จากการอยู่คอนโด มา 5 ปี หลังจากประชุมใหญ่สามัญคอนโด ตั้งแต่เมษายน 60 ที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสได้เข้าเป็นกรรมการ คอนโด เพราะโดนลากให้มาเป็น เราก็เป็นๆ ไป เพราะคิดว่าคงช่วยคอนโดให้ดีขึ้น เมื่อได้เข้ามาจึงรู้ว่าภายในคอนโดมีปัญหากับบริษัทที่ดูแลคอนโดอยู่ กรรมการจึงเห็นว่าไม่ควรจ้างต่อและให้ผมเป็นผู้จัดการชั่วคราวไปก่อน
อีก 1 เดือน พฤษภาคม การประชุมจัดขึ้นโดยกรรมการ การเตรียมงานอย่างทุกรักทุเล แต่งานก็ออกมาดี จนลูกบ้านโหวตให้บริษัทที่ดูแล ออก แล้วมาบริหารกันเอง โดยให้ผมเป็นผู้จัดการ วันต่อมา คุณไก่ ผู้ช่วยที่ผมหามานั้น ดันมาทำงานไม่ได้เพราะติดสัญญาจ้างที่เดิม ผมก็เสียหน้ามาก พี่นิ่ม หนึ่งในกรรมการจึงหาพี่ไม้ มาเป็นผู้ช่วยผมแทน พี่ไม้เป็นกระเทย ก็ทำงานเก่งมากจนผมนับถือ เพราะช่วยแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าให้ได้ดี
จากนั้นก็นัดบริษัทที่เคยดูแลมาคุย ก็มาขู่ว่าให้เขียนเช็คล่วงหน้า สั่งจ่ายประมาณ 7 แสนกว่าบาท แต่ตอนนั้นคอนโดมีเงินแค่ 5 แสน เงินประจำอีก 8 แสนกว่า จากนั้นทำงานพี่นิ่ม จะเป็นคนคอยบงการว่าใครทำอะไรยังไง จนบางทีผมก็ไม่เป็นตัวของตัวเอง รู้สึกไม่ดีมาก เหมือนเราเป็นแค่หมากในเกมส์การเมืองเล็กๆ แห่งหนึง จากนั้นนิติฯของผม ก็ดำเนินการมาเรื่อยๆ จนคอนโดมีเงิน 7 แสน เงินประจำอีก 1 ล้าน ก็ได้ความร่วมมือจากหลายๆ คนครับ เช่นการตามลูกบ้านที่เป็นหนี้ค่าส่วนกลาง 10 กว่าราย ได้เงินคืนมาเกือบทั้งหมด 3 แสน โดยที่บริษัทเดิมให้แต่ชื่อห้อง และยอดหนี้ ผมก็เอาชื่อไปตามหาสิครับ บางคนเป็นอาจารย์ บางคนเป็นตำรวจ บางคนเป็นเจ้าของร้านทอง ผมก็หาไว้ช่วงแรกๆ แต่ไม่ได้สานต่อ พี่นิ่มกับพี่ไม้ สารต่อให้ จนได้ยอดเงินคืนมา
ช่วงเดือนกว่าๆ กรรมการทะเลาะกันเองครับ พี่นิ่ม จึงชวนผมลาออกพร้อมกัน แต่ผมไม่ลาออกครับ ผมว่าผมอยากทำงานต่อ เพราะผมต้องการเงินเดือน อีก 3 เดือน ถ้าจะให้ทำฟรี คงไม่ทำหรอก พอครบ 3 เดือนก็จัดประชุมใหญ่วิสามัญกันอีกครับ รอบนี้ก็สบายขึ้นหน่อย ผมเหนื่อยแค่เตรียมเอกสาร ส่วนเรื่องอื่นๆ มีช่าง กับธุรการที่จ้างมาเพิ่ม ทำงานแทน และในระหว่างนั้นรู้มาว่า ลูกบ้านบางส่วนไม่ชอบการทำงานของพี่ไม้ จึงคิดจะโค่นครับ
จนถึงวันประชุม ก็ราบรื่นดีนะครับ จนถึงเรื่องของผมเอง ผมบอกลูกบ้านตรงๆ ว่าผมอยากทำงานต่อ แต่ขอเงินเดือนด้วย แล้วลูกบ้านก็เสนอคุณแอด ทีมของเค้า แต่เหมือนเค้าจะไม่อยากเป็นครับจึงถอนตัว พี่ไม้จึงเสนอพี่นิ่ม ครับ ผมก็ อึ้งๆ งงๆ อยู่ครับ พี่นิ่มก็ได้พูดหาเสียงไว้เยอะครับ ผมก็ช่วยพูดเสริมบ้างเพราะจะได้ให้คนรู้ว่าเราเป็นทีมเดียวกัน แต่ตอนลูกบ้านโหวต ดันไปเลือกพี่นิ่ม 18 เสียง ผม 12 เสียง ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรนะครับ แต่ก็น้อยใจนะ
เพราะว่าเราทีมเดียวกันไม่น่าจะมาแข่งกันเองเลย จากนั้นลูกบ้านก็โหวตขึ้นเงินเดือน ผจก.นิติฯ จาก 8,000 เป็น 10,000 บาท จากนั้นประเด็นอื่นๆ ผมก็คิดเองทั้งนั้น เช่นตรากฎประจำคอนโดขึ้น 14 ข้อ หลังจากเลิกประชุม พี่นิ่มกับพี่ไม้ มาบอกกับผมว่าที่ให้พี่นุ้ยเป็น ผจก.เพราะว่า พี่นิ่มเอาลูกบ้านหัวหมอที่ดื้อๆ อยู่ พี่นิ่มบอกผมว่า ให้ผมทำงานเหมือนเดิม เดี๋ยวพี่แบ่งเงินเดือนให้ 5,000 บาท ผมก็เงียบๆ คุยกันไปมา บอกว่าให้ 4,000 บาท และบอกด้วยว่าเรื่องจดทะเบียนกรรมการกับผู้จัดการใหม่ที่ สำนักงานที่ดิน จะชะลอให้ช้าๆ หลังจากกลับห้องไป ผมก็คิดว่าผมเคยได้เงินเดือน 8,000 บาท แล้วจะให้ผมทำงานเหมือนเดิม ได้เงินลดลงครึ่งหนึงเนียนะ หักหลังยังไม่พอนะ ยังจะมาให้ไปทำงานด้วยอีกหรอ ผมก็คิดว่า พี่ไม้ กับพี่นิ่ม วางแผนกันก่อนแล้วล่ะ
วันรุ่งขึ้น ผมก็พิมพ์ไปบอกในไลน์กลุ่ม ทีมงานนิติฯ ว่าผมไม่ทำด้วยแล้ว ให้ทำกันเอง และเขียนหนังสือแจ้งการหมดอำนาจหน้าที่ ผจก.ไปยังสำนักงานที่ดินแล้ว ตอนบ่ายผมก็เอาหนังสือไปส่งที่สำนักงานที่ดิน คือถ้าผมไม่ทำหนังสือไปนี่ มีอะไรเกินขึ้นโทษผู้จัดการ ความผิดทางนิตินัย ผมต้องรับเต็มๆ เลย ก็เลยต้องกันตัวเองไว้ก่อน
ไม่คิดเลยครับว่าทีมงาน พี่ที่เราไว้ใจ เค้าจะทำกับเราได้ขนาดนี้ เค้าคงวางแผนมาแล้วล่ะ ตั้งแต่ตอนที่ผมไม่ลาออกพร้อมเค้า ทั้งๆ ที่ในที่ประชุมเค้าก็ไม่ได้ลาออกอะไร ตอนนี้ก็เสียดายครับ เรื่องที่ผมทำไว้ให้คอนโด วางแผนวางระบบให้ เช่นทำพร้อมเพย์ เครื่องรูดบัตร ตรากฎระเบียบ สิ่งที่ทำไว้ให้คนอื่นเอาไปซะงั้น
ขอบคุณครับที่อ่านจบ
คนทำงานด้วยกันที่ไว้ใจหักหลัง อ่านเป็นประสบการณ์ ครับ
อีก 1 เดือน พฤษภาคม การประชุมจัดขึ้นโดยกรรมการ การเตรียมงานอย่างทุกรักทุเล แต่งานก็ออกมาดี จนลูกบ้านโหวตให้บริษัทที่ดูแล ออก แล้วมาบริหารกันเอง โดยให้ผมเป็นผู้จัดการ วันต่อมา คุณไก่ ผู้ช่วยที่ผมหามานั้น ดันมาทำงานไม่ได้เพราะติดสัญญาจ้างที่เดิม ผมก็เสียหน้ามาก พี่นิ่ม หนึ่งในกรรมการจึงหาพี่ไม้ มาเป็นผู้ช่วยผมแทน พี่ไม้เป็นกระเทย ก็ทำงานเก่งมากจนผมนับถือ เพราะช่วยแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าให้ได้ดี
จากนั้นก็นัดบริษัทที่เคยดูแลมาคุย ก็มาขู่ว่าให้เขียนเช็คล่วงหน้า สั่งจ่ายประมาณ 7 แสนกว่าบาท แต่ตอนนั้นคอนโดมีเงินแค่ 5 แสน เงินประจำอีก 8 แสนกว่า จากนั้นทำงานพี่นิ่ม จะเป็นคนคอยบงการว่าใครทำอะไรยังไง จนบางทีผมก็ไม่เป็นตัวของตัวเอง รู้สึกไม่ดีมาก เหมือนเราเป็นแค่หมากในเกมส์การเมืองเล็กๆ แห่งหนึง จากนั้นนิติฯของผม ก็ดำเนินการมาเรื่อยๆ จนคอนโดมีเงิน 7 แสน เงินประจำอีก 1 ล้าน ก็ได้ความร่วมมือจากหลายๆ คนครับ เช่นการตามลูกบ้านที่เป็นหนี้ค่าส่วนกลาง 10 กว่าราย ได้เงินคืนมาเกือบทั้งหมด 3 แสน โดยที่บริษัทเดิมให้แต่ชื่อห้อง และยอดหนี้ ผมก็เอาชื่อไปตามหาสิครับ บางคนเป็นอาจารย์ บางคนเป็นตำรวจ บางคนเป็นเจ้าของร้านทอง ผมก็หาไว้ช่วงแรกๆ แต่ไม่ได้สานต่อ พี่นิ่มกับพี่ไม้ สารต่อให้ จนได้ยอดเงินคืนมา
ช่วงเดือนกว่าๆ กรรมการทะเลาะกันเองครับ พี่นิ่ม จึงชวนผมลาออกพร้อมกัน แต่ผมไม่ลาออกครับ ผมว่าผมอยากทำงานต่อ เพราะผมต้องการเงินเดือน อีก 3 เดือน ถ้าจะให้ทำฟรี คงไม่ทำหรอก พอครบ 3 เดือนก็จัดประชุมใหญ่วิสามัญกันอีกครับ รอบนี้ก็สบายขึ้นหน่อย ผมเหนื่อยแค่เตรียมเอกสาร ส่วนเรื่องอื่นๆ มีช่าง กับธุรการที่จ้างมาเพิ่ม ทำงานแทน และในระหว่างนั้นรู้มาว่า ลูกบ้านบางส่วนไม่ชอบการทำงานของพี่ไม้ จึงคิดจะโค่นครับ
จนถึงวันประชุม ก็ราบรื่นดีนะครับ จนถึงเรื่องของผมเอง ผมบอกลูกบ้านตรงๆ ว่าผมอยากทำงานต่อ แต่ขอเงินเดือนด้วย แล้วลูกบ้านก็เสนอคุณแอด ทีมของเค้า แต่เหมือนเค้าจะไม่อยากเป็นครับจึงถอนตัว พี่ไม้จึงเสนอพี่นิ่ม ครับ ผมก็ อึ้งๆ งงๆ อยู่ครับ พี่นิ่มก็ได้พูดหาเสียงไว้เยอะครับ ผมก็ช่วยพูดเสริมบ้างเพราะจะได้ให้คนรู้ว่าเราเป็นทีมเดียวกัน แต่ตอนลูกบ้านโหวต ดันไปเลือกพี่นิ่ม 18 เสียง ผม 12 เสียง ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรนะครับ แต่ก็น้อยใจนะ
เพราะว่าเราทีมเดียวกันไม่น่าจะมาแข่งกันเองเลย จากนั้นลูกบ้านก็โหวตขึ้นเงินเดือน ผจก.นิติฯ จาก 8,000 เป็น 10,000 บาท จากนั้นประเด็นอื่นๆ ผมก็คิดเองทั้งนั้น เช่นตรากฎประจำคอนโดขึ้น 14 ข้อ หลังจากเลิกประชุม พี่นิ่มกับพี่ไม้ มาบอกกับผมว่าที่ให้พี่นุ้ยเป็น ผจก.เพราะว่า พี่นิ่มเอาลูกบ้านหัวหมอที่ดื้อๆ อยู่ พี่นิ่มบอกผมว่า ให้ผมทำงานเหมือนเดิม เดี๋ยวพี่แบ่งเงินเดือนให้ 5,000 บาท ผมก็เงียบๆ คุยกันไปมา บอกว่าให้ 4,000 บาท และบอกด้วยว่าเรื่องจดทะเบียนกรรมการกับผู้จัดการใหม่ที่ สำนักงานที่ดิน จะชะลอให้ช้าๆ หลังจากกลับห้องไป ผมก็คิดว่าผมเคยได้เงินเดือน 8,000 บาท แล้วจะให้ผมทำงานเหมือนเดิม ได้เงินลดลงครึ่งหนึงเนียนะ หักหลังยังไม่พอนะ ยังจะมาให้ไปทำงานด้วยอีกหรอ ผมก็คิดว่า พี่ไม้ กับพี่นิ่ม วางแผนกันก่อนแล้วล่ะ
วันรุ่งขึ้น ผมก็พิมพ์ไปบอกในไลน์กลุ่ม ทีมงานนิติฯ ว่าผมไม่ทำด้วยแล้ว ให้ทำกันเอง และเขียนหนังสือแจ้งการหมดอำนาจหน้าที่ ผจก.ไปยังสำนักงานที่ดินแล้ว ตอนบ่ายผมก็เอาหนังสือไปส่งที่สำนักงานที่ดิน คือถ้าผมไม่ทำหนังสือไปนี่ มีอะไรเกินขึ้นโทษผู้จัดการ ความผิดทางนิตินัย ผมต้องรับเต็มๆ เลย ก็เลยต้องกันตัวเองไว้ก่อน
ไม่คิดเลยครับว่าทีมงาน พี่ที่เราไว้ใจ เค้าจะทำกับเราได้ขนาดนี้ เค้าคงวางแผนมาแล้วล่ะ ตั้งแต่ตอนที่ผมไม่ลาออกพร้อมเค้า ทั้งๆ ที่ในที่ประชุมเค้าก็ไม่ได้ลาออกอะไร ตอนนี้ก็เสียดายครับ เรื่องที่ผมทำไว้ให้คอนโด วางแผนวางระบบให้ เช่นทำพร้อมเพย์ เครื่องรูดบัตร ตรากฎระเบียบ สิ่งที่ทำไว้ให้คนอื่นเอาไปซะงั้น
ขอบคุณครับที่อ่านจบ