สวัสดีเพื่อน ๆ ชาวพันทิปค่ะ เรามีเรื่องเครียดเกี่ยวกับงาน ไม่รู้จะบ่นให้ใครฟัง ขอบ่นให้เพื่อน ๆ ฟังละกันนะคะ
เราเพิ่งเรียนจบ ป.ตรี ได้ 9 เดือนค่ะ จบปุ๊บก็เริ่มทำงานเลย ตอนนั้นเป็นช่วงเดือนธันวาคม เปิดเว็ปหางาน โทรไปสอบถามเรื่องการสมัครงานที่ไหนก็บอกว่าหลังปีใหม่จะเรียกสัมภาษณ์ โทรได้ 5-6 ที่ พูดเหมือนกันหมด เราเลยบอกกับตัวเองว่าที่ไหนรับเราเข้าทำงานเป็นที่แรกจะทำงานที่นั่น เพราะคนตกงานเป็นล้าน งานหายาก แล้วพอพ้นปีใหม่เราก็ได้งานแรกค่ะ
ที่แรก "พนักงานขาย" บริษัทใหญ่
เพื่อนเราชวนมาสมัครตำแหน่งเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ค่ะ มีใช้ภาษาอังกฤษบ้าง เอกสารนิดหน่อย ตรงกับที่เรียนมาและน่าจะทำได้ เราเลยไปสมัครทันที ช่วงเช้าทำข้อสอบ พอช่วงบ่ายเราได้ยินพี่เค้าพูดกันเองว่าน้องคนนี้ขายได้ แล้วก็เดินมาบอกเราว่า ประชาสัมพันธ์เงินเดือน 18k ทำงาน จ-ส 07.00-19.00น. นะ แล้วก็ส่งเราไปสัมภาษณ์กับ ผจก. + ผอ. ทั้งสองพูดโน้มน้าวให้เราไปลองขายดูก่อนไหม งานไม่หนัก ถ้าขายได้เดือนนึงได้เป็นแสน ขายไม่ได้ค่อยโยกไปทำตำแหน่งอื่น เซลล์มีฐานเงินเดือนให้ 15k จ-ศ 08.30-17.30 โปรเบชั่น 4 เดือน เราเลยตกลงทำ
พอเดือนกุมภา...เพื่อนเรา+พี่ในแผนกอีก 3 คนลาออก ส่วนเราใจแป้วเลยค่ะ ทำต่อถึงเดือนเมษา ชิงออกก่อนวันประเมินโปรสัปดาห์นึงค่ะ กลัวว่าถ้าผ่านโปรจะเสียดาย ไม่ผ่านโปรก็เสียใจ และเราตั้งใจจะหางานใหม่อยู่แล้ว เพราะงานเราต้องเดินทางสัปดาห์ละ 3-5 วัน ผจก ไม่ให้ขี่มอเตอร์ไซค์ ถ้าไปพบลูกค้าในเขต กทม ไม่ให้เอารถบริษัทไปใช้ ให้นั่งแท็กซี่แล้วมาเบิกเอา เราเคยถามว่าทำไมไม่ให้ขี่มอเตอร์ไซต์ ผจก ตอบว่าเพราะการขี่มอไซค์มันเหมือนเด็กกะโปโล...
เงินเดือนเรา 15,000 หักประกันสังคม หุ้นสหกรณ์บริษัท บัตรพนักงาน uniform ฌาปณกิจสงเคราะห์บริษัท เงินออมบริษัท = 13,000
ค่าหอ 3,300 ค่าน้ำ 150-200 ค่าไฟ 500-600 ค่าเน็ตหอ/มือถือ 900 = 5,000
ค่าแท็กที่ต้องออกพบลูกค้าวันละ ~400 x เดือนละ ~15 วัน = 6,000 บาท
บางทีไปใกล้ ๆ ที่เราเปิด GPS ดูละไปง่าย ๆ เราก็แอบขี่มอไซค์ไป พอไม่ตั้งเบิก ผจก ก็จะรู้ว่าไม่ได้นั่งแท็กซี่ไป หลัง ๆ เราเลยตั้งเบิกแบบไม่แนบใบเสร็จ (Grab Taxi จะมี e-slip) พอฝ่ายบัญชีทวงใบเสร็จเราบอกส่งไปเมลเก่า ลืมรหัสไปแล้ว (แล้วทำไมบางอันมีใบเสร็จล่ะ) มี 2 เครื่อง (ต่อไปนี้ให้ใช้ Grab เครื่องที่เข้าเมลได้)... ทำงาน 4 เดือน เงินที่ตั้งเบิกของเดือนแรกยังไม่ได้เลยค่ะ จนลาออกมาแล้ว คงไม่ได้แล้ว.....
ส่วนเรื่องโทรศัพท์... ทุกคนห้ามเอาเบอร์ออฟฟิศโทรออก (ล็อครหัส) ให้ใช้มือถือบริษัทโทร ส่วนคนที่ยังไม่ผ่านโปรให้ใช้มือถือของตัวเองหรือไม่ก็ยืมคนอื่นในออฟฟิศ แน่นอน!! ใครจะให้เซลใหม่ยืมทั้งวัน โทรเกินก็หักเงินเดือนคนถือเบอร์นั้น ตอนนั้นเราใช้โปรโทรฟรีค่ายฟ้า นอกค่ายนาทีละ 1.50 แต่ลูกค้านี่ีทุกค่ายเลยค่ะ เราเลยเปลี่ยนโปรเป็น 55 สต.ทุกเครือข่าย ตลอด 24 ชม (รวมภาษี 59 สต.) สรุปหมดค่าโทรไปเฉียด 3,000 ทุกเดือน เพราะต้องโทรหาลูกค้า โทรวนไป แนะนำตัวเอง แนะนำบริษัท ค่าโทรเบิกไม่ได้นะ เย่~~~
13,000-5,000-7,000-3,000= ??
ไม่นับเดือนที่ค่าแท็กเกิน 6,000 ค่ากิน นี่ยังไม่ได้ส่งให้พ่อแม่ ผ่อนบ้าน ผ่อนรถเลยนะคะ
ออกดิ รอไร!!!
ที่ที่ 2 "เจ้าหน้าที่ธุรการ" Home Office
ตกลงกันที่ 15k จ-ศ 8.30-17.30 เราคิดว่าจะทำงานนี้ได้นาน เพราะเพื่อนร่วมงานก็โอเค ไม่ค่อยคุยเล่นกัน ไม่สุงสิงกันมาก ผจก.ปากจัดมาก แต่เราไม่ค่อยชวนเขาคุยเล่น คิดว่าคงทำที่นี่ได้นานแล้วแหละ เลยย้ายหอใหม่ ไปใกล้ที่ทำงาน ราคาถูกลง (2,800 เน็ตฟรี 30mbps เชรดเข้ ไม่เคยเจอ ราคานี้ไม่รวมน้ำไฟ) รวมแล้วตกเดือนละไม่เกิน 3,500 บาทแน่นอน ไม่มีค่าเดินทางอีก เริศ! ทำงานได้ไม่ถึงเดือนเรารถชน (ฝนตก ถนนลื่น) ดันชนต่อหน้ารถกู้ภัยเลย พี่ ๆ ช่วยเหลือดีมาก ถามว่ามีประกันไหม เราบอกว่ามีค่ะ ของทิพย.... วงเงิน 5,000 พี่เค้าคุยกันไม่ถึงนาที ส่งเราไปเจ้าพระยาค่ะ เห็นค่าทำแผล อ้วกเลยค่ะ ดีนะมีประกันอุบัติเหตุ จ่ายเองพันต้น ๆ -..- เหตุการณ์เดือนแรกผ่านไป เงินเดือนออกได้รับ 14,000 บาท ด้วยความสงสัยค่ะว่าหักประกันสังคม 750 แล้วค่าอะไรอีก 250 + ไม่เห็นเอารายชื่อ รพ.มาให้เลือกสะที หรือว่าเขาเลือกใกล้ๆ ให้แล้วนะ ?? หรือเขาเลือก รพ.เดิมที่เราเคยเลือกไว้นะ ถ้าเกิดป่วยจะได้ใช้ประกันสังคม เพราะเราทำไว้แค่อุบัติเหตุ.... เราค่อนข้างกังวลเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายค่ะ เพราะไม่มีเงินสำรองแล้ว ไม่อยากกลับไปช็อตเหมือนตอนทำงานที่เก่า เราเลยตักสินใจถาม ผจก ชีบอกแค่ อ่อ จบเอกอังกฤษ เกรด 2.8 ยังไม่มีประสบการณ์ คิดว่าควรได้เท่าไหร่ เอาไป 14,000 ละกัน ผ่านโปรค่อยว่ากัน อ้อ ยังไม่เข้าประกันสังคมให้นะ ผ่านโปรก่อนเดี๋ยวเข้าให้ ถ้าไม่มีประสบการณ์เลยจ้างอยู่หมื่นนึงเองนะ ตอนนั้นแบบ... ฟังละเสียความรู้สึกมาก เราถามว่าได้ตามที่ขอไหมคะ เขาก็บอกว่าตามนั้นแหละ แต่นี่อะไรวะ เราคิดว่าอยู่ที่นี่คงไม่มีโอกาสได้ขึ้นเงินเดือนแน่ ๆ เราเลยเริ่มหางานใหม่ คราวนี้จะเลือกดี ๆ ใจเย็น ๆ มานั่งคิดว่าตัวเองอยากทำอาชีพอะไร เปิด jobthai จนเดือนที่สองผ่านไป เข้าสู่เดือนที่สาม คุณญาติเราเป็น HR บริษัทแห่งหนึ่งทักมาชวนไปสมัคร เงินเดือนเย้ายวนใจมาก ทำงาน 5 วัน เอ้าาาา ไปสมัครบริษัทใหม่ดิรอไร!!! ใจมันไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว วันที่ไปสมัครเห็นทุกคนดูงานยุ่งมาก เราเตรียมใจเรื่องงานเยอะไว้ระดับนึง สรุปได้งานค่ะ ตกลงเงินเดือนกันที่ 17k ส่วนบริษัทเก่าจ่ายเงินเดือนมาครึ่งเดียว ในใจคิดว่าไม่เป็นไร ตรูได้ที่ใหม่แล้วโว้ยยยยย
ที่ที่ 3
วันแรกที่เข้าไปทำงาน เตรียมใจไว้แล้วว่างานคงแปรผันตรงกับเงินเดือน แต่สิ่งที่ไม่ได้เตรียมใจมาก่อนคือ ทำงานวันแรกยังไม่พ้นเที่ยง คุณญาติเราขอยืมเงิน 4,500 บอกว่าจะโอนค่าเสื้อผ้า แต่เพิ่งเปลี่ยนเบอร์ เวลาโอนเงินธนาคารจะส่งเลข OTP ไปเบอร์เก่าโอนไม่ได้ จะลงไปกดตู้ก็ไม่มีเวลาเพราะทำงาน ฝากโอนให้ก่อนเดี๋ยวตอนเย็นกดคืน เราเพิ่งจ่ายค่าห้องไป บอกชีญาติว่ามีไม่ถึง ชียืนยันเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าคืนตอนเย็นนี่แหละ ให้โอนให้คนขายก่อน เขาจะได้สบายใจว่าไม่โกง เพราะเอาของมาแล้ว เราเลยโอนให้หมด บช 3,800 บาท เป็น บช ของชีญาติเรา ตอนนั้นคิดในใจว่าทำไมไม่ให้ บช คนขายฟระ แต่ไม่กล้าถาม พอตอนเย็นชีญาติชิ่งกลับบ้านก่อนเลยค่า ไม่คืน โทรไป อ้างว่า atm หมดอายุวันนี้พอดี กดเงินไม่ได้ นี่รีบกลับบ้านจะไปรับลูกแล้วไปทำบัตร เราเลยชวนไปทำด้วยกัน เราอ้างว่าจะเปิด บช รับเงินเดือน ชีญาติบอก บช ที่ใช้อยู่เป็น บช สามี ต้องให้คุณสาเป็นคนทำ แต่เดี๋ยวนะ ที่โอนไปเมื่อกลางวันมันชื่อนางนี่... เริ่มคิดละว่าไม่ได้คืนแน่ ปาดน้ำตา ไม่เป็นไร เขาชวนมาทำงาน ถ้างานนี้ดีแล้วเขาไม่คืนก็จะยกให้เขาไป แล้วจะไม่ให้ยืมอีก จะได้ไม่ถือเป็นหนี้บุญคุณ
แล้วเราก็เจอเรื่องเซอร์ไพรส์เรื่อย ๆ
1.ชีญาติ HR บอกเวลาทำงาน 9.00-18.00น. ทำงานอาทิตย์ละ 5 วัน แต่ HR อีกคนบอก 6 วัน ต้องผ่านโปรก่อนถึงจะได้แค่ทำ 5 วัน 9.00-19.00น. ทำไปได้อาทิตย์นึงเริ่มกลับ 19.00-20.30 บางวัน 21.00+ กลับถึงบ้าน 21.30-22.00 ทุกวัน เพราะเคสลูกค้าค่อนข้างเยอะ บางวันรถติด บางวันติดฝน แอบเหนื่อย กลับมาอย่าหวังต้องทำอะไร อาบน้ำนอน เผชิญหน้ากับวันต่อไป
2.ถามชีญาติเรื่องเงินเดือน ชีบอกออกปกตินะ (ปกติของกรูวันที่ 30) แต่เอาเข้าจริงตัดรอบเงินเดือนวันที่ 26-25 ออกวันที่ 6 ของเดือนถัดไป ถ้าวันที่ 6 ติด ส-อา เลื่อนไปออกวันจันทร์ อ้าวเห้ย ไม่เหมือนที่คุยกันไว้นี่นา...
3.มาสายหักนาทีละ 3 บาท อันนี้โอเค หยุดงานไม่แจ้งล่วงหน้านาทีละ 3 บาท (นับยังไงวะ 8ชม*60*3 ???) ไม่มี OT *-*
4.ลาป่วย ถ้ายังไม่ผ่านโปร ต่อให้มีใบรับรองแพทย์ก็หักเงินตามฐานเงินเดือน
5.พักเที่ยงได้คนละ 60 นาที ถ้าเกินปรับนาทีละ 5 บาท แต่ถ้างานด่วนเข้าแล้วมัวแต่ทำงาน (นายจะเอาเดี๋ยวนี้) ถือว่าไม่ลงไปกินข้าวเอง พี่บางคนน่ารัก เขาก็เดินมาบอกให้วางงานแล้วไปกินข้าวก่อน ไม่งั้นคนอื่นเขาไม่รู้หรอกว่าเราทำงานหรือนั่งเล่น เขารู้แต่เราไปพักกลับมาเลท
6.ไม่ใช่เซลก็ขายได้ค่าคอม (wow) และ กำหนดยอดให้คนที่ไม่ใช่เซลก็ต้องทำยอดขาย
7.มีสวัสดิการโทรศัพท์มือถือให้ พนง. งบคนละ 200 นาทีต่อเดือน โทรเชิญผู้ถือหุ้นมาประชุมครั้งนึง 100+ รายก็ปาไปรายละ 2-3 นาทีละจ้า
8.อาจโดนลูกค้าโทรมาวีนตอน 5 ทุ่ม วันอาทิตย์ซึ่งเป็นวันหยุด หรืออาจจะโดนลูกค้าโทรมาปลุกตอนตี 4-5 หรือไลน์มาตอนเราพักเที่ยง พอเราตอบช้า 6 นาที ก็โทรเข้าเบอร์ออฟฟิศเพื่อ complain ซึ่งเพื่อนเรารับสายพอดี หรือ บังเอิญเรามือไวรับสายเอง
9.วันดีคืนดีก็จะได้แปลไทยเป็นภาษาอังกฤษ 30-40 หน้า เอาวันนี้ ดีลโรงแรม (อันนี้สนุก) ออกบูธ (สนุกแต่เหนื่อยมากกกกกก)
10.บางทีวันอาทิตย์ต้องเข้าออฟฟิศ (ไม่เต็มวัน)
ความรับผิดชอบงานเรา เราว่าก็เหมาะสมกับเงินเดือนแล้วแหละ ค่อนไปทางโคตรคุ้มเลยแหละ แล้วก็เหมือนงานที่แล้ว... คิดว่าจะทำได้นานแต่ก็น่าจะไม่นานละ เราคิดว่ากว่าเงินเดือนจะออกเลื่อนไปอีกอาทิตย์นึง แถมออกไม่เต็มเดือนอีก (1-25) เลยทวงตังคุณญาติ ชีบอกตอนเย็น ๆๆๆๆ ชีไม่รอกลับบ้านพร้อมกัน ชิ่งกลับก่อนตลอด วันไหนทะเลาะกับสาถึงจะกลับกับเรา แต่พอพูดเรื่องเงินนางจะบอกไว้ก่อน นางเครียดอยู่ จนเราเงินหมดจริง ๆ เหลือ 200 ขอเงินสดนางก่อน 100 นางให้ค่ะ แต่พอถามถึง 3,800 (ไม่นับรวมอเมซอนอีก 4-5 แก้วที่ฝากเราซื้อ) นางบ่ายเบี่ยงจนเราหมดความอดทน เราเลยไปทวงที่คอนโด คำตอบที่ได้จากชี main clause คือ "ไม่มี ไม่คืน" sub clause คือ คอนโดนี้ชีซื้อ 2 ล้านกว่า ต้องผ่อนเดือนละ 10,000+ ผ่อนรถอีกเดือนละ 10,000+ หนี้บัตรเครดิตสมัยสาว ๆ อีก 10,000+ ค่าเลี้ยงลูกอีก 20,000+ แต่ชีเงินเดือน 25,000 สามี 60,000+ เงินแค่นี้ไม่พอใช้ ยังไม่มีคืนหรอก เราแทบทรุด เห็นข้าวของที่ชีใช้ดี ๆ ทั้งนั้น ซื้อของเล่นให้ลูก 3-4 วัน ชิ้นนึง ชิ้นละ 500-2000 เสื้อผ้าลูก 1 ขวบ ตัวละ 200-300 ตอนนี้ฝากเนิร์สหน้าหมู่บ้านเดือนนึง 7000+ ชีบอกว่าชีต้องเลี้ยงลูก จะเป็นต้องให้เรียนเอกชนที่สังคมดี ๆ เพื่อลูกจะได้ไม่เป็นเด็กเหลือขอ ความคิดมันแล่นมาเลยว่า ทุกวันนี้กรูยังดูแลพ่อแม่ไม่ได้เลย ตัวกรูแทบไม่ชนเดือน แล้วทำไมต้องมาช่วยเลี้ยงลูกของลูกผู้น้องของแม่ ไอ้เด็ก 1 ขวบ ที่ใช้เงินเยอะกว่าเราหาได้ทั้งเดือนวะ
update: ตอนนี้ชียานแม่คืนแล้วค่ะ 3,000 บาท
มีอีกค่ะ พอเราขายได้ค่าคอม ชียานแม่ก็มาขอยืมตลอด พอไม่ให้ก็โกรธ บางทีค่าคอมก็ไม่ถึงมือเราค่ะ แต่พอถามบัญชี บัญชีบอกชื่อเราเซนเบิก /ปาดน้ำตา ตอนนี้เราท้อมาก อยากลาออก ไม่อยากทำงานกับชีญาติที่พอเจอหน้าก็เบะปาก มองบน หรือบางทีถลึงตาใส่ แล้วค่ะ
ตอนแรกตั้งใจจะสอบ TOEIC แล้วค่อยหางานใหม่ด้วยตัวเองที่คิดว่าจะทำได้จริง ๆ แต่พอเจอคุณญาติกระทบกระทั่งทางคำพูด สีหน้า ท่าทาง แบบนี้บ่อย ๆ อยากลาออกวันละ 3 เวลาเลยค่ะ
ที่ผ่านมาเราไม่เคยตกงานนานเกิน 1 สัปดาห์เลย มานั่งคิดดูแล้วเหมือนเราไม่เคยหางานด้วยตัวเองแบบจริงจังเลยค่ะ
งานแรก...เพื่อนชวนมาสมัคร
งานที่สอง...ลองฝากประวัติไว้ใน jobthai ผจก โทรเรียกให้ไปสัมภาษณ์
งานที่สาม...ชีญาติชวนมาสมัคร
ตอนนี้เราอยากลาออกให้พ้น ๆ อย่างน้อยไปเจอคนอื่นคงไม่รู้สึกแย่เท่านี้ เพราะมันเป็นคนอื่น ไม่ใช่ญาติ ลาออกเลย!!!
แล้วก็มีอีกความคิดแทรกมาว่าถ้าได้งานใหม่แล้วจะเจอแบบเดิมอีก แล้วต้องหนีไปเรื่อย ๆ หรือเราจะทนต่อไปดี
ตอนนี้ที่ยังไม่ตัดสินใจออกเพราะอ่านพันทิปแล้วเจอคอมเม้นนึงกล่าวไว้ว่า
สัมภาษณ์แค่นี้ยังน้อยไป
ของผมสมัครไป น่าจะเกือบ 200 บริษัท เรียกไปสัมภาษณ์ประมาณ 50 บริษัท ประมาณ 4 เดือนมั้ง ถึงจะได้งานทำ
สะอึกเลยค่ะ
#เห้ออออออออ
#สติไม่มาปัญญาหนีเที่ยวหมดเลย
#มีใครให้เห้กว่านี้อีกไหม
กำลังใจจะหมดแล้ว เรียนจบมา 9 เดือน ทำงาน 3 ที่แล้ว
เราเพิ่งเรียนจบ ป.ตรี ได้ 9 เดือนค่ะ จบปุ๊บก็เริ่มทำงานเลย ตอนนั้นเป็นช่วงเดือนธันวาคม เปิดเว็ปหางาน โทรไปสอบถามเรื่องการสมัครงานที่ไหนก็บอกว่าหลังปีใหม่จะเรียกสัมภาษณ์ โทรได้ 5-6 ที่ พูดเหมือนกันหมด เราเลยบอกกับตัวเองว่าที่ไหนรับเราเข้าทำงานเป็นที่แรกจะทำงานที่นั่น เพราะคนตกงานเป็นล้าน งานหายาก แล้วพอพ้นปีใหม่เราก็ได้งานแรกค่ะ
ที่แรก "พนักงานขาย" บริษัทใหญ่
เพื่อนเราชวนมาสมัครตำแหน่งเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ค่ะ มีใช้ภาษาอังกฤษบ้าง เอกสารนิดหน่อย ตรงกับที่เรียนมาและน่าจะทำได้ เราเลยไปสมัครทันที ช่วงเช้าทำข้อสอบ พอช่วงบ่ายเราได้ยินพี่เค้าพูดกันเองว่าน้องคนนี้ขายได้ แล้วก็เดินมาบอกเราว่า ประชาสัมพันธ์เงินเดือน 18k ทำงาน จ-ส 07.00-19.00น. นะ แล้วก็ส่งเราไปสัมภาษณ์กับ ผจก. + ผอ. ทั้งสองพูดโน้มน้าวให้เราไปลองขายดูก่อนไหม งานไม่หนัก ถ้าขายได้เดือนนึงได้เป็นแสน ขายไม่ได้ค่อยโยกไปทำตำแหน่งอื่น เซลล์มีฐานเงินเดือนให้ 15k จ-ศ 08.30-17.30 โปรเบชั่น 4 เดือน เราเลยตกลงทำ
พอเดือนกุมภา...เพื่อนเรา+พี่ในแผนกอีก 3 คนลาออก ส่วนเราใจแป้วเลยค่ะ ทำต่อถึงเดือนเมษา ชิงออกก่อนวันประเมินโปรสัปดาห์นึงค่ะ กลัวว่าถ้าผ่านโปรจะเสียดาย ไม่ผ่านโปรก็เสียใจ และเราตั้งใจจะหางานใหม่อยู่แล้ว เพราะงานเราต้องเดินทางสัปดาห์ละ 3-5 วัน ผจก ไม่ให้ขี่มอเตอร์ไซค์ ถ้าไปพบลูกค้าในเขต กทม ไม่ให้เอารถบริษัทไปใช้ ให้นั่งแท็กซี่แล้วมาเบิกเอา เราเคยถามว่าทำไมไม่ให้ขี่มอเตอร์ไซต์ ผจก ตอบว่าเพราะการขี่มอไซค์มันเหมือนเด็กกะโปโล...
เงินเดือนเรา 15,000 หักประกันสังคม หุ้นสหกรณ์บริษัท บัตรพนักงาน uniform ฌาปณกิจสงเคราะห์บริษัท เงินออมบริษัท = 13,000
ค่าหอ 3,300 ค่าน้ำ 150-200 ค่าไฟ 500-600 ค่าเน็ตหอ/มือถือ 900 = 5,000
ค่าแท็กที่ต้องออกพบลูกค้าวันละ ~400 x เดือนละ ~15 วัน = 6,000 บาท
บางทีไปใกล้ ๆ ที่เราเปิด GPS ดูละไปง่าย ๆ เราก็แอบขี่มอไซค์ไป พอไม่ตั้งเบิก ผจก ก็จะรู้ว่าไม่ได้นั่งแท็กซี่ไป หลัง ๆ เราเลยตั้งเบิกแบบไม่แนบใบเสร็จ (Grab Taxi จะมี e-slip) พอฝ่ายบัญชีทวงใบเสร็จเราบอกส่งไปเมลเก่า ลืมรหัสไปแล้ว (แล้วทำไมบางอันมีใบเสร็จล่ะ) มี 2 เครื่อง (ต่อไปนี้ให้ใช้ Grab เครื่องที่เข้าเมลได้)... ทำงาน 4 เดือน เงินที่ตั้งเบิกของเดือนแรกยังไม่ได้เลยค่ะ จนลาออกมาแล้ว คงไม่ได้แล้ว.....
ส่วนเรื่องโทรศัพท์... ทุกคนห้ามเอาเบอร์ออฟฟิศโทรออก (ล็อครหัส) ให้ใช้มือถือบริษัทโทร ส่วนคนที่ยังไม่ผ่านโปรให้ใช้มือถือของตัวเองหรือไม่ก็ยืมคนอื่นในออฟฟิศ แน่นอน!! ใครจะให้เซลใหม่ยืมทั้งวัน โทรเกินก็หักเงินเดือนคนถือเบอร์นั้น ตอนนั้นเราใช้โปรโทรฟรีค่ายฟ้า นอกค่ายนาทีละ 1.50 แต่ลูกค้านี่ีทุกค่ายเลยค่ะ เราเลยเปลี่ยนโปรเป็น 55 สต.ทุกเครือข่าย ตลอด 24 ชม (รวมภาษี 59 สต.) สรุปหมดค่าโทรไปเฉียด 3,000 ทุกเดือน เพราะต้องโทรหาลูกค้า โทรวนไป แนะนำตัวเอง แนะนำบริษัท ค่าโทรเบิกไม่ได้นะ เย่~~~
13,000-5,000-7,000-3,000= ??
ไม่นับเดือนที่ค่าแท็กเกิน 6,000 ค่ากิน นี่ยังไม่ได้ส่งให้พ่อแม่ ผ่อนบ้าน ผ่อนรถเลยนะคะ
ออกดิ รอไร!!!
ที่ที่ 2 "เจ้าหน้าที่ธุรการ" Home Office
ตกลงกันที่ 15k จ-ศ 8.30-17.30 เราคิดว่าจะทำงานนี้ได้นาน เพราะเพื่อนร่วมงานก็โอเค ไม่ค่อยคุยเล่นกัน ไม่สุงสิงกันมาก ผจก.ปากจัดมาก แต่เราไม่ค่อยชวนเขาคุยเล่น คิดว่าคงทำที่นี่ได้นานแล้วแหละ เลยย้ายหอใหม่ ไปใกล้ที่ทำงาน ราคาถูกลง (2,800 เน็ตฟรี 30mbps เชรดเข้ ไม่เคยเจอ ราคานี้ไม่รวมน้ำไฟ) รวมแล้วตกเดือนละไม่เกิน 3,500 บาทแน่นอน ไม่มีค่าเดินทางอีก เริศ! ทำงานได้ไม่ถึงเดือนเรารถชน (ฝนตก ถนนลื่น) ดันชนต่อหน้ารถกู้ภัยเลย พี่ ๆ ช่วยเหลือดีมาก ถามว่ามีประกันไหม เราบอกว่ามีค่ะ ของทิพย.... วงเงิน 5,000 พี่เค้าคุยกันไม่ถึงนาที ส่งเราไปเจ้าพระยาค่ะ เห็นค่าทำแผล อ้วกเลยค่ะ ดีนะมีประกันอุบัติเหตุ จ่ายเองพันต้น ๆ -..- เหตุการณ์เดือนแรกผ่านไป เงินเดือนออกได้รับ 14,000 บาท ด้วยความสงสัยค่ะว่าหักประกันสังคม 750 แล้วค่าอะไรอีก 250 + ไม่เห็นเอารายชื่อ รพ.มาให้เลือกสะที หรือว่าเขาเลือกใกล้ๆ ให้แล้วนะ ?? หรือเขาเลือก รพ.เดิมที่เราเคยเลือกไว้นะ ถ้าเกิดป่วยจะได้ใช้ประกันสังคม เพราะเราทำไว้แค่อุบัติเหตุ.... เราค่อนข้างกังวลเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายค่ะ เพราะไม่มีเงินสำรองแล้ว ไม่อยากกลับไปช็อตเหมือนตอนทำงานที่เก่า เราเลยตักสินใจถาม ผจก ชีบอกแค่ อ่อ จบเอกอังกฤษ เกรด 2.8 ยังไม่มีประสบการณ์ คิดว่าควรได้เท่าไหร่ เอาไป 14,000 ละกัน ผ่านโปรค่อยว่ากัน อ้อ ยังไม่เข้าประกันสังคมให้นะ ผ่านโปรก่อนเดี๋ยวเข้าให้ ถ้าไม่มีประสบการณ์เลยจ้างอยู่หมื่นนึงเองนะ ตอนนั้นแบบ... ฟังละเสียความรู้สึกมาก เราถามว่าได้ตามที่ขอไหมคะ เขาก็บอกว่าตามนั้นแหละ แต่นี่อะไรวะ เราคิดว่าอยู่ที่นี่คงไม่มีโอกาสได้ขึ้นเงินเดือนแน่ ๆ เราเลยเริ่มหางานใหม่ คราวนี้จะเลือกดี ๆ ใจเย็น ๆ มานั่งคิดว่าตัวเองอยากทำอาชีพอะไร เปิด jobthai จนเดือนที่สองผ่านไป เข้าสู่เดือนที่สาม คุณญาติเราเป็น HR บริษัทแห่งหนึ่งทักมาชวนไปสมัคร เงินเดือนเย้ายวนใจมาก ทำงาน 5 วัน เอ้าาาา ไปสมัครบริษัทใหม่ดิรอไร!!! ใจมันไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว วันที่ไปสมัครเห็นทุกคนดูงานยุ่งมาก เราเตรียมใจเรื่องงานเยอะไว้ระดับนึง สรุปได้งานค่ะ ตกลงเงินเดือนกันที่ 17k ส่วนบริษัทเก่าจ่ายเงินเดือนมาครึ่งเดียว ในใจคิดว่าไม่เป็นไร ตรูได้ที่ใหม่แล้วโว้ยยยยย
ที่ที่ 3
วันแรกที่เข้าไปทำงาน เตรียมใจไว้แล้วว่างานคงแปรผันตรงกับเงินเดือน แต่สิ่งที่ไม่ได้เตรียมใจมาก่อนคือ ทำงานวันแรกยังไม่พ้นเที่ยง คุณญาติเราขอยืมเงิน 4,500 บอกว่าจะโอนค่าเสื้อผ้า แต่เพิ่งเปลี่ยนเบอร์ เวลาโอนเงินธนาคารจะส่งเลข OTP ไปเบอร์เก่าโอนไม่ได้ จะลงไปกดตู้ก็ไม่มีเวลาเพราะทำงาน ฝากโอนให้ก่อนเดี๋ยวตอนเย็นกดคืน เราเพิ่งจ่ายค่าห้องไป บอกชีญาติว่ามีไม่ถึง ชียืนยันเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าคืนตอนเย็นนี่แหละ ให้โอนให้คนขายก่อน เขาจะได้สบายใจว่าไม่โกง เพราะเอาของมาแล้ว เราเลยโอนให้หมด บช 3,800 บาท เป็น บช ของชีญาติเรา ตอนนั้นคิดในใจว่าทำไมไม่ให้ บช คนขายฟระ แต่ไม่กล้าถาม พอตอนเย็นชีญาติชิ่งกลับบ้านก่อนเลยค่า ไม่คืน โทรไป อ้างว่า atm หมดอายุวันนี้พอดี กดเงินไม่ได้ นี่รีบกลับบ้านจะไปรับลูกแล้วไปทำบัตร เราเลยชวนไปทำด้วยกัน เราอ้างว่าจะเปิด บช รับเงินเดือน ชีญาติบอก บช ที่ใช้อยู่เป็น บช สามี ต้องให้คุณสาเป็นคนทำ แต่เดี๋ยวนะ ที่โอนไปเมื่อกลางวันมันชื่อนางนี่... เริ่มคิดละว่าไม่ได้คืนแน่ ปาดน้ำตา ไม่เป็นไร เขาชวนมาทำงาน ถ้างานนี้ดีแล้วเขาไม่คืนก็จะยกให้เขาไป แล้วจะไม่ให้ยืมอีก จะได้ไม่ถือเป็นหนี้บุญคุณ
แล้วเราก็เจอเรื่องเซอร์ไพรส์เรื่อย ๆ
1.ชีญาติ HR บอกเวลาทำงาน 9.00-18.00น. ทำงานอาทิตย์ละ 5 วัน แต่ HR อีกคนบอก 6 วัน ต้องผ่านโปรก่อนถึงจะได้แค่ทำ 5 วัน 9.00-19.00น. ทำไปได้อาทิตย์นึงเริ่มกลับ 19.00-20.30 บางวัน 21.00+ กลับถึงบ้าน 21.30-22.00 ทุกวัน เพราะเคสลูกค้าค่อนข้างเยอะ บางวันรถติด บางวันติดฝน แอบเหนื่อย กลับมาอย่าหวังต้องทำอะไร อาบน้ำนอน เผชิญหน้ากับวันต่อไป
2.ถามชีญาติเรื่องเงินเดือน ชีบอกออกปกตินะ (ปกติของกรูวันที่ 30) แต่เอาเข้าจริงตัดรอบเงินเดือนวันที่ 26-25 ออกวันที่ 6 ของเดือนถัดไป ถ้าวันที่ 6 ติด ส-อา เลื่อนไปออกวันจันทร์ อ้าวเห้ย ไม่เหมือนที่คุยกันไว้นี่นา...
3.มาสายหักนาทีละ 3 บาท อันนี้โอเค หยุดงานไม่แจ้งล่วงหน้านาทีละ 3 บาท (นับยังไงวะ 8ชม*60*3 ???) ไม่มี OT *-*
4.ลาป่วย ถ้ายังไม่ผ่านโปร ต่อให้มีใบรับรองแพทย์ก็หักเงินตามฐานเงินเดือน
5.พักเที่ยงได้คนละ 60 นาที ถ้าเกินปรับนาทีละ 5 บาท แต่ถ้างานด่วนเข้าแล้วมัวแต่ทำงาน (นายจะเอาเดี๋ยวนี้) ถือว่าไม่ลงไปกินข้าวเอง พี่บางคนน่ารัก เขาก็เดินมาบอกให้วางงานแล้วไปกินข้าวก่อน ไม่งั้นคนอื่นเขาไม่รู้หรอกว่าเราทำงานหรือนั่งเล่น เขารู้แต่เราไปพักกลับมาเลท
6.ไม่ใช่เซลก็ขายได้ค่าคอม (wow) และ กำหนดยอดให้คนที่ไม่ใช่เซลก็ต้องทำยอดขาย
7.มีสวัสดิการโทรศัพท์มือถือให้ พนง. งบคนละ 200 นาทีต่อเดือน โทรเชิญผู้ถือหุ้นมาประชุมครั้งนึง 100+ รายก็ปาไปรายละ 2-3 นาทีละจ้า
8.อาจโดนลูกค้าโทรมาวีนตอน 5 ทุ่ม วันอาทิตย์ซึ่งเป็นวันหยุด หรืออาจจะโดนลูกค้าโทรมาปลุกตอนตี 4-5 หรือไลน์มาตอนเราพักเที่ยง พอเราตอบช้า 6 นาที ก็โทรเข้าเบอร์ออฟฟิศเพื่อ complain ซึ่งเพื่อนเรารับสายพอดี หรือ บังเอิญเรามือไวรับสายเอง
9.วันดีคืนดีก็จะได้แปลไทยเป็นภาษาอังกฤษ 30-40 หน้า เอาวันนี้ ดีลโรงแรม (อันนี้สนุก) ออกบูธ (สนุกแต่เหนื่อยมากกกกกก)
10.บางทีวันอาทิตย์ต้องเข้าออฟฟิศ (ไม่เต็มวัน)
ความรับผิดชอบงานเรา เราว่าก็เหมาะสมกับเงินเดือนแล้วแหละ ค่อนไปทางโคตรคุ้มเลยแหละ แล้วก็เหมือนงานที่แล้ว... คิดว่าจะทำได้นานแต่ก็น่าจะไม่นานละ เราคิดว่ากว่าเงินเดือนจะออกเลื่อนไปอีกอาทิตย์นึง แถมออกไม่เต็มเดือนอีก (1-25) เลยทวงตังคุณญาติ ชีบอกตอนเย็น ๆๆๆๆ ชีไม่รอกลับบ้านพร้อมกัน ชิ่งกลับก่อนตลอด วันไหนทะเลาะกับสาถึงจะกลับกับเรา แต่พอพูดเรื่องเงินนางจะบอกไว้ก่อน นางเครียดอยู่ จนเราเงินหมดจริง ๆ เหลือ 200 ขอเงินสดนางก่อน 100 นางให้ค่ะ แต่พอถามถึง 3,800 (ไม่นับรวมอเมซอนอีก 4-5 แก้วที่ฝากเราซื้อ) นางบ่ายเบี่ยงจนเราหมดความอดทน เราเลยไปทวงที่คอนโด คำตอบที่ได้จากชี main clause คือ "ไม่มี ไม่คืน" sub clause คือ คอนโดนี้ชีซื้อ 2 ล้านกว่า ต้องผ่อนเดือนละ 10,000+ ผ่อนรถอีกเดือนละ 10,000+ หนี้บัตรเครดิตสมัยสาว ๆ อีก 10,000+ ค่าเลี้ยงลูกอีก 20,000+ แต่ชีเงินเดือน 25,000 สามี 60,000+ เงินแค่นี้ไม่พอใช้ ยังไม่มีคืนหรอก เราแทบทรุด เห็นข้าวของที่ชีใช้ดี ๆ ทั้งนั้น ซื้อของเล่นให้ลูก 3-4 วัน ชิ้นนึง ชิ้นละ 500-2000 เสื้อผ้าลูก 1 ขวบ ตัวละ 200-300 ตอนนี้ฝากเนิร์สหน้าหมู่บ้านเดือนนึง 7000+ ชีบอกว่าชีต้องเลี้ยงลูก จะเป็นต้องให้เรียนเอกชนที่สังคมดี ๆ เพื่อลูกจะได้ไม่เป็นเด็กเหลือขอ ความคิดมันแล่นมาเลยว่า ทุกวันนี้กรูยังดูแลพ่อแม่ไม่ได้เลย ตัวกรูแทบไม่ชนเดือน แล้วทำไมต้องมาช่วยเลี้ยงลูกของลูกผู้น้องของแม่ ไอ้เด็ก 1 ขวบ ที่ใช้เงินเยอะกว่าเราหาได้ทั้งเดือนวะ
update: ตอนนี้ชียานแม่คืนแล้วค่ะ 3,000 บาท
มีอีกค่ะ พอเราขายได้ค่าคอม ชียานแม่ก็มาขอยืมตลอด พอไม่ให้ก็โกรธ บางทีค่าคอมก็ไม่ถึงมือเราค่ะ แต่พอถามบัญชี บัญชีบอกชื่อเราเซนเบิก /ปาดน้ำตา ตอนนี้เราท้อมาก อยากลาออก ไม่อยากทำงานกับชีญาติที่พอเจอหน้าก็เบะปาก มองบน หรือบางทีถลึงตาใส่ แล้วค่ะ
ตอนแรกตั้งใจจะสอบ TOEIC แล้วค่อยหางานใหม่ด้วยตัวเองที่คิดว่าจะทำได้จริง ๆ แต่พอเจอคุณญาติกระทบกระทั่งทางคำพูด สีหน้า ท่าทาง แบบนี้บ่อย ๆ อยากลาออกวันละ 3 เวลาเลยค่ะ
ที่ผ่านมาเราไม่เคยตกงานนานเกิน 1 สัปดาห์เลย มานั่งคิดดูแล้วเหมือนเราไม่เคยหางานด้วยตัวเองแบบจริงจังเลยค่ะ
งานแรก...เพื่อนชวนมาสมัคร
งานที่สอง...ลองฝากประวัติไว้ใน jobthai ผจก โทรเรียกให้ไปสัมภาษณ์
งานที่สาม...ชีญาติชวนมาสมัคร
ตอนนี้เราอยากลาออกให้พ้น ๆ อย่างน้อยไปเจอคนอื่นคงไม่รู้สึกแย่เท่านี้ เพราะมันเป็นคนอื่น ไม่ใช่ญาติ ลาออกเลย!!!
แล้วก็มีอีกความคิดแทรกมาว่าถ้าได้งานใหม่แล้วจะเจอแบบเดิมอีก แล้วต้องหนีไปเรื่อย ๆ หรือเราจะทนต่อไปดี
ตอนนี้ที่ยังไม่ตัดสินใจออกเพราะอ่านพันทิปแล้วเจอคอมเม้นนึงกล่าวไว้ว่า
สัมภาษณ์แค่นี้ยังน้อยไป
ของผมสมัครไป น่าจะเกือบ 200 บริษัท เรียกไปสัมภาษณ์ประมาณ 50 บริษัท ประมาณ 4 เดือนมั้ง ถึงจะได้งานทำ
สะอึกเลยค่ะ
#เห้ออออออออ
#สติไม่มาปัญญาหนีเที่ยวหมดเลย
#มีใครให้เห้กว่านี้อีกไหม