ศาลฎีกาฯนักการเมือง รับคำร้อง ป.ป.ช. เอาผิด "ธาริต" ยื่นทรัพย์สินเท็จหลังถูกสอบพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติกว่า 340 ล้าน นัดพิจารณาครั้งแรก 12 ต.ค.นี้
12 ก.ย. 60 - ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ถ.แจ้งวัฒนะ องค์คณะนัดฟังคำสั่งคดีหมายเลขดำ อม.177/2560 ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ยื่นคำร้องขอให้ศาลวินิจฉัยข้อกล่าวหา นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตที่ปรึกษาประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและอดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ที่พ้นจากราชการตามคำสั่งไล่ออก ( คำสั่งสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี หรือ สลน. เมื่อวันที่ 3 เม.ย. 2560) จงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จฯ หลัง ป.ป.ช.มีมติเอกฉันท์ ชี้มูลความผิดกรณีร่ำรวยผิดปกติ รวมมูลค่า 346,652,588.52 บาท ซึ่ง ป.ป.ช.ได้อายัดทรัพย์สินไว้ก่อนหน้านี้ 90,260,687.40 บาท
องค์คณะพิเคราะห์แล้ว จึงมีคำสั่งให้รับคำร้อง ป.ป.ช.ไว้วินิจฉัยเพื่อมีคำพิพากษา โดยนัดพิจารณาคดีครั้งแรกในวันที่ 12 ต.ค.นี้ เวลา 09.30 น. ซึ่งวันดังกล่าวนายธาริต จำเลยจะต้องเดินทางมาแสดงตัวต่อหน้าศาลเป็นครั้งแรก เพื่อสอบคำให้การว่าจะรับสารภาพหรือปฏิเสธ พร้อมทั้งยื่นขอประกันตัวต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายธาริตพ้นจากการปฏิบัติหน้าที่ตำแหน่งอธิบดีดีเอสไอ หลังจากมีคำสั่ง คสช.ฉบับที่ 8/2557 เมื่อวันที่ 24 พ.ค. 2557 ให้ปฏิบัติราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี โดยให้ได้รับเงินเดือนทางสังกัดเดิมไปก่อน หลังจาก ป.ป.ช.ได้ตรวจสอบทรัพย์สินของนายธาริต กระทั่ง ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดเมื่อวันที่ 10 มี.ค. 2559 ด้วยมติเป็นเอกฉันท์ 7 ต่อ 0 ว่ามีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติขณะดำรงตำแหน่งอธิบดีดีเอสไอ รวมมูลค่ากว่า 346 ล้านบาท ซึ่ง ป.ป.ช.ได้อายัดทรัพย์ที่มีชื่อของนายธาริต, นางวรรษมล เพ็งดิษฐ์ คู่สมรส และบุคคลที่เกี่ยวข้องถือครองแทนไว้ชั่วคราวก่อนหน้านี้กว่า 90 ล้านบาท แต่เนื่องจากทรัพย์สินที่ร่ำรวยผิดปกติบางส่วนมีการโอน ยักย้าย แปรสภาพ หรือซุกซ่อนทรัพย์สินทำให้ไม่สามารถติดตามทรัพย์สินได้ คงเหลือทรัพย์สินอีก 256,391,901 บาท ที่ให้บังคับคดีเอาจากทรัพย์สินอื่นของนายธาริตและนางวรรษมล
โดยนอกจากยื่นฟ้องคดีอาญาต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองแล้ว ป.ป.ช. ยังส่งรายงานและสำนวนการไต่สวนของ ป.ป.ช.ให้กับอัยการสูงสุด เพื่อยื่นคำร้องต่อศาลแพ่ง ขอให้ทรัพย์สินนั้นตกเป็นของแผ่นดิน พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 80 และ 83 ด้วย ซึ่งสำนักงานอัยการสูงสุด รับเรื่องไว้เมื่อวันที่ 11 เม.ย. 2559
จากนั้นอัยการสูงสุดโดยพนักงานอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต 2 จึงได้ยื่นคำร้องต่อศาลแพ่งเมื่อวันที่ 5 ก.ค. 2559 ขอให้ทรัพย์สินที่ร่ำรวยผิดปกติของนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีดีเอสไอ ตกเป็นของแผ่นดิน ซึ่งทรัพย์สินนั้นมีชื่อของนายธาริต, นางวรรษมล คู่สมรส และญาติกว่า 340 ล้านบาทเศษ โดยศาลแพ่งได้รับคำร้องของอัยการไว้ไต่สวนพยานแล้ว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการไต่สวนพยานฝ่ายอัยการผู้ร้อง
ลมเปลี่ยนทิศ ธาริตเปลี่ยนสี ?
ชีวิด ดี้ดี ซี้จุก0 ศาลฎีกาฯรับคำร้อง"ปปช."เอาผิด"ธาริต"ยื่นทรัพย์สินเท็จ รวย 340 ล้าน
12 ก.ย. 60 - ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ถ.แจ้งวัฒนะ องค์คณะนัดฟังคำสั่งคดีหมายเลขดำ อม.177/2560 ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ยื่นคำร้องขอให้ศาลวินิจฉัยข้อกล่าวหา นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตที่ปรึกษาประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและอดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ที่พ้นจากราชการตามคำสั่งไล่ออก ( คำสั่งสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี หรือ สลน. เมื่อวันที่ 3 เม.ย. 2560) จงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จฯ หลัง ป.ป.ช.มีมติเอกฉันท์ ชี้มูลความผิดกรณีร่ำรวยผิดปกติ รวมมูลค่า 346,652,588.52 บาท ซึ่ง ป.ป.ช.ได้อายัดทรัพย์สินไว้ก่อนหน้านี้ 90,260,687.40 บาท
องค์คณะพิเคราะห์แล้ว จึงมีคำสั่งให้รับคำร้อง ป.ป.ช.ไว้วินิจฉัยเพื่อมีคำพิพากษา โดยนัดพิจารณาคดีครั้งแรกในวันที่ 12 ต.ค.นี้ เวลา 09.30 น. ซึ่งวันดังกล่าวนายธาริต จำเลยจะต้องเดินทางมาแสดงตัวต่อหน้าศาลเป็นครั้งแรก เพื่อสอบคำให้การว่าจะรับสารภาพหรือปฏิเสธ พร้อมทั้งยื่นขอประกันตัวต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายธาริตพ้นจากการปฏิบัติหน้าที่ตำแหน่งอธิบดีดีเอสไอ หลังจากมีคำสั่ง คสช.ฉบับที่ 8/2557 เมื่อวันที่ 24 พ.ค. 2557 ให้ปฏิบัติราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี โดยให้ได้รับเงินเดือนทางสังกัดเดิมไปก่อน หลังจาก ป.ป.ช.ได้ตรวจสอบทรัพย์สินของนายธาริต กระทั่ง ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดเมื่อวันที่ 10 มี.ค. 2559 ด้วยมติเป็นเอกฉันท์ 7 ต่อ 0 ว่ามีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติขณะดำรงตำแหน่งอธิบดีดีเอสไอ รวมมูลค่ากว่า 346 ล้านบาท ซึ่ง ป.ป.ช.ได้อายัดทรัพย์ที่มีชื่อของนายธาริต, นางวรรษมล เพ็งดิษฐ์ คู่สมรส และบุคคลที่เกี่ยวข้องถือครองแทนไว้ชั่วคราวก่อนหน้านี้กว่า 90 ล้านบาท แต่เนื่องจากทรัพย์สินที่ร่ำรวยผิดปกติบางส่วนมีการโอน ยักย้าย แปรสภาพ หรือซุกซ่อนทรัพย์สินทำให้ไม่สามารถติดตามทรัพย์สินได้ คงเหลือทรัพย์สินอีก 256,391,901 บาท ที่ให้บังคับคดีเอาจากทรัพย์สินอื่นของนายธาริตและนางวรรษมล
โดยนอกจากยื่นฟ้องคดีอาญาต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองแล้ว ป.ป.ช. ยังส่งรายงานและสำนวนการไต่สวนของ ป.ป.ช.ให้กับอัยการสูงสุด เพื่อยื่นคำร้องต่อศาลแพ่ง ขอให้ทรัพย์สินนั้นตกเป็นของแผ่นดิน พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 80 และ 83 ด้วย ซึ่งสำนักงานอัยการสูงสุด รับเรื่องไว้เมื่อวันที่ 11 เม.ย. 2559
จากนั้นอัยการสูงสุดโดยพนักงานอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต 2 จึงได้ยื่นคำร้องต่อศาลแพ่งเมื่อวันที่ 5 ก.ค. 2559 ขอให้ทรัพย์สินที่ร่ำรวยผิดปกติของนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีดีเอสไอ ตกเป็นของแผ่นดิน ซึ่งทรัพย์สินนั้นมีชื่อของนายธาริต, นางวรรษมล คู่สมรส และญาติกว่า 340 ล้านบาทเศษ โดยศาลแพ่งได้รับคำร้องของอัยการไว้ไต่สวนพยานแล้ว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการไต่สวนพยานฝ่ายอัยการผู้ร้อง
ลมเปลี่ยนทิศ ธาริตเปลี่ยนสี ?