สวัสดีครับเพื่อนชาว PANTIP ทุกๆท่านพบกับผมอีกเช่นเคยนะครับสำหรับกระทู้นี้ผมได้สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่ได้เปิดจำหน่ายสดๆร้อนๆมารีวิวอีกเช่นเคยครับ สำหรับสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ถึงจะไม่ได้มาพร้อมบอดี้ที่เป็นโลหะเเล้วโดนเปลี่ยนมาเป็นบอดี้กระจกเเทนเเต่ก็ยังคงมีความเงางาม เเละมีความสวยงามดูพรีเมี่ยมเช่นเคยอีกทั้งสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ยังมาพร้อมกล้องหลังคู่ เเละ ชิพเช็ตชีพียูประมวลผลตัวใหม่อย่าง QualComm Snapdragon 835 เป็นอีกหนึ่งความน่าสนใจสำหรับรุ่นนี้อีกด้วยนั่นก็คือเจ้า Xiaomi Mi6 นั่นเองเเละเรามาชมรีวิวของรุ่นนี้กันดีกว่าว่าจะมีอะไรเด็ดๆเเละจะมีจุดเด่นจุดด้อยอะไรบ้างเรามาชมกันเลย เอ่อลืมไปว่ารุ่นนี้ยังกันน้ำด้วยนะเเต่แค่กันสาดกระเซ็นใส่นะครับ ลงน้ำไม่ได้.
* ตอนนี้มีเครื่องศูนย์ไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้วนะครับ แต่เครื่องที่เอามารีวิวเป็นเครื่องหิ้วครับ
Unbox
อุปกรณ์ที่มีมาให้ในกล่อง
หัวชาร์จแบบไฟแบบ 3.0
สายชาร์จ USB ( สีขาว )
คู่มือ
เข็มจิ้มซิม
เคสใสสีเทาดำ
หัวแปลงหูฟัง 3.5 มม
รายละเอียดตัวเครื่อง
Xiaomi Mi6 มาพร้อมบอดี้ที่เป็นกระจกมีสีที่เงางามตัวเครื่องมีความโค้งมนเล็กน้อยทั้งสองข้างด้านหลัง เวลาที่เราใช้งานทำให้ตัวเครื่องพอดีมือด้านหน้ายังมาพร้อมกับขอบจอที่บาง เเละทับด้วยกระจกเเบบ 2.5 D ทำให้ตัวเครื่องดูสวยเเละน่าใช้งานมากขึ้น อีกทั้งยังมาพร้อมความบางเพียง 7.5 mm พร้อมน้ำหนักเพียง 168g อาจจะดูหนักไปหน่อยเพราะถ้าเทียบกับจอที่เล็กเเล้วผมให้อภัยเพราะมันสวยงามเเละยังมาพร้อมกับขอบเครื่องที่เป็นสแตนเลตครับ
ตัวเครื่องด้านหน้า : มากับหน้าจอแสดงผลแบบ IPS LCD มาพร้อมความละเอียดแบบ FHD 1920×1080 พิกเซล ขนาด 5.15 นิ้ว ครอบทับด้วยกระจก Corning Gorilla Glass ทับด้วยกระจกกันรอยแบบ 2.5 D มีขอบจอบาง หน้าจอได้ภาพสีที่สวยและไม่อมเหลืองมากจนเกินไปและ ยังมีภาพที่คมพอสมควร ในรุ่นนี้มาพร้อมกับค่าความหนาแน่นของพิกเซลเม็ดสีอยู่ที่ 428 PPI มีพื้นที่หน้าจอแสดงผลอยู่ที่ 71.4 % บนพื้นที่หน้าจอทั้งหมดบนตัวเครื่องด้านหน้า สำหรับตัวเครื่องด้านหน้าด้านบน : มาพร้อมลำโพงฟังเสียงสนทนาเเละลำโพงสำหรับฟังดูหนังฟังเพลงตัวแรก มีไฟเเจ้งเตือนอยู่มุมขวาสุด มาพร้อมเช็นเซอร์วัดระยะ เซ็นเซอร์วัดแสง และ กล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล
สำหรับตัวเครื่องด้านหน้าด้านล่าง : มาพร้อมปุ่ม ซอฟต์คีย์ หรือแถบการใช้งาน 3 ปุ่มหลักที่อยู่ภายนอกของหน้าจอแสดงผล ได้แก่ มีปุ่ม Recent Apps , ปุ่มโฮม , ย้อนกลับ และ เวลาที่เราใช้งานจะมีไฟสีขาวแสดงขึ้นมาเล็กน้อย ไม่สังเกตุก็จะไม่เห็นตรงปุ่มโฮมก็จะเป็นในส่วนของเชนเซอร์นิ้วมืออีก
ด้วย
สำหรับตัวเครื่องด้านขวา : จะมีปุ่มพาวเวอร์ ที่แยกออกมาจากปุ่ม เพิ่มเสียง,ลดเสียง และ ในรุ่นนี้นั้นเราสามารถกด ปุ่มเพิ่มเสียง + พาวเวอร์ เพื่อการบันทึกหน้าจอได้ตัวปุ่มสามารถใช้งานจะความหลวมไม่แน่นเท่ากับรุ่นอื่น ตัวเครื่องยังมาพร้อมขอบสแตนเลสเพิ่มความสวยงาม
สำหรับตัวเครื่องด้านช้าย : จะมีช่องสำหรับใส่ซิมแบบสองซิม แบบขนาด Nano Sim ทั้งสองซิมรุ่นนี้จะเป็นสองซิม / ไม่สามารถเพิ่มเม็มได้เลย !!! เเละตัวเครื่องก็ยังรองรับ Full netcomm 4 ด้วยครับและอีกทั้งในรุ่นนี้ยังมีในส่วนของ NFC อีกด้วย
สำหรับตัวเครื่องด้านบน : จะเป็นในส่วนของอินฟาเรดอยู่ตรงกลางสำหรับใช้งานแอพรีโมทที่ติดมากับเครื่องครับเเละรูไมโครโฟน
สำหรับตัวเครื่องด้านล่าง : ช่องเสียบเสียบสายแบบ USB C สำหรับการชาร์แบตเตอร์รี่(รองรับ Quick Charge 4.0) และ ข้างๆจะเป็นในส่วนของลำโพงจะอยู่ด้านขวา เเละ ช่องลำโพงรูไมโครโฟนจะอยู่ด้านซ้ายครับ
สำหรับตัวเครื่องด้านหลังของเครื่อง : จะมาพร้อมดีไซน์ที่เป็นวัสดุแบบ กระจก ด้านบนจะมาพร้อมกับกล้องหลังคู่ความละเอียด 12 MP มาพร้อมระบบจับภาพ PDAF กล้องตัวเเรกมีค่า f/1.8 ขนาด 27มม พร้อม OIS กันสั่น 4 แกน และกล้องตัวที่ 2 จะมีค่า f/2.6 ขนาด 52 มม(เลนส์เทเล) และ มาพร้อมไฟแฟลชทูโทน ทั้งยังสามารถอัดวีดีโอความละเอียดอยู่ที่ 4K 30fpsfps ,1080P 30fps , 720P 120fps มีระบบตรวจจับใบหน้า, ถ่ายภาพพาโนราม่า,
HDR
คุณภาพจอเเสดงผล
Xiaomi Mi6 เรื่องของจอแสดงผลทำออกมาสวยครับมีความคมพอสมควร มีหน้าจอที่สีไม่อมเหลืองมาจนเกินไป เเต่หน้าจอยังไม่สามารถสู้แสงแดดได้นะครับถ้าจะเอาไปใช้กลางแจ้งเวลาถ่ายรูป
คุณภาพของเสียง
Xiaomi Mi6 เรื่องของเสียงผ่านลำโพงถือว่าทำออกมาได้ระดับพอใช้ครับ ถ้าเทียบกับสมาร์ทโฟนลำโพงคู่ด้วยกันเพราะเสียงที่ได้มีความเบา แต่ก็มีรายละเอียดเสียงพอสมควรเป็นลำโพงคู่ที่เสียงออกมาไม่สุดครับ
Xiaomi Mi6 เรื่องเสียงผ่านหูฟังเเล้วยังทำออกมาได้ไม่ดีครับเพราะรุ่นนี้ไม่ได้แถมหูฟังมาให้ มีแค่ตัวแปลงเราคงต้องไปหาหูฟังดีๆมาฟังกันแต่เสียงจากที่ผมได้ลองเอาหูฟังของ MonsteJamz มาเสียบฟังถือว่าอยู่ในระดับ OK มีเเรงขับดีพอสมควร รุ่นนี้คงจะอยู่ที่หูฟังเพื่อนๆด้วยครับว่าเสียงจะออกมายังไง เรื่องฟังเพลงผ่านหูฟังผมให้พอใช้นะครับถ้าเทียบกับสมาร์ทโฟนอย่าง LG G6 , LG V20 , HTC 10 , HTC U Ultra โดยส่วนตัวผมว่ารุ่นที่ผมเเจ้งไปยังทำออกมาได้ดีกว่าครับเเต่ทั้งนี้ก็อยู่ที่หูฟังเพื่อนๆด้วยครับ
Xiaomi Mi6 หลังจากได้ทดสอบ GPS เเล้วถือว่าจับ GPS ได้ดีพอสมควรครับถ้าเทียบกับ Huawei P10 เเล้วจับได้ในระดับเดียวกันเลย เเต่ถ้าเทียบกับ LG G6 หรือ HTC U Ultra ยังเป็นรองอยู่เล็กน้อยครับ
Xiaomi Mi6 เรื่องของเเบตเตอร์รี่หลังจากที่ผมใช้งานถือว่าอยู่ได้ทั้งวันถ้าคนที่ไม่ค่อยเล่นอะไร หรือแค่เขาไปดู Facebook , Line อยู่ได้เหลือๆครับ เเต่ถ้าเล่นเกมส์หรือดูหนังแบตเตอร์รี่ลดลงเร็วพอสมควรเลย ในส่วนของการชาร์แบตเตอร์รี่หัวชาร์ที่แถมมาใช้เวลาชาร์ประมาณ 2 ชั่วโมง 5 นาทีก็เต็ม 100% ครับ เเต่ข้อดีคือมันมีตัวประหยัดพลังงานที่ช่วยได้มากๆเลย
ข้อมูลสเปค
ตัวเครื่องมีขนาด145.17×70.49×7.45 มิลลิเมตร และ มีน้ำหนัก 168 กรัม
หน้าจอแสดงผลขนาด 5.15 นิ้ว ความละเอียดระดับ FHD
ชิปเซ็ตประมวลผล Qualcomm Snapdragon 835
หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Adreno 540
RAM 6GB
ROM 64GB
กล้องดิจิทัลด้านหลังแบบคู่ (Dual-Camera) ความละเอียด 12(f/1.8) + 12(f/2.6)(TelePhoto) ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลชแบบคู่ (Dual-Tone LED), รองรับเทคโนโลยีซูมภาพด้วยเลนส์แบบ Optical Zoom, การซูมแบบดิจิทัล 10 เท่า (X10 Digital Zoom), ระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ OIS ทั้งหมด 4 แกน (4-axis OIS), ระบบการโฟกัสภาพแบบ PDAF (Phase Detection Autofocus) และรองรับการถ่ายภาพในฟังก์ชัน Bokeh
กล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล
แบตเตอรี่ความจุ 3350 mAh พร้อมเทคโนโลยี Quick Charge 4.0
ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 7.1.1 Nougat
เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบ Under-Glass Fingerprint Scanner
รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด (Dual-SIM) บนเทคโนโลยี Full Netcom 4.0
รองรับการเชื่อมต่อแบบ USB Type-C
รองรับการเชื่อมต่อแบบ 2×2 Dual Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, Bluetooth 5.0 และ NFC
ผลทดสอบประสิทธิภาพ / เชนเซอร์
ทดสอบใช้งานในการเล่นเกมส์
Xiaomi Mi6 ในส่วนของเรื่องเล่นเกมส์บอกได้เลยครับว่าหายห่วงเพราะรุ่นนี้มาพร้อมกับชีพียูระดับเทพอย่าง Snapdragon 835 เเละจีพียูอย่าง Adreno 540 ไม่ว่าจะเป็นเกมส์ 3D หนักๆหรือเกมส์ต่างๆรุ่นนี้เอาอยู่ครับในระหว่างเล่นเกมส์มันจะมีข้อเสียใรเรื่องของความร้อนที่ถ้าร้อนเเล้วจะระบายความร้อนได้ช้ามากๆครับ เเละ ก็กินเเบตเตอร์รี่พอสมควรเลยถ้าเล่นเกมส์
หน้าตา Ui และ ฟังก์ชัน
มาพร้อม Android 7.1.1 / MIUI 8.2 รอมที่เราได้มาคือรอม GLOBAL รอมโมจากจีนเพราะตอนนี้รอม GLOBAL รุ่นนี้ยังไม่ออกเเต่ทางร้านบอกว่าถ้ารอมมาสามารถมาลงที่ร้านได้ฟรีแน่นอน และเรามาดูหน้าตาของรอมตัวนี้ดีกว่าว่ารอมที่ทางร้านลงให้หน้าตาของ UI นั้นมีความเรียบเเละสวยงามน่ารักใช้งานง่ายมากๆสามารถโหลด APP ใน PlayStore ได้เหมือนเครื่องศูนย์ มีภาษาไทยที่แปลออกมาได้ประมาณ 98% ( ก็เหมือนเครื่องศูนย์นั่นละ )
ตัว Notification ลากลงมา นั้น มี quick setting ให้ใช้งาน สามารถเลือกและ ปรับ แสงสว่างจอได้มีตัวปิดเปิด Wifi , ข้อมูลมือถือ , ไฟฉาย , โหมดเครื่องบิน เป็นต้น
ตัวเครื่องยังมาพร้อมเชนเซอร์นิ้วมือที่สามารถเพิ่มได้สูงสุดถึง 5 นิ้วมือด้วยกัน แต่เสียดายว่ารุ่นนี้ยังทำเชนเซอร์ลายนิ้วมือยังออกมาได้ไม่ดี
ประสิทธิภาพกล้องหลัง
Xiaomi Mi6 เรียกได้ว่ามีการเปลี่ยนเเปลงจากรุ่นก่อนๆเช่น Mi5 หรือในรุ่นอื่นๆพอสมควรไม่ว่าจะเป็นเรื่องความคมของภาพที่ได้หรือจะเป็นการเก็บแสงไม่ว่าจะกลางวันหรือกลางคืนก็ถือว่าทำได้ดีพอสมควรครับ แต่ข้อเสียมันอย่างหนึ่งคือถ้าเราซูมภาพออกมาดีๆจะยังเห็นนอยซ์อยู่เยอะพอสมควร ในรุ่นนี้อาจจะมาสองกล้องจริงๆแต่โหมดที่มีให้เล่นถือว่าน้อยมาก ไม่ว่าจะเป็นการปรับชัตเตอร์ที่ไม่สามารถปรับได้เหมือนกับสมาร์ทโฟนในระดับราคาเท่ากัน เเละในเรื่องของ WB ก็ยังทำออกมาได้มีดีเเละเรื่องของการโฟกัสที่ช้าพอสมควรครับ
พอเปิดเข้ามาสิ่งเเรกที่เราจะเห็นเลยก็คือหน้าตาของโหมดกล้องของรุ่นนี้ครับ ด้านบนจะมีให้เราเลือกทั้งหมด 3 อย่างได้แก่ การปิดเปิดไฟแฟลช , การถ่ายภาพละลายหลัง , HDR และมีในส่วนของการซูมภาพที่เราสามารถกด Zoom ได้ 2x
[CR] รีวิว XIAOMI MI6 จัดเต็ม SNAP 835 พร้อมตัวเครื่องสุดเงางามและกล้องหลังคู่ PORTRAIT !!
* ตอนนี้มีเครื่องศูนย์ไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้วนะครับ แต่เครื่องที่เอามารีวิวเป็นเครื่องหิ้วครับ
Unbox
อุปกรณ์ที่มีมาให้ในกล่อง
หัวชาร์จแบบไฟแบบ 3.0
สายชาร์จ USB ( สีขาว )
คู่มือ
เข็มจิ้มซิม
เคสใสสีเทาดำ
หัวแปลงหูฟัง 3.5 มม
รายละเอียดตัวเครื่อง
Xiaomi Mi6 มาพร้อมบอดี้ที่เป็นกระจกมีสีที่เงางามตัวเครื่องมีความโค้งมนเล็กน้อยทั้งสองข้างด้านหลัง เวลาที่เราใช้งานทำให้ตัวเครื่องพอดีมือด้านหน้ายังมาพร้อมกับขอบจอที่บาง เเละทับด้วยกระจกเเบบ 2.5 D ทำให้ตัวเครื่องดูสวยเเละน่าใช้งานมากขึ้น อีกทั้งยังมาพร้อมความบางเพียง 7.5 mm พร้อมน้ำหนักเพียง 168g อาจจะดูหนักไปหน่อยเพราะถ้าเทียบกับจอที่เล็กเเล้วผมให้อภัยเพราะมันสวยงามเเละยังมาพร้อมกับขอบเครื่องที่เป็นสแตนเลตครับ
ตัวเครื่องด้านหน้า : มากับหน้าจอแสดงผลแบบ IPS LCD มาพร้อมความละเอียดแบบ FHD 1920×1080 พิกเซล ขนาด 5.15 นิ้ว ครอบทับด้วยกระจก Corning Gorilla Glass ทับด้วยกระจกกันรอยแบบ 2.5 D มีขอบจอบาง หน้าจอได้ภาพสีที่สวยและไม่อมเหลืองมากจนเกินไปและ ยังมีภาพที่คมพอสมควร ในรุ่นนี้มาพร้อมกับค่าความหนาแน่นของพิกเซลเม็ดสีอยู่ที่ 428 PPI มีพื้นที่หน้าจอแสดงผลอยู่ที่ 71.4 % บนพื้นที่หน้าจอทั้งหมดบนตัวเครื่องด้านหน้า สำหรับตัวเครื่องด้านหน้าด้านบน : มาพร้อมลำโพงฟังเสียงสนทนาเเละลำโพงสำหรับฟังดูหนังฟังเพลงตัวแรก มีไฟเเจ้งเตือนอยู่มุมขวาสุด มาพร้อมเช็นเซอร์วัดระยะ เซ็นเซอร์วัดแสง และ กล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล
สำหรับตัวเครื่องด้านหน้าด้านล่าง : มาพร้อมปุ่ม ซอฟต์คีย์ หรือแถบการใช้งาน 3 ปุ่มหลักที่อยู่ภายนอกของหน้าจอแสดงผล ได้แก่ มีปุ่ม Recent Apps , ปุ่มโฮม , ย้อนกลับ และ เวลาที่เราใช้งานจะมีไฟสีขาวแสดงขึ้นมาเล็กน้อย ไม่สังเกตุก็จะไม่เห็นตรงปุ่มโฮมก็จะเป็นในส่วนของเชนเซอร์นิ้วมืออีก
ด้วย
สำหรับตัวเครื่องด้านขวา : จะมีปุ่มพาวเวอร์ ที่แยกออกมาจากปุ่ม เพิ่มเสียง,ลดเสียง และ ในรุ่นนี้นั้นเราสามารถกด ปุ่มเพิ่มเสียง + พาวเวอร์ เพื่อการบันทึกหน้าจอได้ตัวปุ่มสามารถใช้งานจะความหลวมไม่แน่นเท่ากับรุ่นอื่น ตัวเครื่องยังมาพร้อมขอบสแตนเลสเพิ่มความสวยงาม
สำหรับตัวเครื่องด้านช้าย : จะมีช่องสำหรับใส่ซิมแบบสองซิม แบบขนาด Nano Sim ทั้งสองซิมรุ่นนี้จะเป็นสองซิม / ไม่สามารถเพิ่มเม็มได้เลย !!! เเละตัวเครื่องก็ยังรองรับ Full netcomm 4 ด้วยครับและอีกทั้งในรุ่นนี้ยังมีในส่วนของ NFC อีกด้วย
สำหรับตัวเครื่องด้านบน : จะเป็นในส่วนของอินฟาเรดอยู่ตรงกลางสำหรับใช้งานแอพรีโมทที่ติดมากับเครื่องครับเเละรูไมโครโฟน
สำหรับตัวเครื่องด้านล่าง : ช่องเสียบเสียบสายแบบ USB C สำหรับการชาร์แบตเตอร์รี่(รองรับ Quick Charge 4.0) และ ข้างๆจะเป็นในส่วนของลำโพงจะอยู่ด้านขวา เเละ ช่องลำโพงรูไมโครโฟนจะอยู่ด้านซ้ายครับ
สำหรับตัวเครื่องด้านหลังของเครื่อง : จะมาพร้อมดีไซน์ที่เป็นวัสดุแบบ กระจก ด้านบนจะมาพร้อมกับกล้องหลังคู่ความละเอียด 12 MP มาพร้อมระบบจับภาพ PDAF กล้องตัวเเรกมีค่า f/1.8 ขนาด 27มม พร้อม OIS กันสั่น 4 แกน และกล้องตัวที่ 2 จะมีค่า f/2.6 ขนาด 52 มม(เลนส์เทเล) และ มาพร้อมไฟแฟลชทูโทน ทั้งยังสามารถอัดวีดีโอความละเอียดอยู่ที่ 4K 30fpsfps ,1080P 30fps , 720P 120fps มีระบบตรวจจับใบหน้า, ถ่ายภาพพาโนราม่า,
HDR
คุณภาพจอเเสดงผล
Xiaomi Mi6 เรื่องของจอแสดงผลทำออกมาสวยครับมีความคมพอสมควร มีหน้าจอที่สีไม่อมเหลืองมาจนเกินไป เเต่หน้าจอยังไม่สามารถสู้แสงแดดได้นะครับถ้าจะเอาไปใช้กลางแจ้งเวลาถ่ายรูป
คุณภาพของเสียง
Xiaomi Mi6 เรื่องของเสียงผ่านลำโพงถือว่าทำออกมาได้ระดับพอใช้ครับ ถ้าเทียบกับสมาร์ทโฟนลำโพงคู่ด้วยกันเพราะเสียงที่ได้มีความเบา แต่ก็มีรายละเอียดเสียงพอสมควรเป็นลำโพงคู่ที่เสียงออกมาไม่สุดครับ
Xiaomi Mi6 เรื่องเสียงผ่านหูฟังเเล้วยังทำออกมาได้ไม่ดีครับเพราะรุ่นนี้ไม่ได้แถมหูฟังมาให้ มีแค่ตัวแปลงเราคงต้องไปหาหูฟังดีๆมาฟังกันแต่เสียงจากที่ผมได้ลองเอาหูฟังของ MonsteJamz มาเสียบฟังถือว่าอยู่ในระดับ OK มีเเรงขับดีพอสมควร รุ่นนี้คงจะอยู่ที่หูฟังเพื่อนๆด้วยครับว่าเสียงจะออกมายังไง เรื่องฟังเพลงผ่านหูฟังผมให้พอใช้นะครับถ้าเทียบกับสมาร์ทโฟนอย่าง LG G6 , LG V20 , HTC 10 , HTC U Ultra โดยส่วนตัวผมว่ารุ่นที่ผมเเจ้งไปยังทำออกมาได้ดีกว่าครับเเต่ทั้งนี้ก็อยู่ที่หูฟังเพื่อนๆด้วยครับ
Xiaomi Mi6 หลังจากได้ทดสอบ GPS เเล้วถือว่าจับ GPS ได้ดีพอสมควรครับถ้าเทียบกับ Huawei P10 เเล้วจับได้ในระดับเดียวกันเลย เเต่ถ้าเทียบกับ LG G6 หรือ HTC U Ultra ยังเป็นรองอยู่เล็กน้อยครับ
Xiaomi Mi6 เรื่องของเเบตเตอร์รี่หลังจากที่ผมใช้งานถือว่าอยู่ได้ทั้งวันถ้าคนที่ไม่ค่อยเล่นอะไร หรือแค่เขาไปดู Facebook , Line อยู่ได้เหลือๆครับ เเต่ถ้าเล่นเกมส์หรือดูหนังแบตเตอร์รี่ลดลงเร็วพอสมควรเลย ในส่วนของการชาร์แบตเตอร์รี่หัวชาร์ที่แถมมาใช้เวลาชาร์ประมาณ 2 ชั่วโมง 5 นาทีก็เต็ม 100% ครับ เเต่ข้อดีคือมันมีตัวประหยัดพลังงานที่ช่วยได้มากๆเลย
ข้อมูลสเปค
ตัวเครื่องมีขนาด145.17×70.49×7.45 มิลลิเมตร และ มีน้ำหนัก 168 กรัม
หน้าจอแสดงผลขนาด 5.15 นิ้ว ความละเอียดระดับ FHD
ชิปเซ็ตประมวลผล Qualcomm Snapdragon 835
หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Adreno 540
RAM 6GB
ROM 64GB
กล้องดิจิทัลด้านหลังแบบคู่ (Dual-Camera) ความละเอียด 12(f/1.8) + 12(f/2.6)(TelePhoto) ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลชแบบคู่ (Dual-Tone LED), รองรับเทคโนโลยีซูมภาพด้วยเลนส์แบบ Optical Zoom, การซูมแบบดิจิทัล 10 เท่า (X10 Digital Zoom), ระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ OIS ทั้งหมด 4 แกน (4-axis OIS), ระบบการโฟกัสภาพแบบ PDAF (Phase Detection Autofocus) และรองรับการถ่ายภาพในฟังก์ชัน Bokeh
กล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล
แบตเตอรี่ความจุ 3350 mAh พร้อมเทคโนโลยี Quick Charge 4.0
ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 7.1.1 Nougat
เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบ Under-Glass Fingerprint Scanner
รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด (Dual-SIM) บนเทคโนโลยี Full Netcom 4.0
รองรับการเชื่อมต่อแบบ USB Type-C
รองรับการเชื่อมต่อแบบ 2×2 Dual Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, Bluetooth 5.0 และ NFC
ผลทดสอบประสิทธิภาพ / เชนเซอร์
ทดสอบใช้งานในการเล่นเกมส์
Xiaomi Mi6 ในส่วนของเรื่องเล่นเกมส์บอกได้เลยครับว่าหายห่วงเพราะรุ่นนี้มาพร้อมกับชีพียูระดับเทพอย่าง Snapdragon 835 เเละจีพียูอย่าง Adreno 540 ไม่ว่าจะเป็นเกมส์ 3D หนักๆหรือเกมส์ต่างๆรุ่นนี้เอาอยู่ครับในระหว่างเล่นเกมส์มันจะมีข้อเสียใรเรื่องของความร้อนที่ถ้าร้อนเเล้วจะระบายความร้อนได้ช้ามากๆครับ เเละ ก็กินเเบตเตอร์รี่พอสมควรเลยถ้าเล่นเกมส์
หน้าตา Ui และ ฟังก์ชัน
มาพร้อม Android 7.1.1 / MIUI 8.2 รอมที่เราได้มาคือรอม GLOBAL รอมโมจากจีนเพราะตอนนี้รอม GLOBAL รุ่นนี้ยังไม่ออกเเต่ทางร้านบอกว่าถ้ารอมมาสามารถมาลงที่ร้านได้ฟรีแน่นอน และเรามาดูหน้าตาของรอมตัวนี้ดีกว่าว่ารอมที่ทางร้านลงให้หน้าตาของ UI นั้นมีความเรียบเเละสวยงามน่ารักใช้งานง่ายมากๆสามารถโหลด APP ใน PlayStore ได้เหมือนเครื่องศูนย์ มีภาษาไทยที่แปลออกมาได้ประมาณ 98% ( ก็เหมือนเครื่องศูนย์นั่นละ )
ตัว Notification ลากลงมา นั้น มี quick setting ให้ใช้งาน สามารถเลือกและ ปรับ แสงสว่างจอได้มีตัวปิดเปิด Wifi , ข้อมูลมือถือ , ไฟฉาย , โหมดเครื่องบิน เป็นต้น
ตัวเครื่องยังมาพร้อมเชนเซอร์นิ้วมือที่สามารถเพิ่มได้สูงสุดถึง 5 นิ้วมือด้วยกัน แต่เสียดายว่ารุ่นนี้ยังทำเชนเซอร์ลายนิ้วมือยังออกมาได้ไม่ดี
ประสิทธิภาพกล้องหลัง
Xiaomi Mi6 เรียกได้ว่ามีการเปลี่ยนเเปลงจากรุ่นก่อนๆเช่น Mi5 หรือในรุ่นอื่นๆพอสมควรไม่ว่าจะเป็นเรื่องความคมของภาพที่ได้หรือจะเป็นการเก็บแสงไม่ว่าจะกลางวันหรือกลางคืนก็ถือว่าทำได้ดีพอสมควรครับ แต่ข้อเสียมันอย่างหนึ่งคือถ้าเราซูมภาพออกมาดีๆจะยังเห็นนอยซ์อยู่เยอะพอสมควร ในรุ่นนี้อาจจะมาสองกล้องจริงๆแต่โหมดที่มีให้เล่นถือว่าน้อยมาก ไม่ว่าจะเป็นการปรับชัตเตอร์ที่ไม่สามารถปรับได้เหมือนกับสมาร์ทโฟนในระดับราคาเท่ากัน เเละในเรื่องของ WB ก็ยังทำออกมาได้มีดีเเละเรื่องของการโฟกัสที่ช้าพอสมควรครับ
พอเปิดเข้ามาสิ่งเเรกที่เราจะเห็นเลยก็คือหน้าตาของโหมดกล้องของรุ่นนี้ครับ ด้านบนจะมีให้เราเลือกทั้งหมด 3 อย่างได้แก่ การปิดเปิดไฟแฟลช , การถ่ายภาพละลายหลัง , HDR และมีในส่วนของการซูมภาพที่เราสามารถกด Zoom ได้ 2x