ะ
หลังร้านกาแฟจะมีลำธารเล็กๆอยู่ ซึ่งจะมีพวกเต่า ตัวเงินตัวทอง อาศัยอยู่ ถ้าโชคดีอาจจะเจอฝูงนาคด้วยค่ะ
ข้างๆศูนย์บริการนักท่องเที่ยวฝั่งที่จอดรถก็จะเป็นทางเข้าเส้นทางธรรมชาติน้ำตกกองแก้ว ระยะทางเดินประมาณ 1.2 กม.
สำหรับสายชิล อยากออกแรง ด้านหน้าตรงทางเข้าศูนย์ฯมีจักรยานให้เช่าด้วยนะคะ
ฝั่งตรงข้ามจะเป็นศูนย์อาหารค่ะ
ช่วยบ่ายๆ เริ่มทริปนี้ด้วยน้ำตกเหวนรกค่ะ ขับรถไปประมาณ 24 กมจากศูนย์บริการฯ มาเที่ยวหน้าฝนอย่าลืมร่มหรือเสื้อกันฝนนะคะ และที่สำคัญสำหรับหน้าฝน คือถุงกันทาก นอกจากจะไม่บริจาคเลือดให้น้องทาคุได้แล้ว ยังกันพวกเห็บ สัตว์ตัวเล็กที่เรามองไม่เห็น รวมไปถึงน้ำแฉะๆที่พื้นได้อีกด้วย ที่ร้านในศูนย์ขายอยู่ 70 บาท/คู่ค่ะ
น้ำตกเหวนรกเป็นน้ำตกที่ใหญ่สุดของภาคกลางเลยก็ว่าได้ สูงชัน 90 องศาเป็น 3 ชั้นใหญ่ๆ รวมความสูงประมาณ 150 เมตร ด้วยความสูงใหญ่และชันของผาน้ำตก ทำให้เสียงน้ำกระทบด้านล่างดังสนั่น อันนี้คือที่อ่านมา 555+ อยากรู้ของจริงเป็นยังไง ต้องไปลุยด้วยตัวเองค่ะ ฝนหยุดพอดี ลงจากรถเดินเท้าต่อระยะทางประมาณ 1 กม ทางไปน้ำตกเกือบตลอดทางจะเป็นทางที่อุทยานทำไว้ให้แล้ว เส้นทางนี้น้องทากจะไม่ค่อยมีให้เจอตัวกันค่ะ
แนะนำใส่รองเท้าผ้าใบหรือรองเท้ารัดส้นที่มียางกันลื่นหน่อยนะคะ ไม่งั้นอาจตูดจ้ำเบ้าได้ เราเคยจ้ำเบ้ามาแล้ว XD
800 เมตรผ่านไป ระยะทางสบายๆค่ะ แฟนบอกอย่าเพิ่งคุย ขอให้เห็น 200 เมตรสุดท้ายก่อน...มันก็จะชันๆหน่อย ค่อยๆนะคะ ยิ่งใกล้ถึงยิ่งชันค่ะ ทางลงไม่เท่าไร ตอนขากลับต้องเดินขึ้นนี้สิ ชันกว่านี้ก็ปีนละค่ะ
ผ่านด่านนี้ไปก็เจอน้ำตกเหวนรกละค่ะ ยิ่งใหญ่อลังการมาก น้ำนี้แรงสุดๆ แต่ที่นี่อยู่ได้ไม่นานนะคะเพราะละอองน้ำทำเอาเปียกไปทั้งตัวเลยค่ะ