เฮโหลลลลล ........
สวัสดีค่าทุกคน
ช่วงนี้แม้ว่าจะเลยเดือนหก แต่ฝนก็ยังตกพร่ำๆ อยู่อีก อากาศบ้านเราเนี่ยแปรปรวนสุดๆ ไหนจะแดดร้อน ฝนตก มลภาวะจากฝุ่นควันข้างนอก ก็มีส่วนที่ทำให้ผมตอนนี้ของ ออม แห้งกร้าน แตกปลาย นี้ยังไม่รวมการที่เป็นสาวผมสี โดนสารเคมีทั้งย้อม ทั้งฟอก ทั้งกัดผมไปอี๊กกกก แลดูผมอ่อนแอสุดๆเลย T^T ออมเลยลองหาพวกไอเทมมาบำรุงผมกันสักหน่อย ซึ่งโจทย์ของออมก็คือ อยากได้ของมันนอกเหนือแบบ Beyond มากกว่า น้ำมันใส่ผม หรือวิตามินใส่ผมที่เคยใช้
แล้วในที่สุดเราก็หากันจนเจอออออ กับ Keratin Silky Shine โปรตีนเข้มข้นสำหรับเส้นผม จาก Profezzor ซึ่งเค้าบอกว่านางเป็นอาหารที่ผมต้องการ แบบไม่ได้เคลือบหลอกๆ แต่เป็นการบำรุงผมจากภายใน อั้ยยะ!! จะจริงไหมก่อนที่เราจะเริ่มพิสูจน์เรามาดูแพคเกจจิ้งกันก่อนดีกว่า
หลอดเรียวๆยาวๆสีขาว
ด้านหลังก็จะมีบอกเกี่ยวกับวิธีการใช้
ส่วนประกอบที่สำคัญๆของเจ้าตัว Keratin Silky Shine นี้ ก็จะมี
เคราตินแท้เข้มข้น ที่เป็นโปรตีนส่วนประกอบสำคัญสำหรับเส้นผม ช่วยบำรุงให้ผมแข็งแรง เงา นุ่ม มีน้ำหนัก น่าสัมผัส
วิตามินอี ที่ป้องกันเส้นผมจากมลภาวะและแสงแดด (โอ้วววว เหมาะ5555+)
สารสกัดจากว่านหางจระเข้ เพิ่มความชุ่มชื้น ลดอาการผมแห้ง
กลีเซอรีน ปกป้องผมแห้งเสียจากการโดยความร้อน และการทำสี ให้ผมนุ่ม เงา เป็นประกายตลอดเวลา
มามะเรามาลองใช้กันเลย
โดยเจ้าตัวนี้เค้าก็มีปริมาณการใช้บอกเหมือนกันว่าสำหรับสาวผมสั้นใช้ได้ 3 ครั้งต่อ 1หลอด ส่วนสาวผมยาวก็จะเปลืองหน่อยใช้ได้ประมาณ 2 ครั้ง ต่อ 1หลอดจ้า นอกจากนั้นนางยังมีสโลแกนเกร๋ๆ ด้วยว่า “ปฏิบัติการหวีผมให้ผมอิ่ม แค่ “หวี” ให้ถูกต้อง และ “ให้” อาหารผมอย่างถูกวิธี Keratin Silky Shine อาหารผมที่ผมโหยหามากที่สุด” โอ้ววววว การหวีก็มา ให้อาหารผมก็มี มาอย่ารอช้ามาลองเริ่มใช้กันเลยจ้า
เริ่มจากผมยุ่งๆ ฟูๆแบบนี้
อุปกรณ์ที่เราจะใช้มีด้วยกัน 3 อย่าง
ออมจะทำการแบ่งผมด้วยที่หนีบผม
หวีซี่ถี่ๆ
Keratin Silky Shine จาก Profezzor
1. แบ่งผมเป็นช่อๆตอนผมแห้ง
2. ใส่ Keratin Silky Shine ลงไปบนบริเวณปลายผม หรือที่ผมแห้งเสีย ทีละช่อๆ
เวลาบีบ เวลาใช้ ก็จะบีบออกมาประมาณนี้เลย ส่วนตัวเนื้อครีม ก็จะเป็นเนื้อครีมสีขาว ใสๆ นิ่มๆ มีความเยิ้มๆหน่อย
3. จากนั้นก็ ใช้หวีซี่เล็กๆ ค่อย ๆ สางไปเรื่อยๆ จนเนื้อผมเริ่มดู “อิ่ม”
4. พักทิ้งไว้ประมาณ 15 – 30 นาที หรือใครอยากจะทิ้งนานกว่านี้ก็ได้
ออมทิ้งเอาไว้อย่างน้อย 30 นาทีเด้อออออ
5. หลังจากนั้นก็สระผมตามปกติเลย
ทาด๊าาาาาาา
ไหนๆเรามาดูภาพก่อนหลังที่ใช้กันดีกว่า
พอเปรียบเทียบก่อนและหลังใช้ Keratin Silky Shine จาก Profezzor
ความรู้สึกหลังใช้
ต้องบอกก่อนว่าพื้นผมเดิมเป็นคนผมหนาเส้นเล็ก แล้วผมออมเป็นผมที่ผ่านการทำสีมาบ่อยมาก แฮร่ๆ เลยทำให้ผมหยาบแห้ง อ่อนแอ คือพูดง่ายๆว่ามันก็จะชี้ๆฟูๆ ดูไม่น่าจับ โดยการใช้ Keratin Silky Shine ของออมก็คือ อย่างถ้าปลายผมออมก็จะเน้นๆ หวีย้ำๆให้ผมอิ่ม แล้วทิ้งไว้นานเกิน 30 นาที หลังจากที่ออมใช้ครั้งที่ 2 แล้ว (หมดหลอดพอดี^^) ก็รู้สึกได้เลยนะว่าผมมีความนิ่มนุ่ม ดูเงางาม น่าสัมผัส รู้สึกได้เลยว่าผมมีน้ำหนักขึ้น ยาวตรง ไม่ชี้ ไม่ฟู คือใช้เวลาจัดทรงผมในตอนเช้าน้อยลง ไม่ต้องค่อยพยายามหนีบผม ไดร์ผมตรงนานๆเหมือนแต่ก่อน แล้วยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ได้กลิ่นแล้วสดชื่นดีด้วย ปลื้มปริ่มอ่ะ^^
ถ้าใครที่มีปัญหาเรื่องเส้นผมหยาบ แห้ง ชี้ฟู ใช้น้ำมัน ทำทรีทเม้นท์ก็ยังไม่หาย หรืออยากลองใช้เจ้า Keratin Silky Shine ล่ะก็ ลองเสิร์ชชื่อแบรนด์ Profezzor หากันดูนะจ๊ะ เจอแน่นอน ^^
[CR] REVIEW : แก้ปัญหาผมแห้ง แตกเสีย ด้วย อาหารผม Keratin Silky Shine จาก Profezzor หวีให้ผมอิ่มนิ่ม นุ่ม สลวย
สวัสดีค่าทุกคน
ช่วงนี้แม้ว่าจะเลยเดือนหก แต่ฝนก็ยังตกพร่ำๆ อยู่อีก อากาศบ้านเราเนี่ยแปรปรวนสุดๆ ไหนจะแดดร้อน ฝนตก มลภาวะจากฝุ่นควันข้างนอก ก็มีส่วนที่ทำให้ผมตอนนี้ของ ออม แห้งกร้าน แตกปลาย นี้ยังไม่รวมการที่เป็นสาวผมสี โดนสารเคมีทั้งย้อม ทั้งฟอก ทั้งกัดผมไปอี๊กกกก แลดูผมอ่อนแอสุดๆเลย T^T ออมเลยลองหาพวกไอเทมมาบำรุงผมกันสักหน่อย ซึ่งโจทย์ของออมก็คือ อยากได้ของมันนอกเหนือแบบ Beyond มากกว่า น้ำมันใส่ผม หรือวิตามินใส่ผมที่เคยใช้
แล้วในที่สุดเราก็หากันจนเจอออออ กับ Keratin Silky Shine โปรตีนเข้มข้นสำหรับเส้นผม จาก Profezzor ซึ่งเค้าบอกว่านางเป็นอาหารที่ผมต้องการ แบบไม่ได้เคลือบหลอกๆ แต่เป็นการบำรุงผมจากภายใน อั้ยยะ!! จะจริงไหมก่อนที่เราจะเริ่มพิสูจน์เรามาดูแพคเกจจิ้งกันก่อนดีกว่า
ด้านหลังก็จะมีบอกเกี่ยวกับวิธีการใช้
ส่วนประกอบที่สำคัญๆของเจ้าตัว Keratin Silky Shine นี้ ก็จะมี
เคราตินแท้เข้มข้น ที่เป็นโปรตีนส่วนประกอบสำคัญสำหรับเส้นผม ช่วยบำรุงให้ผมแข็งแรง เงา นุ่ม มีน้ำหนัก น่าสัมผัส
วิตามินอี ที่ป้องกันเส้นผมจากมลภาวะและแสงแดด (โอ้วววว เหมาะ5555+)
สารสกัดจากว่านหางจระเข้ เพิ่มความชุ่มชื้น ลดอาการผมแห้ง
กลีเซอรีน ปกป้องผมแห้งเสียจากการโดยความร้อน และการทำสี ให้ผมนุ่ม เงา เป็นประกายตลอดเวลา
โดยเจ้าตัวนี้เค้าก็มีปริมาณการใช้บอกเหมือนกันว่าสำหรับสาวผมสั้นใช้ได้ 3 ครั้งต่อ 1หลอด ส่วนสาวผมยาวก็จะเปลืองหน่อยใช้ได้ประมาณ 2 ครั้ง ต่อ 1หลอดจ้า นอกจากนั้นนางยังมีสโลแกนเกร๋ๆ ด้วยว่า “ปฏิบัติการหวีผมให้ผมอิ่ม แค่ “หวี” ให้ถูกต้อง และ “ให้” อาหารผมอย่างถูกวิธี Keratin Silky Shine อาหารผมที่ผมโหยหามากที่สุด” โอ้ววววว การหวีก็มา ให้อาหารผมก็มี มาอย่ารอช้ามาลองเริ่มใช้กันเลยจ้า
เริ่มจากผมยุ่งๆ ฟูๆแบบนี้
อุปกรณ์ที่เราจะใช้มีด้วยกัน 3 อย่าง
ออมจะทำการแบ่งผมด้วยที่หนีบผม
หวีซี่ถี่ๆ
Keratin Silky Shine จาก Profezzor
1. แบ่งผมเป็นช่อๆตอนผมแห้ง
2. ใส่ Keratin Silky Shine ลงไปบนบริเวณปลายผม หรือที่ผมแห้งเสีย ทีละช่อๆ
เวลาบีบ เวลาใช้ ก็จะบีบออกมาประมาณนี้เลย ส่วนตัวเนื้อครีม ก็จะเป็นเนื้อครีมสีขาว ใสๆ นิ่มๆ มีความเยิ้มๆหน่อย
3. จากนั้นก็ ใช้หวีซี่เล็กๆ ค่อย ๆ สางไปเรื่อยๆ จนเนื้อผมเริ่มดู “อิ่ม”
4. พักทิ้งไว้ประมาณ 15 – 30 นาที หรือใครอยากจะทิ้งนานกว่านี้ก็ได้
ออมทิ้งเอาไว้อย่างน้อย 30 นาทีเด้อออออ
5. หลังจากนั้นก็สระผมตามปกติเลย
ทาด๊าาาาาาา
ไหนๆเรามาดูภาพก่อนหลังที่ใช้กันดีกว่า
พอเปรียบเทียบก่อนและหลังใช้ Keratin Silky Shine จาก Profezzor
ความรู้สึกหลังใช้
ต้องบอกก่อนว่าพื้นผมเดิมเป็นคนผมหนาเส้นเล็ก แล้วผมออมเป็นผมที่ผ่านการทำสีมาบ่อยมาก แฮร่ๆ เลยทำให้ผมหยาบแห้ง อ่อนแอ คือพูดง่ายๆว่ามันก็จะชี้ๆฟูๆ ดูไม่น่าจับ โดยการใช้ Keratin Silky Shine ของออมก็คือ อย่างถ้าปลายผมออมก็จะเน้นๆ หวีย้ำๆให้ผมอิ่ม แล้วทิ้งไว้นานเกิน 30 นาที หลังจากที่ออมใช้ครั้งที่ 2 แล้ว (หมดหลอดพอดี^^) ก็รู้สึกได้เลยนะว่าผมมีความนิ่มนุ่ม ดูเงางาม น่าสัมผัส รู้สึกได้เลยว่าผมมีน้ำหนักขึ้น ยาวตรง ไม่ชี้ ไม่ฟู คือใช้เวลาจัดทรงผมในตอนเช้าน้อยลง ไม่ต้องค่อยพยายามหนีบผม ไดร์ผมตรงนานๆเหมือนแต่ก่อน แล้วยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ได้กลิ่นแล้วสดชื่นดีด้วย ปลื้มปริ่มอ่ะ^^
ถ้าใครที่มีปัญหาเรื่องเส้นผมหยาบ แห้ง ชี้ฟู ใช้น้ำมัน ทำทรีทเม้นท์ก็ยังไม่หาย หรืออยากลองใช้เจ้า Keratin Silky Shine ล่ะก็ ลองเสิร์ชชื่อแบรนด์ Profezzor หากันดูนะจ๊ะ เจอแน่นอน ^^