เรียกว่าชวนคุยดีกว่า ก่อนจะพูดอะไรบอกก่อนว่าผมชื่นชอบเทคโนโลยี block-chain นะแล้วก็เห็นด้วยกับแนวทาง cashless society ด้วย แต่เชื่อว่าในประเทศไทย ยังต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่ ๆ ในการปรับตัว
ปัญหามันคือเรื่องวิธีการต่างหาก
ตอนนี้กระแส e-wallet กับสารพัด coin มันมาแรงเหลือเกิน ถ้าตัดเรื่องการลงทุนเกร็งกำไร นี่โน่นนั่นออกไปนะ ลองมานึกดูดี ๆ ว่าระบบเหล่านี้จะมีปัญหาอะไรในชีวิตประจำวันบ้าง
พวก coin มีเป็นพันชนิด ราคาก็ยังไม่มีเสถียรภาพ ระดับ +/-10% ต่อวัน ไม่ใช่เรื่องแปลก แถมมีหลายสกุลเหลือเกิน จะใช้ทีก็ต้องแปลงค่ากันสารพัดกว่าจะรู้ว่าตกลงมูลค่าของ ๆ ที่จะซื้อจริง ๆ เนี่ย มันมีมูลค่าเท่าไหร่แน่ นึกภาพง่าย ๆ สมมุติ ซื้อกาแฟ 1 แก้ว ติดป้ายราคา 30 บาท หรือ 1 us dollar หรือ 0.0000001 BTC หรือ 0.00004 ETH หรือ 0.002 XRP แล้วด้วยนิสัยคนเรา ก็ต้องมานั่งนึกว่าจ่ายด้วยเงินสกุลไหนถูกสุด อย่างนั้นเหรอ หรืออีก Case ร้านหนึ่งรับ BTC อีกร้านรับ ETH นี่คือเราต้องมีสกุลเงินมันทุกสกุลเลยใช่ม่ะ คือ cryptocurrency ถ้าจะให้มัน work ในชีวิตประจำวัน มันควรจะมีสกุลหลักอยู่แค่ 1 - 3 สกุล ไหม
แล้วเรื่องความปลอดภัย ที่หลายคนชอบพูดกัน กลัวกันเหลือกเกินเรื่องการโดน hack ข้อมูลทางการเงินเนี่ย คือพวกเราส่วนใหญ่เป็นมนุษย์เงินเดือน เป็นสุจริตชน มีเส้นทางทางการเงินอะไรที่เป็นความลับจนไม่อยากให้ใครรู้หรือครับ แล้วไอ้คนที่จะ Hack ข้อมูลเครดิตบูโร เราได้ในชีวิตจริงมันมีโอกาสแค่ไหน เรื่องพวกนี้มันเอื้อกับคนที่ไม่ต้องเปิดเผยข้อมูลทางการเงินของตัวเองเสียมากกว่า เป็นกลุ่มไหนก็ไม่ต้องพูดล่ะกัน
สำหรับพวก e-wallet ถ้าตัดเรื่องโปรแรง ๆ ออกไป ผมก็มองว่าไม่ได้ต่างอะไรกับบัตรเดบิต หรือเครดิต แต่มีปัญหาคล้าย ๆ กับพวก coin นั่นล่ะ คือ มันมีสารพัด wallet เหลือเกิน ร้านโน่นรับอันนี้ ร้านนี้รับอันนั้น ต้องมานั่งเลือก หรือเปิดหลาย wallet อีก หรือบางร้านรับหลายตัว เราก็ต้องมานั่งเลือกว่าจะจ่ายด้วย wallet ไหนดีถูกสุด (จริง ๆ อันนี้ก็คล้าย ๆ บัตรเครดิตล่ะ) แถม wallet ส่วนใหญ่ก็ใช้ได้แค่ในประเทศอีก ถ้าไปต่างประเทศบางประเทศก็มี wallet ของเค้า ถ้าอยากให้ก็ต้องเปิดเพิ่มอีก นี่โน่นนั่น ผมรู้สึกว่าชีวิตมันวุ่นวาย อีกอย่างคือผมไม่อยากฝากชีวิตไว้กับอุปกรณ์อิเล็กโทนิกเครื่องเดียว batt หมดทีนี่ไม่ได้กินอยู่กันล่ะ
ทีนี้เอาประสบการณ์ตรงมาพูด ในรอบ 4 ปี มาเนี่ย ผมเดินทางไป 12 ประเทศ ใน zone เอเชีย ยุโรป และ ออสเตรเลีย ใช้บัตรเครดิต Visa ใบเดียว กับแลกเงินสดติดไปนิดหน่อยสัก 20% ของค่าใช้จ่ายทั้งหมด แค่เนี่ย ผมก็อยู่ในละไม่รู้สึกลำบากอะไร โดยเฉพาะ New Zealand เป็นอะไรที่ประทับใจมาก ไปอยู่เกือบ 2 เดือน จ่ายเงินด้วยเงินสดไม่เกิน 10 ครั้ง ส่วนใหญ่เป็นพวกของข้างทาง ขนาดซื้อของแค่ 10 บาท ยังจ่ายบัตรเครดิตได้ แค่รูดบัตรกับกด pin เท่านั้นล่ะ ไม่ได้เสียเวลาอะไรเลย และจากการสังเกตวิธีการจ่ายตังส์ของคนในแต่ละประเทศที่ไป การใช้โทรศัพท์จ่ายตังส์ นี่มันน้อยมาก ๆ เลย แม้แต่ประเทศเจริญแล้วฝั่งยุโรป 80% เค้าก็ใช้บัตรเดบิต/เครดิตกัน ที่เหลือก็ยังคงเป็นเงินสดอยู่ เอาจริง ๆ การใช้บัตรเครดิตมันก็เป็น cashless society รูปแบบหนึ่งล่ะ แน่นอนมันยังมีช่องโหว่ แต่มันก็ปรับปรุงได้
มันก็เลยย้อนกลับมามองว่าทิศทางที่เราจะไปกัน มันใช่จริงเหรอ ๆ ไม่รู้สิ มันก็แค่ความเห็นส่วนตัวล่ะนะ...
คิดไงกันบ้างครับ ในฐานะ User ทั่วไปนะ
E-Wallet กับสารพัด Coin มันจำเป็นกับ User ที่ใช้เงินในชีวิตประจำวันจริง ๆ เหรอ
ปัญหามันคือเรื่องวิธีการต่างหาก
ตอนนี้กระแส e-wallet กับสารพัด coin มันมาแรงเหลือเกิน ถ้าตัดเรื่องการลงทุนเกร็งกำไร นี่โน่นนั่นออกไปนะ ลองมานึกดูดี ๆ ว่าระบบเหล่านี้จะมีปัญหาอะไรในชีวิตประจำวันบ้าง
พวก coin มีเป็นพันชนิด ราคาก็ยังไม่มีเสถียรภาพ ระดับ +/-10% ต่อวัน ไม่ใช่เรื่องแปลก แถมมีหลายสกุลเหลือเกิน จะใช้ทีก็ต้องแปลงค่ากันสารพัดกว่าจะรู้ว่าตกลงมูลค่าของ ๆ ที่จะซื้อจริง ๆ เนี่ย มันมีมูลค่าเท่าไหร่แน่ นึกภาพง่าย ๆ สมมุติ ซื้อกาแฟ 1 แก้ว ติดป้ายราคา 30 บาท หรือ 1 us dollar หรือ 0.0000001 BTC หรือ 0.00004 ETH หรือ 0.002 XRP แล้วด้วยนิสัยคนเรา ก็ต้องมานั่งนึกว่าจ่ายด้วยเงินสกุลไหนถูกสุด อย่างนั้นเหรอ หรืออีก Case ร้านหนึ่งรับ BTC อีกร้านรับ ETH นี่คือเราต้องมีสกุลเงินมันทุกสกุลเลยใช่ม่ะ คือ cryptocurrency ถ้าจะให้มัน work ในชีวิตประจำวัน มันควรจะมีสกุลหลักอยู่แค่ 1 - 3 สกุล ไหม
แล้วเรื่องความปลอดภัย ที่หลายคนชอบพูดกัน กลัวกันเหลือกเกินเรื่องการโดน hack ข้อมูลทางการเงินเนี่ย คือพวกเราส่วนใหญ่เป็นมนุษย์เงินเดือน เป็นสุจริตชน มีเส้นทางทางการเงินอะไรที่เป็นความลับจนไม่อยากให้ใครรู้หรือครับ แล้วไอ้คนที่จะ Hack ข้อมูลเครดิตบูโร เราได้ในชีวิตจริงมันมีโอกาสแค่ไหน เรื่องพวกนี้มันเอื้อกับคนที่ไม่ต้องเปิดเผยข้อมูลทางการเงินของตัวเองเสียมากกว่า เป็นกลุ่มไหนก็ไม่ต้องพูดล่ะกัน
สำหรับพวก e-wallet ถ้าตัดเรื่องโปรแรง ๆ ออกไป ผมก็มองว่าไม่ได้ต่างอะไรกับบัตรเดบิต หรือเครดิต แต่มีปัญหาคล้าย ๆ กับพวก coin นั่นล่ะ คือ มันมีสารพัด wallet เหลือเกิน ร้านโน่นรับอันนี้ ร้านนี้รับอันนั้น ต้องมานั่งเลือก หรือเปิดหลาย wallet อีก หรือบางร้านรับหลายตัว เราก็ต้องมานั่งเลือกว่าจะจ่ายด้วย wallet ไหนดีถูกสุด (จริง ๆ อันนี้ก็คล้าย ๆ บัตรเครดิตล่ะ) แถม wallet ส่วนใหญ่ก็ใช้ได้แค่ในประเทศอีก ถ้าไปต่างประเทศบางประเทศก็มี wallet ของเค้า ถ้าอยากให้ก็ต้องเปิดเพิ่มอีก นี่โน่นนั่น ผมรู้สึกว่าชีวิตมันวุ่นวาย อีกอย่างคือผมไม่อยากฝากชีวิตไว้กับอุปกรณ์อิเล็กโทนิกเครื่องเดียว batt หมดทีนี่ไม่ได้กินอยู่กันล่ะ
ทีนี้เอาประสบการณ์ตรงมาพูด ในรอบ 4 ปี มาเนี่ย ผมเดินทางไป 12 ประเทศ ใน zone เอเชีย ยุโรป และ ออสเตรเลีย ใช้บัตรเครดิต Visa ใบเดียว กับแลกเงินสดติดไปนิดหน่อยสัก 20% ของค่าใช้จ่ายทั้งหมด แค่เนี่ย ผมก็อยู่ในละไม่รู้สึกลำบากอะไร โดยเฉพาะ New Zealand เป็นอะไรที่ประทับใจมาก ไปอยู่เกือบ 2 เดือน จ่ายเงินด้วยเงินสดไม่เกิน 10 ครั้ง ส่วนใหญ่เป็นพวกของข้างทาง ขนาดซื้อของแค่ 10 บาท ยังจ่ายบัตรเครดิตได้ แค่รูดบัตรกับกด pin เท่านั้นล่ะ ไม่ได้เสียเวลาอะไรเลย และจากการสังเกตวิธีการจ่ายตังส์ของคนในแต่ละประเทศที่ไป การใช้โทรศัพท์จ่ายตังส์ นี่มันน้อยมาก ๆ เลย แม้แต่ประเทศเจริญแล้วฝั่งยุโรป 80% เค้าก็ใช้บัตรเดบิต/เครดิตกัน ที่เหลือก็ยังคงเป็นเงินสดอยู่ เอาจริง ๆ การใช้บัตรเครดิตมันก็เป็น cashless society รูปแบบหนึ่งล่ะ แน่นอนมันยังมีช่องโหว่ แต่มันก็ปรับปรุงได้
มันก็เลยย้อนกลับมามองว่าทิศทางที่เราจะไปกัน มันใช่จริงเหรอ ๆ ไม่รู้สิ มันก็แค่ความเห็นส่วนตัวล่ะนะ...
คิดไงกันบ้างครับ ในฐานะ User ทั่วไปนะ