Crypto Currency คืออะไรในระบบเศรษฐกิจ?

ช่วงที่ผ่านมาได้คุยกับเพื่อนที่ลงสนใจลงทุน Crypto Currency (พวก coinต่างๆ) แล้วพบว่ามีความเข้าใจคลาดเคลื่อนอยู่
เพราะ Crypto Currency นั้น มีความหมายคาบเกี่ยวกับ trend ที่กำลังมาแรงอีก 2 อย่างคือ
Blockchain, Cashless Society

ซึ่งหากไม่เข้าใจ ว่าแต่ละอย่างคืออะไร ผมว่าอันตรายมาก ที่จะเอาเงินไปลงในสิ่งที่ตัวเองไม่เข้าใจ
ก็ขอเขียนเท่าที่เห็นมานะครับ
------
เงินคืออะไร?
ก่อนอื่นขอปูพื้นเรื่องเงินก่อน
เงินคือสิ่งที่สังคมกำหนดใช้เป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการ
นั่นคือ ที่เงินมีค่าก็เพราะเราเอาไปใช้เแลกเป็นสินค้า/บริการ ได้นั่นเอง
นอกจากนี้ สิ่งที่หนุนค่าเงินอีกอย่างคือ ทองคำ/เงินตราต่างประเทศ
ซึ่งสามารถเอาไปแลกเปลี่ยนได้ อย่างน้อยก็ที่ธนาคารกลางของประเทศนั้นๆ
สามารถทำให้ผู้ถือเงินมั่นใจได้ว่าสิ่งที่ตัวเองถือไม่ใช่เพียงแค่กระดาษเปื้อนหมึก
ref: https://www.wikipedia.org/wiki/เงิน


Cashless Society
เทรนด์ที่กำลังมาขณะนี้อันนึงคือ สังคมไร้เงินสด
ซึ่งเป็นการเปลี่ยนรูปแบบเงินกระดาษให้เป็นเงินดิจิตอลในระบบคอมพิวเตอร์
เพื่อให้การจับจ่ายได้สะดวก รวดเร็วและปลอดภัย(จากการฉกชิงวิ่งราว)มากขึ้น
โดยสกุลเงินในระบบยังคงเป็นสกุลเดียวกับเงินกระดาษอยู่
ผลพลอยได้คือ
ภาครัฐสามารถจัดเก็บภาษีได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยขึ้น
จะหลบภาษีแบบแต่ก่อนไม่ได้ละ เพราะรัฐมีข้อมูลการไหลของเงินทั้งหมด

https://finance.rabbit.co.th/blog/cashless-society

Blockchain
Blockchain เป็นเทคโนโลยีที่กำลังมาแรงอีกตัว
มันคือ วิธีการเก็บข้อมูลแบบกระจายศูนย์
โดยจะเก็บข้อมูลเป็นก้อนๆ (block) และอ้างอิงต่อเนื่องเป็นสายโซ่(chain)ต่อๆกันไปเรื่อยๆ
(มันเลยได้ชื่อว่า blockchain)

ระบบนี้เหมาะกับข้อมูลที่มีคุณลักษณะ
-ยอมทุกคนในระบบเห็นได้เหมือนกันหมด
(แต่ใครเข้าถึงระบบได้ก็อีกเรื่อง ซึ่งจำกัดคนเข้าถึงก็จะเป็น private blockchain)
-ไม่สามารถแก้ไขย้อนหลังได้

ซึ่งข้อมูลใน block นั้นจะเป็นอะไรก็ได้ เช่น กรมธรรม์ประกันภัย ข้อมูลสุขภาพ ฯลฯ รวมทั้งรายการการเงิน
ดูเหมือนว่าภาคธนาคารต่างๆก็กำลังทำ blockchain เพื่อใช้เป็นระบบเก็บ transaction ระหว่างธนาคาร อยู่เช่นกัน

https://techsauce.co/technology/blockchain/understand-blockchain-in-5-minutes/

ส่วน Crypto Currency (ที่อ้างว่า)คือ เงินดิจิตอลสกุลนึง
ซึ่งจัดเก็บด้วย blockchain (ส่วนรายละเอียดน่าจะหาอ่านที่อื่นได้ไม่ยาก)

โอ้ว.. ทั้ง Cashless Society, Blockchain กำลังมา
Crypto Currency คาบเกี่ยวทั้ง 2 อย่างเลย
ถ้าอย่างนั้นเราควรลงทุนซื้อ Crypto Currency มาครอบครองสินะ?

ช้าก่อนครับ!
- cashless society นั้นเป็นสกุลเงินของประเทศนั้นๆ
พูดให้อ๋อ ก็คือ promptpay นั่นเองที่กำลังมา
มันเกี่ยวอะไรกับ coin ต่างๆ? (ยกเว้นอ้างว่าไม่ต้องพกเงินสดเหมือนกัน)
- blockchain กำลังนำมาใช้ในระบบธนาคารต่างๆ
มันเกี่ยวอะไรกับ coin ที่ต่างคนต่างขุดกันทั่วโลก?

เริ่มแปลกๆแล้วใช่มั๊ยครับ?
พูดง่ายๆคือ
"การอ้างว่า Cashless Society, Blockchain กำลังมา
ให้เราลงทุนไปหา Crypto Currency มาครอบครอง" นั้น
เป็นการผิดฝาผิดตัวซะจนดูเหมือนเป็นการหลอกลวงด้วยซ้ำ!!

Crypto Currency
เรามาดูกันชัดๆดีกว่าว่า Crypto Currency จะสามารถเป็นอะไรได้บ้าง ตั้งแต่ แย่สุดจนดีสุด

-แย่สุด คูปองศูนย์อาหารร้าง
อย่างที่เขียนไว้ตอนแรกว่า สกุลเงินจะมีค่า ก็ต่อเมื่อเอามาแลกสินค้า/บริการ ได้
การที่เราเอาเงินจริงๆไปแลกคูปองศูนย์อาหารร้าง ที่ไม่มีอะไรขายนั้น ไม่ต่างกับการเอาเงินจริงไปแลกกับเศษกระดาษ
แถมไม่มีธนาคารกลางที่รอรับแลกกลับเป็นเงินจริงอีกด้วย

การซื้อขายสิ่งที่ไม่ได้มีคุณค่าจริง ไปๆมาๆ
มันเป็นอะไรได้นอกจากเก็งกำไร?

บางคนคิดว่า อย่างน้อยมันคงไม่โหดเท่า ดอกทิวลิป หรอก
เพราะดอกทิวลิปเน่าได้ แต่คูปองมันไม่เน่า
เรียกว่าไม่ขายไม่ขาดทุน
เออ.. แต่กรณีนี้ถ้าคนไม่ใช้ คนขุดก็ไม่ได้เหรียญใหม่/ค่าธรรมเนียม
จะพาลเลิกกันหมดเอา
มันคือเหมือนปิดเซิฟฯเกม online นะคร๊าบ
เรียกว่าเจ๊งถ้วนหน้า แบบไม่มีเศษกระดาษให้ถือด้วย

-ตั้งไข่ แลกเปลี่ยนสินค้าได้
ถ้า coin นั้นๆ สามารถหาคนทำสินค้า/บริการ ที่ยอมรับ coin ได้ จะด้วยวิธีใดก็แล้วแต่
(เช่น การเสนอว่า coin ที่จะนำมาขายสามารถนำมาแลก สินค้าของบ.ตัวเองได้
coin นั้นก็ดูเหมือนมีค่ามีตัวมีตนขึ้นมาหน่อย
แต่จะมีสินค้า/บริการอื่นๆมายอมรับด้วยทีหลังหรือไม่ก็เป็นเรื่องที่ไม่แน่นอน)

ร้านค้าและคนในระบบ coin นั้นจะเจอเรื่องปวดหัวกับ บัญชีที่ต้องทำเป็น2สกุลเงิน (เงินปกติ+coin)
อยากรู้ว่าเป็นยังลองไปกัมพูชาดู (เงินเรียล+ดอลล่าร์ โอ.. ชือ-กบาล:"ปวดหัว" ภาษาเขมร)
และ จะซ้ำให้ปวดหัวหนักขึ้นด้วย ความผันผวนของราคา coin
เพราะการตั้งราคาในระบบที่ผันผวนนั้นลำบากมาก
-ถ้า coin กำลังขึ้น คนซื้อก็จะไม่ซื้อ เพราะเทียบกับเงินจริงแล้วแพงขึ้น
ก็จะขาดไม่ออก จนกว่าเราจะลดราคา ยอมรับ coin ให้น้อยลงเพื่อว่าเมื่อเทียบเงินจริงแล้วเท่าๆกัน
-ถ้า coin กำลังตก แล้วรับ coin มาเท่าเดิม .. อ้าว ขาดทุน! ต้องรีบเปลี่ยนราคาเรียก coin ให้มากขึ้น

เรียกว่าเหมือนพยายามจะต้องอยู่รอดในระบบเศรษฐกิจที่ไม่มีธนาคารกลางคอยดูแลเลย

-ดีสุด สกุลเงินหลักของโลก
ด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่
ถ้าคนยอมรับซื้อขายสินค้าบริการกันเยอะ+ราคานิ่งพอควร
มันอาจจะสามารถเทียบเท่ากับเงินสกุลหลักอื่นของโลก(หรือทองคำ...อย่างที่โฆษณากัน)
จนธนาคารกลางของแต่ละประเทศต้องเอามาใช้มาเก็บ ในคลัง/ในตระกร้าเงิน เลยทีเดียว

โอ.. ถ้ามันไปถึงจุดนั้นได้จะยอดมากเลยนะจอร์จ
นั่นสิ ซาร่าห์..ว่าแต่มีตังค์ให้ยืมซักแสนนึงก่อนมั๊ย? จะเอาไปซื้อ coin
นี่ไม่คิดถามสุขภาพกระเป๋าตังค์ชั้นซ๊ากกคำก่อนเหรอ?

มุมมองรัฐ
ข้างบนนั้นคือมุมมองภาค micro-economy
แต่ภาค macro-economy นั้นจะต้องมองแบบรัฐ
ซึ่งมุมมองของรัฐต่อ crypto currency นั้นน่าจะเป็นลบเพราะ

1) ธรรมชาติค่าเงินนั้นต้องมี สินค้า/บริการ หนุนหลัง
จะเกิดอะไรขึ้นกับเงินบาท ถ้าคนหันไปใช้ coin กันหมด
...เงินบาทก็จะไร้ค่ายังไงละ!!
กลายเป็นว่าคนไทยต้องขายบาทออกไปซื้อ coin เพื่อมาซื้อสินค้า/บริการในประเทศ
และไม่มีท่าทีจะแลกกลับเป็นเงินบาทด้วย เพราะเมื่อแพร่หลายแล้วจะสามารถเอาไปซื้อสินค้า/บริการอื่นต่อได้!!!

เทียบกับ บ.ส่งออกจะแลกเงินดอลกลับเป็นบาทมาใช้จ่ายในประเทศ
เพราะสินค้า/วัตถุดิบล้วนเป็นเงินบาท ทำให้เศรษฐกิจฝนประเทศดีขึ้น และ ธนาคารประเทศไทยก็จะมีเงินดอลสำรองเพิ่มขึ้น
สถานะการคลังของประเทศก็แข็งแกร่งขึ้น

2) รัฐจะเก็บภาษีไม่ได้
เพราะข้อมูลไม่ผ่านระบบการเงินปกติ
ถึงจะเสนอให้รัฐไปเก็บภาษีตรงที่แลก บาท <-> coin
แต่เงินปกติถ้าซื้อกันหลายทอด รัฐยิ่งได้ภาษี เช่น
นาย A ซื้อนาย B 100 บาท มีภาษี 7 บาท เหลือ 93
นาย B ซื้อนาย C 93 บาท มีภาษี 6.51 บาท เหลือ 86.49
ไปเรื่อยๆ

แต่ถ้าเป็น coin
นาย A แลก 107 บาท หักภาษี 7 บาท เหลือเป็น coin ที่มีมูลค่า 100
ซึ่ง coin นี้จะวนในระบบไปไม่รู้กี่ทอด โดยรัฐไม่ได้ภาษีจนกระทั่งแลกออก
นาย Z แลก coin ที่มีมูลค่า 100 บาท หักภาษี 7 บาท เหลือออกมา 93 บาท
เท่ากับรัฐได้ภาษีแค่ 14 บาท จากการซื้อขายกันไม่รู้กี่รอบ
ยิ่งถ้าแพร่หลายจนมันวนในระบบได้โดยไม่ต้องแลกกลับเป็นเงินบาท
รัฐจะได้ภาษี 7 บาทในปีแรกๆ และปีที่เหลือเป็น 0 ... ตลอดกาล!!!

จะเห็นว่า crypto currency มีข้อเสียใหญ่ในมุมมองของรัฐถึง 2 ข้อ
และการปรับแก้ บังคับให้ส่งบัญชี crypto ด้วยนั้นดูจะวุ่นวายมากกว่า
ยิ่งมีระบบ cashless society ที่ทำงานได้ดีอยู่แล้ว
ก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องมี crypto currency ในระบบเศรษฐกิจของประเทศเลย!!


ศูนย์อาหารใต้ดิน
นอกจากเหตุผลข้างต้นที่เป็นสิ่งบนดินยังดูแย่ในสายตารัฐ
เหตุผลจากใต้ดินยิ่งหนักเข้าไปใหญ่

เพราะ cashless society นั้นสามารถติดตามเส้นทางการเงินได้ทั้งหมด
การฟอกเงินจะยาก และตามคนเกี่ยวข้องกับมาเฟีย/แก๊งค์อาชญากรรมได้ง่ายผ่านเส้นทางการเงิน
หากถูกจับได้เพียงคนเดียว อาจโดนลากออกมาทั้งแก๊งค์!!

ยิ่งถ้า cashless society ล้ำไปถึงข้อมูล biometric เหมือนที่จีน ใช้ใบหน้า จ่ายเงินแทน QR code กันแล้ว
โจรที่ถูกออกหมายจับจะหนีรอดยากมาก
https://www.blognone.com/node/95182

แต่ถ้า crypto currency เกิด
มันจะเป็นทางเลือกทางนึงของธุรกิจมืด ในการฟอกเงินที่ได้มาโดยผิดกฎหมาย
เนื่องจากเป็นการยากที่จะรู้ว่าใครเป็นใครในระบบ
เพราะระบบมันเก็บเจ้าของเงินเป็นค่า hash จึงไม่มีทางรู้เลยว่าเป็นใคร

เรียกว่า อยู่บนดินก็ทำลายระบบเศรษฐกิจปกติ
อยู่ใต้ดินก็ส่งเสริมให้ธุรกิจใต้ดินเฟื่องฟูด้วย
ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจ ถ้าจะมีรัฐบาลไหนที่เริ่มจะแบนเงิน crypto currency
ขึ้นอยู่กับรัฐนั้นรู้ตัวช้าหรือเร็ว

เพิ่มเติม:
ICO = IPO ของ Startup?
อีก keyword นึงที่เข้าใจผิดกันคือ Startup
Startup คือ กิจการใหม่
เหรียญใหม่ = กิจการใหม่รูปแบบนึง
ซื้อเหรียญ ICO = ลงทุนในกิจการใหม่เหมือน IPO
ถ้าเลือกเหรียญดีๆกิจการเจ๋งๆ เราจะได้มูลค่าเพิ่มหลายเท่ามาก จึงน่าลองเสี่ยง

แต่ๆๆๆ จริงๆแล้วการลงทุนใน Startup ที่แท้จริง
ต้องเป็นแบบ venture capital คือลงเงินแล้วได้เป็นหุ้นของกิจการ ครับ!!

แต่มี fund rising ที่มามั่วนิ่มใช้คำว่า"ระดมทุน" ในช่วงที่ Startup กำลังบูมสุดขีด
แต่ปรากฏว่าลงเงินแล้วจะแค่ได้สินค้าในราคาถูกพิเศษ
เหมือนๆกับ pre-order ตั้งแต่ยังไม่มีพิมพ์เขียว มีแต่ภาพ mock up
ซึ่งกลุ่มนี้ช่วงหลังๆ คนเริ่มรู้ว่าไม่ใช่การลงทุนแต่เป็นซื้อสินค้า จึงระดมเงินไม่ได้เลย
พอมีกระแส coin ก็เลยหันมาออก coin กัน

สังเกตว่า ICO ส่วนใหญ่สัญญาว่าจะใช้แลกสินค้าทั้งนั้น
แล้วหยอดคำหวานว่า ถ้าไม่รีบซื้อ เดี๋ยวราคา coin เค้าจะขึ้น

อ้าว ถ้า coin คุณขึ้น คนก็ไปซื้อสินค้า/บริการ จากเจ้าอื่นสิ!!
จะมาซื้อ coin แพงๆเพื่อมาแลกสินค้า/บริการคุณทำไม?

จริงๆแล้วการเอาเงินไปลงใน ICO
คือการลงทุนได้เป็นหุ้นส่วนของกิจการ Startup
หรือ เป็นการเก็งกำไรบนคูปองศูนย์อาหารที่ยังไม่เปิด??
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่