สวัสดีค่ะทุกคนสำหรับวันนี้เราก็มีสกินแคร์ดีๆที่เราใช้มาได้สักระยะนึง แล้วชอบและรู้สึกว่ามันเห็นผลมากๆ มาแนะนำให้เพื่อนๆได้ดูกัน นั่นคือ KENE Brightage C line & radiance corrector
ก่อนอื่นขอเล่าถึงปัญหาผิวต่างๆของเราก่อน นะคะ มีรอยสิวเยอะมากก เนื่องจากเมื่อก่อนที่เป็นสิวหนักๆแล้วชอบแกะชอบเกา สีผิวไม่สม่ำเสมอ แก้มจะขาวๆหน่อยแต่รอบปากนี่เป็นรอยคล้ำชัดเจนเลย ไม่รู้เพราะอะไร TT รูขุมขนกว้าง โดยเฉพาะตรงแก้มและจมูก เริ่มมีริ้วรอย พออายุ25 แล้วริ้วรอยเล็กๆเริ่มมาเยือนเวลาหัวเราะเริ่มเห็นเป็นเส้นจางๆแล้วค่ะ(รูปแอบสะพรึงเล็กน้อยขออภัยค่ะ555555)
ขอเล่าเกี่ยวกับแบรนด์ที่ได้ลองใหม่นี้ให้ทุกคนได้ฟังก่อนนะคะ
แบรนด์ KENE(อ่านว่าคีน) เป็นแบรนด์แนวเวชสำอางค์ concept เขาค่อนข้างจะชัดเจนว่าเน้นการดูแลปัญหาผิวอย่างจริงจัง
คือไม่ใช่แค่ดูแลธรรมดาแต่เข้าไปแก้ไขปัญหาผิวอย่างตรงจุด เหมาะกับคนที่อยากเห็นผลชัดเจน โดยเน้นการใช้ส่วนผสมที่ผ่านการวิจัยทางวิทยาศาสตร์แล้วว่าช่วยในปัญหานั้นได้จริงๆ ประมาณว่าเลือกใช้ส่วนผสมที่ทางการแพทย์ และวิทยาศาสตร์ด้านผิวหนังพิสูจน์กันมาแล้วว่ามีประสิทธิภาพในด้านนั้นจริงๆ ไม่ได้เลือกส่วนผสมมาเคลมมั่วๆ แล้วทำให้ดูน่าใช้มั่วๆ ร่วมกับการเลือกใช้เทคโนโลยีและส่วนผสมนวัตกรรมตัวใหม่ๆที่ทำให้ประสิทธิภาพดีขึ้น จึงเป็นที่มาของ slogan ของแบรนด์ที่ว่า Innovative skin solution คือ เป็นมากกว่า skin care แต่เป็น skin solution โดยใช้ส่วนผสมทางวิทยาศาสตร์ที่มีความทันสมัยหรือ innovative โดยสำหรับจุดเด่นหลักของ KENE Brightage C line & radiance corrector เค้ามีคุณสมบัติหลักๆคือช่วยลดเลือนริ้วรอยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิว และ จัดการความหมองคล้ำและจุดด่างดำต่างๆ ไปพร้อมๆกัน (คนมีรอยสิวเยอะแบบเรานี่ปลื้มเลย) โดย concept ผลิตภัณฑ์เริ่มมาจากการที่ VitaminC สามารถทำงานได้ทั้งเป็น Whitening และช่วยกระตุ้นคอลลาเจนให้ผิววเรียบเนียนเต่งตึง ทางแบรนด์จึงหยิบเลือกตัว VitaminC มาเป็นส่วนผสมหลัก และเสริมประสิทธิภาพด้าน whitening และ กระตุ้นคอลลาเจนด้วยส่วนผสมตัวอื่นๆอีกหลายตัว
ส่วนที่ว่ามันจะต่างจากวิตามินซีเซรั่มทั่วไปยังไงมาดูกันเลย
มีส่วนผสม 2 ตัวหลักๆใน KENE BrightageC คือ
1.Double VitaminC คือเป็นการใช้อนุพันธ์วิตามินซี 2 ชนิดมาทำงานคู่กัน โดยเลือกใช้ อนุพันธ์วิตามินซีรูปแบบใหม่ที่ละลายในไขมันได้แก่ ascorbyl tetraisopalmitate โดยใส่มาที่ 10% ร่วมกับ อนุพันธ์ที่ละลายในน้ำคือ 2% 3-O ethyl ascorbic acid การใช้สองอนุพันธ์ร่วมกันจะทำให้ได้ประสิทธิภาพที่ดีกว่าเพราะออกฤทธิ์ทั้งในส่วนที่ละลายในน้ำ และ ละลายในไขมัน โดยอนุพันธ์ทั้งสองชนิดดีกว่าอนุพันธ์แบบเก่าที่มักได้ผลน้อยกว่า และไม่ระคายเคืองเหมือนวิตามินซีในรูปปกติที่เป็นกรดและระคายเคือง
เรียกได้ว่าอนุพันธ์ใหม่นี้ทั้งประสิทธิภาพดี และไม่ระคายเคือง โดยทางแบรนด์ใส่มารวม 12% ซึ่งถือว่าสูงมาก โดยผลลัพธ์ที่คาดหวังได้จากวิตามินซีคือ การลดเลือนจุดด่างดำ การกระตุ้นคอลลาเจน ลดความเสียหายของผิวที่เกิดจากแดด พูดง่ายๆคือ วิตามินซีเหมือนช่วยทำให้ทั้งใสทั้งตึง และยังช่วยลดการอักเสบและช่วยในการสมานแผลให้ดียิ่งขึ้น
2.Double peptide
Peptide มันก็เหมือนโปรตีนสายสั้นๆที่ทำให้สื่อสารระหว่างเซลล์ โดยตัว Brightage C ได้ร่วม peptide 2 ชนิดที่ทำหน้าที่ในการกระตุ้นให้เกิดการสร้าง collagen ได้แก่ 3% Matrixyl3000 และ 2% tetrapeptide-21 ทั้งสองตัวทำงานควบคู่กัน โดยทำงานคล้ายๆกันคือเหมือนเข้าไปในเซลล์แล้วบอกให้เซลล์เกิดการสร้าง collagen ที่มากขึ้น ทำให้ผิวเรียบเนียน ละเอียดขึ้น ริ้วรอยดูลดลง ผิวดูตึง ยืดหยุ่นขึ้น โดยคุณสมบัติการกระตุ้นคอลลาเจนนี้ตัว peptide ก็ทำงานควบคู่กับ double vitamin C ช่วยกันกระตุ้นคอลลาเจนทำให้ประสิทธิภาพในการกระตุ้นคอลลาเจนสูงขึ้น
นอกจากส่วนผสม 2 ตัวข้างต้น ยังมีส่วนผสมอีกหลายตัวที่ทางแบรนด์ใส่เข้ามาเพื่อเสริมคุณสมบัติในเรื่องความกระจ่างใส และความเรียบเนียนเต่งตึงได้แก่
Tyrostat ซึ่งคือสารสกัดจากพืชที่โตในทุ่งหญ้าบริเวณประเทศแคนาดาตอนเหนือมีประสิทธิภาพสูงในการยับยั้งเอนไซม์tyrosinase (ยับยั้งการสร้างเม็ดสี) ลดจุดด่างดำและความหมองคล้ำเพิ่มความระจ่างใส
นอกจากนี้ยังมีส่วนผสมอีกหลายตัวผ่านหลายกลไกที่ช่วยฟื้นฟูให้ผิวดูอ่อนเยาว์ได้แก่
anti-oxidant (Green tea, Grape seed , Black berry , Vitamin E , Resveratrol)
ปกป้องผิวจากอนุมูลอิสระสาเหตุของความชราแห่งวัย และช่วยปกป้องผิวให้ดูอ่อนเยาว์อยู่เสมอ โดยยับยั้งการเสื่อมสลายของคอลลาเจน และป้องกันความเสียหายของผิวที่เกิดจากรังสี UV
Anti-glycation
โดยปกติน้ำตาลในผิวจะไปจับตัวกับพวกคอลลาเจน ทำให้เปราะบางและเสียโครงสร้าง ทำให้ผิวดูไม่เต่งตึง ส่วนผสมตัวนี้จะไปช่วยยับยั้งกลไกนี้ตัวให้ผิวดูยืดหยุ่นอ่อนเยาว์
Barrier repair complex
คือเทคโนโลยีพิเศษที่ผสานองค์ประกอบ lipid barrier แบบเดียวกับที่พบในผิวด้วย ceramide,cholesterol,fatty acid ทำหน้าที่เสริมสร้างเกราะป้องกันผิวทางธรรมชาติ เพิ่มความแข็งแรง และเพิ่มความสามารถในการกักเก็บความชุ่มชื้นได้จากภายใน
Nano hyaluronic acid
สามารถกักเก็บน้ำได้มากกว่าน้ำหนักตัวเองถึง1000เท่า ให้ความชุ่มชื้นผิวดูอิ่มน้ำ
Anti-irritant
ช่วยลดความแดง และการอักเสบของผิว
เนื้อสัมผัสค่อนข้างบางเบาซึมง่ายมาในรูปแบบของหลอดบีบปริมาณ 30 กรัม ใช้ได้นานเลยค่ะ
มาดูผลลัพธ์หลังจากที่เราได้ใช้เซรัมตัวนี้บำรุงหน้าตัวเดียวทาตอนเช้าและก่อนนอนมา 2 สัปดาห์กว่าๆกันค่ะ (กล้องที่ถ่ายเป็น sony a5100 ความสว่างปรับที่ 0 ทั้งก่อนและหลังใช้ กับไฟ soft box 1 ตัว ปริมาณไฟเท่ากันค่ะ)
ภาพนี้ตอนก่อนใช้เราแอบมีสิวอักเสบขึ้นที่คาง พอสิวหายเหลือแต่รอยเราก็ทาแต่ตัวนี้สังเกตว่ารอยสิวจางเร็วกว่ารอยที่ปล่อยทิ้งไว้นานแล้วค่อยมาทาทีหลังค่ะ
ภาพหน้าตรงนี่เห็นชัดเลยว่าหน้าดูเนียนใสผิวดูสุขภาพดีขึ้น ดูไม่โทรมทั้งๆที่เราก็นอนประมาณเที่ยงคืนเป็นปกติค่ะ และช่วงนี้เพื่อนๆพี่ๆที่ทำงานหลายคนเริ่มทักว่าไปทำไรมาหน้าใสขึ้น ดีใจ55
ฝั่งนี้โดยรวมก็ดูใสขึ้นรูขุมขนดูเล็กลงผิวละเอียดขึ้นแต่แอบมีสิวอักเสบขึ้นเล็กน้อยเพราะรอบเดือน รอยแดงลดลง และอยากให้ลองสังเกตตรงหนังตาเราด้วยค่ะบอกแล้วเราทาทั้งหน้าจริงๆเวลาเหลือเนื้อเซรัมติดมือนิดหน่อยก็เอาไปแปะๆที่เปลือกตาด้วยเสียดาย555 เพราะเค้าบอกว่าไม่มีน้ำหอม พาราเบน แอลกอฮอล์อ่า พอทาๆแปะๆวันแรกไม่แพ้เราก็ทามาเรื่อยๆผลลัพธ์ คือเปลือกตาดูเต่งตึงเลย ดีใจอีกแล้วฮ่าๆ
สรุปตามความรู้สึกที่ได้ใช้มา
สำหรับ KENE Brightage C line & radiance corrector ก็เป็นเซรัมวิตามินซีเข้มข้นที่ช่วยให้หน้าดูกระจ่างใสเรียบเนียนขึ้น หน้าดูอิ่มๆแน่นๆ เวลาเรายิ้ม หัวเราะ ริ้วรอยเล็กๆไม่ค่อยมากเหมือนเมื่อก่อนแล้วค่ะ รู้สึกว่าหน้ามีความยืดหยุ่นดีอ่ะบอกไม่ถูก รู้แต่ว่าตอนนี้เป็นลูกรักไปแล้ว55 และที่สำคัญเรื่องรอยสิวใหม่ๆใช้ตัวนี้ตั้งแต่เนิ่นๆรอยหายเร็วมากค่ะ
ความแตกต่างหลักๆที่แตกต่างจากวิตามินซีเซรั่มทั่วๆไปคือตัวนี้ใช้อนุพันธ์วิตามินซีรูปแบบใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงละลายทั้งในน้ำและไขมัน และมีตัวเสริมคือมีเปปไทด์เข้มข้นที่ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนเสริมตัววิตามินซีอีกทีในด้านการกระตุ้นคอลลาเจน และมีส่วนผสมเสริมอีกหลายๆตัวที่ทำให้ผิวดูกระจ่างใสสุขภาพดีขึ้น ที่สำคัญคือ ข้างกล่องเค้าบอกความเข้มข้นส่วนผสมหลักด้วย เราจะได้มั่นใจว่าได้ส่วนผสมที่เข้มข้นพอจริงๆ
เซรัมตัวนี้เหมาะกับคนที่กำลังหาสกินแคร์ที่ช่วยรักษาพวกรอยสิว หรือคนที่เริ่มมีอายุเพราะวิตามินซีจะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้หน้ากลับมาเต่งตึง หรือแม้แต่จะเป็นน้องๆวัยรุ่นก็เหมาะที่จะใช้ตัวนี้ได้เลยเพราะมีพวกสารantioxidant ให้มาหลายตัวช่วยชะลอความแก่ของผิว เรียกได้ว่ากันไว้ดีกว่าแก้เนอะ หากสรุปง่ายๆก็เหมือนในด้านการแก้ไข Brightage C จะช่วยทำให้ผิวเรียบเนียน นุ่มฟูขึ้น พร้อมกับลดเม็ดสี ทำให้จุดด่างดำจางลง ผิวสว่างขึ้นไปพร้อมๆกัน พอความเรียบเนียนมาเจอกับผิวที่สว่างขึ้น หน้าก็จะดูกระจ่างใสๆ ดูเนียนๆใสๆ เต่งตึงขึ้นขึ้น สำหรับคนที่มีริ้วรอยแล้วเนื่องจาก vitaminC และ peptide ทำงานกระตุ้นคอลลาเจน ริ้วรอยก็จะจางลง ผิวอ่อนเยาว์ขึ้นนั่นเองค่ะ แต่สำหรับผิวที่ยังไม่มีปัญหาการใช้ BrightageC เหมือนการลดความเสียหายของผิวที่เกิดขึ้นทุกวันสะสม ทำให้ผิวเสีย ตัวนี้จะช่วยให้ผิวแก่ช้ากว่าคนทั่วไปเพราะด้วยความเป็น antioxidant มันจะลดความเสียหายจากแสงแดดค่ะ นอกจากนั้นผลที่ได้คือเรื่องของความเรียบเนียน ความฟูของผิว เพราะถึงแม้ไม่มีริ้วรอย แต่ถ้าคอลลาเจนเพิ่มขึ้นก็จะได้ในผลลัพธ์ตรงนี้ รวมถึงความขาวกระจ่างใสของผิวมากยิ่งขึ้นค่ะ
*ทั้งนี้ทั้งนั้นผลลัพธ์ที่ได้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลนะคะ สำหรับเราผิวแพ้ง่ายใช้ตัวนี้แล้วไม่แพ้ก็ไม่ได้หมายความว่าคนที่ผิวแพ้ง่ายจะไม่แพ้น้า ยังไงก่อนใช้ผลิตภัณฑ์ตัวไหนลองศึกษาให้ดี และอย่าลืมเทสก่อนทุกครั้งที่จะเริ่มใช้สกินแคร์ตัวใหม่ๆนะคะ*
สำหรับกระทู้นี้เราก็ขอตัวลาไปก่อนแล้วเจอกันใหม่กระทู้หน้าสวัสดีค่ะ
[SR] KENE เซรั่มวิตามินซีที่ทำให้ผิวหน้าเปลี่ยนไป (มันดีมากก)
ก่อนอื่นขอเล่าถึงปัญหาผิวต่างๆของเราก่อน นะคะ มีรอยสิวเยอะมากก เนื่องจากเมื่อก่อนที่เป็นสิวหนักๆแล้วชอบแกะชอบเกา สีผิวไม่สม่ำเสมอ แก้มจะขาวๆหน่อยแต่รอบปากนี่เป็นรอยคล้ำชัดเจนเลย ไม่รู้เพราะอะไร TT รูขุมขนกว้าง โดยเฉพาะตรงแก้มและจมูก เริ่มมีริ้วรอย พออายุ25 แล้วริ้วรอยเล็กๆเริ่มมาเยือนเวลาหัวเราะเริ่มเห็นเป็นเส้นจางๆแล้วค่ะ(รูปแอบสะพรึงเล็กน้อยขออภัยค่ะ555555)
ขอเล่าเกี่ยวกับแบรนด์ที่ได้ลองใหม่นี้ให้ทุกคนได้ฟังก่อนนะคะ
แบรนด์ KENE(อ่านว่าคีน) เป็นแบรนด์แนวเวชสำอางค์ concept เขาค่อนข้างจะชัดเจนว่าเน้นการดูแลปัญหาผิวอย่างจริงจัง
คือไม่ใช่แค่ดูแลธรรมดาแต่เข้าไปแก้ไขปัญหาผิวอย่างตรงจุด เหมาะกับคนที่อยากเห็นผลชัดเจน โดยเน้นการใช้ส่วนผสมที่ผ่านการวิจัยทางวิทยาศาสตร์แล้วว่าช่วยในปัญหานั้นได้จริงๆ ประมาณว่าเลือกใช้ส่วนผสมที่ทางการแพทย์ และวิทยาศาสตร์ด้านผิวหนังพิสูจน์กันมาแล้วว่ามีประสิทธิภาพในด้านนั้นจริงๆ ไม่ได้เลือกส่วนผสมมาเคลมมั่วๆ แล้วทำให้ดูน่าใช้มั่วๆ ร่วมกับการเลือกใช้เทคโนโลยีและส่วนผสมนวัตกรรมตัวใหม่ๆที่ทำให้ประสิทธิภาพดีขึ้น จึงเป็นที่มาของ slogan ของแบรนด์ที่ว่า Innovative skin solution คือ เป็นมากกว่า skin care แต่เป็น skin solution โดยใช้ส่วนผสมทางวิทยาศาสตร์ที่มีความทันสมัยหรือ innovative โดยสำหรับจุดเด่นหลักของ KENE Brightage C line & radiance corrector เค้ามีคุณสมบัติหลักๆคือช่วยลดเลือนริ้วรอยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิว และ จัดการความหมองคล้ำและจุดด่างดำต่างๆ ไปพร้อมๆกัน (คนมีรอยสิวเยอะแบบเรานี่ปลื้มเลย) โดย concept ผลิตภัณฑ์เริ่มมาจากการที่ VitaminC สามารถทำงานได้ทั้งเป็น Whitening และช่วยกระตุ้นคอลลาเจนให้ผิววเรียบเนียนเต่งตึง ทางแบรนด์จึงหยิบเลือกตัว VitaminC มาเป็นส่วนผสมหลัก และเสริมประสิทธิภาพด้าน whitening และ กระตุ้นคอลลาเจนด้วยส่วนผสมตัวอื่นๆอีกหลายตัว
ส่วนที่ว่ามันจะต่างจากวิตามินซีเซรั่มทั่วไปยังไงมาดูกันเลย
มีส่วนผสม 2 ตัวหลักๆใน KENE BrightageC คือ
1.Double VitaminC คือเป็นการใช้อนุพันธ์วิตามินซี 2 ชนิดมาทำงานคู่กัน โดยเลือกใช้ อนุพันธ์วิตามินซีรูปแบบใหม่ที่ละลายในไขมันได้แก่ ascorbyl tetraisopalmitate โดยใส่มาที่ 10% ร่วมกับ อนุพันธ์ที่ละลายในน้ำคือ 2% 3-O ethyl ascorbic acid การใช้สองอนุพันธ์ร่วมกันจะทำให้ได้ประสิทธิภาพที่ดีกว่าเพราะออกฤทธิ์ทั้งในส่วนที่ละลายในน้ำ และ ละลายในไขมัน โดยอนุพันธ์ทั้งสองชนิดดีกว่าอนุพันธ์แบบเก่าที่มักได้ผลน้อยกว่า และไม่ระคายเคืองเหมือนวิตามินซีในรูปปกติที่เป็นกรดและระคายเคือง
เรียกได้ว่าอนุพันธ์ใหม่นี้ทั้งประสิทธิภาพดี และไม่ระคายเคือง โดยทางแบรนด์ใส่มารวม 12% ซึ่งถือว่าสูงมาก โดยผลลัพธ์ที่คาดหวังได้จากวิตามินซีคือ การลดเลือนจุดด่างดำ การกระตุ้นคอลลาเจน ลดความเสียหายของผิวที่เกิดจากแดด พูดง่ายๆคือ วิตามินซีเหมือนช่วยทำให้ทั้งใสทั้งตึง และยังช่วยลดการอักเสบและช่วยในการสมานแผลให้ดียิ่งขึ้น
2.Double peptide
Peptide มันก็เหมือนโปรตีนสายสั้นๆที่ทำให้สื่อสารระหว่างเซลล์ โดยตัว Brightage C ได้ร่วม peptide 2 ชนิดที่ทำหน้าที่ในการกระตุ้นให้เกิดการสร้าง collagen ได้แก่ 3% Matrixyl3000 และ 2% tetrapeptide-21 ทั้งสองตัวทำงานควบคู่กัน โดยทำงานคล้ายๆกันคือเหมือนเข้าไปในเซลล์แล้วบอกให้เซลล์เกิดการสร้าง collagen ที่มากขึ้น ทำให้ผิวเรียบเนียน ละเอียดขึ้น ริ้วรอยดูลดลง ผิวดูตึง ยืดหยุ่นขึ้น โดยคุณสมบัติการกระตุ้นคอลลาเจนนี้ตัว peptide ก็ทำงานควบคู่กับ double vitamin C ช่วยกันกระตุ้นคอลลาเจนทำให้ประสิทธิภาพในการกระตุ้นคอลลาเจนสูงขึ้น
นอกจากส่วนผสม 2 ตัวข้างต้น ยังมีส่วนผสมอีกหลายตัวที่ทางแบรนด์ใส่เข้ามาเพื่อเสริมคุณสมบัติในเรื่องความกระจ่างใส และความเรียบเนียนเต่งตึงได้แก่
Tyrostat ซึ่งคือสารสกัดจากพืชที่โตในทุ่งหญ้าบริเวณประเทศแคนาดาตอนเหนือมีประสิทธิภาพสูงในการยับยั้งเอนไซม์tyrosinase (ยับยั้งการสร้างเม็ดสี) ลดจุดด่างดำและความหมองคล้ำเพิ่มความระจ่างใส
นอกจากนี้ยังมีส่วนผสมอีกหลายตัวผ่านหลายกลไกที่ช่วยฟื้นฟูให้ผิวดูอ่อนเยาว์ได้แก่
anti-oxidant (Green tea, Grape seed , Black berry , Vitamin E , Resveratrol)
ปกป้องผิวจากอนุมูลอิสระสาเหตุของความชราแห่งวัย และช่วยปกป้องผิวให้ดูอ่อนเยาว์อยู่เสมอ โดยยับยั้งการเสื่อมสลายของคอลลาเจน และป้องกันความเสียหายของผิวที่เกิดจากรังสี UV
Anti-glycation
โดยปกติน้ำตาลในผิวจะไปจับตัวกับพวกคอลลาเจน ทำให้เปราะบางและเสียโครงสร้าง ทำให้ผิวดูไม่เต่งตึง ส่วนผสมตัวนี้จะไปช่วยยับยั้งกลไกนี้ตัวให้ผิวดูยืดหยุ่นอ่อนเยาว์
Barrier repair complex
คือเทคโนโลยีพิเศษที่ผสานองค์ประกอบ lipid barrier แบบเดียวกับที่พบในผิวด้วย ceramide,cholesterol,fatty acid ทำหน้าที่เสริมสร้างเกราะป้องกันผิวทางธรรมชาติ เพิ่มความแข็งแรง และเพิ่มความสามารถในการกักเก็บความชุ่มชื้นได้จากภายใน
Nano hyaluronic acid
สามารถกักเก็บน้ำได้มากกว่าน้ำหนักตัวเองถึง1000เท่า ให้ความชุ่มชื้นผิวดูอิ่มน้ำ
Anti-irritant
ช่วยลดความแดง และการอักเสบของผิว
เนื้อสัมผัสค่อนข้างบางเบาซึมง่ายมาในรูปแบบของหลอดบีบปริมาณ 30 กรัม ใช้ได้นานเลยค่ะ
มาดูผลลัพธ์หลังจากที่เราได้ใช้เซรัมตัวนี้บำรุงหน้าตัวเดียวทาตอนเช้าและก่อนนอนมา 2 สัปดาห์กว่าๆกันค่ะ (กล้องที่ถ่ายเป็น sony a5100 ความสว่างปรับที่ 0 ทั้งก่อนและหลังใช้ กับไฟ soft box 1 ตัว ปริมาณไฟเท่ากันค่ะ)
ภาพนี้ตอนก่อนใช้เราแอบมีสิวอักเสบขึ้นที่คาง พอสิวหายเหลือแต่รอยเราก็ทาแต่ตัวนี้สังเกตว่ารอยสิวจางเร็วกว่ารอยที่ปล่อยทิ้งไว้นานแล้วค่อยมาทาทีหลังค่ะ
ภาพหน้าตรงนี่เห็นชัดเลยว่าหน้าดูเนียนใสผิวดูสุขภาพดีขึ้น ดูไม่โทรมทั้งๆที่เราก็นอนประมาณเที่ยงคืนเป็นปกติค่ะ และช่วงนี้เพื่อนๆพี่ๆที่ทำงานหลายคนเริ่มทักว่าไปทำไรมาหน้าใสขึ้น ดีใจ55
ฝั่งนี้โดยรวมก็ดูใสขึ้นรูขุมขนดูเล็กลงผิวละเอียดขึ้นแต่แอบมีสิวอักเสบขึ้นเล็กน้อยเพราะรอบเดือน รอยแดงลดลง และอยากให้ลองสังเกตตรงหนังตาเราด้วยค่ะบอกแล้วเราทาทั้งหน้าจริงๆเวลาเหลือเนื้อเซรัมติดมือนิดหน่อยก็เอาไปแปะๆที่เปลือกตาด้วยเสียดาย555 เพราะเค้าบอกว่าไม่มีน้ำหอม พาราเบน แอลกอฮอล์อ่า พอทาๆแปะๆวันแรกไม่แพ้เราก็ทามาเรื่อยๆผลลัพธ์ คือเปลือกตาดูเต่งตึงเลย ดีใจอีกแล้วฮ่าๆ
สรุปตามความรู้สึกที่ได้ใช้มา
สำหรับ KENE Brightage C line & radiance corrector ก็เป็นเซรัมวิตามินซีเข้มข้นที่ช่วยให้หน้าดูกระจ่างใสเรียบเนียนขึ้น หน้าดูอิ่มๆแน่นๆ เวลาเรายิ้ม หัวเราะ ริ้วรอยเล็กๆไม่ค่อยมากเหมือนเมื่อก่อนแล้วค่ะ รู้สึกว่าหน้ามีความยืดหยุ่นดีอ่ะบอกไม่ถูก รู้แต่ว่าตอนนี้เป็นลูกรักไปแล้ว55 และที่สำคัญเรื่องรอยสิวใหม่ๆใช้ตัวนี้ตั้งแต่เนิ่นๆรอยหายเร็วมากค่ะ
ความแตกต่างหลักๆที่แตกต่างจากวิตามินซีเซรั่มทั่วๆไปคือตัวนี้ใช้อนุพันธ์วิตามินซีรูปแบบใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงละลายทั้งในน้ำและไขมัน และมีตัวเสริมคือมีเปปไทด์เข้มข้นที่ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนเสริมตัววิตามินซีอีกทีในด้านการกระตุ้นคอลลาเจน และมีส่วนผสมเสริมอีกหลายๆตัวที่ทำให้ผิวดูกระจ่างใสสุขภาพดีขึ้น ที่สำคัญคือ ข้างกล่องเค้าบอกความเข้มข้นส่วนผสมหลักด้วย เราจะได้มั่นใจว่าได้ส่วนผสมที่เข้มข้นพอจริงๆ
เซรัมตัวนี้เหมาะกับคนที่กำลังหาสกินแคร์ที่ช่วยรักษาพวกรอยสิว หรือคนที่เริ่มมีอายุเพราะวิตามินซีจะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้หน้ากลับมาเต่งตึง หรือแม้แต่จะเป็นน้องๆวัยรุ่นก็เหมาะที่จะใช้ตัวนี้ได้เลยเพราะมีพวกสารantioxidant ให้มาหลายตัวช่วยชะลอความแก่ของผิว เรียกได้ว่ากันไว้ดีกว่าแก้เนอะ หากสรุปง่ายๆก็เหมือนในด้านการแก้ไข Brightage C จะช่วยทำให้ผิวเรียบเนียน นุ่มฟูขึ้น พร้อมกับลดเม็ดสี ทำให้จุดด่างดำจางลง ผิวสว่างขึ้นไปพร้อมๆกัน พอความเรียบเนียนมาเจอกับผิวที่สว่างขึ้น หน้าก็จะดูกระจ่างใสๆ ดูเนียนๆใสๆ เต่งตึงขึ้นขึ้น สำหรับคนที่มีริ้วรอยแล้วเนื่องจาก vitaminC และ peptide ทำงานกระตุ้นคอลลาเจน ริ้วรอยก็จะจางลง ผิวอ่อนเยาว์ขึ้นนั่นเองค่ะ แต่สำหรับผิวที่ยังไม่มีปัญหาการใช้ BrightageC เหมือนการลดความเสียหายของผิวที่เกิดขึ้นทุกวันสะสม ทำให้ผิวเสีย ตัวนี้จะช่วยให้ผิวแก่ช้ากว่าคนทั่วไปเพราะด้วยความเป็น antioxidant มันจะลดความเสียหายจากแสงแดดค่ะ นอกจากนั้นผลที่ได้คือเรื่องของความเรียบเนียน ความฟูของผิว เพราะถึงแม้ไม่มีริ้วรอย แต่ถ้าคอลลาเจนเพิ่มขึ้นก็จะได้ในผลลัพธ์ตรงนี้ รวมถึงความขาวกระจ่างใสของผิวมากยิ่งขึ้นค่ะ
*ทั้งนี้ทั้งนั้นผลลัพธ์ที่ได้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลนะคะ สำหรับเราผิวแพ้ง่ายใช้ตัวนี้แล้วไม่แพ้ก็ไม่ได้หมายความว่าคนที่ผิวแพ้ง่ายจะไม่แพ้น้า ยังไงก่อนใช้ผลิตภัณฑ์ตัวไหนลองศึกษาให้ดี และอย่าลืมเทสก่อนทุกครั้งที่จะเริ่มใช้สกินแคร์ตัวใหม่ๆนะคะ*
สำหรับกระทู้นี้เราก็ขอตัวลาไปก่อนแล้วเจอกันใหม่กระทู้หน้าสวัสดีค่ะ