หนี้เลือดรอการค้นพบที่อาร์เจนตินา

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
.
Estela Carlotto And The Grandmothers Of The Plaza De Mayo
.
.



เรื่องย่อ

Estela Carlotto หัวหน้ากลุ่ม
Grandmoters of Plaza de Mayo
ใช้เวลาประท้วงเรียกร้องมานานกว่า 30 ปี
ซึ่งเธอโชคดีมากได้หลานชายคืนจากพ่อแม่บุญธรรม
ที่ทหารคณะรัฐประหารเผด็จการฟาสซิสต์ในอดีต
ได้ฆ่าพ่อฆ่าแม่ทิ้งแล้วพรากลูกไปให้คนอื่นเลี้ยงดู
เพื่อความสะใจ/เป็นสัญญลักษณ์ชัยชนะเด็ดขาด
ของคณะรัฐประหารฟาสซิสต์ขวาจัด
ที่มีต่อฝ่ายต่อต้านนิยมฝ่ายซ้ายในยุค 1970
.
.

ชาวอาร์เจนตินาต่างร้องไห้ยินดีกับเรื่องนี้
ขณะกำลังเดินข้ามถนนสายเก่าแก่ของ
San Telmo
Buenos Aires ในอดีตเป็นย่านอาณานิคมของสเปน

Ignacio Montoya Carlotto นักดนตรีวัย 36 ปี
ผมที่หยิกหยองเริ่มหงอกเป็นสีเทาก่อนวัยอันควร
เดินฉีกยิ้มในปากกว้างอย่างเต็มที่
เขาแทบจะเดินไปไม่ได้เลย
เพราะทุกหัวมุมถนนต่างมีคนวิ่งเข้ามากอดเขา
แล้วต่างพากันร้องไห้ พร้อมกับซบน้ำตา
บนไหล่กับเสื้อยึดที่ฉีกขาดของเขา

เรื่องนี้เป็นเพราะยายของเขา
และคนทั้งอาร์เจนตินาต่างกำลังรอคอย
ต่างอธิษฐานเป็นเวลามานานมากกว่า 30 ปีแล้ว
สำหรับวันที่เขาจะ  ถูกค้นพบ

ชาวอาร์เจนตินาส่วนใหญ่ยังสามารถจดจำ
เรื่องราวที่พวกเขาได้ทำกันในช่วงเวลานั้น
ราวกับเหตุการณ์ที่เพิ่งจะเกิดขึ้น
ในเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว


“ ตอนฉันอายุได้ 80 ปี
ฉันได้สวดวิงวอนขอร้องให้พระเจ้า
อย่าให้ฉันตายก่อน
ฉันขอพบกับหลานชายของฉัน

พวกเราต่างพากันร้องไห้
ทุกคนต่างอยากพูดถึงเรื่องนี้มาก
ถึงความรู้สึกที่ได้พบกับหลานชาย
ที่เราต่างพยายามค้นหาเขาตลอดมา "
Esrela ให้สัมภาษณ์
.
.

.
ทุกคนต่างถาม : Estela Carlotto ว่า
เมื่อไรจะถึงคราวของเธอสักที
@ Alejandro Chaskielberg for the Observer
.
.


Estela Carlotto ได้ยืนหยัดลุกขึ้นต่อสู้ในเรื่องนี้
จากเดิมคือ ชาวบ้านธรรมดาไม่กล้ามีปากเสียง
แต่เพื่อลบล้างโศกนาฎกรรมที่เคยเกิดขึ้น
ในพื้นที่จัตุรัส Mayo สาธารณะ
ทำจนกลายเป็นคนที่ชาวบ้าน
ต่างรักและนับถือมากที่สุดคนหนึ่ง
โดยพวกเธอต้องใช้เวลาต่อสู้ถึง 40 ปี
(เริ่มต้นตั้งแต่ปี 1977-2017)

Estela Carlotto ตอนอายุ 47 ปี
เธอเคยเป็นครูโรงเรียน
ต่อมาลาออกมาเป็นแม่บ้าน
และเป็นแม่ของลูกสามคน

ในเดือนพฤศจิกายน ปี 1977
มีการทำรัฐประหารเลือด
ของกลุ่มเผด็จการขวาจัด
ชนชั้นปกครองอาร์เจนตินา
ที่เริ่มทำสงครามสกปรก

ในช่วงปี 1976-1983
พวกทหารได้ฉุดกระชาก Laura
นักศึกษามหาวิทยาลัย La Plata
ลูกสาวเธอไปจากท้องถนนเมือง La Plata
ซึ่งเธออาศัยอยู่ห่างออกไปประมาณ 32 ไมล์
ทางตอนใต้ของ Buenos Aires

Laura คือ นักกิจกรรมทางการเมืองฝ่ายซ้าย
ตอนนั้นเธอมีวัย 22 ปี
ได้กลายเป็นเหยื่อผู้คัดค้าน 1 ในหลายพันราย
ที่ถูกอุ้มฆ่า แล้วถูกทำให้หายไปตลอดกาล
ที่ค่ายลับทหารในระบอบการปกครองฟาสซิตส์

Laura ลูกสาวคนสวยของเธอ
ที่ไว้ผมยาวและน่ารัก
เธอตั้งครรภ์ได้ 3 เดือนแล้ว
ในขณะที่เธอถูกทหารอุ้มตัวไป
เธอถูกนำตัวไปที่คุกลับ
ที่มีชื่อว่า La Cacha
ที่นั่นทหารได้ฆ่าเพื่อนเธอ
และฆ่า Valmir Montoya  
พ่อของเด็กที่อายุ 26 ปี


ตามรายงานของทางรัฐการได้บันทึกไว้ว่า
Ignacio Montoya Carlotto
เกิดในเดือนมิถุนายน 1978
ในขณะที่ Laura ยังอยู่ในคุก
และถูกใส่กุญแจมืออยู่ขณะคลอดลูก

หลังจากเธอคลอดลูกแล้ว
เธอได้รับอนุญาตให้ใช้เวลาอยู่กับลูกชาย
เธอมีเวลาอยู่กับลูกเพียง 5 ชั่วโมงเท่านั้น
แล้วก็ถูกพรากลูกไปให้คนอื่นเลี้ยง

2 เดือนต่อมา
เธอถูกลากตัวออกจากห้องขัง
และเผชิญหน้ากับทหารหุ่นของฟาสซิสต์
เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมองพวกทหาร
เธอถูกยิงเข้าที่ช่องท้อง
และใบหน้าของเธอถูกทุบจนบุบ
โดยพานท้ายปืนไรเฟิล
มีการค้นพบศพเธอภายหลัง
ในหลุมศพลับแห่งหนึ่ง
จากที่มีมากกว่า  600 แห่ง

ผู้รอดตายจากคุกลับเล่าให้ Estela Carlotto
ถึงเรื่องการคลอดบุตรของลูกสาวเธอ
และลูกสาวเธอได้ตั้งชื่อลูกชายเธอว่า Guido
หลังจากที่พ่อของเด็กตายไปก่อนหน้านั้นแล้ว
.
.

.
แบบจำลองคุกลับ La Cacha
.

.
ความคิดอย่างเดียวของฉัน คือ
ลูกสาวของฉัน Laura นอนตายตาหลับแล้ว


Estela กับ Laura ลูกสาวเธอในช่วงปี 1970
@ Grandmothers of Plaza de Mayo
.
.



Estela Carlotto  ต้องใช้เวลาถึง 36 ปี
หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น
เธอได้อุทิศตัวเพื่อค้นหาหลานชายของเธอ
หลักฐานทั้งหมดที่เธอมีก็คือ
ชื่อหลานชาย Guido และวันคล้ายวันเกิด

การค้นหาเป็นเรื่องที่ยากลำบากอย่างมาก
เธอต้องผ่านกระบวนการดำเนินการ
ตามกฎหมายถึง 3 ครั้ง
ด้วยการฟ้องเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และหมอ
ที่เกี่ยวข้องกับคดีในช่วงที่หลานชายเธอหายไป

ทั้งมันมีความเป็นไปได้ยากยิ่ง
และโอกาสที่ยากยิ่งเช่นกัน
เพราะหลานชายของเธอถูกกลืนกินไปแล้ว
โดยการสมรู้ร่วมคิดและภัยเงียบ
ที่เต็มไปด้วยอาชญากรรมที่น่ากลัว
ของระบอบการปกครองเผด็จการทหารฟาสซิสต์
ที่ทำสงครามสกปรกกับคนในชาติตนเอง

Estela Carlotto  ยังตระหนักดีว่า
มีคนอื่นอีกหลายร้อยหลายหมื่นคน
ที่เป็นเหยื่อชะตากรรมเช่นเดียวกับเธอ
ที่ต่างกำลังมองหาลูกหลานและลูกของลูกสาว
ที่หายตัวไปในสงครามสกปรกในครั้งนั้น

พวกเธอจึงตั้งกลุ่มชื่อว่า
Grandmothers of Plaza de Mayo
ชื่อนี้ตั้งตามจัตุรัสในเมือง
ที่หันหน้าตรงทางเข้าไป
ทำเนียบประธานาธิบดีในเมือง Buenos Aires
เป็นจุดนัดพบและเดินขบวน
เพื่อปลุกเร้าและทำให้เป็นประเด็นข่าวดัง
ถึงเรื่องราวชะตากรรมของพวกเธอทุกคน

ในปี 1989 Estela Carlotto  
ได้กลายเป็นประธาน/แกนนำของกลุ่มนี้
กลุ่มนี้ได้รับข่าวลับสุดยอดว่า
มีหลาน ๆ ของพวกตน
มีอยู่ราว 500 คนเกิดในคุกลับทหาร
และเด็กส่วนใหญ่จะถูกส่งตัว
ไปเป็นลูกเลี้ยงของครอบครัวทหาร
หรือขายให้คนต่างชาติ
หรือส่งไปสถานเด็กกำพร้า

ทั้งนี้เพราะความคิดที่วิปริต/แปลกแยก
ของนายทหารนายพลชาวคาทอลิก
ที่เป็นทั้งฆาตกรผู้ปกครองอาร์เจนตินา
ที่คิดว่าเป็นเรื่องที่ไร้ศีลธรรม
ในการฆ่าเด็กทารกที่ไม่รู้เดียงสา
โดยเฉพาะอย่างยิ่งทารก
ที่ยังไม่เกิดจากการครรภ์ของสตรีนักโทษ

ด้วยเหตุผลเดียวกันนี้  
ภายใต้การชักนำด้วยจิตใต้สำนึกลึก ๆ
ที่เหี้ยมโหดและน่ากลัวแบบพวกคนโรคจิต
ด้วยการให้เด็กทารกที่รอดตายเหล่านี้
ไปอยู่ในครอบครัวนายทหารที่ดี
เพื่อเลี้ยงดูเด็กทารกให้เติบโต
และเป็นสัญญลักษณ์ของชัยชนะ
ชัยชนะครั้งที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
เหนือกว่าศัตรูฝ่ายซ้าย
ที่เป็นคนเลวในสายตา/ในความคิด

พวกฝ่ายซ้ายต้องหายสาปสูญไปตลอดกาล
แม้ว่าเป็นเวลากว่าสามทศวรรษแล้ว
หลังจากการล่มสลายของพวกเผด็จการ
มีคนที่หายจากสงครามสกปรกครั้งนั้น
มากกว่า 30,000 คนตามประมาณการ

จากเหตุการณ์ในอดีตในช่วงทศวรรษที่ 1970
ที่ชาวอาร์เจนตินาบางคนปกป้องสิทธิเสรีภาพ
ด้วยการรบแบบกองโจรในเมือง
ด้วยการสนับสนุนของคิวบา รัสเซีย
แต่ก็พ่ายแพ้เพราะทำสงครามกองโจรในเมือง
เลียนแบบกรรมกรในคิวบา รัสเซีย
ที่ชนชั้นกรรมกรลุกฮือขึ้นสู้กับรัฐ

แต่นักรบฝ่ายซ้ายอาร์เจนตินาพ่ายแพ้
เพราะไม่เป็นไปตามแผน
มีการทรยศหักหลังกันภายในองค์กร
บาทหลวงบางรายทำตนเป็นสายลับสองหน้า
ด้วยการสมคบคิดกับฝ่ายขวาเผด็จการ
บอกข้อมูลระแคะระคายฝ่ายซ้าย
จากการสารภาพบาป ทุกวันอาทิตย์
ของคนในครอบครัวนักรบกองโจร

แต่เรื่องที่ทำได้อย่างยากเย็นที่สุด
คือ การตามหาบรรดาหลาน ๆ
ที่เป็นลูกของนักรบกองโจร
ด้วยการยืนยันผล DNA ของแต่ละคน
จากเลือดของย่ายายปู่ตาของหลานแต่ละคน
เพื่อให้พบกับครอบครัวที่แท้จริงทางชีวภาพ
โดยจะต้องมีการดำเนินการตามกฎหมาย
กับบรรดาพ่อแม่ที่เหมาะสมในอดีต
ที่รับเด็กทารกไปเลี้ยงดู
ตามแนวคิดของจอมเผด็จการขวาจัด

แม้ว่าเรื่องราวการค้นพบแบบนี้
จะได้รับการชื่นชมและยอมรับกันมาก
ในบริบททางการเมือง/ครอบครัว
แต่มันเป็นเวลากว่าสามทศวรรษแล้ว
ที่ผลการพิสูจน์ยืนยัน DNA ถึง 113 กรณี
แต่ก็ได้รับการตรวจสอบรับรองผลอย่างเชื่องช้า
ตามคำเรียกร้องบรรดาย่ายายที่อายุมากแล้ว

Estela Carlotto ยังคงเจ็บลึกในใจ
พอ ๆ กับผู้คนอีกหลายร้อยคนของประเทศนี้
แม้ว่าเธอจะอยู่เบื้องหลังการค้นหา
ลูกหลานที่หายไปจนพบครอบครัวที่แท้จริง
เธอก็ยังเป็นหนึ่งในบรรดาย่ายายจำนวนมาก
ที่มีผมสีขาว เสียงพูดเบา ๆ เริ่มวัยขราแล้ว

เธอได้รับการยอมรับและเป็นความหวังของชาติ
ที่ควรจะได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ
เธอคือ สัญลักษณ์นานาชาตินักกิจกรรมสตรี
ที่ทำการเคลื่อนไหวอย่างสงบและเปิดเผย
แต่เธอก็ยังตามหาหลานชายตนเอง
ที่เป็นลูกชายของลูกสาวตนเอง
ที่ถูกทหารฆ่าตายในช่วงสงครามสกปรก

“ ฉันเป็นบุคคลสาธารณะ
ที่ทุกคนต่างรู้จักกันดี
และทุกคนต่างถามฉันว่า
เมื่อไหร่ที่จะถึงคราวของเธอบ้างละ “
Estela กล่าวถึงเรื่องนี้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่