[CR] ขับมอไซค์ไปเที่ยวกาญนะจ๊ะถึงสังขละบุรีกับแฟน 3 วัน 2 คืน

ทริปนี้เราไป“สังขละบุรี” ครั้งแรกเลยค่ะ (2 วัน 1 คืน) ไปเที่ยวหมู่บ้านน่ารัก ชุมชนมอญเล็กๆ ใกล้ชายแดนเมียนมาร์ ที่ได้ไปสักครั้งต้องหลงเสน่ห์ในความเรียบง่าย และเงียบสงบ วันนี้เราจะพาไป สังขละบุรี  จริงๆแล้วเราเองก็อยากไปเที่ยวที่นี่นานแล้วค่ะ หลังจากที่ฝึกงานเสร็จก็ถึงเวลาที่เราจะได้พักผ่อนสักที และนี่เป็นการเขียนรีวิวครั้งแรกค่ะ ถ้ามีอะไรผิดพลาดก็ขออภัยด้วยค่ะ

วันที่ 1 เริ่มออกเดินทางจากบ้านตอนตี 3 ครึ่ง ด้วยรถมอไซค์คู่ใจ Honda click 125i ที่รับมรดกต่อมาจากหม่อมแม่ 55+ เปิด Gps ปักหมุด สังขละบุรีเลยจ้า ถ้ามาจากกรุงเทพฯ ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 4 (ถนนเพชรเกษม)ผ่าน จ.นครปฐม จากนั้นขับไปตามทางหลวงหมายเลข 323  แบบถนนโล่งๆ ขับช้าๆชิวๆๆ
เรากับแฟนไม่พักรถเลยนะคะ คิดว่าจะไปพักรถที่ทองผาภูมิทีเดียวเลย เลยขับยาวไปเลยค่ะ ถนนเรียบดี สองข้างทางธรรมชาติดีมาก
ยิ่งช่วงอ.ไทรโยคนะ มีน้ำตก ป่าไม้เขียวชอุ่ม ธรรมชาติดีสุดๆ ขับไปเรื่อยๆ ไม่ต้องรีบมากค่ะ
ประมาณ 11.30 เราก็ถึงทองผาภูมิค่ะ จึงตัดสินใจพักรถและถ่ายรูปกันที่เขื่อนวชิราลงกรณ์ ซึ่งเปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของอำเภอทองผาภูมิ เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวมักจะแวะมาชมความงดงามของวิวทะเลสาบจากบนสันเขื่อน และถ่ายรูปเป็นที่ระลึกสำหรับการมาเยือนทองผาภูมิค่ะ ซึ่งเจ้าหน้าที่บอกว่านักท่องเที่ยวสามารถขับรถขึ้นไปจอดชมวิวบริเวณสันเขื่อนได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายในการเข้าชมเลยค่ะ เมื่อรู้แบบนี้เราก็ไม่รีรอค่ะ ไปถ่ายรูปกันหน่อยยย ^_^
และเมื่อหายเหนื่อย เราก็ขับต่อไปอ.สังขละบุรี เลยค่ะ ทางเป็นเขา ค่อนข้างคดเคี้ยว ทางไม่ชันมีขึ้นลงเนินบ้าง ต้องระมัดระวังให้มากนะคะ ถ้าขับมอไซค์ไม่แข็ง แนะนำให้นั่งรถตู้ จาก บขส.กาญจนบุรีมานะคะ สังขละบุรีเป็นอำเภอที่ติดต่อกับชายแดนพม่า ห่างจากตัวเมืองประมาณ 215 กิโลเมตร ไกลอยู่พอสมควร และอยู่ห่างจากอำเภอ ทองผาภูมิ 74 กิโลเมตร

และเราก็มาถึงที่พักประมาณบ่ายโมง ค่ะ แดดร้อนแรง หลังจากขับรถวนหาที่พักอยู่นาน สุดท้ายก็มาลงเอยที่ พี เกสต์เฮาส์ คันทรี สังขละบุรี ที่พักที่ได้ชมวิวแม่น้ำ 3 สาย ห้องพักสไตล์คันทรี บูติก ที่มีความเรียบ มีสไตล์  และที่แฟนแสนประหยัดของเรา ตอบตกลงเพราะราคาห้องแอร์ที่ต้องการพักคืนนี้โอเคพอสมควร 700 บาท ใครที่ไม่นอนห้องแอร์ ที่นี่ก็มีห้องพัดลมหรือเต้นท์บริการค่ะ
แน่นอนว่ามาถึงแล้ว หายเหนื่อยนะคะ นั่งซ้อนท้ายมานานด้วย ระยะทางไกลใช่เล่นเลยค่ะ แต่ก็ยิ้มออก ทั้งคู่เลย เพราะเมืองสงบมาก ถึงแม้เวลาที่มาถึงแดดจะแรงไปหน่อย แต่ก็โอเคค่ะ  หลังจากเข้าที่พัก เราก็ขอนอนเก็บแรง รอเวลาให้แดดอ่อนลง ประมาณ4โมงเย็นเราจะไปเที่ยวเมืองเล็กๆ ที่งดงามด้วยวัฒนธรรมของชาวไทยและชาวมอญนี้กันต่อค่ะ

------------------------------------------คร้อก -----------------------------------------

ตื่นนนละ //// ชาจแบตตัวเองเรียบร้อยละจ้าาา ออกไปขี่มอไซค์หาความสุขกันค่ะ

เริ่มจาก ไหว้หลวงพ่ออุตตมะที่วัดวังก์วิเวการาม (ใหม่) ค่ะ ใครที่สงสัยว่าท่านคือใครเนี่ย  คือแบบนี้ค่ะ // หลวงพ่ออุตตมะ  ถือเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวสังขละบุรีค่ะ   มาไกลขนาดนี้ต้องไปไหว้ขอพรสักหน่อยค่ะ
จากนั้นเราก็ขับรถไปอีกไม่ไกลกัน ไปไหว้เจดีย์พุทธคยากันต่อค่ะ เราจะสังเกตเห็นป้ายบอกทางให้ไปเจดีย์พุทธคยา ก็ขับมาเลยค่ะ เจดีย์สีทององค์โตสูงสง่า เป็นที่เคารพสักการะของคนท้องถิ่น เป็นเจดีย์ที่ออกแบบตามประเทศอินเดียค่ะ

ด่านหน้าเจดีย์มีสิงห์แบบมอญ 2 ตัว ยืนเฝ้าบันไดทางขึ้นที่ทอดยาวพาขึ้นสู่ตัวเจดีย์ทรงเหลี่ยมฐานจัตุรัสมีเจดีย์เล็กทรงกลมแบบมอญสร้างอยู่บนยอดบนสุด ภายในเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุซึ่งหลวงพ่ออุตตมะอัญเชิญมาจากประเทศศรีลังกามาไว้ให้สักการะบูชากันค่ะ ส่วนวิวเจดีย์พุทธคยาสวยงามในยามค่ำคืนมองจากที่พักที่เราพักคืนนี้ก็จะเห็นค่ะ

ไหว้เสร็จก็เวียนเทียนรอบเจดีย์ค่ะ สบายใจมากเลย

จริงๆว่าจะไปเดินตลาดถนนคนเดิน แต่ว่าเราดันมาเที่ยวกันวันศุกร์ค่ะ ตลาดมีทุกเย็นวันเสาร์นะคะ เลยอดเลย T^T
เลยเปลี่ยนไปเดินตลาดเย็นแทนค่ะ แวะทานข้าวที่ตลาดเลย แล้วก็ไปชมวิวที่สะพานมอญตอนเย็นก่อนจะกลับที่พัก
สะพานมอญ หรือ สะพานอุตตมานุสรณ์ เป็นสะพานไม้ข้ามแม่น้ำซองกาเลียไปยังหมู่บ้านมอญค่ะ ถือเป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย และเป็นไฮไลท์ เป็นเอกลักษณ์ของสังขละบุรีค่ะ ใครๆ มาถึงก็ต้องแวะไปถ่ายรูปสวยๆ กันที่นี่ ไม่อย่างนั้นเรียกได้ว่า มาไม่ถึง สังขละบุรี นะจ๊ะ

วิวสวยมาก ลมเย็นมากค่ะ เห็นวิถีชีวิตที่สงบและเรียบง่ายของผู้คนจริงๆ
กลับมาที่พัก พักผ่อนกันค่ะ พรุ่งนี้เช้าจะตื่นไปตักบาตรที่สะพานมอญกันค่ะ
-------------------คร้อกกกก---------------------------

ตื่นมาตั้งแต่ตี 5 เลยค่าา ไปตักบาตรที่สะพานมอญ ตอนเช้าๆจะพบกับบรรยากาศที่เต็มไปด้วยหมอกลอยเหนือผิวน้ำ เป็นภาพที่งดงามมาก มีสาวมอญเดินเทินของบนศีรษะบ้างก็เล็ก บ้างก็ใหญ่ (มาก) จนน่าตกใจว่าไม่น่าจะเดินได้ค่ะ ชุดชาวมอญก็มีให้เปลี่ยนไว้ไปใส่บาตร และถ่ายรูปกันได้ฟรีเลยค่ะ


ส่วนของที่ใช้ตักบาตรก็อุดหนุนชาวบ้านได้เลยค่ะ 50 บาท

เราต้องเดินข้ามสะพาญมอญข้ามไปฝั่งตรงข้ามเพื่อตักบาตรกันที่นู่นประมาณ 7 โมงเช้าพระท่านก็จะเริ่มออกมาบิณทบาตรค่ะ
ตักบาตรแล้วใครจะแวะซื้อของฝากก็มีขายมากมายค่ะ หรือจะแวะทานข้าวต้มก่อนได้นะคะ หรือใครอยากชมวัดใต้น้ำ โบสถ์จมน้ำที่วัดวังก์วิเวการาม (หลังเก่า) ซึ่งเป็นแลนด์มาร์กสำคัญของที่นี่ ก็มีเรือพาไปชมค่ะ ราคาเหมาลำละประมาณ 350 บาท ซึ่งในเส้นทางก็จะมีอยู่หลายวัด ในหน้าแล้ง เราสามารถลงไปเดินถ่ายรูป ไหว้พระได้ ส่วนหน้าฝนที่น้ำมาก เราจะได้เห็นครึ่งล่างของโบสถ์จมอยู่ใต้น้ำ เป็น Unseen Thailand เลยค่ะ แต่เรามากับแฟน 2 คน อยากประหยัดงบประมาณเลยไม่ไปดีกว่า  ก็เลยกลับไปเช็คเอ้าท์ค่ะ เพราะเดี๋ยวต้องเดินทางอีกไกล

ที่เรารีบออกจากสังขละบุรีเพราะอากาศร้อนด้วยค่ะ และคุณแฟนต้องการเล่นน้ำเย็นๆ 555 เราเลยตกลงจะไปเที่ยวที่น้ำตกเอราวัณกันต่อค่ะ
เนื่องจากทางไป อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี อยู่ระหว่างทางผ่านที่จะกลับพอดี เลยไปแวะเที่ยวอีกสัก 1 คืน เลยละกันค่ะ

ออกจากสังขละบุรี 10โมงเช้า ไปถึงน้ำตกเอราวัณ เกือบบ่ายโมง
แต่ละวันนี่มีนักท่องเที่ยวเยอะมาก มากันเป็นรถบัส  
น้ำตกมี 7 ชั้น ใช้เวลาเดินจากชั้น 1-7  ไป กลับ ประมาณ 4-5 ชม. อุทยานจะปิดไม่ให้คนขึ้นไปตั้งแต่ชั้น 4 เวลา 16.00  น.
ถ้ามาช้าไม่จำเป็นต้องรีบขึ้นไปให้ครบ เพราะจะลงมาไม่ทันแล้วอยู่ในป่าจะมืดมาก อาจจะหลงได้ค่ะ
ถึงแล้วเราก็ไปเช่าเต้นท์ เพราะเราจะนอนเต้นท์ริมน้ำกันค่ะ ค่าเช่าเต้นท์ก็ไม่แพงค่ะ รวมเตาย่างหมูกระทะก็ไม่เกิน 300 บาท มีให้เช่าหลายอย่าง แล้วค่อยมาชำระเงินวันพรุ่งนี้ค่ะ
เต้นท์เราก็ถูกกางไว้แล้วเรียบร้อยค่ะ อากาศคือร้อนอบอ้าวสุดๆ น่าไปเล่นน้ำตอนนี้เลยค่ะ แดดแรงมาก ไม่มีฝนเลยค่ะเพราะเป็นหน้าร้อน
เมื่อจัดของเสร็จเราก็ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าค่ะ เพราะร้อนมาก คิดว่ายังไม่ขึ้นไปน้ำตกวันนี้ เพราะไม่น่าทันกว่าจะขึ้นจะลงมาอีกเลยขอบายค่ะ เปลี่ยนกิจกรรมไปขี่มอไซค์ชมสถานที่รอบๆอุทยาน และไปถ่ายรูปก่อนที่ตะวันจาละลับฟ้าที่เขื่อนศรีนครินทร์กันค่ะ
เมื่อแสงตะวันลาลับขอบฟ้า ความมืดก็คลืบคลานมา พร้อมกับความหิวค่ะ เย็นนี้เราทานหมูกะทะ ที่สั่งไว้กับเจ้าหน้าที่อุทยานค่ะ ชุดละ 150 บาท ทานกันหน้าเต้นท์ ริมแม่น้ำนี่แหละมันได้ฟีลลิ่งสุดๆเลยค่ะ ใครจะมาฝากเตรียมพัดลมตัวเล็กๆมานะคะนอนเต็นท์บางคืนอากาศจะร้อน

จากนั้นก็นอนพักกันค่ะ พรุ่งนี้จะได้ขึ้นไปเล่นน้ำแต่เช้า   --------คร้อกก ฟี่~~~~~~----------------

ตื่นเช้ามาวันที่ 3 แล้วนะคะที่เรามาเที่ยวกาญจนบุรีกัน วันนี้เราจะขึ้นไปเล่นน้ำตกกัน ใจก็อยากจะไปให้ครบทั้ง 7 ชั้นนะคะ
แต่เมื่อเราได้เริ่มเดินเท่าขึ้นไปทางมันไม่ง่ายเลยค่ะ คิดว่าคงมีคนรีวิวน้ำตกเอราวัณแต่ละชั้นไปแล้ว เลยจะไม่ลงรายละเอียดมากนะคะ เพราะไม่ได้ถ่ายรูปทุกชั้น เหนื่อย หอบ ร้อน อย่างเดียวเลยค่ะ 555

นี่เป็นรูปของชั้นที่ 2 ค่ะ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะเล่นน้ำกันที่ชั้นนี้ เพราะมีลักษณะเป็นแอ่งน้ำ น้ำใส มีปลาว่ายอยู่ในน้ำ และมีบางจุดที่ลึก ต้องเล่นน้ำระมัดระวังค่ะ

ปลาพลวงจะเยอะทุกชั้นนะคะไม่ต้องห่วง มันไม่กัด
กว่าจะถึงชั้น 7 ไม่ง่ายเลยนะคะ ทริปนี้เราพิชิตถึงแค่ชั้น 5 เพราะรองเท้าขาด ปีนหินไม่ไหวแล้ว เลยเล่นแค่ชั้น 5 -4-3-2 ค่ะ
เล่นจนเหนื่อย ประมานเที่ยงก็ลงแล้วค่ะ กลับมาอาบน้ำ แล้วก็เก็บเต็นท์และอุปกรณ์ไปคืนเจ้าหน้าที่ พร้อมจ่ายเงินค่ะ



จากนั้นก็เดินทางกลับประเทศแจ้งวัฒนะ ปากเกร็ดกันค่ะ จบทริปนี้ไว้เพียงเท่านี้นะคะ ก็อยากให้เพื่อน ๆ ลองไปเที่ยวกันดูนะคะ
ไปกับแฟนสองคน หรือไปกับเพื่อน กับครอบครัว มีความสุข ความทรงจำดีๆกลับไปแน่นอน ได้ทั้งเที่ยวชมวัฒนธรรมมอญ  เล่นน้ำ
ได้ทั้งเดินป่า ปีนเขา ไหนจะนอนเต็นท์ริมน้ำท่ามกลางธรรมชาติอีก มีเพื่อนชวนเพื่อน มีแฟนชวนแฟน ไม่มีใครไป ไปคนเดียวเลย555
ไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ
ชื่อสินค้า:   จขกท. เริ่มต้นการเดินทางจากอ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี นะคะ
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่