ทำไมต้องใช้กันแดดทุกวัน?
คำตอบง่ายๆ คือ แสงอาทิตย์และรังสีอัลตราไวโอเลต UVA UVB เป็นหนึ่งในปัจจัยที่อันตรายที่สุดในการสร้างความเสียหายให้กับผิวพรรณของมนุษย์ นอกจากรังสี UVB และ UVA สามารถสร้างความเสียหายให้กับผิวพรรณของเราแล้ว มันยังสามารถทำให้เกิดมะเร็งได้อีกด้วย (คิดตามกันเล่นๆ ดูนะคะ เอาผักหรือเอาอาหารไปตากแดด แป๊ปๆก็เน่า กินไม่ได้ร่างกายคนเราก็คล้ายๆ กัน แต่จะส่งผลในระยะยาว)
ถ้าคุณไม่เริ่มทา ครีมกันแดด ตั้งแต่วันนี้ อีก 5 ปี, 10 ปี หรือเร็วกว่านั้น ผิวพรรณของคุณอาจจะดูแก่กว่าวัยได้ถึง 10-20 ปี และผิวพรรณยังดูคล้ำเสีย ไม่สดใส นี่ยังไม่นับรวมริ้วรอยและจุดด่างดำ ฝ้า กระ ที่มักจะมาควบคู่กันด้วย
ครีมกันแดด ทำงานอย่างไร?
ดวงอาทิตย์ทำร้ายผิวของเราโดยเปร่งแสงอาทิตย์ที่มาพร้อมกับตัวการร้าย รังสีอัลตราไวโอเลต UVA และ UVB แล้ว UVA และ UVB คืออะไร? แล้วมันต่างกันอย่างไร?
รังสี UVA (UVA = aging มีอายุมากขึ้น) เป็นสาเหตุทำให้เกิดริ้วรอยจุดด่างดำ ทำให้ผิวพรรณของเราแก่ขึ้น และเป็นสาเหตุให้เกิดมะเร็งผิวหนัง (สังเกตุไหมทำไมชาวนา กรรมกร คนที่ทำงานเกี่ยวกับการขับรถ หรืออาชีพอะไรก็ตามที่ต้องโดนแดดบ่อยๆนั้น หน้าของพวกเขาส่วนใหญ่แก่กว่าวัย หมองคล้ำ ดูไม่น่ามองเท่าไหร่นัก)
UVA นอกจากจะทำร้ายผิวชั้นนอกหรือ epidermis แล้ว ยังทะลุเข้าไปทำลายคอลลาเจนและอิลาสตินที่เป็นโครงสร้างผิวในชั้น dermis อีกด้วย
รังสี UVB (UVB = burning เกิดการเผาไหม้) UVB ทำให้ผิวเราคล้ำ แทนลง ดำลง และอาจจะถึงขั้นไหม้จนเกิดอาการ แดง แสบ คัน นอกจากนั้น UVB ยังเป็นสาเหตุสำคัญทำให้เกิดมะเร็งผิวหนัง
UVB จะทำลายเซลล์ผิวเฉพาะบนชั้น epidermis หรือผิวชั้นนอกเท่านั้น แต่เพียงแค่ชั้นนอกก็ถือว่าเป็นอันตรายแล้วเพราะ เซลล์ผิวและ DNA ก็อยู่บนผิวชั้นนอกนี้เช่นกัน
รู้อย่างนี้แล้วยังจะไม่สนใจเริ่มใช้ ครีมที่มีสรรพคุณป้องกันแสงแดด ทุกวันกันอีกหรือ? เพราะฉะนั้นถึงเวลาของ ครีมกันแดด ที่จะมาช่วยกู้ภัยจากอันตรายของรังสียูวีทั้งสองชนิด ซึ่งในโลกปัจจุบันชั้นบรรยากาศของโลกเราบางลงกว่าสมัยก่อนและยังคงบางลงเรื่อยๆ ซึ่งส่งผลให้รังสี UVA และ UVB ที่หลุดรอดเข้ามามีความแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
สารกรองแสงซึ่งเป็นส่วนผสมของ ผลิตภัณฑ์กันแดด ทำหน้าที่ป้องกันรังสี UV ด้วยการรวมตัวและทำงานร่วมกันของสารกรองแสง ซึ่งจะเกิดบนผิวหนังของคุณ มีทั้งแบบสะท้อนรังสีออกไปและแบบดูดซับรังสี UV
ทำไมต้องใช้กันแดดทุกวัน?
คำตอบง่ายๆ คือ แสงอาทิตย์และรังสีอัลตราไวโอเลต UVA UVB เป็นหนึ่งในปัจจัยที่อันตรายที่สุดในการสร้างความเสียหายให้กับผิวพรรณของมนุษย์ นอกจากรังสี UVB และ UVA สามารถสร้างความเสียหายให้กับผิวพรรณของเราแล้ว มันยังสามารถทำให้เกิดมะเร็งได้อีกด้วย (คิดตามกันเล่นๆ ดูนะคะ เอาผักหรือเอาอาหารไปตากแดด แป๊ปๆก็เน่า กินไม่ได้ร่างกายคนเราก็คล้ายๆ กัน แต่จะส่งผลในระยะยาว)
ถ้าคุณไม่เริ่มทา ครีมกันแดด ตั้งแต่วันนี้ อีก 5 ปี, 10 ปี หรือเร็วกว่านั้น ผิวพรรณของคุณอาจจะดูแก่กว่าวัยได้ถึง 10-20 ปี และผิวพรรณยังดูคล้ำเสีย ไม่สดใส นี่ยังไม่นับรวมริ้วรอยและจุดด่างดำ ฝ้า กระ ที่มักจะมาควบคู่กันด้วย
ครีมกันแดด ทำงานอย่างไร?
ดวงอาทิตย์ทำร้ายผิวของเราโดยเปร่งแสงอาทิตย์ที่มาพร้อมกับตัวการร้าย รังสีอัลตราไวโอเลต UVA และ UVB แล้ว UVA และ UVB คืออะไร? แล้วมันต่างกันอย่างไร?
รังสี UVA (UVA = aging มีอายุมากขึ้น) เป็นสาเหตุทำให้เกิดริ้วรอยจุดด่างดำ ทำให้ผิวพรรณของเราแก่ขึ้น และเป็นสาเหตุให้เกิดมะเร็งผิวหนัง (สังเกตุไหมทำไมชาวนา กรรมกร คนที่ทำงานเกี่ยวกับการขับรถ หรืออาชีพอะไรก็ตามที่ต้องโดนแดดบ่อยๆนั้น หน้าของพวกเขาส่วนใหญ่แก่กว่าวัย หมองคล้ำ ดูไม่น่ามองเท่าไหร่นัก)
UVA นอกจากจะทำร้ายผิวชั้นนอกหรือ epidermis แล้ว ยังทะลุเข้าไปทำลายคอลลาเจนและอิลาสตินที่เป็นโครงสร้างผิวในชั้น dermis อีกด้วย
รังสี UVB (UVB = burning เกิดการเผาไหม้) UVB ทำให้ผิวเราคล้ำ แทนลง ดำลง และอาจจะถึงขั้นไหม้จนเกิดอาการ แดง แสบ คัน นอกจากนั้น UVB ยังเป็นสาเหตุสำคัญทำให้เกิดมะเร็งผิวหนัง
UVB จะทำลายเซลล์ผิวเฉพาะบนชั้น epidermis หรือผิวชั้นนอกเท่านั้น แต่เพียงแค่ชั้นนอกก็ถือว่าเป็นอันตรายแล้วเพราะ เซลล์ผิวและ DNA ก็อยู่บนผิวชั้นนอกนี้เช่นกัน
รู้อย่างนี้แล้วยังจะไม่สนใจเริ่มใช้ ครีมที่มีสรรพคุณป้องกันแสงแดด ทุกวันกันอีกหรือ? เพราะฉะนั้นถึงเวลาของ ครีมกันแดด ที่จะมาช่วยกู้ภัยจากอันตรายของรังสียูวีทั้งสองชนิด ซึ่งในโลกปัจจุบันชั้นบรรยากาศของโลกเราบางลงกว่าสมัยก่อนและยังคงบางลงเรื่อยๆ ซึ่งส่งผลให้รังสี UVA และ UVB ที่หลุดรอดเข้ามามีความแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
สารกรองแสงซึ่งเป็นส่วนผสมของ ผลิตภัณฑ์กันแดด ทำหน้าที่ป้องกันรังสี UV ด้วยการรวมตัวและทำงานร่วมกันของสารกรองแสง ซึ่งจะเกิดบนผิวหนังของคุณ มีทั้งแบบสะท้อนรังสีออกไปและแบบดูดซับรังสี UV