บุรุษผู้ช่วยกอบกู้โลก (1) โดยท่านขุนน้อย ณ. ลีลาแห่งบุปผากระบี่
เพื่อไม่ให้ต้องไปพูดจา ว่ากล่าว รัฐบาลอะไรท่านมากมาย เพราะเท่าที่เจออยู่ในขณะนี้ ก็ต้องเรียกว่า...อ่วมอรทัยกาญจนชูศักดิ์ไปพอสมควรแล้ว วันนี้เลยคงต้องขออนุญาตเลเพลาดพาด ย้อนไปรำลึกถึงบุคคลระดับโลกผู้หนึ่ง ที่ต้องถือว่ามีส่วนช่วยกอบกู้โลกทั้งโลก ให้พ้นไปจาก สงครามโลกครั้งที่สาม หรือ สงครามนิวเคลียร์ เมื่อช่วง 30 กว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งได้เสียชีวิตลงไปเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี่เอง อาจพอได้เข้ากับบรรยากาศสงครามสหรัฐ-เกาหลีเหนือ ที่ยังไม่รู้ว่าจะเกิด-ไม่เกิด ในอีกไม่ช้า-ไม่นานนับจากนี้...
บุคคลที่ว่านั้น...ก็คืออดีตนายทหารรัสเซีย ช่วงยุคที่ยังเป็นสหภาพโซเวียต ชื่อว่าพันโท สตานิสลาฟ เปตรอฟ (Stanislav Yevgrafovih Petrov) ซึ่งอันที่จริงท่านได้เสียชีวิตไปตั้งแต่วันที่ 19 พฤษภาคมปีนี้ แต่เผอิญสื่อเยอรมันรายหนึ่ง ชื่อว่า คาร์ล ชูมัคเกอร์ (Karl Schumacher) ที่เขาเคยมีความประทับใจต่อบทบาท เรื่องราว ของอดีตทหารรัสเซียรายชื่อ ถึงกับเคยบินไปเชื้อเชิญมาให้สัมภาษณ์ออกโทรทัศน์เยอรมัน และมอบรางวัลยกย่องอะไรต่างๆ กันมากมาย เพิ่งจะโทรศัพท์ไปเจอลูกชายของพันโท เปตรอฟ เมื่อช่วงวันที่ 9 กันยาฯ ที่ผ่านมานี่เอง เมื่อได้รับแจ้งว่าพ่อตายไปหลายเดือนแล้ว สื่อเยอรมันรายนี้เลยอดไม่ได้ที่จะนำเรื่องราวของ บุรุษผู้ช่วยกอบกู้โลก ชาวรัสเซีย มาเผยแพร่ไว้ในเว็บไซต์ของตัวเองกันอีกครั้ง...
การช่วยกอบกู้โลกของนายทหารตัวเล็กๆ และออกจะเป็น ปุถุชนคนธรรมดา เอามากๆ อย่างพันโท สตานิสลาฟ เปตรอฟ นั้น อุบัติขึ้นมาในช่วงบรรยากาศที่ต้องเรียกว่า...ตึงเครียดไม่น้อยไปกว่าการขู่กันไป-ขู่กันมา ระหว่าง คิมน้อย กับ ทรัมป์บ้า ในช่วงนี้ คือตั้งแต่ช่วงต้นเดือนกันยาฯ ปี ค.ศ.1983 ระหว่างที่เครื่องบินสายการบิน Korean Air Lines เที่ยวบินที่ 007 ของเกาหลีใต้ ดันบินหลงเข้าไปในน่านฟ้าโซเวียต กองทัพโซเวียตที่กำลังเต็มไปด้วยอาการทางประสาทไม่ต่างไปจากกองทัพเกาหลีเหนือในช่วงนี้ เลยตัดสินใจสอยเครื่องบินลำดังกล่าว ส่งผลให้ผู้โดยสาร 269 คนตายเรียบ ซึ่งหนึ่งในจำนวนนั้น คือสมาชิกรัฐสภาชาวอเมริกันผู้มีชื่อว่า ลาร์รี แมคโดนัลด์ (Larry Patton McDonald) ที่ถือเป็นพวกขวาจัด หรือนักต่อต้านคอมมิวนิสต์ตัวยงแห่งรัฐจอร์เจีย จนเกิดการกล่าวหาตอบโต้กันไป-มาระหว่างอเมริกากับโซเวียต รัสเซีย ต่อเนื่องมาเป็นสัปดาห์ๆ ชนิดหาข้อสรุปลงตัวใดๆ แทบไม่ได้...
สถานที่ทำงานของ Stanislav Petrov ศูนย์ควบคุมดาวเทียมจารกรรม Serpukhov-15
ระหว่างช่วงบรรยากาศเช่นนั้นนั่นเอง...ในวันที่ 26 กันยายน ค.ศ.1983 ขณะที่พันโท สตานิสลาฟ เปตรอฟ นายทหารด้านเทคนิคของกองทัพโซเวียต ได้เข้าประจำการทำหน้าที่ตามปกติ คือการตรวจจับวัตถุต้องสงสัยที่อาจรุกล้ำเข้ามายังน่านฟ้าโซเวียต ณ ฐานปฏิบัติการ เซอร์ปูคอฟ-15 (Serpukhov-15) ในช่วงเวลาประมาณเที่ยงคืนกว่าๆ เขาก็เริ่มได้ยินเสียงสัญญาณสั้นๆ จากระบบคอมพิวเตอร์ตรวจการณ์ แจ้งถึงวัตถุต้องสงสัยที่ปรากฏขึ้นมาในจอเรดาร์ แรกๆ...อาจคิดได้ว่าเป็นแค่ความผิดพลาดของระบบคอมพิวเตอร์ แต่ไปๆ-มาๆ จำนวนวัตถุต้องสงสัย ไม่ได้ปรากฏขึ้นเพียงจุดเดียวเท่านั้น แต่ปรากฏพร้อมๆ กันถึง 5 จุด โดยต่างมุ่งตรงมายังน่านฟ้ารัสเซีย ไม่ต่างอะไรไปจากการมาถึงของเครื่องบินโจมตี หรือขีปนาวุธนิวเคลียร์ยังไงยังงั้น...
ดาวเทียมจารกรรม US-K or Oko ("eye") ติดตั้งกล้องเทเลสโคปกำลังสูง และ เครื่องตรวจจับสเปคตรัมรังสีอินฟราเรด วงโคจรเป็นรูปวงรี
พิธีส่งดาวเทียมจารกรรมของรัสเซียสู่อวกาศในปัจจุบัน ตัวดาวเทียมยังไม่มีรูปถ่ายดาวเทียมให้เห็น
ขณะที่ระบบแจ้งเตือนภัยและระบบตรวจจับสัญญาณของฐานปฏิบัติการ เซอร์ปูคอฟ นั้น คือระบบถูกออกแบบมาอย่างเป็นพิเศษ คือไม่ได้เพียงแค่ทำหน้าที่ดักจับวัตถุต้องสงสัยเท่านั้น แต่ยังรวมเอาระบบปฏิบัติการโจมตี ตอบโต้แบบอัตโนมัติผนวกรวมเข้าไปด้วย เพียงแค่นายทหารยศพันโทอย่าง สตานิสลาฟ เปตรอฟ เอื้อมมือไปกดปุ่มสีแดงข้างโต๊ะทำงานเมื่อไหร่ ขีปนาวุธนิวเคลียร์ของโซเวียตทั้งแผง ก็พร้อมจะเริ่มต้นทำงานแบบเต็มพิกัด โดยไม่จำเป็นต้องรอคำสั่งจากเครมลิน จากเคจีบี หรือจากผู้นำสูงสุดของโซเวียตรายใดเอาเลยแม้แต่น้อย...
มีภาพยนต์เกี่ยวกับเหตุการณ์สำคัญนี้
จากการให้สัมภาษณ์ แคธรีน ฮอว์คินส์ (Kathryn Hawkins) ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวบีบีซี เมื่อต้นปี ค.ศ.2009 หรือหลังเหตุการณ์ผ่านไปแล้วกว่า 20 ปี นายพันชาวรัสเซียผู้นี้ได้เปิดเผยถึงความรู้สึกในช่วงขณะนั้นว่า.... ช่วง 15 นาทีแรก เราทั้งหมดต่างตกอยู่ในอาการช็อก และไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อไปดี คือถ้าตัดสินใจโดดไปกดปุ่มสีแดงในห้องปฏิบัติการในช่วงนั้น ป่านนี้...โลกทั้งโลกคงไม่ต้องเสียเวลามาหวาดผวากับเรื่องคิมน้ง คิมน้อย อะไรกันอีกต่อไปแล้ว หรือมันคงราพณาสูรไปเรียบโร้ยย์ย์ย์แล้ว นับตั้งแต่ช่วงนั้น ด้วยจำนวนขีปนาวุธติดหัวรบนิวเคลียร์ไม่น้อยไปกว่า 31,000 หัวรบ ซึ่งมหาอำนาจทั้งสองฝ่ายต่างกำเอาไว้ในมือ หนีไม่พ้นต้องโผพุ่งข้ามฟ้า ข้ามน้ำ ข้ามประเทศ หล่นใส่หัวกบาลของมวลมนุษยชาตินับเป็นร้อยๆ พันๆ ล้าน เด๊ดสะมอเร่ อิน เดอะ เท่งทึง กันไปทั้งโลกอย่างมิพึงต้องสงสัย!!! แต่ด้วยสามัญสำนึกแบบ ปุถุชนคนธรรมดา ที่ไม่ได้มีเรื่องการมง การเมือง ความบ้าชาติ คลั่งชาติใดๆ เข้าไปเกี่ยวข้องอะไรมากมายนัก นายทหารตัวเล็กๆ ระดับแค่พันโท อย่าง สตานิสลาฟ เปตรอฟ จะช่วยโลก กอบกู้โลก เอาไว้ได้ด้วยวิธีไหน อันนี้...คงต้องขออนุญาตลากยาวไปต่อวันพรุ่งนี้ก็แล้วกัน...
http://www.thaipost.net/?q=node/35669 
ขอบคุณและลาก่อน Stanislav Yevgrafovich Petrov
เพื่อไม่ให้ต้องไปพูดจา ว่ากล่าว รัฐบาลอะไรท่านมากมาย เพราะเท่าที่เจออยู่ในขณะนี้ ก็ต้องเรียกว่า...อ่วมอรทัยกาญจนชูศักดิ์ไปพอสมควรแล้ว วันนี้เลยคงต้องขออนุญาตเลเพลาดพาด ย้อนไปรำลึกถึงบุคคลระดับโลกผู้หนึ่ง ที่ต้องถือว่ามีส่วนช่วยกอบกู้โลกทั้งโลก ให้พ้นไปจาก สงครามโลกครั้งที่สาม หรือ สงครามนิวเคลียร์ เมื่อช่วง 30 กว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งได้เสียชีวิตลงไปเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี่เอง อาจพอได้เข้ากับบรรยากาศสงครามสหรัฐ-เกาหลีเหนือ ที่ยังไม่รู้ว่าจะเกิด-ไม่เกิด ในอีกไม่ช้า-ไม่นานนับจากนี้...
บุคคลที่ว่านั้น...ก็คืออดีตนายทหารรัสเซีย ช่วงยุคที่ยังเป็นสหภาพโซเวียต ชื่อว่าพันโท สตานิสลาฟ เปตรอฟ (Stanislav Yevgrafovih Petrov) ซึ่งอันที่จริงท่านได้เสียชีวิตไปตั้งแต่วันที่ 19 พฤษภาคมปีนี้ แต่เผอิญสื่อเยอรมันรายหนึ่ง ชื่อว่า คาร์ล ชูมัคเกอร์ (Karl Schumacher) ที่เขาเคยมีความประทับใจต่อบทบาท เรื่องราว ของอดีตทหารรัสเซียรายชื่อ ถึงกับเคยบินไปเชื้อเชิญมาให้สัมภาษณ์ออกโทรทัศน์เยอรมัน และมอบรางวัลยกย่องอะไรต่างๆ กันมากมาย เพิ่งจะโทรศัพท์ไปเจอลูกชายของพันโท เปตรอฟ เมื่อช่วงวันที่ 9 กันยาฯ ที่ผ่านมานี่เอง เมื่อได้รับแจ้งว่าพ่อตายไปหลายเดือนแล้ว สื่อเยอรมันรายนี้เลยอดไม่ได้ที่จะนำเรื่องราวของ บุรุษผู้ช่วยกอบกู้โลก ชาวรัสเซีย มาเผยแพร่ไว้ในเว็บไซต์ของตัวเองกันอีกครั้ง...
การช่วยกอบกู้โลกของนายทหารตัวเล็กๆ และออกจะเป็น ปุถุชนคนธรรมดา เอามากๆ อย่างพันโท สตานิสลาฟ เปตรอฟ นั้น อุบัติขึ้นมาในช่วงบรรยากาศที่ต้องเรียกว่า...ตึงเครียดไม่น้อยไปกว่าการขู่กันไป-ขู่กันมา ระหว่าง คิมน้อย กับ ทรัมป์บ้า ในช่วงนี้ คือตั้งแต่ช่วงต้นเดือนกันยาฯ ปี ค.ศ.1983 ระหว่างที่เครื่องบินสายการบิน Korean Air Lines เที่ยวบินที่ 007 ของเกาหลีใต้ ดันบินหลงเข้าไปในน่านฟ้าโซเวียต กองทัพโซเวียตที่กำลังเต็มไปด้วยอาการทางประสาทไม่ต่างไปจากกองทัพเกาหลีเหนือในช่วงนี้ เลยตัดสินใจสอยเครื่องบินลำดังกล่าว ส่งผลให้ผู้โดยสาร 269 คนตายเรียบ ซึ่งหนึ่งในจำนวนนั้น คือสมาชิกรัฐสภาชาวอเมริกันผู้มีชื่อว่า ลาร์รี แมคโดนัลด์ (Larry Patton McDonald) ที่ถือเป็นพวกขวาจัด หรือนักต่อต้านคอมมิวนิสต์ตัวยงแห่งรัฐจอร์เจีย จนเกิดการกล่าวหาตอบโต้กันไป-มาระหว่างอเมริกากับโซเวียต รัสเซีย ต่อเนื่องมาเป็นสัปดาห์ๆ ชนิดหาข้อสรุปลงตัวใดๆ แทบไม่ได้...
สถานที่ทำงานของ Stanislav Petrov ศูนย์ควบคุมดาวเทียมจารกรรม Serpukhov-15
ระหว่างช่วงบรรยากาศเช่นนั้นนั่นเอง...ในวันที่ 26 กันยายน ค.ศ.1983 ขณะที่พันโท สตานิสลาฟ เปตรอฟ นายทหารด้านเทคนิคของกองทัพโซเวียต ได้เข้าประจำการทำหน้าที่ตามปกติ คือการตรวจจับวัตถุต้องสงสัยที่อาจรุกล้ำเข้ามายังน่านฟ้าโซเวียต ณ ฐานปฏิบัติการ เซอร์ปูคอฟ-15 (Serpukhov-15) ในช่วงเวลาประมาณเที่ยงคืนกว่าๆ เขาก็เริ่มได้ยินเสียงสัญญาณสั้นๆ จากระบบคอมพิวเตอร์ตรวจการณ์ แจ้งถึงวัตถุต้องสงสัยที่ปรากฏขึ้นมาในจอเรดาร์ แรกๆ...อาจคิดได้ว่าเป็นแค่ความผิดพลาดของระบบคอมพิวเตอร์ แต่ไปๆ-มาๆ จำนวนวัตถุต้องสงสัย ไม่ได้ปรากฏขึ้นเพียงจุดเดียวเท่านั้น แต่ปรากฏพร้อมๆ กันถึง 5 จุด โดยต่างมุ่งตรงมายังน่านฟ้ารัสเซีย ไม่ต่างอะไรไปจากการมาถึงของเครื่องบินโจมตี หรือขีปนาวุธนิวเคลียร์ยังไงยังงั้น...
ดาวเทียมจารกรรม US-K or Oko ("eye") ติดตั้งกล้องเทเลสโคปกำลังสูง และ เครื่องตรวจจับสเปคตรัมรังสีอินฟราเรด วงโคจรเป็นรูปวงรี
พิธีส่งดาวเทียมจารกรรมของรัสเซียสู่อวกาศในปัจจุบัน ตัวดาวเทียมยังไม่มีรูปถ่ายดาวเทียมให้เห็น
ขณะที่ระบบแจ้งเตือนภัยและระบบตรวจจับสัญญาณของฐานปฏิบัติการ เซอร์ปูคอฟ นั้น คือระบบถูกออกแบบมาอย่างเป็นพิเศษ คือไม่ได้เพียงแค่ทำหน้าที่ดักจับวัตถุต้องสงสัยเท่านั้น แต่ยังรวมเอาระบบปฏิบัติการโจมตี ตอบโต้แบบอัตโนมัติผนวกรวมเข้าไปด้วย เพียงแค่นายทหารยศพันโทอย่าง สตานิสลาฟ เปตรอฟ เอื้อมมือไปกดปุ่มสีแดงข้างโต๊ะทำงานเมื่อไหร่ ขีปนาวุธนิวเคลียร์ของโซเวียตทั้งแผง ก็พร้อมจะเริ่มต้นทำงานแบบเต็มพิกัด โดยไม่จำเป็นต้องรอคำสั่งจากเครมลิน จากเคจีบี หรือจากผู้นำสูงสุดของโซเวียตรายใดเอาเลยแม้แต่น้อย...
มีภาพยนต์เกี่ยวกับเหตุการณ์สำคัญนี้
จากการให้สัมภาษณ์ แคธรีน ฮอว์คินส์ (Kathryn Hawkins) ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวบีบีซี เมื่อต้นปี ค.ศ.2009 หรือหลังเหตุการณ์ผ่านไปแล้วกว่า 20 ปี นายพันชาวรัสเซียผู้นี้ได้เปิดเผยถึงความรู้สึกในช่วงขณะนั้นว่า.... ช่วง 15 นาทีแรก เราทั้งหมดต่างตกอยู่ในอาการช็อก และไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อไปดี คือถ้าตัดสินใจโดดไปกดปุ่มสีแดงในห้องปฏิบัติการในช่วงนั้น ป่านนี้...โลกทั้งโลกคงไม่ต้องเสียเวลามาหวาดผวากับเรื่องคิมน้ง คิมน้อย อะไรกันอีกต่อไปแล้ว หรือมันคงราพณาสูรไปเรียบโร้ยย์ย์ย์แล้ว นับตั้งแต่ช่วงนั้น ด้วยจำนวนขีปนาวุธติดหัวรบนิวเคลียร์ไม่น้อยไปกว่า 31,000 หัวรบ ซึ่งมหาอำนาจทั้งสองฝ่ายต่างกำเอาไว้ในมือ หนีไม่พ้นต้องโผพุ่งข้ามฟ้า ข้ามน้ำ ข้ามประเทศ หล่นใส่หัวกบาลของมวลมนุษยชาตินับเป็นร้อยๆ พันๆ ล้าน เด๊ดสะมอเร่ อิน เดอะ เท่งทึง กันไปทั้งโลกอย่างมิพึงต้องสงสัย!!! แต่ด้วยสามัญสำนึกแบบ ปุถุชนคนธรรมดา ที่ไม่ได้มีเรื่องการมง การเมือง ความบ้าชาติ คลั่งชาติใดๆ เข้าไปเกี่ยวข้องอะไรมากมายนัก นายทหารตัวเล็กๆ ระดับแค่พันโท อย่าง สตานิสลาฟ เปตรอฟ จะช่วยโลก กอบกู้โลก เอาไว้ได้ด้วยวิธีไหน อันนี้...คงต้องขออนุญาตลากยาวไปต่อวันพรุ่งนี้ก็แล้วกัน...
http://www.thaipost.net/?q=node/35669