จุดพลิกผันชีวิต

จะเล่าไห้ฟัง

เมื่อก่อนตอนเราเรียนมัธยม มหาวิทยาลัย เราเป็นคนใช้เงินสิ้นเปลืองมากเพราะตอนนั้นเราคิดแค่อย่างเดียว ที่บ้านเรามีเงิน.ถึงไม่รวยมาก แต่ก็มีเงินเหลือใช้บ้าง.  เรามีพ่อกับแม่คอยซัพพอร์ดอยู่ตลอดเวลา อยากซื้ออะไรเราก็ขอเเม่ ตอนนั้นยังเด็กเราไม่ได้คิดอะไร เราใช้เงินเดือนนึงหมดไปกับความสวยความงาม
ทั้งเครื่องสำอางค์. หาหมอหน้า  ออกไปทำผมร้านทุกวันเวลาจะไปไหน ใช้เงินอย่างกับใบใม้ ไม่รู้คุณค่าของเงินเลย
.......จนกระทั่งเราเรียนจบ เราก้ทำงานที่แรกคือโรงแรมในกทม. เงินเดือนสมัยนั้นก็ตกราวๆ. หมื่นปลายๆ เกือบสองหมื่น ค่าห้องไม่ต้องจ่ายเพราะเราอยู่กับพี่สาว คือพูดง่ายๆว่าเงินเดือนหมื่นปลายๆนั้นเอาไว้ใช้อย่างเดียวเท่านั้น จนกระทั่งทำงานได้ไปสักระยะ. เริ่มมีหนี้บัตรเครดิต เพราะเอาไปรูดซื้อเครื่องสำอางค์หมด ไปจ่ายค่ารักษาผิวหน้า ฉีดผิว ลงคอร์สทีเป็นหมื่นจนเงินเดือนเริ่มไม่พอใช้ โทรขอแม่ทุกเดือน แม่ต้องแอบโอนไห้โดยไม่บอกพี่กับพ่อ. ชีวิต...ยอมรับตอนนั้น ไม่เอาไหนมากมาก เที่ยวเก่ง จนสุดท้ายก้ทำงานไม่ไหว ลาออกไปทำอีกที่ ทำได้สามเดือนก็ออก. และขอแม่ว่าอยากลาออกกลับบ้านไปอยู  ตจว
แม่ก็ไห้ลาออกเพราะอยู่ กทมไปก็สิ้นเปลือง
....... จนกระทั่งมาอยู้บ้านได้สักระยะ ก็ถอยรถออกมาใหม่คันนึง ผ่อนตกราวๆเดือนนึงหมื่นกว่าๆ ใช้เงินดาวก็หลักแสนอยู่จนสุดท้ายชีวืตเริ่มผ่อนไม่ไหว ช่วงนั้นเปนช่วงเศรษฐกิจเริ่มแย่ รายได้ครอบครัวน้อยลง จากที่แม่เคยมีรายได้วันนึงหลักพัน จนเริ่มร่อยหรอลงเหลือหลักร้อย  หนี้บัตรก็ต้องจ่าย รถก็ต้องผ่อน เรากับครอบครัวเริ่มเครียด. รายได้จากช่องทางเดิมเริ่มไม่พอใช้ แม่เริ่มเปนหนี้เปนสินหยิบยืมน้า คนรู้จัก เผื่อเอามาผ่อนรถ หางานเสริมทำด้วยการขายขนม สุดท้ายก็เริ่มผ่อนไม่ไหว หนี้บัตรก้ปล่อยไห้ติดแบคลิสไป. เราขายทุกอย่างในบ้านที่ขายได้ เเอร์ คอมพิวเตอร์. ไอแพด จนกระทั่งไม่รุ้จะเอาไรขาย นั่งร้องไห้กับพ่อแม่พี่สามคน ร้องแบบนี้ทุกวัน   ตอนนั้นเรายอมรับนะ  เราเสียใจมากที่ทำไห้แม่กับพ่อต้องทุกใจ     มีสิ่งสุดท้ายคือทีวีจอใหญ่ ถึงขนาดคิดจะเอาไปจำนำที่โรงรับจำนำ. เชื่อไหมเคราะซ้ำกรรมซ้อน แม่เราเป็นเจ้ามือแชร์โดนลูกแชร์โกงเงินไม่ยอมจ่ายสามสี่คน แม่ต้องชดใช้เงินไห้เขาไป  จนเราบอกแม่ว่า แม่ขายรถออกไปเถอะ เงินที่เราจ่ายไปก็ช่างมัน ขายดาวถูกๆไป. ตอนนั้นที่เราดาวรถไปประมานสองแสน บวกกับเงินผ่อนก็ตกราวๆ สามแสนกว่าๆที่จ่ายไป  เราขายดาวไปแค่หมื่นเดียว ขายถูกมากเพราะไม่อยากไห้รถโดยยึดเดี่ยวชื่อแม่จะเสียเครดิต ตอนนั้นสิ่งที่คิดก็คิดว่าการขายรถนี่แหละคือทางออกที่ดีที่สุด. ยอมรับว่าอับอายคนแถวบ้านมาก เเต่เอาล่ะช่างมันเดี่ยวเราค่อยหาใหม่ได้เรื่องเงิน เอาที่ตัวเราสบายใจก่อนดีที่สุด จนกระทั่งขายรถออกไป ชีวิตก็เริ่มเบาบางลง. หนี้บัตรเครดิตก็ติดแบคลิสก้ยังไม่จ่าย.

........จนเราได้ทำงานที่ไหม่ ตอนนั้นอายุ. 27 เงินเดือนก็หมื่นห้า ก็ทนทำมาเรื่อยๆ คิดในใจ เราจะลาออกจากงานไม่ได้อีกเหมือนเช่นเคย เพราะขืนออกอีกก็ไม่มีใครคอยช่วยเหลือเรา เพราะแม่รายได้ก็ลดลงเหลือแค่ไม่กี่ร้อยบาทต่อวัน จนอดทนทำมาได้3ปี ตอนนี้อายุ30 เงินเดือนตอนนี้ประมานเกือบสองหมื่น
เชื่อไหมหลังจากชีวิตเราผ่านเรื่องราวร้ายๆมา สี่ห้าปีที่ผ่านมา จนตอนนี้ เราเปลี่ยนไปเปนคนละคนเลย เราเปนคนขี้งกมาก. ทำกับข้าวทุกวันก่อนไปทำงานตอนเช้า คดห่อไปกินที่ทำงาน. กินในสิ่งที่จำเปน. ประหยัดทุกอย่าง ไม่ฟุ่มเฟือย.   พยายามไม่ก่อสร้างหนี้ ดีตรงที่ติดแบคลิสไม่สามารถสมัครบัตรเครดิตได้555. เลยไม่มีหนี้บัตร   และเราก้นำเงินที่ทำงานได้ไปใช้ค่าบัตรเครดิตที่เราเคยติดหนี้ติดสินเขา5ปีที่แล้วจนหมด. เมื่อไม่นานมานี่เอง
เรากลายเปนคนละคนโดยปริยาย ขี้งกขึ้น เดือนไหนไม่มีเงินเหลือเกบจะหงุดหงิดมาก ถามว่าตอนนี้มีเงินเกบไหม ก้พอมีนิดหน่อย ไม่เยอะ เพราะเราเพิ่งหมดหนี้หมดสินไปไม่นานมา. จากนี้ก็บอกตัวเองเสมอว่าต่อไปนี้เราจะใช้ชีวิตแบบบระมัดระวังมากกว่าเดิม  ได้เงินมา จัดสรรเงินแบ่งออกเปนส่วนๆ. ส่วนเกบก็เก็บ.   เดือนไหนไม่มีเกบเลยนี่หงุดหงิด. เรากลัวกลับไปเปนแบบเดิม ทุกวันนี้เราสงสารแม่. เรารู้แม่เหนื่อยกับการทำงานมานานแสนนาน. บางทีเชื่อไหม เราจะกินอะไรดีดี เรานึกถึงแม่ตลอดเลย จนเราเองก็กินไม่ลง เลยไม่กิน เพราะเราจะกินของที่ดีแพงๆได้ไงทั้งๆที่แม่อยู่บ้านกินข้าวแกงที่บ้านทุกวัน. เราพยายามพาแม่ไปเที่ยวไกล้ๆที่เราพาแม่ไปได้ ไห้เงินแม่ใช้บ้าง.
         ชีวิตตอนนี้ครอบครัวเรากำลังดีขึ้น.  เวลาเราจะซื้ออะไรสักอย่างในห้าง ถ้าเมื่อก่อนนี่เหนปุ้บหยิบเลย ตอนนี้หรอเราจะคิดแล้วคิดอีก ถามตอบตัวเองเสมอก่อนทุกที จำเปนมากไหม.  ถ้าจำเปนมากก็ซื้อ ถ้าไม่จำเปนเลย ก้ไม่ซื้อ. ไม่ใช่ไม่มีเงิน เรามีนะเงิน ใน บช แต่เราเริ่มขี้งกขึ้น  มนุษย์เงินเดือนพอไกล้สิ้นเดือนเงินจะไม่พอใช้กัน. เพื่อนๆก็จะชอบโทรมายืม ทีละพันสองพัน เราก้ไห้ช่วยเท่าที่ช่วยได้ เรารู้การไม่มีเงินมันลำบากมาก. และรุ้ไหมเพื่อนๆที่ทำงานตราหน้าเราว่าขี้งกไปแล้ว. 555. เพื่อนๆเขาจะชอบกินกาแฟแบคแคนยอล สตาร์บัค  ถ้าเป็นเมื่อก่อนนี่กินนะไม่กลัวว่าเงินจะหมด เดี่ยวนี้ไม่ได้แอ้มเงินเราหรอก. ชาแก้ว20 บาทเองของเรา 5555
แปลกดีเหมือนกันนะ บางทีก็ขอบคุณประสบการที่ผ่านมาที่มีแต่เรื่องแย่ๆจนทำไห้เราคิดได้.  ถ้าวันนี้ชีวิตไม่เจอเรื่องแย่. เราก้คงยังมีชีวิตแบบเดิมอยุ่อีก
เพื่อนๆที่กำลังใช้ชีวิตแบบเราที่ฟุ่มเฟือยก็ลองตั้งสติดีดีนะ บางคนบอกตายไปเงินก้เอาไปใช้ไม่ได้หรอก แต่สำหรับเราการไม่มีเงินเกบไว้บ้างเลย ชีวิตเราอยู่บนความเสี่ยงตลอดเวลา เราไม่รุ้เลยชีวิตจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง  เราผ่านเรื่องแย่ๆ มา เรารู้มันทรมานมากแค่ไหนกว่าจะถึงจุดวันนี้. ถึงตอนนี้ครอบครัวเราจะยังไม่ดีขึ้นมาก. พอมีพอกิน ไม่เหลือเกบมากหรอก แต่มันกำลังจะดีขึ้น เอาใจช่วยเพื่อนๆที่กำลังเจอปัญหาแบบเรานะ ทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
แต่ผมอ่านจบนะ

ความคิดเห็นที่ 4
ยินดีด้วย

ขอแนะนำว่า อย่าไปกินเลยพวกชาชง กาแฟชง สารพัดโรค และ โรคเบาหวานจะถามหา ซื้อกี่ร้าน ๆ เป็นเหมือนกันหมด ขนาดบอกไม่เอาหวานเลย
แต่คนชงเขากลัวคนซื้อกินไม่อร่อย

ถ้าอยากกิน ซื้อกาแฟกระปุก หรือ ชากระปุกมาชงกินเอง ขวดร้อยเดียวกินได้หลายเดือน ไม่ต้องใส่ครีมเทียมหรือน้ำตาล ให้เสียสุขภาพอีก ครีมเทียมกินก็ไม่ดี ได้โรคเสียเงินหาหมออีก ทีนี้ก็จะเป็นทุกข์ทั้งร่างกายและใจ

เดี๋ยวนี้ชงกินเองสบายใจแฮ ประหยัดเงิน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่