เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2560 ที่ผ่านมา ผมกับแฟน ได้ไปเที่ยวสิงคโปร์กัน
เริ่มจากจองตั๋วเครื่องบินไว้ 3 เดือน ได้สายการบินสกูตร พอไปถึงสนามบินสุวรรณภูมิ แผนแรกทีวางไว้ ไปเลานจ์ King Power เนื่องจากมีบัตรเครดิต King Power ของ SCB ยื่นบัตรพร้อม บอดิ้งพาส แบบว่าแฟนซื้อข้าวขนมเตรียมไว้กินตอนเช้า ก็เก็บไว้ กินโจ๊กไก่ กับขนมในเลานจ์ จนอิ่ม ก็ไปรอขึ้นเครื่องที่ Gate พอถึงเครื่อง คืออะไร สภาพเครื่องบินเก่ากว่าแอร์เอเชียอีก ก็เดินทางราบรื่นครับจนถึงสิคโปร์
ลงเครื่องปุ๊บ เนื่องจากไม่มีกระเป๋าโหลด เลยเดินมาต่อรถไฟภายในจาก T2 ไป T1 (T=Terminal) เดินไกลมากกกก กว่าจะถึงเลานจ์ plaza premium lounge ผมมีบัตรเครดิต JCB platinum โดยให้แฟนทำบัตรเสริมไว้อีกคน ยื่นบัตรพร้อมบอรดิ้งพาส กินฟรีมื้อเที่ยงอีกแล้วสินะ ก็ได้ทานข้าวมันไก่สิงคโปร์ มิโซะญี่ปุ่น ฯลฯ ไป หลักงจากทานอิ่ม เราก็ไปที่ ต.ม. ที่ T1 ครับ พอยื่นพาสปอรต์ให้ปุ๊บ ต.ม.มองหน้าแล้วถามว่า ทำไมคุณลงเครื่องที่ T2 แล้วมาออกที่ T1 ผมก็ตอบว่า มาที่เลานจ์ ตรงนั้นมา ต.ม.ถามต่อแล้วกระเป๋าเดินทางล่ะ ไม่ไปเอาหรอ เราก็ตอบว่าไม่มีอยู่ในกระเป๋าที่หิ้วมา คุณมากับภรรยาหรอ เราตอบว่าใช่ แล้วของโหลดของภรรยาล่ะ แล้วนามสกุลไม่ตรงกับข้อมูลเดิม ได้เอาพาสปอร์ตเล่มเดิมมามั้ย เราตอบว่าไม่ได้เอามา พร้อมยื่นบัตรประชาชนของเราให้ดูว่า นามสกุลเราสะกดแบบนี้ถูกกว่า แล้วก็ให้เราเขียนแก้ที่บัตรเข้าเมือง ปั้ม Visa ให้ ผ่าน....... พร้อมกับบอกว่า you มา T2 ก็ต้องออกที่ T2 นะ มาออกข้าม T ไม่ได้ OK Thank you
แล้วเราก็นั่งรถไฟ MRT ไปลงที่ สถานี aljiunied เดินมาเรื่อยๆ อ้าว lor 24 ยังไม่ถึงนิ เลยต้องขึ้นรถเมล์สายมั่วๆ ไปลงที่ lor10 ที่พัก พอไปถึงที่พักบอกว่า you มาผิดโรงแรมแล้ว โรงแรม You อยู่ ข้างๆ อ้าวหรอ พอมาถึงโรงแรม บอกให้เรารอ บอว่าห้องยังทำความสะอาดไม่เสร็จ ตอนนั้นก็ปาไป บ่าย 3 กว่าๆ ละ วางแผนไว้ละต้องไปตามแผน คือ Botanic Gardens คิดภาพไว้ว่าเป็นสวนสาธารณะที่ใหญ่มากๆ พอนั่งรถMRT ไป ถึงสถานีของสวนพอดี ดูตื่นตาตื่นใน มีพืชพันธุ์หลากหลาย แต่เราไม่ได้ไปสวนกล้วยไม้ แต่เดินๆ รอบๆ แล้วก็ไม่ได้กว้างมาก แต่รวมๆ สวยดี น่าไปพักผ่อน คนไปวิ่งกันเยอะ
จากนั้นเราก็ไป Marina Barrage นั่งไปลงสถานี Bayfront ทางออก B ตามรีวิวก่อนๆ ปรากฏว่าเราไปโบกรถเมล์สาย 400 แล้วมันไม่ใช่ เค้าบอกว่าให้เราไปขึ้นที่อีกป้ายหนึง ซึ่งไกลมาก พอเดินไปตามทางวิวมันก็สวยดี เห็นทั้ง เมอไลออน มาริน่าเบย์ คืออยู่ระหว่างกลางเลย
จากนั้นก็ไปที่ป้ายรถเมล์ ขึ้นรถเมล์สาย 400 ไปจนถึง Marina Barrage เดินเข้าไป เอะ มันใช่หรอ ไม่เห็นสนามหญ้าเหมือนในรีวิวเลย ก็เลยเดินขึ้นทางเนินไป จนถึงชั้นบน ว๊าว ที่นี่ นี่เอง สนามหญ้าตามรีวิวก่อนๆ วิวสวยจจริงๆ เห็นครบ
จากนั้นเราก็หิวข้าวครับ เลยไปหา Food center เดินไปเรื่อยๆ เป็น Food center ของ การ์เด้นบายเดอะเบย์ (แพงจุง) ก็เลยไม่กินครับ เดินไปเรื่อยๆ จนถึงการ์เด้นบายเดอะเบย์ แวะร้านแมคโดนัลซักแป๊บหนึง ลองเปิด wifi ใช้ wifi ร้านแมคฯ ได้ฟรีด้วย ดีจัง ข้อความไลน์ เข้ามาเพียบเลย หลังจากกินไอติมที่ร้านแมคโดนัล พออยู่ท้องแล้ว ก็หาทางกลับ MRT ก็ต้องเดินลัดสวนการ์เด้นบายเดอะเบย์ไป สวยมากครับไปตอนกลางคืน ดู Unseen ดี แล้วก็เดินมาเรื่อยๆ ข้ามสระบัวเรืองแสง ข้ามสะพาน ตรงไปเรื่อยๆ ก็เข้ามาริน่าเบย์ ครับ ระหว่างทางวิวสวยๆ ทั้งนั้นต้องไปเห็นด้วยตาตัวเอง
แล้วก็เดินเข้าห้าง Marinabay แปลกที่ห้างเค้าเปิดไฟให้สลัวๆ ไม่สว่างไสว เหมือนบ้านเรา จากนั้นเราก็เดินไปจนถึง MRT กะจะไป Maxwell กินข้าวก่อนกลับ แต่ไปลง Chinatown แล้วดันหลงครับ ไปที่ People pak แทน แต่ของกินอาหารจีนเยอะมาก เมนู หมาล่า(ชาบูเผ็ดๆของจีน) เยอะมาก ผมก็เลยเลือกที่ร้านอาหารญี่ปุ่นร้านหนึง มีซามอนย่าง กับหมุทอด ข้าว เป็นเบนโต่ะ รสชาติอร่อยดีครับ ส่วนแฟนสั่งไก่ผัดกับกระหล่ำปลี นี่แหละ ได้ไก่เยอะมาก หมดไปคนละ 5 เหรียญ แล้วจากนั้น เราก็นั่งรถเมล์กลับครับ เพระแอพ Singapore Map ช่วยชีวิตไว้ ส่วนใหญ่เราเลยนั่งรถเมล์กันครับ
วันที่ 17 กันยายน 2560
วันนี้เราออกห้องกันตั้งแต่ 8 โมงเช้าครับ เพื่อไปสะพาน Henderson Wave Bridge เราก็เลยนั่งรถเมล์สาย 100 ไปลงที่ห้าง vivo แล้วไปกินข้าวที่ศูนย์อาหารที่ท่ารถ HarbourFront แล้วก็เดินข้ามฝั่งไปต่อรถเมล์สาย 145 ไปที่สะพานครับ
ทางขึ้นชันดีครับ ถึงข้างบนถึงกับหอบกันทีเดียว
วิวสวยดีครับ ธรรมชาติเขียวๆ สบายตา
ตอนแรกผมกะเดินป่าเข้าไปให้ครบ 10 กม. แต่แฟนก็บ่นไม่ไหวครับหน้าบูดเลย เลยลงกลางทางครับ แล้วก็ไปต่อรถเมล์ 2 ต่อ ไป universal studio แอพ singapore map ช่วยบอกเส้นทางรถเมล์ได้เยอะครับ ไปจอดถึงด้านในเลยครับไม่ต้องเมื่อยเดิน ขึ้นบรรไดเลื่อนปุ๊บถึงเลย
วันนี้ไม่รู้เป็นวันอะไรครับ คนมาเล่นเครื่องเล่นน้อยมากกกก ไม่ได้ประชดนะ แบบว่าไปต่อคิวเครื่องเล่นอะไรไม่เกิน 5 นาทีครับ งง เหมือนกัน ว่าวันนี้วันดีคนคงมาเล่นกันน้อย แต่มาครั้งนี้คงไม่ได้มาอีกนาน เพราะเล่นมาหมดแล้ว ขากลับเราเดินกลับไปที่ห้าง vivo เดินทางเชื่อมทางเลื่อนมาสบายๆ ครับ
ขากลับเราก็ไปห้าง vivo กันต่อ ร้าน Diso ของถูกหลายอย่างครับ ขนมก็เยอะ ผมเหมา กางเกงในชายมา 4 ตัวเลย เพราะชอบแบบบ๊อกเซอร์ ตัวละ 50 บาทถูกมาก ที่ไทย ถูกสุดก็ร้อยกว่าบาทแล้ว จากนั้นก็ไปกินข้าวที่ food republic เอะ....ทำไมมันแพงกว่าครั้งก่อน จากนั้นก็ไปห้างแถว Chinatowm ฝนก็ตกหนัก ชอบสิงคโปร์ที่ ห้างแต่ละห้างมีทางเชื่อมเดินถึงกันไม่ต้องเปียกฝนหรือลุยฝน จากนั้นก็นั่งรถเมล์กลับครับ วันนี้ขาลากมากกก
วันที่ 18 กันยายน 2560
วันนี้วันช๊อปปิ้งครับ ตื่นเช้ามา ออกห้อง 8 โมง ก็ไปที่ร้านมุฟตาฟา เค้าคงจัดห้างใหม่ ดูการจัดวางแล้วเปลี่ยนไปหมดเลย ก่อนไปก็แวะกินร้านอาหารจีนใกล้ๆ ผมสั่งบะหมี่ผัด กับหอยจ๊อ 2 เหรียญเอง ส่วนแฟนข้าวมันไก่ ซื้อของเสร็จก็เกือบ 10 โมง เลยไปห้าง Ion Orchard ต่อ กะไปร้าน Diso หาทางไป B4 ยากมาก กว่าจะเดินหาเจอเสียเวลาเกือบ ชม. มาเที่ยวที่นี่ มือถือใช้ เน็ตได้แต่ดันใช้ facebook กับ LINE ไม่ได้ ต้องไปห้างหรือสถานที่ใหญ่ๆ จะมี Wifi ฟรีให้ใช้ครับ ซื้อของเสร็จก็ไปกินมื้อเที่ยงที่ Maxwell food center แต่ก่อนจะไปกินผ่านวัดพระเขี้ยวแก้ว ก็แวะนมัสการ ก่อนไปครับ
พอถึงศูนย์อาหาร คนเยอะมาก คิวก็ยาว โต๊ะก็เต็ม คนก็เยอะ ร้อนก็ร้อน ข้าวมันไก่กินมา 3 วันติดละ มื้อนี้พอก่อนละกัน กว่าจะถึงโรงแรมก็เกือบบ่าย 3 แล้ว รีบไปเอากระเป่า นั่งรถเมล์ต่อMRT ไปสนามบินต่อ
ถึงสนามบินก็เกือบๆ 4 โมงเย็น เช็คอินผ่านตู้อัตโนมัติเสร็จ ก็ไป เลานจ์ plaza primum lounge ต่อเดินไกลเหมือนเดิม ต้องต่อรถไฟ T2 ไป T1 เดินอีก 300 เมตร ก็นั่งพักกินอาหารที่เลานจ์ เสร็จก็เกือล 5 โมงเย็น (เครื่องออก 6 โมงเย็น) เราก็เดินไปเรื่อยๆ ครับจนถึงเกต F25 ตามบอร์ดดิ้งพาส ตอนนั้นเวลา 17.40 แล้ว ต่อคิวจนถึงตรวจกระเป๋าก่อนเข้าเกต ต.ม.บอกว่า you มาผิดเกตนะ you ต้องไปเกต E8 เราก็ งง ไปดูหน้าจอทีวีแสดงสถานะ E8 กรุงเทพสุวรรณภูมิ Final call คือต้องวิ่งแล้วสินะ แล้วผมกับแฟนเราก็วิ่งใส่เกียร์หมา เลยครับป้ายบอกว่าเดินไปเกต E ใช้เวลา 19 นาที รถลากกระเป่าช่างมัน แบกกระเป๋าวิ่งแล้ว พอไปถึงหน้า ปากทาง เกต E8 หน้าจอแสดงสถาน Gate close หะ.......ตกเครื่องแล้วหรอ แฟนบอกให้วิ่งต่อไป เราก็รีบวิ่งไปจนถึงเกต E8 ด้วยหน้าตาตื่นเหงื่อแตกเต็มตัว ต.ม.บอกว่า ทันๆ ก็เลยรีบให้ตรวจกระเป๋า รีบเดินเข้าเครื่องครับ พอถึงเครื่อง กัปตันบอกว่าเนื่องจากสภาพอากาศแย่ late 40 นาทีนะ เอิ่ม.............
ข้อคิดที่ได้จากการเที่ยวครั้งนี้
1.ใช้พ๊อกเกต wifi ดีกว่านะ ชัวร์ว่าใช้เน็ตได้
2.ถ้าใช้ซิม ใช้ยี่ห่อ singtel ละกัน
3.ถ้ามีบัตรเครดิต ควรทำบัตร JCB Platinum ไว้ครับ เข้าเลานจ์ที่ต่างประเทศฟรี ยกเว้นประเทศไทย
4.บัตรเครดิต King power Platinum มีไว้ก็ดี มี 1ใบ เข้าได้ 2 คน
5.ถ้าคิดว่าใช้เน็ตน้อยไม่ต้องซื้อซิม หรือเช่า pocket wifi ก็ได้ ให้ไปตามร้าน Macdonal ห้างใหญ่ ๆ สถานที่ใหญ่ มี wifi ฟรี ให้ใช้เสมอ ดูสัญญาณที่ไม่ได้มีรูปตัวล๊อคกุญแจ ไว้ กรอกข้อมูลนิดหน่อยก็ใช้ wifi ฟรีได้แล้ว
6.ได้บอร์ดดิ้งพาส แล้วอย่าเชื่อมาก ให้ดูหน้าจอแสดงสถานะด้วย ว่าขึ้นเกตอะไร เดี๋ยวจะได้วิ่งตีนหมาแบบผม วิ่งไม่ทันตกเครื่องซวยอีก
7.อาหารอร่อยบางทีก็ไม่มีในรีวิวนะ
8.ภาพที่สวยงามคือภาพที่เราเห็นด้วยตา ไม่ใช่ภาพถ่าย
ขอบคุณที่อ่านจบครับ
เที่ยวสิงคโปร์ แบบมีแผน + ไม่มีแผน + ผิดแผน
เริ่มจากจองตั๋วเครื่องบินไว้ 3 เดือน ได้สายการบินสกูตร พอไปถึงสนามบินสุวรรณภูมิ แผนแรกทีวางไว้ ไปเลานจ์ King Power เนื่องจากมีบัตรเครดิต King Power ของ SCB ยื่นบัตรพร้อม บอดิ้งพาส แบบว่าแฟนซื้อข้าวขนมเตรียมไว้กินตอนเช้า ก็เก็บไว้ กินโจ๊กไก่ กับขนมในเลานจ์ จนอิ่ม ก็ไปรอขึ้นเครื่องที่ Gate พอถึงเครื่อง คืออะไร สภาพเครื่องบินเก่ากว่าแอร์เอเชียอีก ก็เดินทางราบรื่นครับจนถึงสิคโปร์
ลงเครื่องปุ๊บ เนื่องจากไม่มีกระเป๋าโหลด เลยเดินมาต่อรถไฟภายในจาก T2 ไป T1 (T=Terminal) เดินไกลมากกกก กว่าจะถึงเลานจ์ plaza premium lounge ผมมีบัตรเครดิต JCB platinum โดยให้แฟนทำบัตรเสริมไว้อีกคน ยื่นบัตรพร้อมบอรดิ้งพาส กินฟรีมื้อเที่ยงอีกแล้วสินะ ก็ได้ทานข้าวมันไก่สิงคโปร์ มิโซะญี่ปุ่น ฯลฯ ไป หลักงจากทานอิ่ม เราก็ไปที่ ต.ม. ที่ T1 ครับ พอยื่นพาสปอรต์ให้ปุ๊บ ต.ม.มองหน้าแล้วถามว่า ทำไมคุณลงเครื่องที่ T2 แล้วมาออกที่ T1 ผมก็ตอบว่า มาที่เลานจ์ ตรงนั้นมา ต.ม.ถามต่อแล้วกระเป๋าเดินทางล่ะ ไม่ไปเอาหรอ เราก็ตอบว่าไม่มีอยู่ในกระเป๋าที่หิ้วมา คุณมากับภรรยาหรอ เราตอบว่าใช่ แล้วของโหลดของภรรยาล่ะ แล้วนามสกุลไม่ตรงกับข้อมูลเดิม ได้เอาพาสปอร์ตเล่มเดิมมามั้ย เราตอบว่าไม่ได้เอามา พร้อมยื่นบัตรประชาชนของเราให้ดูว่า นามสกุลเราสะกดแบบนี้ถูกกว่า แล้วก็ให้เราเขียนแก้ที่บัตรเข้าเมือง ปั้ม Visa ให้ ผ่าน....... พร้อมกับบอกว่า you มา T2 ก็ต้องออกที่ T2 นะ มาออกข้าม T ไม่ได้ OK Thank you
แล้วเราก็นั่งรถไฟ MRT ไปลงที่ สถานี aljiunied เดินมาเรื่อยๆ อ้าว lor 24 ยังไม่ถึงนิ เลยต้องขึ้นรถเมล์สายมั่วๆ ไปลงที่ lor10 ที่พัก พอไปถึงที่พักบอกว่า you มาผิดโรงแรมแล้ว โรงแรม You อยู่ ข้างๆ อ้าวหรอ พอมาถึงโรงแรม บอกให้เรารอ บอว่าห้องยังทำความสะอาดไม่เสร็จ ตอนนั้นก็ปาไป บ่าย 3 กว่าๆ ละ วางแผนไว้ละต้องไปตามแผน คือ Botanic Gardens คิดภาพไว้ว่าเป็นสวนสาธารณะที่ใหญ่มากๆ พอนั่งรถMRT ไป ถึงสถานีของสวนพอดี ดูตื่นตาตื่นใน มีพืชพันธุ์หลากหลาย แต่เราไม่ได้ไปสวนกล้วยไม้ แต่เดินๆ รอบๆ แล้วก็ไม่ได้กว้างมาก แต่รวมๆ สวยดี น่าไปพักผ่อน คนไปวิ่งกันเยอะ
จากนั้นเราก็ไป Marina Barrage นั่งไปลงสถานี Bayfront ทางออก B ตามรีวิวก่อนๆ ปรากฏว่าเราไปโบกรถเมล์สาย 400 แล้วมันไม่ใช่ เค้าบอกว่าให้เราไปขึ้นที่อีกป้ายหนึง ซึ่งไกลมาก พอเดินไปตามทางวิวมันก็สวยดี เห็นทั้ง เมอไลออน มาริน่าเบย์ คืออยู่ระหว่างกลางเลย
จากนั้นก็ไปที่ป้ายรถเมล์ ขึ้นรถเมล์สาย 400 ไปจนถึง Marina Barrage เดินเข้าไป เอะ มันใช่หรอ ไม่เห็นสนามหญ้าเหมือนในรีวิวเลย ก็เลยเดินขึ้นทางเนินไป จนถึงชั้นบน ว๊าว ที่นี่ นี่เอง สนามหญ้าตามรีวิวก่อนๆ วิวสวยจจริงๆ เห็นครบ
จากนั้นเราก็หิวข้าวครับ เลยไปหา Food center เดินไปเรื่อยๆ เป็น Food center ของ การ์เด้นบายเดอะเบย์ (แพงจุง) ก็เลยไม่กินครับ เดินไปเรื่อยๆ จนถึงการ์เด้นบายเดอะเบย์ แวะร้านแมคโดนัลซักแป๊บหนึง ลองเปิด wifi ใช้ wifi ร้านแมคฯ ได้ฟรีด้วย ดีจัง ข้อความไลน์ เข้ามาเพียบเลย หลังจากกินไอติมที่ร้านแมคโดนัล พออยู่ท้องแล้ว ก็หาทางกลับ MRT ก็ต้องเดินลัดสวนการ์เด้นบายเดอะเบย์ไป สวยมากครับไปตอนกลางคืน ดู Unseen ดี แล้วก็เดินมาเรื่อยๆ ข้ามสระบัวเรืองแสง ข้ามสะพาน ตรงไปเรื่อยๆ ก็เข้ามาริน่าเบย์ ครับ ระหว่างทางวิวสวยๆ ทั้งนั้นต้องไปเห็นด้วยตาตัวเอง
แล้วก็เดินเข้าห้าง Marinabay แปลกที่ห้างเค้าเปิดไฟให้สลัวๆ ไม่สว่างไสว เหมือนบ้านเรา จากนั้นเราก็เดินไปจนถึง MRT กะจะไป Maxwell กินข้าวก่อนกลับ แต่ไปลง Chinatown แล้วดันหลงครับ ไปที่ People pak แทน แต่ของกินอาหารจีนเยอะมาก เมนู หมาล่า(ชาบูเผ็ดๆของจีน) เยอะมาก ผมก็เลยเลือกที่ร้านอาหารญี่ปุ่นร้านหนึง มีซามอนย่าง กับหมุทอด ข้าว เป็นเบนโต่ะ รสชาติอร่อยดีครับ ส่วนแฟนสั่งไก่ผัดกับกระหล่ำปลี นี่แหละ ได้ไก่เยอะมาก หมดไปคนละ 5 เหรียญ แล้วจากนั้น เราก็นั่งรถเมล์กลับครับ เพระแอพ Singapore Map ช่วยชีวิตไว้ ส่วนใหญ่เราเลยนั่งรถเมล์กันครับ
วันที่ 17 กันยายน 2560
วันนี้เราออกห้องกันตั้งแต่ 8 โมงเช้าครับ เพื่อไปสะพาน Henderson Wave Bridge เราก็เลยนั่งรถเมล์สาย 100 ไปลงที่ห้าง vivo แล้วไปกินข้าวที่ศูนย์อาหารที่ท่ารถ HarbourFront แล้วก็เดินข้ามฝั่งไปต่อรถเมล์สาย 145 ไปที่สะพานครับ
ทางขึ้นชันดีครับ ถึงข้างบนถึงกับหอบกันทีเดียว
วิวสวยดีครับ ธรรมชาติเขียวๆ สบายตา
ตอนแรกผมกะเดินป่าเข้าไปให้ครบ 10 กม. แต่แฟนก็บ่นไม่ไหวครับหน้าบูดเลย เลยลงกลางทางครับ แล้วก็ไปต่อรถเมล์ 2 ต่อ ไป universal studio แอพ singapore map ช่วยบอกเส้นทางรถเมล์ได้เยอะครับ ไปจอดถึงด้านในเลยครับไม่ต้องเมื่อยเดิน ขึ้นบรรไดเลื่อนปุ๊บถึงเลย
วันนี้ไม่รู้เป็นวันอะไรครับ คนมาเล่นเครื่องเล่นน้อยมากกกก ไม่ได้ประชดนะ แบบว่าไปต่อคิวเครื่องเล่นอะไรไม่เกิน 5 นาทีครับ งง เหมือนกัน ว่าวันนี้วันดีคนคงมาเล่นกันน้อย แต่มาครั้งนี้คงไม่ได้มาอีกนาน เพราะเล่นมาหมดแล้ว ขากลับเราเดินกลับไปที่ห้าง vivo เดินทางเชื่อมทางเลื่อนมาสบายๆ ครับ
ขากลับเราก็ไปห้าง vivo กันต่อ ร้าน Diso ของถูกหลายอย่างครับ ขนมก็เยอะ ผมเหมา กางเกงในชายมา 4 ตัวเลย เพราะชอบแบบบ๊อกเซอร์ ตัวละ 50 บาทถูกมาก ที่ไทย ถูกสุดก็ร้อยกว่าบาทแล้ว จากนั้นก็ไปกินข้าวที่ food republic เอะ....ทำไมมันแพงกว่าครั้งก่อน จากนั้นก็ไปห้างแถว Chinatowm ฝนก็ตกหนัก ชอบสิงคโปร์ที่ ห้างแต่ละห้างมีทางเชื่อมเดินถึงกันไม่ต้องเปียกฝนหรือลุยฝน จากนั้นก็นั่งรถเมล์กลับครับ วันนี้ขาลากมากกก
วันที่ 18 กันยายน 2560
วันนี้วันช๊อปปิ้งครับ ตื่นเช้ามา ออกห้อง 8 โมง ก็ไปที่ร้านมุฟตาฟา เค้าคงจัดห้างใหม่ ดูการจัดวางแล้วเปลี่ยนไปหมดเลย ก่อนไปก็แวะกินร้านอาหารจีนใกล้ๆ ผมสั่งบะหมี่ผัด กับหอยจ๊อ 2 เหรียญเอง ส่วนแฟนข้าวมันไก่ ซื้อของเสร็จก็เกือบ 10 โมง เลยไปห้าง Ion Orchard ต่อ กะไปร้าน Diso หาทางไป B4 ยากมาก กว่าจะเดินหาเจอเสียเวลาเกือบ ชม. มาเที่ยวที่นี่ มือถือใช้ เน็ตได้แต่ดันใช้ facebook กับ LINE ไม่ได้ ต้องไปห้างหรือสถานที่ใหญ่ๆ จะมี Wifi ฟรีให้ใช้ครับ ซื้อของเสร็จก็ไปกินมื้อเที่ยงที่ Maxwell food center แต่ก่อนจะไปกินผ่านวัดพระเขี้ยวแก้ว ก็แวะนมัสการ ก่อนไปครับ
พอถึงศูนย์อาหาร คนเยอะมาก คิวก็ยาว โต๊ะก็เต็ม คนก็เยอะ ร้อนก็ร้อน ข้าวมันไก่กินมา 3 วันติดละ มื้อนี้พอก่อนละกัน กว่าจะถึงโรงแรมก็เกือบบ่าย 3 แล้ว รีบไปเอากระเป่า นั่งรถเมล์ต่อMRT ไปสนามบินต่อ
ถึงสนามบินก็เกือบๆ 4 โมงเย็น เช็คอินผ่านตู้อัตโนมัติเสร็จ ก็ไป เลานจ์ plaza primum lounge ต่อเดินไกลเหมือนเดิม ต้องต่อรถไฟ T2 ไป T1 เดินอีก 300 เมตร ก็นั่งพักกินอาหารที่เลานจ์ เสร็จก็เกือล 5 โมงเย็น (เครื่องออก 6 โมงเย็น) เราก็เดินไปเรื่อยๆ ครับจนถึงเกต F25 ตามบอร์ดดิ้งพาส ตอนนั้นเวลา 17.40 แล้ว ต่อคิวจนถึงตรวจกระเป๋าก่อนเข้าเกต ต.ม.บอกว่า you มาผิดเกตนะ you ต้องไปเกต E8 เราก็ งง ไปดูหน้าจอทีวีแสดงสถานะ E8 กรุงเทพสุวรรณภูมิ Final call คือต้องวิ่งแล้วสินะ แล้วผมกับแฟนเราก็วิ่งใส่เกียร์หมา เลยครับป้ายบอกว่าเดินไปเกต E ใช้เวลา 19 นาที รถลากกระเป่าช่างมัน แบกกระเป๋าวิ่งแล้ว พอไปถึงหน้า ปากทาง เกต E8 หน้าจอแสดงสถาน Gate close หะ.......ตกเครื่องแล้วหรอ แฟนบอกให้วิ่งต่อไป เราก็รีบวิ่งไปจนถึงเกต E8 ด้วยหน้าตาตื่นเหงื่อแตกเต็มตัว ต.ม.บอกว่า ทันๆ ก็เลยรีบให้ตรวจกระเป๋า รีบเดินเข้าเครื่องครับ พอถึงเครื่อง กัปตันบอกว่าเนื่องจากสภาพอากาศแย่ late 40 นาทีนะ เอิ่ม.............
ข้อคิดที่ได้จากการเที่ยวครั้งนี้
1.ใช้พ๊อกเกต wifi ดีกว่านะ ชัวร์ว่าใช้เน็ตได้
2.ถ้าใช้ซิม ใช้ยี่ห่อ singtel ละกัน
3.ถ้ามีบัตรเครดิต ควรทำบัตร JCB Platinum ไว้ครับ เข้าเลานจ์ที่ต่างประเทศฟรี ยกเว้นประเทศไทย
4.บัตรเครดิต King power Platinum มีไว้ก็ดี มี 1ใบ เข้าได้ 2 คน
5.ถ้าคิดว่าใช้เน็ตน้อยไม่ต้องซื้อซิม หรือเช่า pocket wifi ก็ได้ ให้ไปตามร้าน Macdonal ห้างใหญ่ ๆ สถานที่ใหญ่ มี wifi ฟรี ให้ใช้เสมอ ดูสัญญาณที่ไม่ได้มีรูปตัวล๊อคกุญแจ ไว้ กรอกข้อมูลนิดหน่อยก็ใช้ wifi ฟรีได้แล้ว
6.ได้บอร์ดดิ้งพาส แล้วอย่าเชื่อมาก ให้ดูหน้าจอแสดงสถานะด้วย ว่าขึ้นเกตอะไร เดี๋ยวจะได้วิ่งตีนหมาแบบผม วิ่งไม่ทันตกเครื่องซวยอีก
7.อาหารอร่อยบางทีก็ไม่มีในรีวิวนะ
8.ภาพที่สวยงามคือภาพที่เราเห็นด้วยตา ไม่ใช่ภาพถ่าย
ขอบคุณที่อ่านจบครับ