รีวิวหนัง : It ฤดูร้อน เพื่อน และ ตัวตลก



It ไม่ได้อ่านว่า ไอ ที แยก แต่อ่านรวมกันเป็น อิท ที่แปลว่ามัน ชื่อนี้คือนิยายของราชานักเขียนสยองขวัญ สตีเฟน คิง เจ้าของผลงานที่มีหนังสือถูกนำไป ดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ระดับชนะเลิศรางวัลหรือเข้าชิงรางวัลออสการ์หลายเรื่องไม่ว่าจะเป็น Shawshank, Stand by Me , The Green Mile , Carrie และ The Shining เป็นต้น ส่วน It ฉบับนิยายตีพิมพ์เมื่อเดือนกันยายน ปี 1986 ถือว่าเป็นเล่มที่ขายดีทีเดียว ก่อนที่จะถูกนำมาดัดแปลงเป็นมินิซีรีส์ออกฉายในปี 1990 ได้รับคำชมพอสมควร โดยเฉพาะตัวละครเพนนีไวส์ที่แสดงโดย ทิม เคอร์รี่ กับบทตัวตลกถือลูกโป่งสีแดงที่ทุกๆ 27 ปี มันจะโผล่มาจับคนในเมืองไปไว้ใต้ดิน จนสามารถสร้างปรากฏการณ์กลัวตัวตลกไปทั่วทุกมุมโลกตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

จะด้วยความบังเอิญหรือไม่ก็ตาม ผ่านไป 27 ปีพอดิบพอดี It ถูกนำกลับมาสร้างใหม่อีกครั้งในฉบับภาพยนตร์ กำกับโดย อันเดรส มูเชตติ เจ้าของผลงานหนังสยองขวัญเรื่อง Mama ซึ่งในเวอร์ชั่นหนังใหญ่มีความแตกต่างกับเวอร์ชั่นซีรีส์หลายอย่างเช่น การเล่าเรื่องที่แบ่งเป็นพาร์ทเด็กกับผู้ใหญ่แยกกันชัดเจน ขณะที่ในฉบับซีรีส์จะดำเนินเรื่องตัดสลับไปมาระหว่างอดีตกับปัจจุบัน และตัวหนังมีฉากหลังเป็นยุค 80 แต่ในซีรีส์เรื่องเกิดขึ้นในยุค 60

It ปี 2017 มีชื่อไทยว่า โผล่จากนรก เล่าเรื่องราวของเมืองเดอร์รี่ รัฐเมน ในประเทศสหรัฐฯ เกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้นเมื่อเด็กหลายคนในเมืองหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย แต่ในช่วงปิดเทอมฤดูร้อน เด็กขี้แพ้กลุ่มหนึ่งที่นำโดย บิล เด็กชายติดอ่างกับเพื่อนของเขา ริชชี่ เด็กแว่นพูดมาก เอ็ดดี้ เด็กตัวเล็กขี้โรค สแตน เด็กชาวยิว พยายามที่จะตามหาต้นตอของเรื่องนี้ โดย บิล หวังลึกๆว่าจะได้พบกับ จอร์จี้ น้องชายของเขาที่หายตัวไปเช่นกัน ก่อนที่ต่อมาจะทีมลูซเซอร์ประจำเมืองจะได้ เบน เด็กอ้วนมาใหม่ เบพเวอรี่ เด็กสาวที่โตเกินวัย และ ไมค์ เด็กผิวสีในชุมชน มาร่วมแก๊งเพิ่มรวมเป็น 7 คน (ฉบับซีรีส์บอกว่าเป็นเลขนำโชค) พวกเขาค้นพบความจริงอันน่ากลัวว่าการหายตัวไปของเด็กๆเกี่ยวข้องกับตัวตลกสุดสยองที่มาพร้อมกับลูกโป่งสีแดง บิลกับเพื่อนๆต้องเผชิญหน้าความกลัวครั้งใหญ่ในชีวิต เพื่อหยุดยั้งไม่ให้มีเด็กคนไหนตกเป็นเหยื่อของเจ้าตัวตลกปีศาจอีก

ตัวหนังมีครบรสทั้งทริลเลอร์ สยองขวัญ ดราม่า คัมมิ่งออฟเอจ และโรแมนติก คล้ายๆกับการผสมผสานกันของหนังขึ้นหิ้งอย่าง A nightmare on elm street และ Stand by me เชื่อว่าแฟนหนังสือ สตีเฟ่น คิง และตัวผู้เขียนเองคงไม่ผิดหวังกับ It เวอร์ชั่นนี้ เพราะมันเป็นหนังที่มีความกลมกล่อมลงตัวมาก แม้ว่านิยายจะเก่า แต่เนื้อหากลับไม่เก่าเลย ไม่ว่าจะเป็นประเด็น เด็กหาย การใช้ความรุนแรงในเยาวชน อาชญากรรมทางเพศในครอบครัว และ การเหยียดผิว เหล่านี้คือปัญหาที่อยู่กับสังคมอเมริกันมายาวนาน

พาร์ทความน่ากลัว It ไม่ใช่หนังสยองขวัญที่เน้นการหลอกให้คนดูตกใจเท่าไหร่ แต่เป็นการสร้างความสยองแบบเล่นกับการกดดัน ความที่หนังมีตัวละครเป็นเด็กก็ช่วยทำให้คนดูรู้สึกลุ้นไปกับตัวละครมากยิ่งขึ้น โดยหนังได้กันผู้ใหญ่หรือตำรวจไว้เป็นแค่ฉากหลัง ไม่มีบทบาทอะไร สะท้อนถึงการเพิกเฉยบางอย่าง เด็กๆจึงต้องรวมตัวกัน หาทางจัดการกับปัญหาด้วยตัวเอง ส่วนผู้ใหญ่ในเรื่องค่อนข้างอ่อนแอ แถมหูหนวกตาบอด เหล่านี้เอื้อต่อการเสนอมุมมองที่น่าสนใจของเด็กๆ และการที่ตัวตลกจงใจปรากฏตัวให้เฉพาะเด็กๆเห็นก็ยิ่งตอกยํ้าสภาวะดังกล่าว พร้อมกับแยกโลกของเด็กกับโลกของผู้ใหญ่ออกจากกันอย่างสิ้นเชิง

It มีสัญลักษณ์หรือนัยแฝงอยู่หลายอย่าง เดือนกันยายน คือหนึ่งในนั้น หนังสือ It วางขายในเดือนกันยายน ภาพยนตร์ก็เขาฉายในเดือนกันยายน หนังเดินเรื่องจบในเดือนกันยายน และ สตีเฟ่น คิง เกิดในเดือนกันยายน (21 กย.) ว่ากันว่ากันยายนคือเดือนที่ถูกนำไปใช้ในงานวรรณกรรมและงานเพลงบ่อย เพราะกันยายนเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านของฤดูกาล จากฤดูร้อนไปสู่ฤดูใบไม้ร่วง บรรยากาศจะหม่นๆเหงาๆ แต่ขณะเดียวกันก็เป็นเดือนที่มีเสน่ห์เนื่องจากเป็นช่วงเปิดเทอมที่ทำให้หลายๆพื้นที่ในเมืองกลับมาคึกคัก อีกอย่างคือ ตัวตลก กับ เด็กที่ถูกรังแก ความจริงแล้วสองอย่างนี้ก็มีความเหมือนกันหลายอย่าง โดยถูกสะท้อนออกมาเป็นด้านมืดกับด้านสว่าง ไม่แน่ใจว่าชีวิตวัยเด็ก สตีเฟ่น คิง เป็นอย่างไร แต่เขาเป็นนักเขียนที่ค่อนข้างเข้าใจตัวละครประเภทนี้ดีจริงๆ รวมไปถึงการพูดถึงโรคกลัวตัวตลกที่ในสหรัฐฯมีคนป่วยโรคนี้หลายคน เช่น จอห์นนี่ เดปป์ (เขาเคยเล่นหนังจากนิยายของ คิง เรื่อง Secret Window) ในหนัง ริชชี่ เป็นโรคกลัวตัวตลก และเขาเป็นเพียงคนเดียวของกลุ่มที่ไม่ถูก ตัวตลกเพนนีไวส์ หลอกแบบเดี่ยวๆ นอกจากนี้หนังยังมีการล่อหลอกคนดูด้วย ความจริงกับภาพมายา รวมทั้งกล่าวถึงสัญชาติญาณดิบและการต่อสู้กับความกลัวในใจมนุษย์

ทว่าสิ่งที่ดีที่สุดใน It คือการคัดเลือกทีมนักแสดงเด็กที่แต่ละคนแสดงผลงานออกมาได้ยอดเยี่ยม ทั้ง แจเดน ลายเบอร์เฮอร์ , เจเรมี เรย์ เทย์เลอร์ , โซเฟีย ลิลลิส , ฟินน์ วูล์ฟฮาร์ด , ไวแอตต์ โอเลฟฟ์ , โชเซน จาคอบส์ , แจ็ค ดีแลน เกรเซอร์ และ นิโคลาส ฮามิลตัน แม้หลายคนจะเป็นนักแสดงหน้าใหม่ที่มีประสบการณ์ไม่มาก แต่ทุกคนแจ้งเกิดกันได้อย่างถ้วนหน้า พวกเขาสร้างความทรงจำที่สุดยอดให้คนดูไม่แพ้ นักแสดงเด็กใน e.t. , Stand by Me หรือ Super 8 ด้าน บิล ซาร์สการ์ด จาก Allegiant และ Hemlock Grove ในบท เพนนีไวซ์ ก็ถือว่าสอบผ่านเช่นกัน

เพลงประกอบเก่าๆที่ถูกนำมาใช้ในหลายซีนมีความโดนเด่น ช่วยทำให้หนังดูมีความ nostalgia ชวนให้ผู้ชมรำลึกถึงความหลังในวัยเด็ก คิดถึงเพื่อนเก่ากับช่วงเวลาที่คาบเกี่ยวระหว่างความเป็นเด็กและผู้ใหญ่ ก่อนที่เราจะได้ก้าวผ่านวัยนั้นมา

คะแนน 8/10

โดย นกไซเบอร์ https://www.facebook.com/cyberbirdmovie

ปล. It ภาค 2 ได้เริ่มโปรเจกต์แล้ว โดยดึงตัว แกรี่ ดาอเบอร์แมน มือเขียนบท It ภาค 1 และเจ้าของผลงาน Annabelle กลับมาสานต่อความสยองอีกครั้ง แต่ผู้กำกับยังไม่ได้มีการวางตัว คาดว่าหนังจะเข้าฉายในปี 2019
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่