ผู้ที่ศรัทธาในศาสนา เชื่อว่าพระเจ้าสร้างสิ่งมีชีวิต แต่ความคิดนี้อาจถูกท้าทายด้วยการมาถึงของCRISPR..
ตั้งแต่โฮโมเซเปียนคนแรกอุบัติขึ้นในโลกเมื่อ200,000ปีที่แล้วในทวีปแอฟริกา การส่งต่อข้อมูลทางพันธุกรรมจากพ่อแม่สู่ลูก เป็นไปตามกฏการคัดสรรตามธรรมชาติตามความเชื่อแบบDarwinism จะเป็นไปได้หรือไม่ที่ในอนาคตการส่งต่อรหัสพันธุกรรมนี้จะเป็นประวัติศาสตร์?
Darwinist เชื่อว่าการกลายพันธุ์เป็นกุญแจในการอยู่รอดของสิ่งมีชีวิต
CRISPR (อ่านว่า คริสเปอร์-CRISPER) หรือ ระบบ CRISPR/CAS-9 นั้นหากอธิบายโดยภาษาที่คนส่วนมากไม่เข้าใจแล้ว มันคือ
“เป็นระบบภูมิคุ้มกันของแบคทีเรียในการกำจัดสายดีเอ็นเอแปลกปลอม ซึ่งมักมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อไวรัส Clustered regularly interspaced short palindromic repeat (CRISPR ออกเสียง “Crisper”) คือลำดับของสายดีเอ็นเอที่มีการแสดงซ้ำๆ ในช่วงจำนวนหนึ่งๆ ของลำดับสายดีเอ็นเอ โดยลำดับของสายดีเอ็นเอนี้จะมีลำดับเบสที่เหมือนกันทั้งการเรียงลำดับไปด้านหน้าและย้อนกลับ (palindromeในแบคทีเรีย ร่วมกับโปรตีน CRISPR-associated (Cas protein) ซึ่งทำหน้าที่เป็นเอนไซม์ (Enzyme) ตัดสายดีเอ็นเอ โปรตีนที่เป็นที่รู้จักกันมากในงานวิจัยตอนนี้ คือ Cas9 เนื่องจากสามารถตัดสายดีเอ็นเอได้ โดยไม่ต้องอาศัยโปรตีนหรือสารอื่นๆ ในกระบวนมากมาย ส่วนสำคัญ 2 ส่วนนี้เรียกรวมๆ ว่า ระบบ CRISPR/Cas9 (CRISPR/Cas9 system) โดยสายดีเอ็นเอที่ถูกตัด หากมีสภาพที่ผิดปกติก็เข้าสู่กระบวนการซ่อมแซมหรือย่อยสลายต่อไปภายในเซลล์”
*ขอขอบคุณข้อมูลจาก เว็บ pharmacy.mahidol.ac.th
แต่ถ้าอธิบายกันแบบภาษาบ้านๆแล้ว มันคือโปรตีนแบบหนึ่งทำงานเหมือน “กรรไกร” ที่ตัด ดัดแปลง และเชื่อมต่อ สายDNA ของสิ่งมีชีวิตได้ ราวกับข้อมูลพันธุกรรมเป็นตัวอักษรในMicrosoft Word ! มันแม่นยำราวกับการกดFind & Replace (Ctrl-F, Ctrl-V)
CRISPR/CAS-9 ไม่ใช่เทคโนโลยีแรกที่ดัดแปลงพันธุกรรมสิ่งมีชีวิตได้ได้ มีวิธีการดัดแปลงพันธุกรรมด้วยเทคนิคต่างๆ ได้ออกจากงานวิจัยมาสู่ห้องแล็บได้จำนวนมาก ผลผลิตที่รู้จักกันดีก็คือพืชGMO แต่ไม่มีเทคนิคใหน(ในปัจจุบัน) ที่ทำได้ง่าย ถูกและเร็วเท่ากับ CRISPR
แน่นอนว่าเช่นเดียวกันกับเทคโนโลยีที่ยังไม่พัฒนาไม่เสถียร มีการทดลองหลายๆครั้งที่ได้ผลไม่เป็นที่น่าพอใจนัก รวมถึงความแม่นยำ แต่นั่นปฏิเสธไม่ได้ว่าCRISPR/CAS-9 เป็นการค้นพบทางวิศวพันธุกรรมที่ใหญ่ที่สุดในรอบหลายปีมานี้
หากว่าเทคนิคCRISPRนี้ถูกพัฒนาจนประสบความสำเร็จ มันจะเปิดโอกาสให้มนุษย์สามารถ “แฮ้ก” ข้อมูลDNAของสิ่งมีชีวิตได้ ซึ่งนั่นนำไปสู่ความเป็นไปได้มากมาย เช่นในด้านดีคือ การรักษาโรคทางพันธุกรรม(ตาบอด มะเร็ง โรคเลือด มะเร็ง โรคสมอง) รักษาHIVได้แบบถอนรากถอนโคน รักษาโรคกล้ามเนื้อตาย และในด้านร้ายคือมีความเสี่ยงที่หากเทคโนโลยีนี้ถูกตกไปอยู่ในมือของผู้ก่อการร้าย โลกเราอาจจะเผชิญกับไวรัส หรือแบคทีเรียที่ดื้อด้านต่อยาปฏิชีวนะทุกตัวในโลกก็เป็นได้
ในเวลาเดียวกัน มันก็เปิดโอกาสให้มนุษย์เล่นบทเป็นพระเจ้าโดยสร้างสิ่งมีชีวิตรูปแบบใหม่ๆขึ้นมาตามที่ตลาดต้องการ หนึ่งในงานวิจัยที่กำลังดำเนินอยู่เช่น การตัดต่อDNAที่ก่อให้เกิดมาลาเรียของยุงลายและสามารถทำให้เป็นยีนเด่น หรือการสร้างหมูที่มีอวัยวะภายในเหมือนมนุษย์เพื่อนำไปใช้เป็นอวัยวะอะไหล่
สิ่งที่เป็นที่ถกเถียงกันอย่างกว้างขวางคือ สมควรหรือไม่ที่จะใช้เทคโนโลยีนี้กับมนุษย์? และมีขอบเขตทางจริยธรรมแค่ใหน?
ถึงเวลาหนึ่งในอนาคต เราอาจเห็นธุรกิจใหม่ที่รับออกแบบ “Desiger Babies” หรือเด็กที่ถูกออกแบบDNAให้ปราศจากโรคทั้งปวง มีสมองโต มีภูมิคุ้มกันสูง รวมถึงออกแบบสิ่งภายนอกเช่นหน้าตาหล่อ/สวย สูง ผมทอง ตาฟ้า สุดแล้วแต่ผู้ว่าจ้าง จะนำมาถึงคำถามที่ว่า เรามีสิทธิ์ออกแบบมนุษย์ผู้อื่นหรือไม่? และจะนำมาซึ่งความขัดใจกับคนส่วนมากที่นับถือศาสนา และนักชีววิทยาแนว Darwinist เป็นข้อถกเถียงทางปรัชญาที่จะดำเนินต่อไปอีกหลายสิบปี หรือจนกว่าเทคโนโลยีนี้จะถูกรองรับด้วยกฏหมาย
บทความจาก:
https://www.facebook.com/caffeineclubTH/
http://caffeineblog.co/2017/09/07/crispr-ถึงเวลาที่มนุษย์จะเล่/
CRISPR: ถึงเวลาที่มนุษย์จะเล่นบทพระเจ้า?
ผู้ที่ศรัทธาในศาสนา เชื่อว่าพระเจ้าสร้างสิ่งมีชีวิต แต่ความคิดนี้อาจถูกท้าทายด้วยการมาถึงของCRISPR..
ตั้งแต่โฮโมเซเปียนคนแรกอุบัติขึ้นในโลกเมื่อ200,000ปีที่แล้วในทวีปแอฟริกา การส่งต่อข้อมูลทางพันธุกรรมจากพ่อแม่สู่ลูก เป็นไปตามกฏการคัดสรรตามธรรมชาติตามความเชื่อแบบDarwinism จะเป็นไปได้หรือไม่ที่ในอนาคตการส่งต่อรหัสพันธุกรรมนี้จะเป็นประวัติศาสตร์?
Darwinist เชื่อว่าการกลายพันธุ์เป็นกุญแจในการอยู่รอดของสิ่งมีชีวิต
CRISPR (อ่านว่า คริสเปอร์-CRISPER) หรือ ระบบ CRISPR/CAS-9 นั้นหากอธิบายโดยภาษาที่คนส่วนมากไม่เข้าใจแล้ว มันคือ
“เป็นระบบภูมิคุ้มกันของแบคทีเรียในการกำจัดสายดีเอ็นเอแปลกปลอม ซึ่งมักมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อไวรัส Clustered regularly interspaced short palindromic repeat (CRISPR ออกเสียง “Crisper”) คือลำดับของสายดีเอ็นเอที่มีการแสดงซ้ำๆ ในช่วงจำนวนหนึ่งๆ ของลำดับสายดีเอ็นเอ โดยลำดับของสายดีเอ็นเอนี้จะมีลำดับเบสที่เหมือนกันทั้งการเรียงลำดับไปด้านหน้าและย้อนกลับ (palindromeในแบคทีเรีย ร่วมกับโปรตีน CRISPR-associated (Cas protein) ซึ่งทำหน้าที่เป็นเอนไซม์ (Enzyme) ตัดสายดีเอ็นเอ โปรตีนที่เป็นที่รู้จักกันมากในงานวิจัยตอนนี้ คือ Cas9 เนื่องจากสามารถตัดสายดีเอ็นเอได้ โดยไม่ต้องอาศัยโปรตีนหรือสารอื่นๆ ในกระบวนมากมาย ส่วนสำคัญ 2 ส่วนนี้เรียกรวมๆ ว่า ระบบ CRISPR/Cas9 (CRISPR/Cas9 system) โดยสายดีเอ็นเอที่ถูกตัด หากมีสภาพที่ผิดปกติก็เข้าสู่กระบวนการซ่อมแซมหรือย่อยสลายต่อไปภายในเซลล์”
*ขอขอบคุณข้อมูลจาก เว็บ pharmacy.mahidol.ac.th
แต่ถ้าอธิบายกันแบบภาษาบ้านๆแล้ว มันคือโปรตีนแบบหนึ่งทำงานเหมือน “กรรไกร” ที่ตัด ดัดแปลง และเชื่อมต่อ สายDNA ของสิ่งมีชีวิตได้ ราวกับข้อมูลพันธุกรรมเป็นตัวอักษรในMicrosoft Word ! มันแม่นยำราวกับการกดFind & Replace (Ctrl-F, Ctrl-V)
CRISPR/CAS-9 ไม่ใช่เทคโนโลยีแรกที่ดัดแปลงพันธุกรรมสิ่งมีชีวิตได้ได้ มีวิธีการดัดแปลงพันธุกรรมด้วยเทคนิคต่างๆ ได้ออกจากงานวิจัยมาสู่ห้องแล็บได้จำนวนมาก ผลผลิตที่รู้จักกันดีก็คือพืชGMO แต่ไม่มีเทคนิคใหน(ในปัจจุบัน) ที่ทำได้ง่าย ถูกและเร็วเท่ากับ CRISPR
แน่นอนว่าเช่นเดียวกันกับเทคโนโลยีที่ยังไม่พัฒนาไม่เสถียร มีการทดลองหลายๆครั้งที่ได้ผลไม่เป็นที่น่าพอใจนัก รวมถึงความแม่นยำ แต่นั่นปฏิเสธไม่ได้ว่าCRISPR/CAS-9 เป็นการค้นพบทางวิศวพันธุกรรมที่ใหญ่ที่สุดในรอบหลายปีมานี้
หากว่าเทคนิคCRISPRนี้ถูกพัฒนาจนประสบความสำเร็จ มันจะเปิดโอกาสให้มนุษย์สามารถ “แฮ้ก” ข้อมูลDNAของสิ่งมีชีวิตได้ ซึ่งนั่นนำไปสู่ความเป็นไปได้มากมาย เช่นในด้านดีคือ การรักษาโรคทางพันธุกรรม(ตาบอด มะเร็ง โรคเลือด มะเร็ง โรคสมอง) รักษาHIVได้แบบถอนรากถอนโคน รักษาโรคกล้ามเนื้อตาย และในด้านร้ายคือมีความเสี่ยงที่หากเทคโนโลยีนี้ถูกตกไปอยู่ในมือของผู้ก่อการร้าย โลกเราอาจจะเผชิญกับไวรัส หรือแบคทีเรียที่ดื้อด้านต่อยาปฏิชีวนะทุกตัวในโลกก็เป็นได้
ในเวลาเดียวกัน มันก็เปิดโอกาสให้มนุษย์เล่นบทเป็นพระเจ้าโดยสร้างสิ่งมีชีวิตรูปแบบใหม่ๆขึ้นมาตามที่ตลาดต้องการ หนึ่งในงานวิจัยที่กำลังดำเนินอยู่เช่น การตัดต่อDNAที่ก่อให้เกิดมาลาเรียของยุงลายและสามารถทำให้เป็นยีนเด่น หรือการสร้างหมูที่มีอวัยวะภายในเหมือนมนุษย์เพื่อนำไปใช้เป็นอวัยวะอะไหล่
สิ่งที่เป็นที่ถกเถียงกันอย่างกว้างขวางคือ สมควรหรือไม่ที่จะใช้เทคโนโลยีนี้กับมนุษย์? และมีขอบเขตทางจริยธรรมแค่ใหน?
ถึงเวลาหนึ่งในอนาคต เราอาจเห็นธุรกิจใหม่ที่รับออกแบบ “Desiger Babies” หรือเด็กที่ถูกออกแบบDNAให้ปราศจากโรคทั้งปวง มีสมองโต มีภูมิคุ้มกันสูง รวมถึงออกแบบสิ่งภายนอกเช่นหน้าตาหล่อ/สวย สูง ผมทอง ตาฟ้า สุดแล้วแต่ผู้ว่าจ้าง จะนำมาถึงคำถามที่ว่า เรามีสิทธิ์ออกแบบมนุษย์ผู้อื่นหรือไม่? และจะนำมาซึ่งความขัดใจกับคนส่วนมากที่นับถือศาสนา และนักชีววิทยาแนว Darwinist เป็นข้อถกเถียงทางปรัชญาที่จะดำเนินต่อไปอีกหลายสิบปี หรือจนกว่าเทคโนโลยีนี้จะถูกรองรับด้วยกฏหมาย
บทความจาก:
https://www.facebook.com/caffeineclubTH/
http://caffeineblog.co/2017/09/07/crispr-ถึงเวลาที่มนุษย์จะเล่/