หุ้นขึ้นถึง 1600 เลือกลงทุน หุ้น หรือ กองทุนหุ้นดี?
ก่อนจะเอามือขึ้นเขียง ลองมาทบทวนกับตัวเองกันหน่อย เราต้องการลงทุนเพื่ออะไร ยกตัวอย่างเช่น ลงทุนเพื่อขอแฟนแต่งงานในอีก 2 ปีข้างหน้า แสดงว่าเงินก้อนนี้มีความสำคัญไม่ควรที่จะขาดทุน ใช่ไหม? ก็ไม่ควรที่จะลงทุนในหุ้นเพราะมีความเสี่ยงที่เงินต้นจะขาดทุนได้ กลัวว่า กว่าจะได้แต่งต้องรอกันไปอีก 10 ปี
ข้อที่ควรคิดอีกข้อคือ เราได้กันเงินสำรองเผื่อฉุกเฉิน 6 เท่าของค่าใช้จ่ายต่อเดือนหรือยัง เพราะการลงทุนมีความผันผวนเช่นเดียวกับการใช้ชีวิตที่มีเรื่องไม่คาดคิดเสมอ หากเรามีเหตุให้ต้องใช้เงินด่วน แต่ขณะนั้นเงินที่เรานำไปลงทุนขาดทุนเยอะ เราจำเป็นต้องขายออกมาใช้ เท่ากับว่าเราเจ็บตัวเพิ่มแน่นอน แต่หากเราได้มีการสำรองไว้แล้ว เมื่อเหตุการณ์ไม่คาดฝันพวกนี้เกิดขึ้น ก็ยังอุ่นใจได้ว่าเรามีเงินพอใช้ให้ได้ตั้งตัวกันบ้าง
ข้อนี้ห้ามพลาดคือ เรารับความเสี่ยงได้ไหม บางคนขาดทุน 50-60% ของการลงทุนยังรู้สึกเฉยๆ แต่บางคนเงินลงทุนติดลบนิดหน่อยก็เกิดความเครียด กินไม่ได้ นอนไม่หลับ สะดุ้งตื่นบ่อยๆ (อันนี้มีอินเนอร์ส่วนตัวผู้เขียนผสม) จึงอยากแนะนำให้ลองไปทำแบบทดสอบความสามารถในการรับความเสี่ยงกันดูนะครับว่า เราเป็นคนประเภทใด
เมื่อเราเริ่มเข้าใจตนเองแล้วก็ลองมาดูว่า การลงทุนในหุ้น และ การลงทุนในกองทุนหุ้นต่างกันอย่างไร?
การลงทุนในหุ้นนั้นเราเป็นผู้เลือกที่จะลงทุนด้วยตนเอง มีความหลากหลายของกลุ่มธุรกิจ โดยจะต้องศึกษาข้อมูลและค้นหาด้วยตนเอง กำหนดเองว่าจะยอมขาดทุนได้เท่าไหร่ หรือ จะเอากำไรเท่าไหร่ จะลงทุนนานแค่ไหน เลือกหุ้นเล็กหรือหุ้นใหญ่ เน้นจ่ายปันผล หรือเน้นหุ้นแบบรถไฟเหาะ หลังจากตัดสินใจทั้งหมดแล้ว ก็ต้องติดตามข่าวสารและราคาเป็นประจำ บางคนอาจถือคติถ้าจะเจ๊งก็ต้องเจ๊งด้วยมือตนเอง เพลง เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ ขึ้น
การลงทุนเองเหมาะกับคนที่มีประสบการณ์การลงทุน และมีเวลาติดตามสถานการณ์ ยกตัวอย่างเช่น หากเราทำงานไปด้วยลงทุนไปด้วย (ไม่แนะนำนะครับ) เกิดโชคดีโดนหัวหน้าเรียกเข้าประชุม ในขณะที่เราประชุมอยู่หุ้นที่เราซื้อเกิดร่วงลงแรง ออกมาจากห้องประชุมก็สายไปซะแล้ว จะขายก็ขายไม่ทัน (เหตุการณ์สมมุติที่อาจเคยเกิดขึ้นจริง)
แต่สำหรับการลงทุนในกองทุนหุ้นนั้นจะมีผู้จัดการกองทุนเป็นคนดูแลเรื่องการลงทุนให้ ทั้งการติดตามข่าวสารทิศทางเศรษฐกิจ จังหวะเวลาในการลงทุน หุ้นที่เลือกลงทุนและมีการกระจายความเสี่ยง โดยมีทางเลือกการลงทุนหลากหลายเช่น บางกองทุนเน้นนโยบายลงทุนในหุ้นที่เป็นบริษัทที่เริ่มเติบโต หรือบางกองทุนก็เน้นการลงทุนในกลุ่มบริษัทใหญ่ที่มีความมั่นคง หรือบางกองทุนก็เลือกที่จะลงทุนในกลุ่มสุขภาพ และยังมีหน่วยงาน ก.ล.ต. คอยตรวจสอบ ให้อุ่นใจกันด้วย
การลงทุนผ่านกองทุนที่ลงทุนในหุ้น เหมาะกับคนที่ไม่ค่อยมีเวลาติดตาม หรือเพิ่งเริ่มที่จะลงทุน ยังไม่มีประสบการณ์เพียงพอ ไม่ชอบที่จะลงทุนเอง การลงทุนผ่านกองทุนก็เป็นตัวเลือกที่ดีในการตัดสินใจลงทุน
แล้วเพื่อนๆ มีการลงทุนแบบไหนกันบ้างหรือลงทุนทั้ง 2 แบบ หรือมากกว่านั้น ก็มาลองแชร์กันได้น้า
หุ้นขึ้นถึง 1600 เลือกลงทุน หุ้น หรือ กองทุนหุ้นดี?
ก่อนจะเอามือขึ้นเขียง ลองมาทบทวนกับตัวเองกันหน่อย เราต้องการลงทุนเพื่ออะไร ยกตัวอย่างเช่น ลงทุนเพื่อขอแฟนแต่งงานในอีก 2 ปีข้างหน้า แสดงว่าเงินก้อนนี้มีความสำคัญไม่ควรที่จะขาดทุน ใช่ไหม? ก็ไม่ควรที่จะลงทุนในหุ้นเพราะมีความเสี่ยงที่เงินต้นจะขาดทุนได้ กลัวว่า กว่าจะได้แต่งต้องรอกันไปอีก 10 ปี
ข้อที่ควรคิดอีกข้อคือ เราได้กันเงินสำรองเผื่อฉุกเฉิน 6 เท่าของค่าใช้จ่ายต่อเดือนหรือยัง เพราะการลงทุนมีความผันผวนเช่นเดียวกับการใช้ชีวิตที่มีเรื่องไม่คาดคิดเสมอ หากเรามีเหตุให้ต้องใช้เงินด่วน แต่ขณะนั้นเงินที่เรานำไปลงทุนขาดทุนเยอะ เราจำเป็นต้องขายออกมาใช้ เท่ากับว่าเราเจ็บตัวเพิ่มแน่นอน แต่หากเราได้มีการสำรองไว้แล้ว เมื่อเหตุการณ์ไม่คาดฝันพวกนี้เกิดขึ้น ก็ยังอุ่นใจได้ว่าเรามีเงินพอใช้ให้ได้ตั้งตัวกันบ้าง
ข้อนี้ห้ามพลาดคือ เรารับความเสี่ยงได้ไหม บางคนขาดทุน 50-60% ของการลงทุนยังรู้สึกเฉยๆ แต่บางคนเงินลงทุนติดลบนิดหน่อยก็เกิดความเครียด กินไม่ได้ นอนไม่หลับ สะดุ้งตื่นบ่อยๆ (อันนี้มีอินเนอร์ส่วนตัวผู้เขียนผสม) จึงอยากแนะนำให้ลองไปทำแบบทดสอบความสามารถในการรับความเสี่ยงกันดูนะครับว่า เราเป็นคนประเภทใด
เมื่อเราเริ่มเข้าใจตนเองแล้วก็ลองมาดูว่า การลงทุนในหุ้น และ การลงทุนในกองทุนหุ้นต่างกันอย่างไร?
การลงทุนในหุ้นนั้นเราเป็นผู้เลือกที่จะลงทุนด้วยตนเอง มีความหลากหลายของกลุ่มธุรกิจ โดยจะต้องศึกษาข้อมูลและค้นหาด้วยตนเอง กำหนดเองว่าจะยอมขาดทุนได้เท่าไหร่ หรือ จะเอากำไรเท่าไหร่ จะลงทุนนานแค่ไหน เลือกหุ้นเล็กหรือหุ้นใหญ่ เน้นจ่ายปันผล หรือเน้นหุ้นแบบรถไฟเหาะ หลังจากตัดสินใจทั้งหมดแล้ว ก็ต้องติดตามข่าวสารและราคาเป็นประจำ บางคนอาจถือคติถ้าจะเจ๊งก็ต้องเจ๊งด้วยมือตนเอง เพลง เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ ขึ้น
การลงทุนเองเหมาะกับคนที่มีประสบการณ์การลงทุน และมีเวลาติดตามสถานการณ์ ยกตัวอย่างเช่น หากเราทำงานไปด้วยลงทุนไปด้วย (ไม่แนะนำนะครับ) เกิดโชคดีโดนหัวหน้าเรียกเข้าประชุม ในขณะที่เราประชุมอยู่หุ้นที่เราซื้อเกิดร่วงลงแรง ออกมาจากห้องประชุมก็สายไปซะแล้ว จะขายก็ขายไม่ทัน (เหตุการณ์สมมุติที่อาจเคยเกิดขึ้นจริง)
แต่สำหรับการลงทุนในกองทุนหุ้นนั้นจะมีผู้จัดการกองทุนเป็นคนดูแลเรื่องการลงทุนให้ ทั้งการติดตามข่าวสารทิศทางเศรษฐกิจ จังหวะเวลาในการลงทุน หุ้นที่เลือกลงทุนและมีการกระจายความเสี่ยง โดยมีทางเลือกการลงทุนหลากหลายเช่น บางกองทุนเน้นนโยบายลงทุนในหุ้นที่เป็นบริษัทที่เริ่มเติบโต หรือบางกองทุนก็เน้นการลงทุนในกลุ่มบริษัทใหญ่ที่มีความมั่นคง หรือบางกองทุนก็เลือกที่จะลงทุนในกลุ่มสุขภาพ และยังมีหน่วยงาน ก.ล.ต. คอยตรวจสอบ ให้อุ่นใจกันด้วย
การลงทุนผ่านกองทุนที่ลงทุนในหุ้น เหมาะกับคนที่ไม่ค่อยมีเวลาติดตาม หรือเพิ่งเริ่มที่จะลงทุน ยังไม่มีประสบการณ์เพียงพอ ไม่ชอบที่จะลงทุนเอง การลงทุนผ่านกองทุนก็เป็นตัวเลือกที่ดีในการตัดสินใจลงทุน
แล้วเพื่อนๆ มีการลงทุนแบบไหนกันบ้างหรือลงทุนทั้ง 2 แบบ หรือมากกว่านั้น ก็มาลองแชร์กันได้น้า