เกริ่นก่อนการรีวิวซักนิดเช่นเคยว่าทริปนี้เป็นทริปที่ผมออกเดินทางไปกรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ครั้งแรกของตัวผมเอง และมีการศึกษาสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศนี้อยู่บ้าง และพบว่าเป็นเมืองที่เงียบสงบ น่าสนใจมาก ผู้คนน่ารัก และเป็นเมืองที่สวยงามจากการใช้ชีวิตมาก และมีสถานที่ท่องเที่ยวนึงที่ติดท็อปว่าทุกคนที่มาอัมเสตอร์ดัม ต้องมาที่นี่ นั่นก็คือพิพิธภัณฑ์สำหรับคอเบียร์ Heineken Experience นั่นเอง และจากที่อ่านผ่านๆรู้สึกว่าน่าสนใจอย่างมาก และคิดว่าต้องไปให้ได้ และจะนำการรีวิวและบรรยากาศของที่นี่ทั้งหมดมาฝากทุกคนที่สนใจจะไปเที่ยวอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ และเป็นตัวเลือกให้ทุกคนที่สนใจจะไปที่พิพิธภัณฑ์นี้แต่ยังไม่ทราบว่าภายในมีอะไรบ้างก่อนที่จะเข้าไป ถึงเวลาที่จะเข้าเรื่องกันแล้วติดตามอ่านกันได้เลยครับ




Heineken Experience
     ก่อนจะเข้าสู่การรีวิวขอพูดถึงภาพรวมของพิพิธภัณฑ์ Heineken Experiene แห่งนี้เสียก่อน นี่คือสถานที่ที่รวบรวมเรื่องราวประวัติศาสตร์ของเบียร์ Heineken ที่จัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ทั้งหมด และได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวและคนท้องถิ่นติดอันดับต้นๆ ของยุโรป สถานที่นี้สมัยก่อนเคยเป็นโรงผลิตเบียร์ดั้งเดิมของ Heineken ก่อสร้างขึ้นมาช่วงปี 1867 และถูกปิดตัวลงในปี 1988 หลังจากที่ย้ายฐานการผลิตเบียร์ใหม่ออกไปอยู่นอกเมืองเพื่อรองรับการขยายตัวและปรับสู่ความเป็นอุตสาหกรรม ก่อนที่จะถูกนำมาปรับปรุงใหม่ให้เป็นศูนย์ข้อมูลในปี 1991 ที่ชื่อว่า Heineken Treat and Information Centre แต่แล้วในปี 2001 ทาง Heineken ก็ปรับโฉมที่นี่อีกครั้งให้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์สมัยใหม่ และหลังจากนั้นก็มีการปิดเพื่อปรับปรุงกันอีกครั้งก่อนที่จะเปิดทำการโฉมใหม่ให้เป็นพิพิธภัณฑ์แหล่งเรียนรู้และแหล่งท่องเที่ยวในปี 2008 นี้ที่ผ่านมา โดยที่นี่ถูกออกแบบเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะ เพราะเบียร์ Heineken ถือเป็นสินค้าของเนเธอร์แลนด์ที่โด่งดังไปทั่วโลก โดยตัวพิพิธภัณฑ์นั้นตั้งอยู่บริเวณถนน Stadhouderskade บริเวณย่าน De Pijp ซึ่งเป็นย่านสำคัญใจกลางกรุงอัมสเตอร์ดัม และปัจจุบันพิพิธภัณฑ์ Heineken Experience ถือว่ากลายเป็นสถานที่ยอดฮิตที่ถูกเยี่ยมชมมากที่สุดในกรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์


     ภาพถ่ายปัจจุบันของโครงสร้างพิพิธภัณฑ์ Heineken Experience ซึ่งจะสังเกตเห็นได้ว่าทาง Heineken ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ของความดั้งเดิมเอาไว้โดยใช้ตัวอักษรเดิมทั้งหมด แต่ที่จะเปลี่ยนก็เป็นเพียงโลโก้ Heineken ด้านบนเปลี่ยนเป็นโลโก้ Heineken ปัจจุบันที่เราคุ้นตากันอยู่แล้ว คือ ดาวแดง และตัวอักษรสีเขียว
     จุดสังเกตเห็นได้ง่ายจากด้านหน้าซึ่งเป็นที่คุ้นตาเลยก็คือ จะมีการต่อคิวสำหรับผู้เข้าชมยาวออกมาที่ริมถนน ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติเพราะอย่างที่ทราบกันดีว่าที่นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ติดท็อปที่สุดของกรุงอัมสเตอร์ดัม และแล้วเราก็เริ่มต่อคิวจากบริเวณด้านหน้านี้ ใช้เวลาโดยรวมกว่าจะเข้าไปถึงด้านในที่ซื้อตั๋วก็ประมาณ 30 นาที
     หลังจากต่อแถวมายาวนาน 30 นาที เราก็จะได้พบกับจุดขายตั๋วแบบนี้ ซึ่งตอนที่ไปแถวช้าเพราะว่าเปิดขายตั๋วเพียงช่องเดียวทำให้การต่อแถวใช้เวลานาน แต่ระบบซื้อตั๋วไม่ได้ช้า และเป็นระบบที่รวดเร็วด้วยซ้ำ โดยค่าตั๋วเข้าชมมีหลากหลายราคา และรูปแบบ ดังนี้

*ค่าตั๋วปกติ (โดยประมาณ)
ผู้ใหญ่ (อายุ 18 ปีขึ้นไป) ราคา 16 ยูโร (637 บาท)
เด็ก (อายุ 12-17 ปี) ราคา 12.5 ยูโร (499 บาท)

เด็กเล็ก (อายุ 0-11 ปี) ราคา เข้าฟรี!

*ค่าตั๋ว VIP TOUR (โดยประมาณ)
ราคา 41 ยูโร (1,634 บาท)
สิทธิพิเศษ คือ มีไกด์นำทัวร์ และมีเบียร์ Premium ให้ชิมถึง 5 ชนิด และกับแกล้มเป็นชีสท้องถิ่นแท้ๆ


*ค่าตั๋ว TOUR+BOAT+LOOKOUT (โดยประมาณ)
ราคา 25 ยูโร (996 บาท)
สิทธิพิเศษ คือนอกจากตั๋วพิพิธภัณฑ์แล้วยังมีล่องเรือชมเมืองและขึ้นดาดฟ้าที่ตึก A’DAM LOOKOUT
ซึ่งแน่นอนผมเลือกแพคเก็จ TOUR+BOAT+LOOKOUT หรือเค้าเรียกว่ากันว่าแพ็คเก็จ ROCK THE CITY
ถือเป็นแพคเกจสุดคุ้มที่สุดเมื่อเทียบกับราคา คือ จะมีกิจกรรมให้ทำถึง 3 อย่างคือ
1.เที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ Heineken Experience
2.ขึ้นเรือชมเมืองโดยรอบของอัมสเตอร์ดัม
3.ขึ้นดาดฟ้าชมเมืองอัมสเตอร์ดัมมุมสูงที่ A’DAM LOOK OUT
* และได้กินเบียร์สด Heineken จำนวน 2 แก้วอีกด้วย