ด้วยขณะนี้มีเรื่องนิสิตจุฬาฯที่พูดถึงกัน วิพากย์วิจารณ์กันกว้างขวางอยู่ ผมจึงอยากจะเล่าเรื่องที่ผมได้ทราบจากการอ่านหนังสือที่คุณป้าผมเขียน เล่าเรื่องราวเกือบร้อยปีมาแล้ว คือในปี พ.ศ. ๒๔๖๗ ในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯ ร.๖ ผู้ทรงเป็นผู้ก่อตั้งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มาเล่าสู่ให้ได้ทราบกันบ้าง
หนังสือเล่มนี้เขียนจากสมุดบันทึกประจำวันของ เจ้าพระยารามราฆพ ซึ่งเป็นคุณพ่อของป้าผม เรื่องที่จะเล่าคือ เมื่อครั้งคุณปู่ผมตามเสด็จพระราชดำเนินไปพระราชวังสนามจันทร์ นครปฐม เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ๒๔๖๗ เพื่อการฝึกซ้อมรบเสือป่า ได้มีบันทึกในวันที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๔๖๗ ว่า "บ่ายโมง พระยาไพศาลศิลปสาตร์ มาหาพูดถึงเรื่องนักเรียนมหาวิทยาลัย จะไม่ออกมาซ้อมรบปีนี้"
และ วันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๔๖๗ ต้องตามเสด็จพระราชดำเนินกลับกรุงเทพ เนื่องด้วยไปสรงน้ำพระศพทูลกระหม่อมอัษฎางค์ (สมเด็จเจ้าฟ้ากรมหลวงนครราชสีมา) ท่านบันทึกว่า "ตอนดึก ได้รับโทรศัพท์จากค่ายหลวงบ้านโป่งว่า พวกนักเรียนมหาวิทยาลัยไม่เข้าประจำกองเสือป่า เลยไม่ได้นอนจนรุ่งรอฟังเหตุการณ์"
วันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๔๖๗ มีบันทึกว่า "ย่ำรุ่ง ไปดูการซ้อมรบในระหว่างกองพัน ในกองเสนาน้อยราบหนัก (กรมเสือป่าราบตวันตกทั้ง ๒ ฝ่าย) แล้วเรียกประชุมนักเรียนจุฬาลงณ์กรมหาวิทยาลัยมาประชุม เราชี้แจงถึงความผิดที่เขากระทำเป็นการขัดคำสั่งของกองเสือป่า เมื่อคืนวันที่ ๑๐ นี้ และเราแนะนำให้ทำทานบน ขอพระราชทานโทษ เขาก็ตกลงทำตามนักเรีบนประมาณ ๗๕ คน" และสุดท้ายหลังเลิกการซ้อมรบแล้ว
ในวันที่ ๑ มีนาคม ๒๔๖๗ มีบันทึกว่า "บ่าย ๒ โมงครึ่ง เรียกนักเรียนจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่เป็นเสือป่ากรมราบหลวงมาชี้แจงว่าต่อไป ถ้านักเรียนคนใดจะสมัครเป็นเสือป่า ขอให้ยื่นใบสมัครเหมือนคนอื่นๆ ถ้ามหาวิทยาลัยส่งมาเป็นเสือป่าเหมือนเดี๋ยวนี้จะไม่รับ"
จะเห็นว่าปัญหาเกี่ยวกับนิสิตนักศึกษา ก็มีมาตั้งแต่เกือบร้อยปีแล้ว แม้แต่ในสมัยสมบูรณาญาสิทธิราช ก็คงต้องมีความเข้าใจกันระหว่างผู้ใหญ่กับเด็กในทุกสมัยนั่นเอง
เรื่องเล่าในอดีตจากสมุดบันทึกของ "เจ้าพระยารามราฆพ"
หนังสือเล่มนี้เขียนจากสมุดบันทึกประจำวันของ เจ้าพระยารามราฆพ ซึ่งเป็นคุณพ่อของป้าผม เรื่องที่จะเล่าคือ เมื่อครั้งคุณปู่ผมตามเสด็จพระราชดำเนินไปพระราชวังสนามจันทร์ นครปฐม เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ๒๔๖๗ เพื่อการฝึกซ้อมรบเสือป่า ได้มีบันทึกในวันที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๔๖๗ ว่า "บ่ายโมง พระยาไพศาลศิลปสาตร์ มาหาพูดถึงเรื่องนักเรียนมหาวิทยาลัย จะไม่ออกมาซ้อมรบปีนี้"
และ วันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๔๖๗ ต้องตามเสด็จพระราชดำเนินกลับกรุงเทพ เนื่องด้วยไปสรงน้ำพระศพทูลกระหม่อมอัษฎางค์ (สมเด็จเจ้าฟ้ากรมหลวงนครราชสีมา) ท่านบันทึกว่า "ตอนดึก ได้รับโทรศัพท์จากค่ายหลวงบ้านโป่งว่า พวกนักเรียนมหาวิทยาลัยไม่เข้าประจำกองเสือป่า เลยไม่ได้นอนจนรุ่งรอฟังเหตุการณ์"
วันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๔๖๗ มีบันทึกว่า "ย่ำรุ่ง ไปดูการซ้อมรบในระหว่างกองพัน ในกองเสนาน้อยราบหนัก (กรมเสือป่าราบตวันตกทั้ง ๒ ฝ่าย) แล้วเรียกประชุมนักเรียนจุฬาลงณ์กรมหาวิทยาลัยมาประชุม เราชี้แจงถึงความผิดที่เขากระทำเป็นการขัดคำสั่งของกองเสือป่า เมื่อคืนวันที่ ๑๐ นี้ และเราแนะนำให้ทำทานบน ขอพระราชทานโทษ เขาก็ตกลงทำตามนักเรีบนประมาณ ๗๕ คน" และสุดท้ายหลังเลิกการซ้อมรบแล้ว
ในวันที่ ๑ มีนาคม ๒๔๖๗ มีบันทึกว่า "บ่าย ๒ โมงครึ่ง เรียกนักเรียนจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่เป็นเสือป่ากรมราบหลวงมาชี้แจงว่าต่อไป ถ้านักเรียนคนใดจะสมัครเป็นเสือป่า ขอให้ยื่นใบสมัครเหมือนคนอื่นๆ ถ้ามหาวิทยาลัยส่งมาเป็นเสือป่าเหมือนเดี๋ยวนี้จะไม่รับ"
จะเห็นว่าปัญหาเกี่ยวกับนิสิตนักศึกษา ก็มีมาตั้งแต่เกือบร้อยปีแล้ว แม้แต่ในสมัยสมบูรณาญาสิทธิราช ก็คงต้องมีความเข้าใจกันระหว่างผู้ใหญ่กับเด็กในทุกสมัยนั่นเอง