สวัสดีครับ
วันนี้ผมขอเสนอกระทู้ดาราศาสตร์ เรื่อง การปิดฉากสุดท้ายของ Cassini Grand Finale ครับ
ผมได้ตั้งกระทู้ Cassini Grand Finale ไปครั้งหนึ่งแล้วเมื่อ 10 เมษายน ที่ผ่านมา
https://ppantip.com/topic/36324533
โดยในกระทู้นั้น คือจุดเริ่มต้นของช่วง Grand Finale ซึ่งก็คือการเริ่ม
เปลี่ยนวงโคจร รอบดาวเสาร์ครับ และวันศุกร์นี้แล้ว
ที่การโคจรรอบสุดท้ายใน 22 รอบจะจบลง
ก่อนอื่น ผมขอสรุปภารกิจอันยาวนานของยานสำรวจ Cassini ให้ท่านได้อ่านสั้น ๆ ก่อนครับ
ยานสำรวจ Cassini-Huygens เป็นโครงการความร่วมมือระหว่าง NASA , องค์การอวกาศยุโรป
(European Space Agency : ESA) , องค์การอวกาศอิทาเลี่ยน (Italian Space Agency : ASI)
และได้รับความร่วมมือจากมหาวิทยาลัย CALTEC (California Institute of Technology)
ในการวิจัยพัฒนาอุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์ที่ติดตั้งบนยาน อีกทั้งมีทีมนักวิทยาศาสตร์ นักดาราศาสตร์
เข้าร่วมในโครงการนี้กว่า 5,000 คน งบประมาณโครงการมากถึง 3,900 ล้าน USD หรือ 166,000 ล้านบาท
โครงการ Cassini นี้ มีนักวิทยาศาสตร์ 260 คน จาก 17 ประเทศ ได้อาศัยข้อมูลที่ Cassini ส่งกลับมา
ศึกษา วิจัย จนสามารถเข้าใจถึงดาวเสาร์ วงแหวนดาวเสาร์ ดวงจันทร์ดาวเสาร์ และชั้นบรรยากาศต่าง ๆ
ได้อย่างลึกซึ้งขึ้น
ยาน Cassini ปล่อยขึ้นสู่อวกาศเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 1997 ยานเดินทางไปถึงดาวเสาร์เมื่อวันที่
1 กรกฏาคม 2004 และได้ทำภารกิจอย่างราบรื่นมาจนทุกวันนี้ครับ ตลอดภารกิจของยาน
จะมี event สำคัญมากอย่างหนึ่ง คือ การแยกตัวของยาน Lander ชื่อว่า Huygens ลงสู่ผิวดวงจันทร์ Titan
โดย Huygens ลงจอดบนพื้นผิว Titan เมื่อ 15 มกราคม 2005 และได้ถ่ายภาพพื้นผิวจริง ๆ
ของดวงจันทร์ Titan มาด้วย ในภาพล่างนี้ครับ
นี่คือ ภาพจริง ของพื้นผิวดวงจันทร์ Titan
ก้อน ๆ ที่เห็นนี้คือ ก้อนน้ำแข็ง ที่แข็งดั่งหินด้วยอุณหภูมิ -178 องศา C
คลิปการ Landing บนพื้นผิวดวงจันทร์ Titan
(ช่วงวินาทีที่ 28 เป็นต้นไป เป็นภาพจริงที่ส่งขึ้นมาจากยาน Huygens)
ขอยกตัวอย่างภาพที่มีชื่อเสียงถ่ายโดย Cassini มา 3 ภาพ ครับ
ภาพดวงจันทร์ Enceladus ในระยะประมาณ 26,000 กิโลเมตร ถ่ายเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2005
ภาพดาวเสาร์ถ่ายในระยะห่างประมาณ 3 ล้าน กิโลเมตร ถ่ายเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2016
ภาพที่มีชื่อเสียงที่สุด คือ ภาพโลก (ศรชี้) เป็นจุดสีฟ้าเล็ก ๆ
ภาพนี้ถ่ายที่ระยะห่างจากโลก 1,500 ล้าน กิโลเมตร ถ่ายเมื่อวันที่ 19 กรกฏาคม 2013
ตลอดระยะเวลา 13 ปี ของภารกิจยาน Cassini ทาง NASA ได้รวมรวมสถิติทั้งหมดมาดังนี้ครับ
ตามปกติแล้ว ยาน Cassini จะโคจรรอบดาวเสาร์เป็นรูปวงรีค่อนข้างมากครับ
โดยช่วงที่ไกลที่สุดจะห่างดาวเสาร์ประมาณ 1.4 ล้าน กิโลเมตร และช่วงใกล้ที่สุด
ก็ห่างเพียง 140,000 กิโลเมตร .... แต่เมื่อ 10 เมษายน ที่ผ่านมา ทาง NASA ได้ปรับ
วงโคจรของ Cassini ใหม่ เพื่อเข้าสู่ช่วง Grand Finale โดยให้โคจรเข้าไปอยู่ในช่วง
GAP แคบ ๆ เพียง 1,500 กิโลเมตร ระหว่างดาวเสาร์ และ วงแหวนครับ ตามภาพนี้
การโคจรแบบในภาพข้างบนนี้ จะต้องโคจรรอบดาวเสาร์ 22 รอบ ซึ่ง รอบสุดท้าย
ได้เริ่มไปแล้วเมื่อตีสอง 4 นาที เช้าวันอังคาร นี่เองครับ และต่อจากนี้ไป
ก็มีจะมีเพียงรายละเอียดการโคจรรอบสุดท้าย ดังนี้ .....
อังคาร 12 กันยายน
เวลา 02:04 น. โคจรผ่านดวงจันทร์ Titan ในระยะ 119,049 กิโลเมตร
เป็นการผ่านกันครั้งสุดท้าย (Goodbye Kiss)
เวลา 12:27 น. Cassini โคจรเข้าตำแหน่ง Apoapse ซึ่งเป็นตำแหน่ง
ที่ไกลจากดาวเสาร์ที่สุด ที่ระยะ 1.3 ล้าน กิโลเมตร .... ที่จุดนี้เอง
ที่เป็นการเดินทางเป็นเส้นโค้งเส้นสุดท้าย
พุธ 13 กันยายน
เวลา 06:56 น. เริ่ม Downlink ข้อมูลชุดสุดท้ายของ Titan
ศุกร์ 15 กันยายน
เวลา 02:58 น. Cassini ถ่ายภาพสุดท้าย (ตามโปรแกรมที่วางใว้)
เวลา 03:22 น. ยานหันจานสายอากาศมาที่โลก transfer ข้อมูลต่าง ๆ กลับโลก
รวมทั้งภาพชุดสุดท้ายด้วย การส่งข้อมูลนี้จะยาวไปจนสิ้นภารกิจ (ประมาณ 14.5 ชั่วโมง จากนี้)
โดยสัญญาณชุดนี้จะถึงโลกเวลา 04:45 น. ซึ่งก็คือ delay ไป 83 นาที ตามระยะทางที่คลื่นวิทยุ
เดินทางจากดาวเสาร์ครับ
เวลา 10:15 น. สถานี DSN ที่ Canberra ออสเตรเลีย รับช่วงการ tracking ยาน Cassini จนสิ้นภารกิจ
เวลา 12:08 น. Cassini โคจรตัดเส้นทางของดวงจันทร์ Enceladus เป็นครั้งสุดท้าย
เวลา 14:14 น. Sensor ที่ชื่อว่า INMS (Ion and Neutral Mass Spectrometer)
เริ่มเก็บตัวอย่างของบรรยากาศดาวเสาร์ พร้อมกันนั้นก็จะส่ง Data กลับโลกด้วย Bitrate 27 Kbps
เวลา 14:22 น. Cassini โคจรตัดกับวงแหวน F เป็นครั้งสุดท้าย
เวลา 17:30 น. Cassini เริ่มเข้าสู่บรรยากาศดาวเสาร์ Thruster ขับดันทำงานที่ 10%
และ .... อีกประมาณ 1 นาทีต่อมา ตัวยานเริ่มถูกต้านจากบรรยากาศดาวเสาร์มากขึ้น
จนจานสายอากาศหันเหออกจากโลก สัญญาณหลุด และตัวยานก็จะอัดกับบรรยากาศดาวเสาร์
จนเสียหาย และ ลุกไหม้เหมือนเป็นดาวตกชิ้นเล็ก ๆ ชิ้นหนึ่งของดาวเสาร์ .... เป็นอันจบสิ้นภารกิจครับ
เชิญชม Clip ปิดท้ายด้วยครับ
http://navy007.net/Cassini.html
และในวันศุกร์นี้ เวลา 5 โมงเย็น เชิญชมการ Live สดของ NASA ได้ที่นี่ครับ
-
https://www.nasa.gov/nasalive
-
https://www.youtube.com/nasajpl/live
เมื่อยาน Cassini ดิ่งลงไปในชั้นบรรยากาศดาวเสาร์แล้ว ก็จะเกิดการเผาไหม้เหมือนดาวตกชิ้นนึง
โดยที่ Cassini ไม่มีการเก็บภาพใด ๆ เพราะตอนเวลา 17:30 น. (เวลาไทย) ตัวยานก็จะเริ่มอัดกับบรรยากาศ
ของดาวเสาร์แล้ว จานสายอากาศจึงไม่สามารถต้านทานได้ และตัวยานก็จะหมุนคว้าง จึงหมดโอกาสส่งสัญญาณใด ๆ กลับโลกครับ
สำหรับกล้องโทรทรรศน์ Hubble ก็น่าเสียดายที่
หมดโอกาส ครับ
เพราะช่วงเวลานั้น Hubble ไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่รับภาพในมุมดาวเสาร์ได้
ดังนั้น .... เหลือโอกาสสุดท้าย คือ กล้องโทรทรรศน์ที่ The Siding Spring Observatory ออสเตรเลีย
จะสามารถเห็นอะไรได้บ้างเพราะเป็นช่วงกลางคืนแล้ว โดยที่ แสง การระเบิดของตัวยาน นั้น จะมีความเข้มที่สุด
ในย่าน Ultraviolet (UV) ซึ่งสถานีที่ออสเตรเลีย (อาจ) สามารถจับภาพได้ อีกอย่างนึงคือ ถังเชื้อเพลิง Hydrazine
ที่มีเชื้อเพลิงเหลือประมาณ 10 กิโลกรัม ก็จะระเบิดสว่างจ้าได้
ภาพของ The Siding Spring Observatory .... ความหวังสุดท้ายที่ (อาจ) จับภาพได้
ดูภาพการ
Simulation ได้ที่นี่
http://www.lizard-tail.com/isana/orb/misc/cassini_spacecraft/
(ตอนนี้ เหลืออีก 7 แสนกว่ากิโลเมตร จะเข้าชนดาวเสาร์แล้ว)
จบแล้ว สวัสดีครับ
ข้อมูล แปล/เรียบเรียงมาจากหลายหน้าของ
https://saturn.jpl.nasa.gov/
ปิดฉากสุดท้ายของยานสำรวจอวกาศ Cassini .... ในวันศุกร์นี้
ผมได้ตั้งกระทู้ Cassini Grand Finale ไปครั้งหนึ่งแล้วเมื่อ 10 เมษายน ที่ผ่านมา https://ppantip.com/topic/36324533
โดยในกระทู้นั้น คือจุดเริ่มต้นของช่วง Grand Finale ซึ่งก็คือการเริ่ม เปลี่ยนวงโคจร รอบดาวเสาร์ครับ และวันศุกร์นี้แล้ว
ที่การโคจรรอบสุดท้ายใน 22 รอบจะจบลง
ก่อนอื่น ผมขอสรุปภารกิจอันยาวนานของยานสำรวจ Cassini ให้ท่านได้อ่านสั้น ๆ ก่อนครับ
ยานสำรวจ Cassini-Huygens เป็นโครงการความร่วมมือระหว่าง NASA , องค์การอวกาศยุโรป
(European Space Agency : ESA) , องค์การอวกาศอิทาเลี่ยน (Italian Space Agency : ASI)
และได้รับความร่วมมือจากมหาวิทยาลัย CALTEC (California Institute of Technology)
ในการวิจัยพัฒนาอุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์ที่ติดตั้งบนยาน อีกทั้งมีทีมนักวิทยาศาสตร์ นักดาราศาสตร์
เข้าร่วมในโครงการนี้กว่า 5,000 คน งบประมาณโครงการมากถึง 3,900 ล้าน USD หรือ 166,000 ล้านบาท
โครงการ Cassini นี้ มีนักวิทยาศาสตร์ 260 คน จาก 17 ประเทศ ได้อาศัยข้อมูลที่ Cassini ส่งกลับมา
ศึกษา วิจัย จนสามารถเข้าใจถึงดาวเสาร์ วงแหวนดาวเสาร์ ดวงจันทร์ดาวเสาร์ และชั้นบรรยากาศต่าง ๆ
ได้อย่างลึกซึ้งขึ้น
ยาน Cassini ปล่อยขึ้นสู่อวกาศเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 1997 ยานเดินทางไปถึงดาวเสาร์เมื่อวันที่
1 กรกฏาคม 2004 และได้ทำภารกิจอย่างราบรื่นมาจนทุกวันนี้ครับ ตลอดภารกิจของยาน
จะมี event สำคัญมากอย่างหนึ่ง คือ การแยกตัวของยาน Lander ชื่อว่า Huygens ลงสู่ผิวดวงจันทร์ Titan
โดย Huygens ลงจอดบนพื้นผิว Titan เมื่อ 15 มกราคม 2005 และได้ถ่ายภาพพื้นผิวจริง ๆ
ของดวงจันทร์ Titan มาด้วย ในภาพล่างนี้ครับ
นี่คือ ภาพจริง ของพื้นผิวดวงจันทร์ Titan
ก้อน ๆ ที่เห็นนี้คือ ก้อนน้ำแข็ง ที่แข็งดั่งหินด้วยอุณหภูมิ -178 องศา C
คลิปการ Landing บนพื้นผิวดวงจันทร์ Titan
(ช่วงวินาทีที่ 28 เป็นต้นไป เป็นภาพจริงที่ส่งขึ้นมาจากยาน Huygens)
ขอยกตัวอย่างภาพที่มีชื่อเสียงถ่ายโดย Cassini มา 3 ภาพ ครับ
ภาพดวงจันทร์ Enceladus ในระยะประมาณ 26,000 กิโลเมตร ถ่ายเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2005
ภาพดาวเสาร์ถ่ายในระยะห่างประมาณ 3 ล้าน กิโลเมตร ถ่ายเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2016
ภาพที่มีชื่อเสียงที่สุด คือ ภาพโลก (ศรชี้) เป็นจุดสีฟ้าเล็ก ๆ
ภาพนี้ถ่ายที่ระยะห่างจากโลก 1,500 ล้าน กิโลเมตร ถ่ายเมื่อวันที่ 19 กรกฏาคม 2013
ตลอดระยะเวลา 13 ปี ของภารกิจยาน Cassini ทาง NASA ได้รวมรวมสถิติทั้งหมดมาดังนี้ครับ
ตามปกติแล้ว ยาน Cassini จะโคจรรอบดาวเสาร์เป็นรูปวงรีค่อนข้างมากครับ
โดยช่วงที่ไกลที่สุดจะห่างดาวเสาร์ประมาณ 1.4 ล้าน กิโลเมตร และช่วงใกล้ที่สุด
ก็ห่างเพียง 140,000 กิโลเมตร .... แต่เมื่อ 10 เมษายน ที่ผ่านมา ทาง NASA ได้ปรับ
วงโคจรของ Cassini ใหม่ เพื่อเข้าสู่ช่วง Grand Finale โดยให้โคจรเข้าไปอยู่ในช่วง
GAP แคบ ๆ เพียง 1,500 กิโลเมตร ระหว่างดาวเสาร์ และ วงแหวนครับ ตามภาพนี้
การโคจรแบบในภาพข้างบนนี้ จะต้องโคจรรอบดาวเสาร์ 22 รอบ ซึ่ง รอบสุดท้าย
ได้เริ่มไปแล้วเมื่อตีสอง 4 นาที เช้าวันอังคาร นี่เองครับ และต่อจากนี้ไป
ก็มีจะมีเพียงรายละเอียดการโคจรรอบสุดท้าย ดังนี้ .....
อังคาร 12 กันยายน
เวลา 02:04 น. โคจรผ่านดวงจันทร์ Titan ในระยะ 119,049 กิโลเมตร
เป็นการผ่านกันครั้งสุดท้าย (Goodbye Kiss)
เวลา 12:27 น. Cassini โคจรเข้าตำแหน่ง Apoapse ซึ่งเป็นตำแหน่ง
ที่ไกลจากดาวเสาร์ที่สุด ที่ระยะ 1.3 ล้าน กิโลเมตร .... ที่จุดนี้เอง
ที่เป็นการเดินทางเป็นเส้นโค้งเส้นสุดท้าย
พุธ 13 กันยายน
เวลา 06:56 น. เริ่ม Downlink ข้อมูลชุดสุดท้ายของ Titan
ศุกร์ 15 กันยายน
เวลา 02:58 น. Cassini ถ่ายภาพสุดท้าย (ตามโปรแกรมที่วางใว้)
เวลา 03:22 น. ยานหันจานสายอากาศมาที่โลก transfer ข้อมูลต่าง ๆ กลับโลก
รวมทั้งภาพชุดสุดท้ายด้วย การส่งข้อมูลนี้จะยาวไปจนสิ้นภารกิจ (ประมาณ 14.5 ชั่วโมง จากนี้)
โดยสัญญาณชุดนี้จะถึงโลกเวลา 04:45 น. ซึ่งก็คือ delay ไป 83 นาที ตามระยะทางที่คลื่นวิทยุ
เดินทางจากดาวเสาร์ครับ
เวลา 10:15 น. สถานี DSN ที่ Canberra ออสเตรเลีย รับช่วงการ tracking ยาน Cassini จนสิ้นภารกิจ
เวลา 12:08 น. Cassini โคจรตัดเส้นทางของดวงจันทร์ Enceladus เป็นครั้งสุดท้าย
เวลา 14:14 น. Sensor ที่ชื่อว่า INMS (Ion and Neutral Mass Spectrometer)
เริ่มเก็บตัวอย่างของบรรยากาศดาวเสาร์ พร้อมกันนั้นก็จะส่ง Data กลับโลกด้วย Bitrate 27 Kbps
เวลา 14:22 น. Cassini โคจรตัดกับวงแหวน F เป็นครั้งสุดท้าย
เวลา 17:30 น. Cassini เริ่มเข้าสู่บรรยากาศดาวเสาร์ Thruster ขับดันทำงานที่ 10%
และ .... อีกประมาณ 1 นาทีต่อมา ตัวยานเริ่มถูกต้านจากบรรยากาศดาวเสาร์มากขึ้น
จนจานสายอากาศหันเหออกจากโลก สัญญาณหลุด และตัวยานก็จะอัดกับบรรยากาศดาวเสาร์
จนเสียหาย และ ลุกไหม้เหมือนเป็นดาวตกชิ้นเล็ก ๆ ชิ้นหนึ่งของดาวเสาร์ .... เป็นอันจบสิ้นภารกิจครับ
เชิญชม Clip ปิดท้ายด้วยครับ http://navy007.net/Cassini.html
และในวันศุกร์นี้ เวลา 5 โมงเย็น เชิญชมการ Live สดของ NASA ได้ที่นี่ครับ
- https://www.nasa.gov/nasalive
- https://www.youtube.com/nasajpl/live
เมื่อยาน Cassini ดิ่งลงไปในชั้นบรรยากาศดาวเสาร์แล้ว ก็จะเกิดการเผาไหม้เหมือนดาวตกชิ้นนึง
โดยที่ Cassini ไม่มีการเก็บภาพใด ๆ เพราะตอนเวลา 17:30 น. (เวลาไทย) ตัวยานก็จะเริ่มอัดกับบรรยากาศ
ของดาวเสาร์แล้ว จานสายอากาศจึงไม่สามารถต้านทานได้ และตัวยานก็จะหมุนคว้าง จึงหมดโอกาสส่งสัญญาณใด ๆ กลับโลกครับ
สำหรับกล้องโทรทรรศน์ Hubble ก็น่าเสียดายที่ หมดโอกาส ครับ
เพราะช่วงเวลานั้น Hubble ไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่รับภาพในมุมดาวเสาร์ได้
ดังนั้น .... เหลือโอกาสสุดท้าย คือ กล้องโทรทรรศน์ที่ The Siding Spring Observatory ออสเตรเลีย
จะสามารถเห็นอะไรได้บ้างเพราะเป็นช่วงกลางคืนแล้ว โดยที่ แสง การระเบิดของตัวยาน นั้น จะมีความเข้มที่สุด
ในย่าน Ultraviolet (UV) ซึ่งสถานีที่ออสเตรเลีย (อาจ) สามารถจับภาพได้ อีกอย่างนึงคือ ถังเชื้อเพลิง Hydrazine
ที่มีเชื้อเพลิงเหลือประมาณ 10 กิโลกรัม ก็จะระเบิดสว่างจ้าได้
ภาพของ The Siding Spring Observatory .... ความหวังสุดท้ายที่ (อาจ) จับภาพได้
ดูภาพการ Simulation ได้ที่นี่ http://www.lizard-tail.com/isana/orb/misc/cassini_spacecraft/
(ตอนนี้ เหลืออีก 7 แสนกว่ากิโลเมตร จะเข้าชนดาวเสาร์แล้ว)
จบแล้ว สวัสดีครับ
ข้อมูล แปล/เรียบเรียงมาจากหลายหน้าของ https://saturn.jpl.nasa.gov/