หลายคนที่เดินทางไปญี่ปุ่นอาจจะมองข้ามสายการบินระดับโลกอย่างสิงคโปร์แอร์ไลน์เพราะต้องบินไปเปลี่ยนเครื่องที่สิงคโปร์ก่อนแล้วจึงบินต่อไปญี่ปุ่นอีกที แน่นอนว่าเป็นเส้นทางการบินที่อ้อม แลดูยุ่งยาก ช้ากว่าบินตรง(ก็แน่นอนสิ) แต่ถ้าได้ราคาโปรโมชั่นที่ประมาณหมื่นสอง น้ำหนักกระเป๋าเดินทาง 30 kg เสิร์ฟอาหารและเครื่องดื่มเต็มที่ ระยะเวลาเปลี่ยนเครื่องกำลังพอดีประมาณ 1 ชม ก็น่าสนใจนะครับ
ตอนแรกก็จะจอง AirAsia X แหละครับ บินตรง แป๊บเดียว แต่บินแบบโลว์คอสต์ก็ต้องจ่ายค่าน้ำหนักประเป๋าเพิ่ม ค่าอาหารเพิ่มเอง ตามมีตามเกิดแหละนะ(ไม่เกินไปมั้ง 555) ราคาตั๋วรวมน้ำหนักกระเป๋าก็เกือบหมื่นแล้ว ตัดสินใจเมินหน้าใส่ แล้วพุ่งตัวเข้าหา SQ ระดับโลกดีกว่า ด้วยความอยากรู้อยากลองด้วยเพราะยังไม่เคยบินกับสายการบินนี้มาก่อนเลย แล้วก็พบว่า ของเขาดีจริงๆแหละครับ ไม่เสียชื่อสายการบินระดับโลก
ช่วงที่เราเดินทางคือเมื่อต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ตรงกับหน้าร้อนที่ญี่ปุ่น ร้อนจนต้องร้องขอชีวิต ฝนก็ตกบ้างเป็นบางวัน การเที่ยวตากอากาศจึงเป็นอะไรที่ลำบากใจและกายสุดๆ กลับมาที่การเดินทางกับสายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์กัน โดยการเช็คอินจะทำผ่านเคาทเตอร์และเจ้าหน้าที่ของการบินไทย แม้เราจะเช็คอินออนไลน์มาแล้วก็ยังต้องมาดร็อปกระเป๋าอยู่ดี และได้รับบอร์ดิ้งพาส 2 ใบ ไปถึงโอซาก้าเลยจ้า รวมไปถึงการจัดการที่เกทก็เป็นเจ้าหน้าที่ชุดม่วงการบินไทยเช่นกัน แม้ว่าเราจะจองที่นั่งชั้นประหยัดมาแต่ว่าได้ใช้บริการเลานจ์ที่สุดแสนหรูหราเว่อร์วังอลังการที่สุดในสนามบินสุวรรณภูมิ(เว่อร์ไปรึเปล่าเนี่ย) SilverKris lounge เพราะใช้สิทธิ์ True BlackCard จ้า เราเคยรีวิวเลานจ์ไว้แล้ว ตามนี้เลย
SilverKris Lounge การเดินทางเริ่มต้นได้ด้วยสิ่งดีงาม
https://ppantip.com/topic/36680518
เวลาบินคือ 21.00 น. SQ 981 เครื่องลำใหญ่สะใจ A330(เราเลือกจองที่นั่งริมหน้าต่างทุกไฟลท์เลย อยากถ่ายรูปปีกเครื่องบิน) แต่ปรากฏว่ากว่าจะได้บินจริงก็ดีเลย์ไปประมาณ 30 นาทีเพราะเครื่องขาเข้ามาสุวรรณภูมิมาช้า เราเสียวจะไปต่อเครื่องไม่ทันก็เลยไปถามเจ้าหน้าที่ที่เกท เขาก็ยืนยันนะว่าทันแน่นอนค่ะ สำหรับเที่ยวบินแรกที่ต้องไปสิงคโปร์ก่อนนั้นเราสั่งอาหารพิเศษเป็นซีฟู้ดไว้ โดยทำรายการในการจัดการผ่านเว็บไซต์ตามที่มีเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่าควรจะสั่งอาหารพิเศษซีฟู้ดสำหรับไฟลท์บินที่บินออกจากรุงเทพเพราะจะเป็นอาหารที่จัดการโดยครัวการบินไทยและอร่อยดี ได้รับก่อนใครเพื่อนด้วย เราเป็นพวกตามรีวิวคนอื่นก็เลยจัดไปสิ ในตอนแรกเราเข้าไปจัดการเลือกอาหารล่วงหน้าหลายเดือนก่อนบิน ปรากฏว่าไม่สามารถทำได้ แต่พอใกล้เดินทางไม่กี่สัปดาห์(จำเวลาไม่แน่นอน แต่ไม่นานมาก) สามารถทำรายการในส่วนของอาหารพิเศษสำหรับไฟลท์บินดังกล่าวได้ แต่ไฟลท์บิน สิงคโปร์ - โอซาก้า และ โอซาก้า - สิงคโปร์ สามารถจัดการรายการอาหารพิเศษได้ตั้งแต่แรกเลยจ้า และรายการอาหารแรกที่ได้รับจากสายการบินคือ ข้าวกะเพราซีฟู้ด ซึ่งมีทั้งกุ้งตัวใหญ่ๆ เนื้อปลา และปลาหมึก ถือว่าดีงาม มาพร้อมสลัดแซลม่อนคาวๆเลี่ยนๆ คิดว่าเราไม่ชอบเป็นการส่วนตัวมากกว่า ของหวานเหมือนจะเป็นเค้กอะไรสักอย่างที่หน้าตาดีแต่กินไปได้ไม่กี่คำก็เลี่ยนละ
ความแปลกของการบินของสายการบินนี้ที่เราเจอก็คือ แม้จะออกบินดีเลย์แต่ก็สามารถบินไปถึงจุดหมายปลายทางได้อย่างค่อนข้างตรงเวลา คือ 00.25 น. ตามเวลา แต่กว่าจะเดินออกจากตัวเครื่องแล้วเดินไปอีกเทอมินัลซึ่งต้องนั่งรถไฟไปอีก กว่าจะถึงเกทก็จวนเจียนเวลามากแล้ว ตอนเดินไปถึงเกทนี่ผู้โดยสารปลายแถวกำลังยื่นเอกสารตรวจตั๋วกันพอดี ถือว่าไม่ต้องรีบจนเกินไปแต่ก็ไม่ควรลีลาจ้า ตั้งใจไปเกทกันนิดนึงนะ โดยไฟลท์ถัดไปที่จะไปโอซาก้า SQ 618 ออกเดินทางเวลา 01.25 น. ค่อนข้างตรงเวลาดีทีเดียว
สำหรับไฟลท์บินที่จะไปโอซาก้านี้เป็นช่วงเวลากลางดึกไปถึงที่นู่นช่วงสายๆ หลายคนเลือกที่จะนอนกัน แต่บางคนก็ไม่นอนและหาหนังดูผ่านหน้าจอ KrisWorld ซึ่งมีหนังให้เลือกเยอะและหลากหลาย ที่สำคัญมีซับ Eng ด้วยจ้า ค่อยยังชั่วหน่อยไม่ต้องถึงกับฝึกการฟังเนอะ ถือว่าดีงามไปเลยแล้วกัน โดยก่อนที่จะดับไฟเพื่อให้ผู้โดยสารได้พักผ่อนยาวแอร์ก็มาเสิร์ฟเครื่องดื่ม แจกถั่วลิสงอบเกลือไว้กินเล่น ซึ่งเจ้าถั่วนี้แหละที่เราจะได้รับจากแอร์ในทุกไฟลท์บิน และแจกถุงใส่ถุงเท้า แปรงสีฟันยาสีฟัน อ้อ ผ้าห่มด้วยจ้า บนเครื่องอากาศหนาวใช้ได้เลย
หลังจากอยู่ในความมืดกันมาสักพัก แสงอาทิตย์เริ่มสาดส่องเข้ามาทางหน้าต่าง เป็นเวลาเช้าตรู่ แอร์ก็เริ่มเสิร์ฟอาหารเช้าชุดใหญ่กันแล้วโดยมีรายการอาหารตามเมนูที่เสียบไว้ด้านหน้าที่นั่ง เราเลือกแบบญี่ปุ่น ข้าวปลาแซลม่อนพร้อมผลไม้กรุบกริบ และแน่นอนว่าขาดขนมปังก้อนกลมๆไปไม่ได้จ้า มีมาทุกมื้อ ส่วนของเพื่อนเราเลือกเป็นออมเล็ตไข่มาพร้อมกับไส้กรอก ที่เหลือก็เหมือนกัน ต้องขอชมเรื่องช้อนส้อมมีดที่ไม่ใช้พลาสติกแต่เป็นสเตนเลสที่เงางาม ให้ความรู้สึกมีระดับ รวมไปถึงแก้วใส่เครื่องดื่มก็ใช้แก้วจริงๆ ดีงาม และอีกเช่นเคย เครื่องเดินทางมาถึงโอซาก้าค่อนข้างตรงเวลาอีกแล้ว
ต่อไปเป็นการเดินทางขากลับ SQ 619 จากโอซาก้าไปสิงคโปร์ เวลา 10.55 น. เราเช็คอินออนไลน์ล่วงหน้ามาแล้วแต่ก็ต้องดร็อปกระเป๋าผ่านเคาทเตอร์เช่นเคยซึ่งก็ดีว่าแถวเช็คอินออนไลน์นั้นค่อนข้างสั้น ใช้เวลาไม่นาน แต่ได้เช็คอินที่เคาทเตอร์ของ JAL จ้า พร้อมรับบอร์ดิ้งพาส 2 ใบเช่นเคย แต่กว่าเครื่องจะได้ขึ้นบินใช้เวลานานมาก จำได้ว่าน่าจะประมาณ 11.40 น. โดยภายในเครื่อง A330 จัดแถวแบบ 2-4-2 เบาะสีเทากับสีเขียว บางทีก็รู้สึกว่าสีเบาะทำให้เบาะแลดูเก่าเกินจริงแม้ว่าจริงๆแล้วเบาะก็ไม่ได้ใหม่อะไรมากนักอยู่แล้วด้วย คิดว่าเครื่องที่ใช้บินกลับสิงคโปร์ก็คงเป็นเครื่องเดียวกับที่บินมาโอซาก้าตอนสายๆนั่นแหละ เบาะนั่งสบายดี แน่นอน สบายกว่าสายการบินโลว์คอสต์แน่นอน อิอิ
เช่นเคยเมื่อขึ้นมานั่งบนเครื่องได้ไม่นานแอร์ก็นำผ้าร้อนมาให้เช็ดมือเช็ดไม้แล้วก็ตามด้วยถั่วลิสงอบเกลือ เสิร์ฟเครื่องดื่ม ผ่านไปสักพักใหญ่ แอร์ก็เสิร์ฟอาหาร เราเลือกสไตล์ญี่ปุ่นอีกแล้วจ้า คราวนี้เป็นข้าวเนื้อมาพร้อมเส้นโซบะ อร่อยจัง ส่วนเพื่อนเรามันสั่งอีกอย่างนึง ลืมถ่ายรูปไว้ และลืมไปแล้วว่าเป็นอะไร ช่างเหอะนะ ปิดท้ายด้วยไอศกรีมฮาเก้นดาซที่แอบสงสารแอร์ตรงที่ต้องอุ้มถังใส่ไอศกรีมที่แสนจะเย็นยะเยือก มือข้างนึงแจกอีกข้างอุ้มถังเอาไว้ เมื่อมือข้างที่อุ้มถังทนความเย็นไม่ไหวก็สลับมาแจกไอศกรีมบ้าง สะบัดมือคลายความเย็นบ้าง(แอบฮา) และเหมือนเช่นเคย เครื่องมาถึงสิงคโปร์ในเวลาที่ค่อนข้างตรงอีกแล้ว 16.40 น.
แต่กว่าจะได้เข้ามาในตัวอาคารก็เกือบห้าโมงเย็นแล้ว ดีว่าเกทที่ต้องไปขึ้นเครื่องนั้นอยู่เทอมินัลเดียวกันแค่เดินต่อไปให้ลึกขึ้นเท่านั้นเอง แต่ด้วยความงกเราจึงวิ่งไปรับคูปองแทนเงินสด 20 เหรียญสิงคโปร์(ประมาณ 500 บาท) ใช้ซื้อสินค้าในดิวตี้ฟรีได้(สิทธิพิเศษสำหรับผู้โดยสารของสิงคโปร์แอร์ไลน์ที่มาต่อเครื่องที่สนามบินชางงีเท่านั้นนะ) จุดรับคูปองหายากนิดหน่อยแต่แนะนำว่าให้ถามประชาสัมพันธ์ไปเลย ที่แย่กว่านั้นคือมันห่างจากเกทที่เราต้องไปขึ้นเครื่องต่อไกลมากๆๆๆๆ แบบนี้ไม่ควรทำเลย ไม่แนะนำให้ทำในกรณีที่มีเวลาต่อเครื่องน้อยแบบนี้ จงเลือกเที่ยวบินขาใดขาหนึ่งที่มีระยะเวลาต่อเครื่องประมาณ 2-3 ชมนะ เพราะท้ายที่สุดแล้วเราก็ต้องวิ่งหน้าตั้ง เกือบตกเครื่อง วิ่งไปถึงหน้าเกทตอน 17.20 น. ได้ ทั้งที่เวลาบินคือ 17.30 น.
ปิดท้ายด้วยมื้อสุดท้ายกับ SQ 982 ไก่ราดซอสพร้อมมันบด สลัดผักกรุบกริบ เป็นอันสิ้นสุดการเดินทางทริปโอซาก้าจ้า ถึงสนามบินสุวรรณภูมิตรงตามเวลาเช่นเคย 19.00 น.
อย่างที่ทราบว่าการเดินทางไปญี่ปุ่นด้วยสายการบินดังกล่าวต้องไปต่อเครื่องที่สิงคโปร์ ต้องใช้เวลาเดินทางมากกว่าเที่ยวบินตรงอยู่แล้ว และสาเหตุที่ไม่เลือกบินตรงกับสายการบินที่ไม่ใช่โลว์คอสต์นั้นก็คงจะเข้าใจกันดีว่าทำไม อย่างการเดินทางของเราที่เลือกเวลาต่อเครื่องที่ขาละประมาณ 1 ชม เมื่อรวมเวลาเดินทางเส้นทาง กรุงเทพ - สิงคโปร์ (ประมาณ 2 ชมครึ่ง) และ สิงคโปร์ - โอซาก้า (ประมาณ 6 ชมครึ่ง) ก็จะอยู่ที่ประมาณ 10 ชม เราว่าก็ไม่ได้รู้สึกนานมากนักเลยนะเพราะตลอดการเดินทางมีบริการเครื่องดื่มและอาหารให้ ไม่น่าเบื่อ ไม่หิวโหย ขาช้อปต้องสบายใจแน่ๆได้โหลดตั้ง 30 kg แน่ะ ดีจริงอะไรจริง
en vacance
[CR] บินไปญี่ปุ่นกับสายการบินระดับโลกสิงคโปร์แอร์ไลน์ เดินทางไม่นานอย่างที่คิด
หลายคนที่เดินทางไปญี่ปุ่นอาจจะมองข้ามสายการบินระดับโลกอย่างสิงคโปร์แอร์ไลน์เพราะต้องบินไปเปลี่ยนเครื่องที่สิงคโปร์ก่อนแล้วจึงบินต่อไปญี่ปุ่นอีกที แน่นอนว่าเป็นเส้นทางการบินที่อ้อม แลดูยุ่งยาก ช้ากว่าบินตรง(ก็แน่นอนสิ) แต่ถ้าได้ราคาโปรโมชั่นที่ประมาณหมื่นสอง น้ำหนักกระเป๋าเดินทาง 30 kg เสิร์ฟอาหารและเครื่องดื่มเต็มที่ ระยะเวลาเปลี่ยนเครื่องกำลังพอดีประมาณ 1 ชม ก็น่าสนใจนะครับ
ตอนแรกก็จะจอง AirAsia X แหละครับ บินตรง แป๊บเดียว แต่บินแบบโลว์คอสต์ก็ต้องจ่ายค่าน้ำหนักประเป๋าเพิ่ม ค่าอาหารเพิ่มเอง ตามมีตามเกิดแหละนะ(ไม่เกินไปมั้ง 555) ราคาตั๋วรวมน้ำหนักกระเป๋าก็เกือบหมื่นแล้ว ตัดสินใจเมินหน้าใส่ แล้วพุ่งตัวเข้าหา SQ ระดับโลกดีกว่า ด้วยความอยากรู้อยากลองด้วยเพราะยังไม่เคยบินกับสายการบินนี้มาก่อนเลย แล้วก็พบว่า ของเขาดีจริงๆแหละครับ ไม่เสียชื่อสายการบินระดับโลก
ช่วงที่เราเดินทางคือเมื่อต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ตรงกับหน้าร้อนที่ญี่ปุ่น ร้อนจนต้องร้องขอชีวิต ฝนก็ตกบ้างเป็นบางวัน การเที่ยวตากอากาศจึงเป็นอะไรที่ลำบากใจและกายสุดๆ กลับมาที่การเดินทางกับสายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์กัน โดยการเช็คอินจะทำผ่านเคาทเตอร์และเจ้าหน้าที่ของการบินไทย แม้เราจะเช็คอินออนไลน์มาแล้วก็ยังต้องมาดร็อปกระเป๋าอยู่ดี และได้รับบอร์ดิ้งพาส 2 ใบ ไปถึงโอซาก้าเลยจ้า รวมไปถึงการจัดการที่เกทก็เป็นเจ้าหน้าที่ชุดม่วงการบินไทยเช่นกัน แม้ว่าเราจะจองที่นั่งชั้นประหยัดมาแต่ว่าได้ใช้บริการเลานจ์ที่สุดแสนหรูหราเว่อร์วังอลังการที่สุดในสนามบินสุวรรณภูมิ(เว่อร์ไปรึเปล่าเนี่ย) SilverKris lounge เพราะใช้สิทธิ์ True BlackCard จ้า เราเคยรีวิวเลานจ์ไว้แล้ว ตามนี้เลย
SilverKris Lounge การเดินทางเริ่มต้นได้ด้วยสิ่งดีงาม
https://ppantip.com/topic/36680518
เวลาบินคือ 21.00 น. SQ 981 เครื่องลำใหญ่สะใจ A330(เราเลือกจองที่นั่งริมหน้าต่างทุกไฟลท์เลย อยากถ่ายรูปปีกเครื่องบิน) แต่ปรากฏว่ากว่าจะได้บินจริงก็ดีเลย์ไปประมาณ 30 นาทีเพราะเครื่องขาเข้ามาสุวรรณภูมิมาช้า เราเสียวจะไปต่อเครื่องไม่ทันก็เลยไปถามเจ้าหน้าที่ที่เกท เขาก็ยืนยันนะว่าทันแน่นอนค่ะ สำหรับเที่ยวบินแรกที่ต้องไปสิงคโปร์ก่อนนั้นเราสั่งอาหารพิเศษเป็นซีฟู้ดไว้ โดยทำรายการในการจัดการผ่านเว็บไซต์ตามที่มีเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่าควรจะสั่งอาหารพิเศษซีฟู้ดสำหรับไฟลท์บินที่บินออกจากรุงเทพเพราะจะเป็นอาหารที่จัดการโดยครัวการบินไทยและอร่อยดี ได้รับก่อนใครเพื่อนด้วย เราเป็นพวกตามรีวิวคนอื่นก็เลยจัดไปสิ ในตอนแรกเราเข้าไปจัดการเลือกอาหารล่วงหน้าหลายเดือนก่อนบิน ปรากฏว่าไม่สามารถทำได้ แต่พอใกล้เดินทางไม่กี่สัปดาห์(จำเวลาไม่แน่นอน แต่ไม่นานมาก) สามารถทำรายการในส่วนของอาหารพิเศษสำหรับไฟลท์บินดังกล่าวได้ แต่ไฟลท์บิน สิงคโปร์ - โอซาก้า และ โอซาก้า - สิงคโปร์ สามารถจัดการรายการอาหารพิเศษได้ตั้งแต่แรกเลยจ้า และรายการอาหารแรกที่ได้รับจากสายการบินคือ ข้าวกะเพราซีฟู้ด ซึ่งมีทั้งกุ้งตัวใหญ่ๆ เนื้อปลา และปลาหมึก ถือว่าดีงาม มาพร้อมสลัดแซลม่อนคาวๆเลี่ยนๆ คิดว่าเราไม่ชอบเป็นการส่วนตัวมากกว่า ของหวานเหมือนจะเป็นเค้กอะไรสักอย่างที่หน้าตาดีแต่กินไปได้ไม่กี่คำก็เลี่ยนละ
ความแปลกของการบินของสายการบินนี้ที่เราเจอก็คือ แม้จะออกบินดีเลย์แต่ก็สามารถบินไปถึงจุดหมายปลายทางได้อย่างค่อนข้างตรงเวลา คือ 00.25 น. ตามเวลา แต่กว่าจะเดินออกจากตัวเครื่องแล้วเดินไปอีกเทอมินัลซึ่งต้องนั่งรถไฟไปอีก กว่าจะถึงเกทก็จวนเจียนเวลามากแล้ว ตอนเดินไปถึงเกทนี่ผู้โดยสารปลายแถวกำลังยื่นเอกสารตรวจตั๋วกันพอดี ถือว่าไม่ต้องรีบจนเกินไปแต่ก็ไม่ควรลีลาจ้า ตั้งใจไปเกทกันนิดนึงนะ โดยไฟลท์ถัดไปที่จะไปโอซาก้า SQ 618 ออกเดินทางเวลา 01.25 น. ค่อนข้างตรงเวลาดีทีเดียว
สำหรับไฟลท์บินที่จะไปโอซาก้านี้เป็นช่วงเวลากลางดึกไปถึงที่นู่นช่วงสายๆ หลายคนเลือกที่จะนอนกัน แต่บางคนก็ไม่นอนและหาหนังดูผ่านหน้าจอ KrisWorld ซึ่งมีหนังให้เลือกเยอะและหลากหลาย ที่สำคัญมีซับ Eng ด้วยจ้า ค่อยยังชั่วหน่อยไม่ต้องถึงกับฝึกการฟังเนอะ ถือว่าดีงามไปเลยแล้วกัน โดยก่อนที่จะดับไฟเพื่อให้ผู้โดยสารได้พักผ่อนยาวแอร์ก็มาเสิร์ฟเครื่องดื่ม แจกถั่วลิสงอบเกลือไว้กินเล่น ซึ่งเจ้าถั่วนี้แหละที่เราจะได้รับจากแอร์ในทุกไฟลท์บิน และแจกถุงใส่ถุงเท้า แปรงสีฟันยาสีฟัน อ้อ ผ้าห่มด้วยจ้า บนเครื่องอากาศหนาวใช้ได้เลย
หลังจากอยู่ในความมืดกันมาสักพัก แสงอาทิตย์เริ่มสาดส่องเข้ามาทางหน้าต่าง เป็นเวลาเช้าตรู่ แอร์ก็เริ่มเสิร์ฟอาหารเช้าชุดใหญ่กันแล้วโดยมีรายการอาหารตามเมนูที่เสียบไว้ด้านหน้าที่นั่ง เราเลือกแบบญี่ปุ่น ข้าวปลาแซลม่อนพร้อมผลไม้กรุบกริบ และแน่นอนว่าขาดขนมปังก้อนกลมๆไปไม่ได้จ้า มีมาทุกมื้อ ส่วนของเพื่อนเราเลือกเป็นออมเล็ตไข่มาพร้อมกับไส้กรอก ที่เหลือก็เหมือนกัน ต้องขอชมเรื่องช้อนส้อมมีดที่ไม่ใช้พลาสติกแต่เป็นสเตนเลสที่เงางาม ให้ความรู้สึกมีระดับ รวมไปถึงแก้วใส่เครื่องดื่มก็ใช้แก้วจริงๆ ดีงาม และอีกเช่นเคย เครื่องเดินทางมาถึงโอซาก้าค่อนข้างตรงเวลาอีกแล้ว
ต่อไปเป็นการเดินทางขากลับ SQ 619 จากโอซาก้าไปสิงคโปร์ เวลา 10.55 น. เราเช็คอินออนไลน์ล่วงหน้ามาแล้วแต่ก็ต้องดร็อปกระเป๋าผ่านเคาทเตอร์เช่นเคยซึ่งก็ดีว่าแถวเช็คอินออนไลน์นั้นค่อนข้างสั้น ใช้เวลาไม่นาน แต่ได้เช็คอินที่เคาทเตอร์ของ JAL จ้า พร้อมรับบอร์ดิ้งพาส 2 ใบเช่นเคย แต่กว่าเครื่องจะได้ขึ้นบินใช้เวลานานมาก จำได้ว่าน่าจะประมาณ 11.40 น. โดยภายในเครื่อง A330 จัดแถวแบบ 2-4-2 เบาะสีเทากับสีเขียว บางทีก็รู้สึกว่าสีเบาะทำให้เบาะแลดูเก่าเกินจริงแม้ว่าจริงๆแล้วเบาะก็ไม่ได้ใหม่อะไรมากนักอยู่แล้วด้วย คิดว่าเครื่องที่ใช้บินกลับสิงคโปร์ก็คงเป็นเครื่องเดียวกับที่บินมาโอซาก้าตอนสายๆนั่นแหละ เบาะนั่งสบายดี แน่นอน สบายกว่าสายการบินโลว์คอสต์แน่นอน อิอิ
เช่นเคยเมื่อขึ้นมานั่งบนเครื่องได้ไม่นานแอร์ก็นำผ้าร้อนมาให้เช็ดมือเช็ดไม้แล้วก็ตามด้วยถั่วลิสงอบเกลือ เสิร์ฟเครื่องดื่ม ผ่านไปสักพักใหญ่ แอร์ก็เสิร์ฟอาหาร เราเลือกสไตล์ญี่ปุ่นอีกแล้วจ้า คราวนี้เป็นข้าวเนื้อมาพร้อมเส้นโซบะ อร่อยจัง ส่วนเพื่อนเรามันสั่งอีกอย่างนึง ลืมถ่ายรูปไว้ และลืมไปแล้วว่าเป็นอะไร ช่างเหอะนะ ปิดท้ายด้วยไอศกรีมฮาเก้นดาซที่แอบสงสารแอร์ตรงที่ต้องอุ้มถังใส่ไอศกรีมที่แสนจะเย็นยะเยือก มือข้างนึงแจกอีกข้างอุ้มถังเอาไว้ เมื่อมือข้างที่อุ้มถังทนความเย็นไม่ไหวก็สลับมาแจกไอศกรีมบ้าง สะบัดมือคลายความเย็นบ้าง(แอบฮา) และเหมือนเช่นเคย เครื่องมาถึงสิงคโปร์ในเวลาที่ค่อนข้างตรงอีกแล้ว 16.40 น.
แต่กว่าจะได้เข้ามาในตัวอาคารก็เกือบห้าโมงเย็นแล้ว ดีว่าเกทที่ต้องไปขึ้นเครื่องนั้นอยู่เทอมินัลเดียวกันแค่เดินต่อไปให้ลึกขึ้นเท่านั้นเอง แต่ด้วยความงกเราจึงวิ่งไปรับคูปองแทนเงินสด 20 เหรียญสิงคโปร์(ประมาณ 500 บาท) ใช้ซื้อสินค้าในดิวตี้ฟรีได้(สิทธิพิเศษสำหรับผู้โดยสารของสิงคโปร์แอร์ไลน์ที่มาต่อเครื่องที่สนามบินชางงีเท่านั้นนะ) จุดรับคูปองหายากนิดหน่อยแต่แนะนำว่าให้ถามประชาสัมพันธ์ไปเลย ที่แย่กว่านั้นคือมันห่างจากเกทที่เราต้องไปขึ้นเครื่องต่อไกลมากๆๆๆๆ แบบนี้ไม่ควรทำเลย ไม่แนะนำให้ทำในกรณีที่มีเวลาต่อเครื่องน้อยแบบนี้ จงเลือกเที่ยวบินขาใดขาหนึ่งที่มีระยะเวลาต่อเครื่องประมาณ 2-3 ชมนะ เพราะท้ายที่สุดแล้วเราก็ต้องวิ่งหน้าตั้ง เกือบตกเครื่อง วิ่งไปถึงหน้าเกทตอน 17.20 น. ได้ ทั้งที่เวลาบินคือ 17.30 น.
ปิดท้ายด้วยมื้อสุดท้ายกับ SQ 982 ไก่ราดซอสพร้อมมันบด สลัดผักกรุบกริบ เป็นอันสิ้นสุดการเดินทางทริปโอซาก้าจ้า ถึงสนามบินสุวรรณภูมิตรงตามเวลาเช่นเคย 19.00 น.
อย่างที่ทราบว่าการเดินทางไปญี่ปุ่นด้วยสายการบินดังกล่าวต้องไปต่อเครื่องที่สิงคโปร์ ต้องใช้เวลาเดินทางมากกว่าเที่ยวบินตรงอยู่แล้ว และสาเหตุที่ไม่เลือกบินตรงกับสายการบินที่ไม่ใช่โลว์คอสต์นั้นก็คงจะเข้าใจกันดีว่าทำไม อย่างการเดินทางของเราที่เลือกเวลาต่อเครื่องที่ขาละประมาณ 1 ชม เมื่อรวมเวลาเดินทางเส้นทาง กรุงเทพ - สิงคโปร์ (ประมาณ 2 ชมครึ่ง) และ สิงคโปร์ - โอซาก้า (ประมาณ 6 ชมครึ่ง) ก็จะอยู่ที่ประมาณ 10 ชม เราว่าก็ไม่ได้รู้สึกนานมากนักเลยนะเพราะตลอดการเดินทางมีบริการเครื่องดื่มและอาหารให้ ไม่น่าเบื่อ ไม่หิวโหย ขาช้อปต้องสบายใจแน่ๆได้โหลดตั้ง 30 kg แน่ะ ดีจริงอะไรจริง
en vacance